Capital Gain ผลตอบแทนการลงทุนที่ไม่ต้องแบ่งไปจ่ายภาษี

ในการลงทุน นักลงทุนย่อมคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนกลับมา ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุน ก็สามารถจำแนกได้สองประเภทใหญ่ ๆ คือ เงินปันผล (Divident) และกำไรจากส่วนต่างราคา หรือ Captial Gain ที่เราจะมาพูดถึงในรายละเอียดกันในบทความนี้

Capital Gain หมายถึงอะไร

ในเรื่องของการเงิน การลงทุน คำว่า Capital Gain คือการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ประเภททุน เช่น หุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ กำไรจะเกิดขึ้นเมื่อมีการขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อเดิม  กล่าวอย่างง่าย คำว่ากำไรจากส่วนต่างราคาหรือ Capital Gain เกิดจาก การซื้อถูก ขายแพง นั่นเอง

ในบางประเทศ โดยปกติแล้วกำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain) จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่ารายได้ประเภทอื่น ๆ เนื่องจากรัฐบาลมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว อัตราภาษีสำหรับผลได้จากการลงทุนระยะยาวในปัจจุบันอยู่ที่ 20% ในขณะที่อัตราภาษีสำหรับรายได้ทั่วไปอาจสูงถึง 37%

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในหุ้น หรือสินทรัพย์ทางการเงินใด ๆ เมื่อคุณขายเพื่อทำกำไร สิ่งนั้นเรียกว่า Capital Gain

ในแง่ของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ คำว่า Capital Gain คือการขายอสังหาริมทรัพย์ไปได้ในราคาที่สูงกว่าตอนที่ซื้อมา อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่า มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา เนื่องมาจากความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของผู้คน

สมมติว่าเมื่อสิบปีก่อน คุณซื้อที่ดินมาผืนหนึ่ง ไร่ละ 5 แสนบาท วันนี้มูลค่าของที่ดินผืนนั้นปรับขึ้นเป็นไร่ละ 1 ล้านบาท หากคุณขายที่ดินนั้น คุณจะได้ Capital Gain ของการขายที่ดินนั้นในราคา 5 แสนบาท 

ในไทย ต้องเสียภาษี Capital Gain หรือไม่

ทราบหรือไม่ว่า รายได้อย่างหนึ่งที่คนไทยไม่ต้องจ่ายภาษี ก็คือรายได้จาก Capital Gain

ในบางประเทศ หากคุณขายหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ในมูลค่ามากกว่าที่ซื้อมา คุณอาจต้องจ่ายภาษีกำไร (Capital Gain Tax)

อัตราภาษี Capital Gain จะขึ้นอยู่กับกำไรที่ได้จากการขาย เช่นในสหรัฐอเมริกา อัตราภาษีจาก Capital Gain ส่วนใหญ่ไม่เกิน 15% กำไรสุทธิบางส่วนหรือทั้งหมดอาจถูกหักภาษีที่ 0% หากรายได้ที่ต้องเสียภาษีน้อยกว่าหรือเท่ากับ 40,400 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับคนโสดหรือ 80,800 ดอลลาร์สำหรับคู่ที่จดทะเบียนสมรสหรือผู้ที่เป็นหม้าย

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีผลได้จาก Capital Gain สุทธที่ 20% จะมีผลใช้ในกรณีที่รายได้ที่ต้องเสียภาษีเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้สำหรับอัตราภาษี Capital Gain ที่ 15%

กลับมาที่การลงทุนอื่น ๆ หากคุณเป็นเจ้าของหุ้น กองทุนรวม หรือกองทุน ETF เมื่อได้รับเงินปันผล เงินปันผลนั้นจะถูกนำไปคำนวณภาษี และเสียภาษีที่ 10% หากแต่การขายหุ้น ขายกองทุนรวม หรือกองทุน ETF นั้น ๆ คุณจะไม่ต้องเสียภาษีเลย (ข้อมูล ณ ปีภาษี 2565)

สมมติว่าคุณซื้อสินทรัพย์นั้นมาในราคาหน่วยละ 100 บาทจำนวน 100 หน่วย คุณจะมีราคาต้นทุนที่ 100 x 100 = 10,000 บาท

ในอนาคต มูลค่าของสินทรัพย์นั้นปรับขึ้นตามราคาตลาด เป็นหน่วยละ 150 บาท เท่ากับว่ามูลค่าของผลกำไรที่ยังไม่รับรู้ (Unrealized Profit) จะอยู่ที่ 100 x 150 = 15,000 บาท

หากคุณพอใจขายที่กำไร 5,000 บาท ก็และมูลค่า 5,000 บาทนั้น จะเรียกว่าเป็น Capital Gain ของการลงทุนในครั้งนี้

สูตรคำนวณอัตรา Capital Gain

Capital Gain = (กำไร ÷ ต้นทุน) x 100

จากตัวอย่างของราคาหุ้นข้างต้น ขายได้กำไร 5,000 บาท คิดเป็นอัตรา Capital Gain ที่ 50% 

(วิธีคิด Capital Gain คือ (500 ÷ 1,000) x 100 = 50%)

ดังนั้น ในประเทศไทยเวลานี้ ผลตอบแทนจาก Capital Gain ของการขายหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์จึงไม่ต้องเสียภาษี

Capital Gain จากคริปโต ต้องเสียภาษีหรือไม่

ล่าสุดในปี 2565 เป็นต้นมา รัฐบาลจะเริ่มเก็บภาษีคริปโตหากคุณได้กำไรจากการลงทุนสกุลงินดิจิทัลหรือโทเคนดิจิทัลในรูปแบบใด ๆ คุณต้องจ่ายภาษีคริปโต จำนวนภาษีที่คุณจ่ายขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณถือครองสกุลเงินดิจิทัลและอัตราภาษีเงินได้ส่วนบุคคล โดยมีเงื่อนไขของการเสียภาษีคริปโต ดังนี้

1. จำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยน สกุลเงินดิจิทัล โทเคนดิจิทัล

2. ขุดสกุลเงินดิจิทัล (เช่น รางวัจากการขุดบิทคอยน์)

3. ได้รับสกุลเงินดิจิทัลเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง

4. ได้รับสกุลเงินดิจิทัล โทเคนดิจิทัลจากการให้หรือได้รับเป็นรางวัล

5. ได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองสกุลเงินดิจิทัลหรือโทเคนดิจิทัล

   
   

จาก 5 เงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น Capital Gain ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลอาจตรงกับข้อ 5 ในเงื่อนที่ ก.ล.ต. ระบุ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณจะต้องนำ Capital Gain จำนวนนั้นไปยื่นเสียภาษีคริปโตกับแบบ ภ.ง.ด. 90/91 สำหรับเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี

ผลตอบแทนอื่น ๆ จากการลงทุน มีอะไรบ้าง

ดังที่ได้กล่าวไปตอนต้นว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนมี 2 ประเภท คือกำไรจากเงินปันผล ที่จะเป็นกระแสเงินสดระหว่างทาง และอีกหนึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนคือ กำไรจากส่วนต่างราคา

ผู้ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนได้สองทาง คือรายได้จากค่าเช่า (Rental Yield) ที่เข้ามาในรูปแบบของกระแสเงินสดตามกำหนดเวลา เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ย่อมเพิ่มขึ้น คุณก็ขายเพื่อทำกำไร (Capital Gain)

ผู้ที่ลงทุนซื้อหุ้น แน่นอนว่าจะต้องได้รับเงินปันผลตามรอบที่กิจการนั้น ๆ กำหนด และคุณยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะนำรายได้ตรงนี้ไปคำนวณรวมกับเงินได้อื่น ๆ ที่ปลายปีและเสียภาษี หรือว่าเลือกหักภาษี 10% ไปเลย แล้วก็จะได้หนังสือรับรองการหักภาษีมาเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนผู้ที่ซื้อกองทุนรวม หรือกองทุน ETF ทั้งสองรูปแบบกองทุนก็มีนโยบายที่เลือกได้ว่าจะรับปันผลหรือสะสมมูลค่า หากคุณเลือกซื้อกองทุนแบบที่รับปันผล ผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของเงินปันผลก็จะถูกคิดภาษีแบบเดียวกับหุ้น แต่หากเลือกแบบไม่รับปันผล เมื่อกองทุนมีรายได้กลับเข้ามา รายได้นั้นก็จะกลายเป็นดอกเบี้ยทบต้น เพิ่มมูลค่าของเงินทุนเข้าไปเรื่อย ๆ และเมื่อคุณพึงพอใจกับมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ก็สามารถขายทำกำไรจากส่วนต่างราคานั้นได้เช่นกัน

Capital Gain จากการขายหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องโดนหักภาษีเหมือนเงินปันผลจากการลงทุนที่ต้องถูกหักภาษีถึง 10% แต่ Capital Gain และผลตอบแทนอื่น ๆ ที่ได้จากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต้องเสียภาษีโดยคำนวณรวมกับการยื่นแบบแสดงภาษีประจำปี ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นไปได้ทั้งสองแบบคือ เงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างราคา อยู่ที่ว่าการลงทุนแบบใด จะตอบโจทย์นักลงทุนแต่ละท่านมากกว่ากัน