คู่มือนักลงทุนมือใหม่ เลือกลงทุนอะไรดี พร้อมเทคนิคจัดพอร์ตการลงทุน

ลงทุนอะไรดี ทำไมต้องลงทุน

ในยุคที่งินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี จากการที่เราเห็นในข่าว หรือแม้แต่สัมผัสได้ อย่างการที่ต้องจ่ายเงินมากขึ้น แต่ได้สินค้าในปริมาณที่ไม่ต่างจากเดิม นี่เป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้อำนาจการซื้อของเราด้อยค่าลง

การลงทุนคืออะไรที่จะมาคานน้ำหนักกับภาวะเงินเฟ้อนี้ได้ ยิ่งไปกว่านี้ เหตุผลที่คุณต้องลงทุน ก็เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางการเงินในระยะยาวให้กับคุณ เพราะมูลค่าของเงินจะลดไปตามกาลเวลา จากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ

ที่นี้มาถึงคำถามคาใจของหลาย ๆ ท่านว่า “แล้วฉันจะลงทุนอะไรดี” ในบทความนี้ เราจึงพาทุกท่าน โดยเฉพาะมือใหม่หรือคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน มีรายได้เป็นของตัวเองในเดือนแรก ๆ หรือปีแรก ๆ ก็ควรพิจารณาแผนการลงทุน โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าต้องคอยให้ได้เงินเดือนเท่านี้ ๆ ก่อน ถึงจะเริ่มลงทุน โดยสามาารถเริ่มต้นจากระดับความเสี่ยงน้อย ๆ ที่สามารถรับได้ก่อน

เป้าหมายการลงทุนที่เป็นจริง

การลงทุนคือการหางานให้เงินทำ (Passive Income) จากเงินที่ได้มาจากการทำงาน (Active Income) อันดับแรกต้องมีเป้าหมายการลงทุนที่เป็นจริง สามารถวัดผลได้ และรับกับความต้องการของตนเอง

หากคุณยังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย การลงทุนอาจยังไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ แต่ควรจัดการรายจ่ายให้เข้าที่เสียก่อน หรือไม่ก็หาทางเพิ่มรายได้ จากวิธีการที่เสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในเวลานี้

เป็นจริงเกี่ยวกับเป้าหมายการลงทุนของคุณ

หากคุณฝันอยากมีเงินหนึ่งล้านบาท ในอีกห้าปีข้างหน้า คุณต้องตรวจสอบเงื่อนไขเวลานี้ของตนเองก่อนว่าสามารถไปถึงเป้าหมายนั้นได้ง่ายเพียงใด

หากรายได้ประจำเพียงสองหมื่นบาท หักจากค่าใช้จ่ายประจำแล้ว การจะเหลือเพื่อไปลงทุนให้ได้เงินล้านในเวลาห้าปีอาจเป็นสิ่งที่ลำบาก

วิธีการคือยืดเวลาออกไปเป็นเจ็ดปี สิบปี หรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นด้านอื่น ๆ ลง เมื่อได้แนวทางแล้วจึงวางแผนการกระทำ

เป้าหมายการลงทุนต้องสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ความเสี่ยงจากการลงทุน คือโฮกาสที่จะสูญเสียเงินต้น ในรอบเวลาที่ใช้เงินไปลงทุน ดังนั้น หากจะพูดกว้าง ๆ คือ เงินที่คุณนำไปลงทุน ควรเเป็นเงินที่คุณยังไม่จำเป็นต้องใช้ ณ เวลาอันใกล้นี้ เพราะอย่างน้อยหากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามคาดหวัง ก็ยังมีเวลาพักฟื้น หรือพักเงินไว้ในสินทรัพย์นั้นก่อน โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

เป็นจริงเกี่ยวกับจำนวนเงินที่คุณสามารถลงทุนได้

หากจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ คุณต้องใช้เงินทุนเท่าไร นี่รวมถึงการลงทุนทำธุรกิจต่าง ๆ ด้วย ที่จะต้องไม่ใช้เงินเกินตัว คิดวางแผนเผื่อความผิดพลาดด้วย

มีความชัดเจนเกี่ยวกับกรอบเวลาสำหรับการลงทุนของคุณ

หากคุณเพิ่งเรียนจบ คุณมีเวลาทำงานหาเงินอีกหลายสิบปี แต่หากคุณอายุห้าสิบปี คุณเหลือเวลาสร้างกระแสเงินสดเพียงไม่กี่ปี ดังนั้น สินทรัพย์ทางการเงินจะให้ผลตอบแทนแตกต่างกันไปตามแต่ลละกรอบเวลา ยิ่งมีเวลามาก ยิ่งยอมรับความเสี่ยงได้มาก และในทางตรงกันข้าม 

คนวัยเกษียณ หรือมีกระแสเงินสดไม่คงที่ อาจเือกลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงน้อย ๆ เช่น เงินฝากธนาคาร พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

จะเทรดทำกำไร หรือถือยาว แบบไหนดี?

ในการลงทุน คุณมีสองทางเลือกใหญ่ ๆ คือการเทรดเก็งกำไรระยัสั้น และการลงทุนกินดอกผลระยะยาว เรามาดูภาพใหญ่ของสองวิธีการนี้กัน แล้วคุณจะต้องพิจารณาเลือกหนทางที่เข้ากับความต้องการและสไตล์ของตน

การเทรด คือการลงทุนระยะสั้น สั้นที่สุดคือไม่เกินหนึ่งวัน หรือที่เรียกว่า Day Trade คนกลุ่มนี้จะอาศัยการขึ้นลงของราคาที่เปลี่ยนแปลงในหนึ่งวัน และพยายามปิดออเดอร์การเทรดให้ได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อทำกำไร หลายคนใช้ในการลงทุนในหุ้น ในคริปโต และในตลาด Forex

การซื้อถือยาว มักพบในการลงทุนในหุ้น ส่วนใากจะเป็นคนที่มีเงินทุนมาก ๆ หรือไม่ชอบความเสี่ยง ไม่อยากติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาแบบถี่ ๆ เช่น Day Trade 

การซื้อถือยาวสามารถทำกำไรได้สองทางคือ รับกระแสเงินสดจากเงินปันผลที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย 10% หรือจะนำไปคำนวณรวมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ได้ และมูลค่าการเปลี่ยนแปลงของต้นทุน ที่เรียกว่า Capital Gain

แต่ละแบบ มีข้อดี ข้อด้อยด้วยกันทั้งนั้น คุณควรศึกษามุมมองต่าง ๆ ให้รอบด้านก่อนเลือก หรือทำทั้งสองอย่างก็ได้ ขึ้นกับว่าลักษณะสินทรัพย์และความต้องการของคุณเป็นอย่างไร

มีเงิน 5,000 บาท เริ่มลงทุนอะไรดี

ในขั้นแรกของการเริ่มลงทุน คุณควรเริ่มจากเงินจำนวนเล็ก ๆ เช่น 5,000 บาทนี้ก่อน เพื่อศึกษาตลาด สั่งสมประสบการณ์ในการวิเคราะห์ ดูการเปลี่ยนแปลง ดูแนวทางการเทรดหรือการลงทุนของตน ก่อนเข้าลงทุนด้วยเงินจำนวนที่สูงขึ้น

หากมีเงินทุนเริ่มต้น 5,000 บาท คุณสามารถเริ่มลงทุนในกองทุนรวมได้ และหากต้องการลดหย่อนภาษีเงินได้ ก็ยังมีทางเลือกเป็นกองทุนรวม SSF และกองทุนรวม RMF ที่สามารถนำมูลค่าที่ซื้อกองทุนรวมนี้ไปหักลดหย่อนภาษีได้

ที่สำคัญกว่าการเริ่มต้นลงทุน 5,000 บาทนั้น คือการรู้จักและเข้าใจพื้นฐานของสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อให้คุณประเมินทิศทางราคา และสร้างโอกาสการทำกำไรได้มาก ลดความเสี่ยงลง

พื้นฐานการลงทุนในหุ้น

หุ้น หรือ Stock คือรูปแบบการระดมทุนของบริษัทหนึ่ง ๆ จากบุคคลต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของสถาบันหรือรายย่อย ทั้งในและนอกประเทศ เพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจ

การลงทุนในหุ้น คุณจะมีสถานะเสมือนเจ้าของกิจการ ที่จะต้องคาดหวังกับผลกำไรขององค์กร ดังนั้น จึงควรเลือกลงทุนจากบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่เป็นจริงในการสร้างผลกำไร ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล และอาจจะได้จาก Capital Gain เมื่อขายคืนได้ในราคาที่สูงกว่าตอนซื้อ

และไม่ว่าคุณเทรดหุ้น หรือลงทุนในหุ้น การเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นจ้าวแห่งวงการ เป็นธุรกิจที่ผูกขาด มีคู่แข่งการค้าน้อย ยิ่งมีความได้เปรียบที่มูลค่าเงินของคุณจะเติบโตได้ไวกว่าธุรกิจที่มีคู่แข่งมาก

ทั้งนี้ ความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นคือ การที่บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามที่เราหวังไว้ บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน หรือมีข่าวเสื่อมเสียงต่อตัวผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ลดลงหรือไม่เพิ่มขึ้น

พื้นฐานการลงทุนคริปโต

คริปโตเคอร์เรนซี่หรือสกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวขายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และบริษัทของคนรุ่นใหม่ต่างให้ความสนใจว่าจะเป็นทางเลือกใหม่ของกาลงทุนหรือเก็งกำไร

เหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) อันดับหนึ่งคือ Bitcoin ตามมาด้วย Ethereum, Tether, USD Coin และ BNB ตามลำดับสองถึงห้า

ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ราคาเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตลาด ยิ่งมีข่าวไม่ว่าเชิงบวกหรือลบต่อเหรียญใด ๆ มูลค่าก็สวิงขึ้นลงได้อย่างกระทันหันและอาจกระทบต่อราคาของเหรียญอื่น ๆ ด้วยได้เชนกัน

เนื่องจากเหรียญคริปโตมีปริมาณที่จำกัด ตามแต่ละผู้ออกเหรียญจะกำหนดไว้ เช่น Bitcoin มีซัพลลายเพียง 21 ล้านเหรียญ หรือ Ethereum มีซัพพลาย 18 ล้านเหรียญ เปรียบเทียบง่าย ๆ เช่นทองคำ การที่มีอยู่อย่างจำกัดส่งผลให้มูลค่าเพิ่มึ้นตามกาลเวลา แต่ในระยะสั้นอาจมีขึ้นลงบ้าง

ทุกวันนี้มีหลากวิธีในการทำเงินจากโลกคริปโต อย่างวิธีการสุดคลาสสิกคือการขุด Bitcoin แต่เหรียญใหม่ ๆ หลังจาก Ethereum ที่ได้รับการพัฒนาบนรูปแบบ Proof of Stake ทำให้สามารถสร้างรายได้จากหลากหลายวิธีกว่า Bitcoin

อีกวิธีหนึ่งคือการเทรดคริปโต วิธีนี้ก็เช่นกัน ควรเลือกเทรดเหรียญที่มีมูลค่าตลาดสูง ๆ เพราะเท่ากับมีสภาพคล่องสูง ซื้อมาในราคาที่ถูกและขายในราคาสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงมาก คุณควรใจเย็นและศึกษาก่อนที่จะก้าวไปสู่อีกระดับของหนทางทำเงินจากตลาดคริปโต

เงินทุนเริ่มต้น 5,000 บาท ก็สามารถสร้างประสบการณ์และผลตอบแทนที่น่าสนใจในการลงทุนจากเหรียญคริปโตได้ไม่ยาก 

พื้นฐานการลงทุนอสังหา

ในอดีต ผู้คนเลือกเป็นเจ้าของที่ดิน หรืออาคารพาณิชย์ให้เช่า เพื่อรับค่าเช่าเป็นกระแสเงินสด แต่อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นสิ่งที่จับต้องได้นี้ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายสูญเปล่าจำนวนไม่น้อย ทั้งเรื่องของทำเลที่ตั้ง ถนนหนทางอีก ในฐานะนักลงทุนมือใหม่ เรายังไม่แนะนำให้คุณซื้อคอนโด หรือที่ดิน หรืออาคารพาณิชย์เพื่อปล่อยเช่าในทันที เพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่สภาพคล่องต่ำ หากทุนคุณยังน้อย และกระแสเงินสดมีไม่เพียงพอจะลำบากได้

แต่คุณยังมีสองหนทางในการทำกำไรจากอสังหาริมทรัพย์ ผ่านกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่ซื้อขายผ่านกองทุนรวม และกอง REIT ที่เป็นการระดมเงินทุนไปเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ กอง REIT นี้มีทั้งแบบสิทธิ์เช่ารายปีและขายขาด สามารถซื้อได้เสมือนหุ้นตัวหนึ่งบนกระดานเทรดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

การลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือกอง REIT คุณมีทุนเพียง 5,000 บาทก็สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ และยังเลือกได้ว่าจะลงทุนในกองทุนที่มีปันผลหรือไม่ก็ได้อีกด้วย

เรื่องต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุน

เมื่อคุณพอวางแผนได้แล้วว่าตนเองเหมาะกับการเริ่มต้นลงทุนอะไร ด้วยเงินทุนตั้งต้น 5,000 บาท เราจะมาดูวิธีการที่ควรเซ็ตอัพเพื่อให้พร้อมรับกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการบริหารความเสี่ยงอย่างนักลงทุนผู้ชาญฉลาดกัน

สร้างระบบที่สร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง

กระแสรายได้ที่มั่นคงเป็นแหล่งรายได้ที่เชื่อถือได้ซึ่งจะจ่ายต่อไปในระยะยาวให้แก่คุณ วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างกระแสดังกล่าวคือ การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนสินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

การลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ สามารถทำกำไรได้มากหากคุณรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพื่อลดความเสี่ยงในขณะที่ยังคงได้รับผลตอบแทนที่ดี คุณควรกระจายการลงทุนให้มากที่สุดโดยการซื้อสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กัน

กล่าวคือ หากมีสองสินทรัพย์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ควรเลือกที่มีความผันผวนน้อยกว่า เนื่องจากมีโอกาสสูญเสียมูลค่าต่ำกว่าเนื่องจากราคาแกว่งตัวกะทันหันหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคา

หรือกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีลักษณะตรงกันข้าม เช่น หุ้นกับน้ำมันหรือทอง เพื่อที่ว่าหากว่าเวลาหนึ่งราคาหุ้นตกต่ำลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มักเปลี่ยนแปลงสวนทางกัน อย่างน้อยในช่วงเวลาวิกฤติ คุณก็ยังเจ็บตัวน้อยกว่าคนอื่น ๆ

บริหารความเสี่ยงของการลงทุน

จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระจายพอร์ตการลงทุนดังที่ได้ดล่าวไว้ วิธีที่ดีที่สุดในการกระจายพอร์ตการลงทุนคือการใช้กองทุนรวม ซึ่งเป็นพอร์ตที่มีการจัดการอย่างมืออาชีพซึ่งมีทรัพย์สินหลายประเภท (เช่น หุ้นหรือพันธบัตร) คุณสามารถลงทุนได้โดยการซื้อหุ้นในตลาดแลกเปลี่ยน เช่น NASDAQ หรือ NYSE

ติดตามข่าวสารการลงทุน

การจับตาดูตลาดหมายถึงการติดตามประสิทธิภาพของแต่ละหุ้นหรือกองทุน นี่เป็นสิ่งสำคัญเพราะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ด้วยการรู้ว่าเมื่อใดควรที่จะออกจากสินทรัพย์นั้น ๆ ก่อนที่จะสายเกินไป หรือเมื่อใดควรซื้อหุ้นเพิ่มของกองทุนที่เพิ่มขึ้น

วิธีการต่างๆ เพื่อติดตามการลงทุน

• ใช้ Watchlist – การรวมสินทรัพย์ทั้งหมดที่คุณต้องการติดตาม ตั้งค่าโดยใช้ Excel หรือ Google สเปรดชีต หรือใช้รายการเฝ้าดูออนไลน์ เช่น Yahoo Finance และ Morningstar เป็นต้น

• แอพ – มีแอพมากมายสำหรับทั้งแพลตฟอร์ม Android และ iOS ที่ให้คุณสร้างรายการที่กำหนดเองได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้การดูพอร์ตโฟลิโอของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายเหมือนการเช็คอีเมล!

หรือเพียงเขียนลงไปในกระดาษแบบเดิม ๆ อะไรจะน่าเชื่อถือไปกว่าการใส่สิ่งต่าง ๆ ลงในภาพขาวดำ

บทส่งท้าย

ไม่ว่านักลงทุนมือใหม่ทุกท่าน จะเลือกลงทุนอะไรดี ในระยะสั้นหรือยาว สิ่งสำคัญคือมีเป้าหมายในการลงทุน และทัศนคติที่ถูกต้องต่อสินทรัพย์ทางการเงินนั้น ๆ เข้าใจพื้นฐาน เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของราคา เรียนรู้เทคนิคบริหารความเสี่ยง และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลายและสร้างโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนในทุกสภาวะตลาด