NAV คืออะไร ราคาสำคัญของการซื้อกองทุนรวม

NAV เป็นตัวย่อของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ซึ่งเป็นราคาของกองทุนรวมหรือหุ้น ETF ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง คำนวณโดยการหารสินทรัพย์รวมในกองทุนด้วยจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว NAV สามารถแสดงเป็นจำนวนเงินดอลลาร์ต่อหุ้นหรือเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้นปัจจุบัน

ในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดของราคา NAV กัน เพื่อให้เข้าใจว่าราคา NAV มีความสำคัญต่อการลงทุนในกองทุนรวม หรือกองทุน ETF อย่างไรบ้าง

Net Asset Value (NAV) คืออะไร

ในกองทุนรวม ราคาที่แสดงถึง “สินทรัพย์สุทธิ” หรือ Net Asset Value” (NAV) หมายถึง มูลค่าสุทธิของสินทรัพย์ของกองทุนรวมที่ลงทุนหักด้วยหนี้สิน หารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ส่วนใหญ่ใช้ในบริบทของกองทุนรวมหรือกองทุน ETF

ค่า NAV คือราคาที่มีการซื้อขายหุ้นของกองทุนที่จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

คุณสามารถตรวจสอบราคา NAV ประจำวันได้จากหน้าเว็บไซต์ของ บ.ล.จ. ซึ่งโดยส่วนมากจะประกาศประมาณหลังเวลา 15:00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดทำการของกองทุนรวม

ยกตัวอย่างราคา NAV ประจำวันของ KTAM ข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 คุณสามารถตรวจสอบราคา NAV ประจำวันของ บ.ล.จ. KTAM ได้จากเว็บไซต์ทางการของ KTAM และดูที่คอลัมน์ “มูลค่าหน่วยลงทุน”

ที่มาภาพ: ราคา NAV บ.ล.จ. KTAM

อีกตัวอย่างของค่า NAV ของ SCBAM ข้อมูลมูลค่าหน่วยลงทุนประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565

ที่มาภาพ: มูลค่า NAV ของ SCBAM

มูลค่าการลงทุนคืออะไร

สำหรับบริษัทและองค์กรธุรกิจ ความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเรียกว่าสินทรัพย์สุทธิหรือมูลค่าสุทธิหรือทุนของบริษัท คำว่า NAV ใช้กับการประเมินมูลค่ากองทุนและการกำหนดราคา ซึ่งได้มาโดยการหารส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินด้วยจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ลงทุน

NAV ของกองทุนแสดงมูลค่า "ต่อหุ้น" ของกองทุน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ในการประเมินมูลค่าและซื้อขายหุ้นของกองทุน

วิธีคำนวณราคา NAV

สมมติว่ากองทุนรวมมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 100 ล้านดอลลาร์ในหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งคำนวณจากราคาปิดของแต่ละสินทรัพย์ในแต่ละวัน

นอกจากนี้ยังมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดมูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ และลูกหนี้รวม 4 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ค้างรับสำหรับวันนี้คือ 75,000 ดอลลาร์ กองทุนมีหนี้สินระยะสั้น 13 ล้านดอลลาร์และหนี้สินระยะยาว 2 ล้านดอลลาร์

ค่าใช้จ่ายค้างจ่ายสำหรับวันนั้นคือ 10,000 ดอลลาร์ กองทุนมียอดคงค้าง 5 ล้านหุ้น เมื่อใช้สูตรข้างต้น ค่า NAV จะถูกคำนวณดังนี้:

NAV = [($100,000,000 + $7,000,000 + $4,000,000 + $75,000) - ($13,000,000 + $2,000,000 + $10,000)] / 5,000,000 = ($111,075,000 - $15,010,000) / 5,000,000 = $19.21

สำหรับวันที่กำหนด หุ้นของกองทุนรวมจะมีการซื้อขายที่ $19.21 ต่อหุ้น

ซื้อกองทุนรวมที่ราคา NAV

เมื่อคุณซื้อกองทุนรวม คุณกำลังซื้อในตะกร้าหลักทรัพย์ที่ผู้จัดการกองทุนได้เลือกไว้ ราคาที่คุณจ่ายให้กับกองทุนคือราคา NAV ซึ่งคำนวณโดยนำมูลค่ารวมของหลักทรัพย์ในกองทุนมาหารด้วยจำนวนหุ้นที่คงค้างอยู่ โดยราคา NAV สามารถใช้วัดผลการดำเนินงานของกองทุนได้ ล่วงเวลา. นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการเปรียบเทียบกองทุนต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น หากกองทุนสองกองทุนมีวัตถุประสงค์และกลยุทธ์การลงทุนที่คล้ายคลึงกัน แต่กองทุนหนึ่งมีราคา NAV ที่ 10 บาท และอีกกองทุนหนึ่งราคา NAV ที่ 20 บาท กองทุนแรกมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่ามากกว่าในอนาคตด้วยต้นทุนการลงทุนที่ถูกกว่า

ตัวอย่างราคา NAV ของกองทุน

ที่มาภาพ: กองทุนรวม KSFRMF

ราคา NAV รวมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของกองทุน ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงหรือเรื่องน่าประหลาดใจใดๆ ทั้งสิ้น หากคุณกำลังคิดที่จะลงทุนในกองทุนรวม การซื้อ ราคา NAV เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น เพียงให้แน่ใจว่าได้ทำการวิจัยและเลือกกองทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

กองทุนรวมมีอะไรบ้าง ซื้อกองทุนไหนดี ซื้อที่ไหนได้บ้าง

อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตของการลงทุนกองทุนรวมคือ ฉันควรจะซื้อกองทุนไหนดี…

การเลือกซื้อกองทุน ไม่ควรดูเพียงราคา NAV ว่าใครถูกกว่า ใครแพงกว่า แต่ควรพิจารณาจากเป้าหมายการลงทุนส่วนบุคคลด้วย กองทุนรวมมีหลากหลายประเภทตามชนิดสินทรัพย์ เป้าหมายการลงทุน ลักษณะการลงทุน ค่าธรรมเนียม และรูปแบบของกองทุน เป็นต้น

กองทุนรวมจำแนกตามชนิดสินทรัพย์

ดังที่ทราบว่า สินค้าการลงทุนมีมากหมายหลายประเภท ตั้งแต่เงินฝากธนาคารที่มีระดับความเสี่ยงของกองทุนต่ำที่สุดที่ระดับ 1 ไปจนถึงกองทุนที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมสูงที่สุดที่ระดับ 8

ไม่สามารถระบุได้ว่า กองทุนไหนดีที่สุด คุณต้องพิจารณาถึงชนิดของสินทรัพย์ที่กองทุนมีนโยบายลงทุน ว่าเข้ากับเป้าหมายทางการเงินของคุณหรือไม่ก่อนตัดสินใจลงทุน

กองทุนรวมตามเป้าหมายการลงทุน

สามารถจำแนกกองทุนรวมได้แยกย่อยอีก ดังนี้

จำแนกตามอายุของกองทุนรวม

1. กองทุนรวมแบบปิด

กองทุนรวมแบบปิด คือกองทุนรวมที่กำหนดอายุของโครงการ เช่น อายุ 5 ปี 7 ปี หรือตามแต่ที่กองทุนนั้น ๆ กำหนดขึ้น ระหว่างอายุกองทุน สามารถซื้อเพิ่มได้ แต่ขายออกก่อนครบเวลาไม่ได้ เมื่อครบเวลา ผู้ลงทุนจะได้รับการปันส่วนค่าขาย ซึ่งอาจกว่า หรือน้อยกว่าที่ซื้อก็ได้

2. กองทุนรวมแบบเปิด

กองทุนรวมแบบเปิด คือกองทุนไม่กำหนดอายุของโครงการ คุณสามารถเข้าซื้อ หรือขายออกเมื่อไร จำนวนเท่าไรก็ได้ตามความต้องการ กองทุนแบบเปิดมีความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุนรวมแบบปิด ในยามที่ราคาดี คุณสามารถขายทำกำไร ในยามที่ราคาตก คุณสามารถซื้อเพิ่มได้

จำแนกตามรูปแบบของกองทุนรวม

1. กองทุนรวมทั่วไป

กองทุนรวมทั่วไป เป็นกองทุนรวมเพื่อวัตถุประสงค์ทางการลงทุนเพียงอย่างเดียว ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากได้รับปันผล ก็ต้องเสียภาษีเงินได้ 10% หรือเลือกนำไปคำนวรพร้อมกับภาาีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี หากแต่ขายทำกำไร กำไรจากส่วนต่างหรือ Capital Gain นั้น ไม่ต้องเสียภาษี

ในหมวดหมู่กองทุนรวมทั่วไป ยังสามารถจำแนกเป็น กองทุนรวมดัชนี กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน เป็นต้น ได้อีก 

2. กองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี

หนึ่งวิธีการประหยัดภาษีสำหรับผู้มีเงินได้คือการเลือกซื้อกองทุนรยวม ในปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนรวม 2 แบบที่สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ คือกองทุนรวม SSF และกองทุนรวม RMF 

อย่างไรก็ตาม คุณอาจสังเหตเห็นว่า กองทุนรวมที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ ยังอาจเป็นกองทุนรวมดัชนี หรือกองทุนตราสารหนี้ ได้เช่นเดียวกันกับกองทุนรวมแบบทั่วไปได้เช่นกัน

หากคุณต้องการทราบว่า กองทุนรวมที่สนใจจัดอยู่ในประเภทไหนของกองทุนรวม สามารถตรวจสอบได้จากหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (Fund Fact Sheet) ได้ ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

ที่มาภาพ: กองทุนรวม SCBENERGY ของ SABAM

กระนั้น บ.ล.จ. แต่ละแห่ง อาจใช้ข้อความหรือถ้อยคำที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย หากแต่เป้นกองทุนรวมที่มีอยู่ในประเทศไทยเวลานี้ จะใช้รูปแบบของ Fund Fact Sheet ดังภาพข้างต้นเหมือนกัน

กองทุนรวมจำแนกตามลักษณะการลงทุน

ลักษระการลงทุนของกองทุนรวม หมายถึง ประเทศหรือตลาดที่กองทุนรวมไปลงทุน มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ หรือเป็นกองทุนรวมที่อ้างอิงการดำเนินการชองดัชนีตลาดหุ้น

กองทุนรวมที่อ้างอิงการดำเนินการตามดัชนีตลาดหุ้น หรือทีเ่รียกว่า Passive Fund มักมีค่าธรรมเนียมโดยรวมที่ถูกกว่ากองทุนรวมแบบ Active Fund เนื่องจากกองทุนแบบ Passive Fund ไม่ต้องใช้แรงงานของผู้จัดการกองทุนคอยบริหารความเสี่ยงหรือปรับแผนการลงทุนไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงสภาวะตลาด ในทางตรงกันข้าม จะเป็นการติดตามผลการดำเนินการของตลาดในภาพรวมเสียมากกว่า

ในภาพด้านล่าง คือหนังสือชี้ชวนของ SCBAM ที่คุณสามารถตรวจสอบว่ากองทุนนั้น ๆ มีลักษณะการลงทุนอย่างไร เมื่อเปิด Fund Fact Sheet ขึ้นมา ให้มองหาหัวข้อ “นโยบายและกลยุทธ์การลงทุน”

ที่มาภาพ: หนังสือชี้ชวนกองทุนรวม SCBENERGY จาก SCBAM

ค่าธรรมเนียม ต้นทุนสำคัญของการลงทุนกองทุน

หลายคนมองหากองทุนที่น่าลงทุนเพียงดูราคา NAV ประจำวัน หรือปัจจัยอื่น ๆ แต่ละลเยถึงค่าธรรมเนียมที่กองทุนรวมเรียกเก็บไป สามารถจำแนกค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมได้ ดังนี้

1. ค่าจัดการ

2. ค่าธรรมเนียมการขาย

3. ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน

4. ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้า

5. ค่าธรรมเนียมการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก

6. ค่าธรรมเนียมการโอนหน่วย

   
   

แต่ละกองทุน แต่ละช่วงเวลา อาจมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการเรียกเก็บที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือยกเว้นการจัดเก็บออกไปก็ได้ คุณต้องตรวจสอบค่าธรรมเนียมเหล่านี้ร่วมกับการพิจารณาราคา NAV ทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ ขาย หรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน

ทราบดังนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะไปเปิดพอร์ตลงทุนกองทุนรวมกันเสียที โดยเริ่มจาก บ.ล.จ. สองแห่งที่เราได้ยกตัวอย่างข้อมูลมาข้างต้นคือ KTAM ของธนาคารกรุงไทย และ SCBAM ของธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อเปิดบัญีและดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นซื้อขายกองทุนรวมได้ทันที

NAV กองทุนรวม คือ ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อกองทุนรวมร่วมกับการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาทั้งหมด การทำความเข้าใจว่า NAV คืออะไรและทำงานอย่างไร คุณจึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับข้อเสนอการลงทุนในกองทุนรวมที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะกองทุนรวมเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณ และใช้เงินของคุณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นอย่าลืมนึกถึง NAV เมื่อตัดสินใจ