
ETF คืออะไร ต่างจากหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร
ลงทุนแบบไม่ต้องปวดหัวบริหารจัดการ แถมค่าใช้จ่ายยังต่ำ ทำได้ง่าย ๆ เหมือนหุ้น แต่ให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนรวมด้วย ETF ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในหนึ่งเครื่องมือการลงทุนระยะยาว
การลงทุนที่ดี คือการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย มีการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ หรือกิจการต่าง ๆ ในหมวดอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการขาดทุนตามแต่ละช่วงเวลา
การซื้อหุ้นหลาย ๆ หุ้น หลาย ๆ อุตวาหกรรมอาจเป็นงานยาก หากต้องมานั่งดูงบการเงิน หรือตรวจสอบข้อมูลอะไรต่อมิอะไร หนึ่งในการแก้ไขปัญหานั้นคือ การลงทุนใน ETF (Exchange Trade Fund) หรือกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน ซึ่ง ETF จัดเป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ETF คล้ายกับกองทุนรวมตรงที่ลงทุนในตะกร้าหลักทรัพย์ แต่แตกต่างกันตรงที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับหุ้นรายตัว ในขณะที่มีการเฉลี่ยสัดส่วนการลงทุนคล้ายกับกองทุนรวม ETF จึงเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนมองหาวิธีกระจายพอร์ตการลงทุนและเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ
ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า ETF คืออะไร มีความแตกต่างจากหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร รวมถึงรายชื่อ ETF ของไทย และวิธีการลงทุนในสินทรัพย์รอบโลกผ่าน ETF และประโยชน์และความเสี่ยงของการลงทุนใน ETF กัน
กองทุน ETF คืออะไร
ETF คือกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange Trade Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ติดตามสินทรัพย์อ้างอิง ดัชนี หรือตะกร้าสินทรัพย์ คุณสามารถซื้อขาย ETF ได้ง่าย ๆ ในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับการซื้อหุ้นโดยทั่วไป เรามักจะเรียกกันสั้น ๆ ตามชื่อย่อว่า ‘ETF’ โดยไม่ต้องมีคำว่า ‘กองทุนรวม’ ก็เข้าใจกันได้ไม่ยาก
จุดเด่นที่สำคัญของ ETF คือการเปิดประตูสู่การได้สัมผัสกับสินทรัพย์ที่หลากหลายในการลงทุนครั้งเดียว เช่น นักลงทุนสามารถซื้อ ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสได้รับหุ้นที่แตกต่างกัน ในดัชนีนั้นในการลงทุนครั้งเดียว โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินหลายดอลลาร์
ข้อแตกต่างที่สำคัญ ที่ทำให้กองทุนรวมมีความแตกต่างจาก ETF คือ การที่ค่าธรรมเนียมของ ETF นั้นจะต่ำกว่ากองทุนรวมมาก เนื่องด้วยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนอิงตามดัชนีชี้วัด (Passive Investment) ซึ่งแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องปรับตัวดูขาวสารให้วุ่นวายเหมือนกับกองทุนรวม ที่บางกองทุนเป็นการลงทุนโดยมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Investment)
ด้วยความที่ค่าธรรมเนียมของ ETF นั้นต่ำกว่า เมื่อเทียบกับกองทุนรวม ซึ่งจะช่วยเพิ่มสัดส่วนของผลตอบแทนให้มากขึ้นได้ จึงทำให้ ETF เป็นวิธีที่คุ้มค่ากว่าในการลงทุนระยะยาวหรือแม้แต่การพักเงินระยะสั้น ๆ และเนื่องจาก ETF ซื้อขายตามเวลาตลาดหุ้น จึงสามารถซื้อและขายได้ตลอดทั้งวัน ทำให้นักลงทุนมีความยืดหยุ่นมากกว่าการลงทุนในกองทุนรวม ที่จะอิงราคาเดียวตอนสิ้นวันทำการตลาดหุ้น (ราคา NAV)
ปัจจุบัน พ.ศ. 2566 มีกองทุน ETF ที่จดทะเบียนในประเทศไทยกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 12 กองทุน เปิดทำการซื้อขายในราคาเรียลไทม์ตามเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่นเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นและสินทรัพย์ทางการลงทุนอื่น ๆ
1DIV
ABFTH
BMSCG
BMSCITH
BSET100
CHINA
EBANK
ENGY
ENY
GLD
TDEX
UBOT
UHERO
บางท่านอาจเข้าใจผิดว่า ETF นั้นคือหุ้น แต่ที่จริงล้ว ETF ไม่ใช่หุ้น หากแต่เป็นรูปแบบหนึ่งของกองทุนรวม ที่สามารถซื้อขายได้บนกระดานเทรดเช่นเดียวกับหุ้น ซึ่งหากคุณค้นหารายชื่อ ETF ข้างต้นในแอปพลิเคชั่น Streaming ในเวลาทำการของตลาดหุ้นไทย คุณจะพบการเคลื่อนไหวของราคาเช่นเดียวกับหุ้นทั่วไป
กองทุนรวมกับ ETF ต่างกันอย่างไร
ในย่อหน้าก่อน เราพอได้ทราบคร่าว ๆ แล้วว่า ความแตกต่างที่สำคัญ ๆ ของกองทุนรวมกับ ETF คือเรื่องของค่าธรรมเนียมที่ ETF จะถูกกว่ามาก ซึ่งจะสร้างความสามารถของผลตอบแทนต่อนักลงทุนได้
1. ETF มีความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุนรวม
คุณสามารถซื้อและขาย ETF ได้ตลอดทั้งวันเช่นเดียวกับหุ้นบนกระดานเทรด ขณะที่การซื้อขายกองทุนรวมจะจำกัดจนถึงสิ้นวันหลังประกาศราคา NAV
2. ETF มีแนวโน้มที่จะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวม
นโยบายการลงทุนของ ETF คือการทำงานโดยมุ่งหวังผลประกอบการที่อิงกับดัชนีอ้างอิง เช่น 1DIV จะอ้างอิงผลตอบแทนของหุ้นไทย 30 ตัวแรกในดัชนี SETHD ซึ่งเป็นดััชนีชี้วัด 30 หุ้นแรกที่จ่ายปันผลดี หรือ GLD ที่มุ่งหวังการเคลื่อนไหวให้ใกล้เคียงกับกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสวิสเซอร์แลนด์
3. ETF อาจมีความผันผวนมากกว่ากองทุนรวม
เนื่องจากการที่ ETF ซื้อขายในกระดานเทรด ดังนั้นราคาของพวกมันจึงสามารถผันผวนได้ตลอดทั้งวัน ในทางกลับกัน กองทุนรวมจะไม่มีการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนและราคาของกองทุนจะเปลี่ยนแปลงเพียงวันละครั้งเท่านั้น
4. ไม่มีการจัดการพอร์ตอย่างขันแข็ง
สิ่งนี้แตกต่างจากหุ้นและกองทุนรวม กล่าวคือ ETF ไม่ได้รับการจัดการอย่างแข็งขันโดยผู้จัดการกองทุน แต่มีการจัดการแบบ Passive แทน ซึ่งหมายความว่าติดตามดัชนีอ้างอิง ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายโดยไม่ต้องค้นคว้าและเลือกหุ้นหรือกองทุนเป็นรายตัว
ต่อมา ลองมาดูจุดร่วมของ ETF และกองทุนรวมกันดูบ้าง
5. ETF แบบ Passive กับ Active
มี ETF พื้นฐานสองประเภท ETF แบบพาสซีฟ (หรือที่เรียกว่ากองทุนดัชนี) เพียงแค่ติดตามดัชนีหุ้น เช่น S&P 500 กองทุน ETF ที่ใช้งานอยู่จะจ้างผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอเพื่อลงทุนเงินของพวกเขา ประเด็นสำคัญคือ ETF แบบพาสซีฟต้องการจับคู่ประสิทธิภาพของดัชนี ETF ที่ใช้งานอยู่ต้องการเอาชนะประสิทธิภาพของดัชนี
สิ่งนี้ก็สามารถหาได้ในเงื่อนไขของกองทุนรวม ที่ระบุอยู่บน Fund Fact Sheet ซึ่งไม่ว่าจะกองทุนรวมหรือ ETF ถ้าใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Active ก็จะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า เพราะต้องจายเป็นค่าจ้างให้ทีมผู็บริหารกองทุน ที่ได้ทำงานบริหารพอร์ตลงทุนของเรานั่นเอง
6. อัตราส่วนค่าใช้จ่าย
ETF เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือที่เรียกว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย คุณจะเห็นอัตราส่วนค่าใช้จ่ายแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี เช่น อัตราส่วนค่าใช้จ่าย 1% หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 10 บาทสำหรับการลงทุนทุก ๆ 1,000 บาท (โดยความเป็นจริงคือ หักจากยอดคงเหลือเงินลงทุน ณ วันที่ใช้คิดค่าธรรมเนียม) ทุกอย่างเท่าเทียมกัน อัตราส่วนค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าจะช่วยให้คุณประหยัดเงิน
7.เงินปันผลหรือดอกเบี้ยทบต้น
ไม่ว่าจะกองทุนรวมหรือ ETF ก็มีนโยบายจายและไม่จ่ายปันผล ที่จะระบุบน Fund Facr Sheet ให้นักลงทุนทราบก่อนซื้อ หากคุณลงทุนในกองทุนรวมหรือ ETF ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เงินปันผลนั้นก็จะต้องถูกนำไปคำนวณภาษีเงินได้ด้วย ดังนั้น หากไม่อยากเพิ่มรายจ่ายตรงนี้ ก็อาจไปพิจารณากองทุนที่มีโนยบายไม่จ่ายปันผลแทน
เริ่มลงทุน ETF อย่างไร
เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นลงทุนคือ ‘ตอนนี้’ อย่ารอเวลา เพราะเวลาไม่เคยรอใคร
เริ่มต้นลงทุนใน ETF ด้วยการเลือกลงทุนใน ETF ที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่คุณมีความสนใจหือมีความเข้าใจ ค่อย ๆ เรียนรู้กลไกการเทรดบนกระดานเทรด เรียนรู้วิธีการซื้อขาย และการทำงานของ ETF ในแง่ที่ทั้งเหมือนและต่างจากหุ้นและกองทุนรวมทั่วไป
มี ETF ที่แตกต่างกันมากมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำวิจัยก่อนที่จะลงทุน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการเริ่มลงทุนใน ETF
ขั้นแรก คุณต้องทำการค้นคว้าเพื่อหา ETF ที่เหมาะกับคุณ มี ETF หลายพันรายการ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องค้นหากองทุนที่ติดตามดัชนีหรืออุตสาหกรรมที่คุณสนใจ เมื่อพบ ETF ที่ตรงใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์หุ้น ปัจจุบันมีโบรกเกอร์ออนไลน์หลายแห่งเสนอการซื้อขาย ETF โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่น ดังนั้นโปรดเปรียบเทียบตัวเลือกก่อนตัดสินใจ
เมื่อบัญชีเปิดและได้รับเงินทุนแล้ว คุณก็พร้อมที่จะเริ่มซื้อและขาย ETF! เพียงลงชื่อเข้าใช้บัญชีและวางคำสั่งซื้อโดยใช้สัญลักษณ์ย่อสำหรับ ETF ที่คุณต้องการซื้อ มันง่ายมาก! ดังนั้นสิ่งที่คุณรอ
เริ่มค้นคว้า ETF วันนี้และเริ่มขั้นตอนแรกในการสร้างพอร์ตการลงทุน
การเปิดบัญชีกับ Top1 Markets และเริ่มลงทุนใน ETF เป็นขั้นตอนง่าย ๆ และเรามีข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อเริ่มต้น สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เราขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยฐานความรู้ของเรา
ลงทุน ETF ต่างประเทศอย่างไร
มี ETF มากมายในตลาดการลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากเป็นที่นิยมด้วยข้อดีที่สำคัญหลายประการดังที่ได้กล่าวข้างต้น ดังนั้น การขยายโอกาสความมั่งคั่งในระยะยาวและผลกำไรระยะสั้น
ตัดสินใจว่าคุณต้องการลงทุนในอะไร มี ETF ที่ติดตามสินทรัพย์หรือดัชนีตลาดแทบทุกประเภท ดังนั้น ตัดสินใจว่าคุณต้องการลงทุนในอะไร ไม่ว่าจะเป็นหุ้นสหรัฐฯ หุ้นต่างประเทศ พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ หรืออย่างอื่นทั้งหมด
ศึกษา ETF ต่าง ๆ ที่มีอยู่ เมื่อคุณทราบประเภทสินทรัพย์ที่คุณต้องการลงทุนแล้ว ให้ศึกษา ETF ต่าง ๆ ที่ติดตามประเภทสินทรัพย์นั้น พิจารณาสิ่งต่างๆ เช่น อัตราส่วนค่าใช้จ่าย ข้อผิดพลาดในการติดตาม และสภาพคล่อง เมื่อเลือก ETF
เลือกใช้บริการโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ที่เสนอการซื้อขายแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น มีการสนับสนุนลูกค้า และมีความน่าเชื่อถือ เมื่อคุณเพิ่งเริ่มต้น เงินทุกบาททุกสตางค์มีค่า ดังนั้นให้มองหาโบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ที่เสนอการซื้อขายแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือได้รับในสิ่งที่คุ้มค่ากลับคืนมา
เมื่อคุณมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ ETF แล้ว คุณสามารถเปิดบัญชีซื้อขายกับ Top1 Markets ได้ เรามีประเภทบัญชีที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการส่วนบุคคล และทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอน ในการเริ่มต้น เพียงทดลองกับบัญชีเสมือน เพื่อเรียนรู้กลไกการเทรด ETF รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ด้วยเงินเสมือน เมื่อมีความชำนาญล้วก็สามารถใช้บัญชีเทรดแลฝากเงินบาทเข้าบัญชี เพียงเท่านี้ก็สามารถเป็นเจ้าของ ETF ดี ๆ รอบโลกได้ในพอร์ตการลงทุนเดียว!
บทส่งท้าย
ETF คือการลงทุนที่สามารถให้ประโยชน์แก่คุณได้ทั้งหุ้นและกองทุนรวม ETF มีการซื้อขายในกระดานเทรดเช่นเดียวกับหุ้น แต่ประกอบด้วยตะกร้าของสินทรัพย์ชนิดต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้มีความหลากหลายมากกว่าหุ้นรายตัวและช่วยลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ ETF มีแนวโน้มที่จะมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวม หากคุณกำลังมองหาการลงทุนที่ให้ข้อดีทั้งหมดเหล่านี้ การลงทุนในกองทุนรวม ETF อาจเหมาะกับคุณ
บทความที่กำลังมาแรง
- “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก
"ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "
2025-01-10
TOPONE Markets Analyst - 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น
อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท
2024-07-03
TOPONE Markets Analyst - 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด
ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน
2024-06-07
TOPONE Markets Analyst - Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง
ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์
2024-03-01
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!