รูปแบบต่าง ๆ ของการลงทุน มือใหม่เริ่มต้นอย่างไรดี

มีการลงทุนหลายประเภทให้เลือก และอาจเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าแบบใดที่เหมาะกับคุณ อย่างไรก็ตาม การทำวิจัยและพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน คุณควรจะสามารถหาการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการและช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้

ในบทความนี้ เราจะมาศึกษากันถึงรูปแบบของการลงทุน ความสำคัญของการลงทุน และหลักการในการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนกัน

รูปแบบการลงทุนมีอะไรบ้าง

สมมติว่าคุณมีเป้าหมายการลงทุนอยู่ในใจ มีวิธีการลงทุนหลากหลายวิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป โดยทั่วไป คุณสามารถจัดหมวดหมู่วิธีการลงทุนตามประเภทของสินทรัพย์ที่เน้น: หุ้น พันธบัตร หรือรายการเทียบเท่าเงินสด

เราลองมาดูกันว่า เราจะสามารถจัดรูปแบบของการลงทุนได้อย่างไรบ้าง แล้วคุณจะพบว่า ด้วยสถาการณ์และเงื่อนไขชีวิตด้านต่า ๆ ตัวคุณจะเหมาะต่อการลงทุนในสินทรัพย์แบบใด

จำแนกรูปแบบการลงทุนตามระดับความเสี่ยง

แม้การลงทุนจะเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน

ความเสี่ยงด้านตลาด

ความเสี่ยงที่มูลค่าการลงทุนจะลดลงเนื่องจากสภาวะตลาด ความเสี่ยงนี้มีอยู่ในการลงทุนทุกรูปแบบ แต่สามารถลดลงได้ด้วยการกระจายพอร์ตการลงทุน

ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

ความเสี่ยงที่กำลังซื้อของการลงทุนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ ความเสี่ยงนี้สามารถบรรเทาได้โดยการลงทุนนสินทรัพย์ที่อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่น การลงทุนในหุ้นเติบโต

ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย

ความเสี่ยงที่มูลค่าการลงทุนจะลดลงหากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ความเสี่ยงนี้มักเกี่ยวข้องกับพันธบัตรและการลงทุนในตราสารหนี้อื่น ๆ เช่นเดียวกันกับความเสี่ยงด้านตลาด คุณสามารถบริหารความเสี่ยงการลงทุนรูปแบบนี้ได้ผ่านการกระจายพอร์ตไปยังสินทรัพย์ที่ขึ้นลงสวนทางกัน

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

ความเสี่ยงที่คุณจะไม่สามารถขายเงินลงทุนเป็นเงินสดได้อย่างง่ายดายเมื่อคุณต้องการ เช่น มีเงินในการลงทุนหุ้นอยู่ 300,000 บาท แต่ว่าตอนนี้ติดดอย ต้องยอมตัดใจขายขาดทุนเพื่อนำเงินสดมาหมุนเวียน ในทางกลับกัน เงินฝากธนาคารอาจมีสภาพคล่องสูงกว่า เพราะเพียงเปิดแอปธนาคารก็เบิกจ่ายได้ทันที

จำแนกรูปแบบการลงทุนตามประเภทของสินทรัพย์

มีสินทรัพย์หลายประเภทที่คุณสามารถเลือกลงทุนได้ และแต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ในการตัดสินใจเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้ดีที่สุด คุณต้องเข้าใจวิธีการลงทุนต่างๆ 

วิธีที่นิยมในการลงทุนคือแยกตามประเภทสินทรัพย์ วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์แต่ละประเภทมีประโยชน์และความเสี่ยงในตัวเอง ดังนั้นควรพิจารณาเป้าหมายและวัตถุประสงค์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะลงทุนประเภทใด

จำแนกรูปแบบการลงทุนตามประเภทของอุตสาหกรรม

แนวทางนี้เกี่ยวข้องกับการลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ เทคโนโลยี หรือพลังงาน ภาคส่วนต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะผันผวนมากกว่าประเภทสินทรัพย์ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องศึกษาภาคส่วนต่างๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการลงทุนแบบใด การกระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ และอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญ การกระจายความเสี่ยงจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้แน่ใจว่าคุณพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่ตลาดต้องการ

ทำไมเราควรเริ่มต้นลงทุน

การลงทุนมีประโยชน์มากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ การลงทุนทำให้คุณสามารถกันเงินไว้สำหรับเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเกษียณอายุหรือการซื้อบ้าน และจากนั้นก็เพิ่มเงินนั้นเมื่อเวลาผ่านไป

การลงทุนเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเพิ่มความมั่งคั่งเมื่อเวลาผ่านไป และสิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นให้เร็วที่สุด เป็นไปได้ ยิ่งคุณเริ่มลงทุนเร็วเท่าไร เงินจะต้องเติบโตขึ้นมากเท่านั้น และยิ่งเงินเติบโตขึ้นมากเท่าไร คุณก็จะมีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินมากขึ้นเท่านั้น

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน มีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการลงทุนได้ ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยคุณสร้างแผนการลงทุนที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะ และมีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลออนไลน์มากมายที่สามารถช่วยคุณค้นหาตัวเลือกการลงทุนและตัดสินใจอย่างชาญฉลาดว่าจะลงทุนเงินที่ใด เหตุใดจึงต้องรอ

หากคุณยังไม่ได้ลงทุน ตอนนี้เป็นเวลาเริ่มต้น การลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินและรักษาความปลอดภัยให้กับอนาคตทางการเงิน

ผลตอบแทนจากการลงทุนมีอะไรบ้าง

ผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น แน่นอนว่าทุกคนต้องการดับเบิ้ลเงินของตนเอง บางคนคิดว่าตนโชคดีที่ได้ซื้อหุ้น 10 เด้ง เติบโตสิบเท่าในระยะเวลาไม่เท่าไร แต่ในความเป็นจริง ถ้าทุก ๆ คนโชคดีแบบนั้น ก็คงจะไม่เห็นคนจนเดินกันทั่วเมือง

คนที่ร่ำรวยจากการเล่นหุ้นหรือลงทุนนั้น ไม่ใช่เพราะโชคหรือบุญกรรม แต่เพราะเขารู้ว่าจะคำนวณวางแผนผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างไรบ้างต่างหาก

กล่าวโดยทั่วไปคือ ผลตอบแทนจากการลงทุนมี 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

ผลตอบแทนจากเงินปันผล

ข้อแรกนี้คลาสสิกมาก ๆ เมื่อคุณลงทุนในหุ้น คุณย่อมคาดหวังว่าจะได้รับเงินปันผลที่เป็นดอกเบี้ยของการกู้ยืมเงินจากบริษัทตามรอบเวลาที่กำหนดในสัดส่วนที่พึงพอใจ เช่น คุณซื้อหุ้นของบริษัท A ที่ราคาหุ้นละ 10 บาท จำนวน 10 หุ้น กำหนดจ่ายปันผลในอัตราร้อยละ 0.5 เมื่อครบเวลาที่ผู้ออกหุ้นกำหนด คุณจะได้รับเงินปันผล 10 x 0.5 = 5 บาท

อย่างไรก็ตาม หุ้นแต่ละตัว มิได้จะจ่ายปันผลงดงามแบบนั้นเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อการขึ้นหรือลงของมูลค่าหุ้นในตลาดด้วย

ผลตอบแทนจากกำไรส่วนต่าง

นอกเหนือจากการรับเงินปันผลจากหุ้นแล้ว การลงทุนอื่น ๆ เช่นกองทุนรวม ยังให้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาอีกด้วย ส่วนต่างราคาหมายถึงมูลค่าของหุ้นที่เพิมขึ้นจากทุน จากตัวอย่างหุ้นบริษัท A ข้างต้น หากว่าวันหนึ่งราคาปรับขึ้นจาก 10 เป็น 20 บาท แล้วคุณพอใจขายทำกำไร ก็จะได้กำไรจากสิ่งที่เรียกว่ากำไรจากส่วนต่างราคาด้วย

ถึงกระนั้น ต้องพิจารณาให้ดี ๆ ว่า จะเลือกเอากำไรส่วนต่างแค่วันนี้ตอนนี้ หรือเลือกใช้หุ้นนั้นเป็นเครื่องมือสร้างกระแสเงินสดในรูปของเงินปันผลต่อไป 

ถ้าเป็นนักลงทุน VI ย่อมต้องการเลือกใช้อย่างแรกมากกว่า เพราะเขาเชื่อมั่ว่า หุ้นนั้น ๆ จะเป็นหุ้นคุณค่า มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต

ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยทบต้น

การลงทุนในกองทุนรวม หรือกองทุน ETF จะมีให้เลือกได้ว่า เป็นกองทุนจ่ายปันผลหรือไม่ ซึ่งหากคุณเลือกกองทุนที่มีปันผล คุณก็จะได้รับเงินปันผลจากกองทุนรวมในลักษณะที่คล้ยกับปันผลจากหุ้น และต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ในทุก ๆ งวดการปันผล

หากแต่คุณเลือกกองทุนที่ไม่จ่ายปันผล คุณเพียงแค่ไม่ได้รับเงินสดเท่านั้น แต่มูลค่าของผลตอบแทนที่กองทุนรวมนั้นสร้างขึ้นมาได้ จะทบกลับไปในรูปแบบของดอกเบี้ยทบต้น สร้างมูลค่าของพอรต์การลงทุนในกองทุนรวมไปเรื่อย ๆ

แล้วคุณล่ะ เมื่อคิดจะลงทุน คาดหวังจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปแบบไหน แต่ละรูปแบบต่างมีข้อดี ข้เสียต่างกันออกไป หากต้องการประหยัดภาษีหัก ณ ที่จ่าย ก็ควรมองหาผลตอบแทนจากกำไรส่วนต่าง แต่ถ้าชอบกระแสเงินสดที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ ก็น่าจะชอบหุ้นปันผล

4 เรื่องต้องรู้ บริหารความเสี่ยงการลงทุน

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจเกิดข้อสงสัยว่าเพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด ผู้ลงทุนควรจะมีหลักในการลงทุนอย่างไรบ้าง การลงทุนอาจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและน่ากลัว แต่หากคุณเข้าใจหลักการของการทำงานของหุ้น และการบริหารความเสี่ยง คุณก็สามารถเข้าสู่เส้นทางอาชีพการลงทุนที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

ตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง

นักลงทุนรายใหม่จำนวนมากเข้าสู่การลงทุนด้วยความคาดหวังที่ไม่สมจริง พวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังจะทำโชคในชั่วข้ามคืนหรือกลายเป็นวอร์เรน บัฟเฟตต์คนต่อไป น่าเสียดายที่ไม่ใช่วิธีการลงทุน แม้ว่าจะสามารถทำเงินได้มากมายจากการลงทุน แต่ก็ต้องใช้เวลาและความอดทน อย่าหวังว่าจะรวยเร็ว - มันจะไม่เกิดขึ้น

กระจายพอร์ตการลงทุน

การกระจายการลงทุนเป็นหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญที่สุดของหลักในการลงทุนเพื่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด การกระจายความเสี่ยงคือการจัดสรรเงินลงทุนในพอร์ตไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ที่อาจมีการขึ้นหรือลงที่สวนทางกัน ตามระดับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะสร้างผลตอบแทนแบบคานน้ำหนักกัน เช่น หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ น้ำมน ทองคำ สกุลเงินดิจิทัล

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางระยะไกล

การลงทุนไม่ใช่เรื่องสั้น เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ อย่าหวังรวยเร็ว ต้องใช้เวลาและความอดทนเพื่อดูผลกำไรที่แท้จริงจากการลงทุน

เตรียมพร้อมสำหรับขาขึ้นและขาลงของตลาด

ตลาดหุ้นไม่มีวันขึ้นเป็นเส้นตรงตลอดไป และไม่ได้เป็นขาลงตลอดเวลา ระหว่างทางจะขรุขระหน่อยแต่อยู่ได้นาน ๆ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญว่าควรวิเคราะ์พื้นฐานของหุ้นด้วยอัตราส่วนทางการเงิน เช่น P/E Ratio, P/BV 

บทส่งท้าย

มีรูปแบบต่าง ๆ ของการลงทุนหลายประเภทสำหรับบุคคล และประเภทการลงทุนที่เหมาะกับคุณจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร การทำวิจัยและทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจใดๆ เป็นสิ่งสำคัญ ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย คุณจะพบตัวเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับความต้องการและช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้