
How-to สร้างพอร์ตลงทุนแข็งแรงรับปีใหม่
เริ่มต้นปีใหม่กับพอร์ตลงทุนที่แข็งแกร่งกว่าที่เคย เพียงรู้วิธีรีบาลานซ์พอร์ตและกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปยังสินทรัพย์และเครื่องมือที่หลากหลายเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ให้กับตนเอง
นิยามของ “ปีใหม่” มักจุดประกายวิถีชีวิตใหม่ ๆ ให้กับเรา และเรื่องของการเงินก็ไม่มีข้อยกเว้น หลายท่านรวบรวมการใช้จ่ายตลอดปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว และอาจพิจารณาถึงวิธีเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนด้วย
การสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นไม่ได้เป็นเพียงการสร้างโอกาสสำหรับผลตอบแทนที่สูงเท่านั้น แต่เป็นการจัดสรรความเสี่ยงอย่างมีกลยุทธ์เพื่อรับมือกับพายุตลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการรีบาลานซ์พอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน
3 ความสำคัญของการจัดพอร์ตลงทุน
ด้วยการกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย ใช้เครื่องมือทางการลงทุนที่แตกต่าง คุณจะไม่ได้ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว หากสินทรัพย์ตัวหนึ่งสะดุด ก็ยังมีสินทรัพย์ตัวอื่นสามารถช่วยพยุงพอร์ตการลงทุนและลดการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุดได้ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่มีพลวัตในปัจจุบัน ซึ่งความผันผวนดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติใหม่
การลดความผันผวน: การกระจายความเสี่ยงทำหน้าที่เหมือนโช้คอัพสำหรับพอร์ตการลงทุน เมื่อสินทรัพย์ประเภทหนึ่งประสบภาวะตกต่ำ สินทรัพย์อื่น ๆ อาจจะเจริญรุ่งเรือง โดยชดเชยการขาดทุนและทำให้ผลตอบแทนโดยรวมมีเสถียรภาพ
คว้าโอกาสที่หลากหลาย: ประเภทสินทรัพย์และภาคส่วนที่แตกต่างกันมีวงจรการเติบโตที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง การมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย จะทำให้คุณพร้อมที่จะคว้าโอกาสอันหลากหลายเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้น และเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการทำกำไรในระยะยาว
การลดการลงทุนด้านอารมณ์: เมื่อคุณลงทุนมหาศาลในสินทรัพย์เพียงหนึ่งหรือสองรายการ มันง่ายที่จะจมอยู่กับความผันผวนของตลาดในแต่ละวัน และตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นโดยอาศัยความกลัวหรือความโลภ การกระจายความเสี่ยงช่วยลดความกดดัน ช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายการลงทุนระยะยาวได้
เมื่อไรควรรีบาลานซ์พอร์ตดี
คุณได้เลือกสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง เปิดรับพลังของการกระจายความเสี่ยงระหว่างตราสารและประเภทต่าง ๆ และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับขั้นตอนสำคัญอีกขั้นหนึ่งคือการรีบาลานซ์พอร์ตใหม่
บทความที่คุณอาจสนใจ
แต่เวลาไหนคือเวลาที่ "ดีที่สุด" ในการรีบาลานซ์พอร์ต มีวันที่ในปฏิทินมหัศจรรย์หรือสัญญาณตลาดที่กรีดร้องว่า "ปรับสมดุลทันที!" หรือไม่ ความจริงก็คือไม่มีคำตอบที่เหมาะกับทุกคำตอบ มีปัจจัยสำคัญบางประการที่ต้องพิจารณาซึ่งสามารถช่วยคุณค้นหาจุดที่เหมาะสมในการรีบาลานซ์พอร์ตการลงทุน และช่วยให้มั่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงยังคงตรงจุด
เวลาที่กำหนดเอง: นักลงทุนบางรายชอบแนวทางที่กำหนดไว้ โดยการรีบาลานซ์พอร์ตใหม่เป็นรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือแม้แต่รายปี นี่เป็นการเช็คอินเป็นประจำและรับประกันว่าคุณจะไม่มีวันออกนอกเส้นทางมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญตลาด: คนอื่น ๆ ใช้แนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดและรีบาลานซ์พอร์ตเฉพาะเมื่อการจัดสรรสินทรัพย์เบี่ยงเบนไปจากเปอร์เซ็นต์เป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ (เช่น การเบี่ยงเบน 5% หรือ 10%) นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการแนวทางที่ลงมือปฏิบัติจริงมากกว่าและต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาด
เสือเสือพันธุ์ผสม: คุณสามารถรวมทั้งสองแนวทางข้างต้นเข้าด้วยกันได้ ตั้งการแจ้งเตือนในปฏิทินสำหรับการตรวจสอบเป็นประจำ แต่ปรับสมดุลเฉพาะในกรณีที่การจัดสรรสินทรัพย์คลาดเคลื่อนไปอย่างมาก สิ่งนี้ให้ความสมดุลระหว่างโครงสร้างและความยืดหยุ่น
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรีบาลานซ์พอร์ตคือเวลาที่เหมาะกับคุณและกลยุทธ์การลงทุนมากที่สุด พิจารณาการยอมรับความเสี่ยง ระดับการมีส่วนร่วมที่ต้องการ และความผันผวนของสินทรัพย์ที่คุณเลือก ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณต้องการความช่วยเหลือในการเต้นรำเพื่อปรับสมดุล
ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่ด้วยความคิดใหม่ ๆ และความรู้สึกที่สดใหม่ ใช้โอกาสดีนี้ทบทวน จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้กระชับยิ่งขึ้น ตั้งปณิธานว่าเราจะเป็นนักลงทุนคนใหม่ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านความรู้ มีความมั่นคงทางด้านอารมณ์ และไม่หลงลืมเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลที่เป็นเหตุผลแรก ๆ ที่ชักนำตัวเราให้เข้ามาสู่วงการนี้
3 ก้าวสำคัญของการรีบาลานซ์พอร์ต
เมื่อเอ่ยถึงวิธีปฏิบัติ หลายท่านอาจไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน แต่โปรดจำไว้ว่า งานนี้ไม่มีกฏตายตัว การรีบาลานซ์พอร์ตไม่มีสูตรสำเร็จว่าต้องทำตามนี้หนึ่ง สอง สาม ในสัดส่วนที่เท่า ๆ กันสำหรับแต่ละบุคคล แต่อยากมห้คุณลองเริ่มจาก 3 ขั้นตอนง่าย ๆ นี้ดูก่อน รวมถึงท่านไหนที่ตอนนี้ยังไม่มีพอร์ตลงทุนเป็นของตัวเอง เรามาเริ่มต้นสร้างพอร์ตกันตั้งแต่วันนี้ด้วยแนวคิดของการรีบาลานซ์พอร์ต 3 ขั้นตอน
ทบทวนการจัดพอร์ตปัจจุบัน
สำหรับท่านที่มีพอร์ตอยู่แล้ว ให้เริ่มจากการตรวจสอบพอร์ตปัจจุบันดูก่อน ว่ามีสินทรัพย์ใดหรือเครื่องมือใดบ้างที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ เช่น ซื้อกองทุนรวมหุ้นไทยตาม SET50 แต่ก็ยังมีลงทุน ETF 1DIV ไว้อยู่ แบบนี้ ลองพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่ที่จะถือ SET50 กับ SETHD ไว้คู่กัน จะป็นการเสียโอกาสการลงทุนหรือไม่ หรือเครื่องมือไหนสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า
อีกตัวอย่างคือ มีสินทรัพย์ประเภทไหนที่จัดเป็น Cash Cow ให้เราได้บ้าง หมายถึง สร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างน่าสนใจ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน หรือรายการเทียบเท่าเงินสด ถ้าพิจารณาว่าควรค่าต่อการถือครองก็เก็บไว้ต่อไป แต่หากมองว่ายังมีโอกาสอื่น ๆ ที่ดีกว่า ก็อาจขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในส่วนนั้นแทน
สำหรับท่านที่ยังไม่มีพอร์ตตอนนี้ เป็นนักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่ อาจใช้แนวทางนี้ในการคัดเลือกสินทรัพย์และเครื่องมือการลงทุนที่ไม่ซ้ำซ้อน ไม่ตัดโอกาส และเลือกหาวิธีทางที่ต้นทุนถูกกว่าได้เช่นกัน
วิธีที่ง่ายที่สุดในการติดตามพอร์ตการลงทุนคือการใช้เอ็กเซลอย่างง่าย ๆ เพื่อดูว่า คุณได้ลงทุนไปในสินทรัพย์ใด ด้วยเครื่องมือใดบ้างแล้ว เสมือนเป็นพอร์ตลงทุนขนาดย่อมที่เข้าถึงได้ในที่เดียว อย่าดูจนบ่อยเกินไป ควรจัดเวลาสัก 3 เดือนหนึ่งครั้ง หรือครึ่งปีหนึ่งครั้ง หรือเมื่อมีข่าวสำคัญ ๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่อพอร์ตปัจจุบันของตนเอง
ประเด็นสำคัญของการทบทวนพอร์ตปัจจุบันก็เพื่อให้สอดคล้องต่อเป้าหมายทางการเงินที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขชีวิตแต่ละช่วงเวลา บางคนแพลนเรียนต่อ เปิดธุรกิจ หรือมีเหตุต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้น หรือบางจังหวะ ตลาดหนึ่งมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหนึ่ง ก็อาจถือเป็นการโยกย้ายเงินทุนไปในส่วนที่มีโอกาสกว่า
ปรับแนวและปรับเปลี่ยน
เมื่อทบทวนพอร์ตแล้วเห็นจุดบอดและโอกาส ก็ให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนไปตามนั้น เพิ่มความหลากหลายของประเภทสินทรัพย์ (เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น คริปโต) ประเทศ (ไทย ญี่ปุ่น จีน ยุโรป สหรัฐฯ) กระจายความเสี่ยงของการลงทุน เฉลี่ยความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์และวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ช่วยคานน้ำหนักระหว่างกันได้
บางสินทรัพย์อาจไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีมากนักในช่วงที่ผ่านมา และมีผลขาดทุนยู่เป็นประจำ ลองพิจารณาดูว่าจะยอมตัดใจขายขาดทุนแล้วนำเงินที่เหลือนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสที่ดีกว่าดี หรือยอมถือต่อไป แล้วรอให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นค่อยขาย
คนเรามักอยากขายตอนที่มีกำไร และก็อยากขายตอนที่ขาดทุน (Unrealized Loss) แต่ก็ไม่อยากขาดทุนจริง (Realised Loss) เป็นเรื่องของอารมณ์ที่ต้องรู้เท่าทันและบริหารจัดการให้ดี
ด้วยการเปิดรับความหลากหลาย มีความยืดหยุ่น ไม่วิตกจนเกินไป จะเป็นเกราะกำบังพอร์ตการลงทุน คุณสามารถจัดสรรความเสี่ยงอย่างมีกลยุทธ์ เพิ่มผลตอบแทนสูงสุดตามสภาวะตลาด และสร้างรากฐานสำหรับความสำเร็จทางการเงินในระยะยาว โปรดจำไว้ว่า พอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและความมุ่งมั่นที่จะกระจายความเสี่ยง คุณสามารถฝ่าฟันพายุตลาดและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้
ใช้การเทรด CFD เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง
Contracts for Difference หรือการเทรด CFD คือเครื่องมือทางการเงินที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับในปัจจุบันในด้านการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนตลาดสปอตแบบดั้งเดิม และเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญและมีพอร์ตการลงทุนที่สมดุลในแง่ของการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนได้มากขึ้นเพราะไม่ต้องจำกัดแต่การถือครองเพื่อให้ได้ราคาสูงกว่าเมื่อตอนเข้ามา
การเทรด CFD เป็นการเทรดที่ใช้เลเวอเรจ ช่วยให้คุณสามารถขยายผลกำไร (และขาดทุน) ในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตั้งแต่หุ้นและดัชนีไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์และแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล
บทความที่คุณอาจสนใจ
เทรดระยะสั้น CFD มีต้นทุนเท่าไร
ใช้ความคิดเหนืออารมณ์นำการเทรด จัดพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมาย ทบทวนและรีบาลานซ์ไปยังสินทรัพย์และเครื่องมือการลงทุนที่แตกต่าง เริ่มต้นใหม่ ในปีใหม่นี้ ด้วยการเทรด CFD คุณจะได้กระจายความเสี่ยงของการลงทุน คว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนในยามที่ตลาดผันผวน ไม่ต้องรอเวลาให้มูลค่าเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวแล้วจึงจะได้รับผลกำไร
นิยามของ “ปีใหม่” มักจุดประกายวิถีชีวิตใหม่ ๆ ให้กับเรา และเรื่องของการเงินก็ไม่มีข้อยกเว้น หลายท่านรวบรวมการใช้จ่ายตลอดปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว และอาจพิจารณาถึงวิธีเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนด้วย
การสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นไม่ได้เป็นเพียงการสร้างโอกาสสำหรับผลตอบแทนที่สูงเท่านั้น แต่เป็นการจัดสรรความเสี่ยงอย่างมีกลยุทธ์เพื่อรับมือกับพายุตลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการรีบาลานซ์พอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน
3 ความสำคัญของการจัดพอร์ตลงทุน
ด้วยการกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย ใช้เครื่องมือทางการลงทุนที่แตกต่าง คุณจะไม่ได้ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว หากสินทรัพย์ตัวหนึ่งสะดุด ก็ยังมีสินทรัพย์ตัวอื่นสามารถช่วยพยุงพอร์ตการลงทุนและลดการสูญเสียให้เหลือน้อยที่สุดได้ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในตลาดที่มีพลวัตในปัจจุบัน ซึ่งความผันผวนดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติใหม่
การลดความผันผวน: การกระจายความเสี่ยงทำหน้าที่เหมือนโช้คอัพสำหรับพอร์ตการลงทุน เมื่อสินทรัพย์ประเภทหนึ่งประสบภาวะตกต่ำ สินทรัพย์อื่น ๆ อาจจะเจริญรุ่งเรือง โดยชดเชยการขาดทุนและทำให้ผลตอบแทนโดยรวมมีเสถียรภาพ
คว้าโอกาสที่หลากหลาย: ประเภทสินทรัพย์และภาคส่วนที่แตกต่างกันมีวงจรการเติบโตที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง การมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย จะทำให้คุณพร้อมที่จะคว้าโอกาสอันหลากหลายเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้น และเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการทำกำไรในระยะยาว
การลดการลงทุนด้านอารมณ์: เมื่อคุณลงทุนมหาศาลในสินทรัพย์เพียงหนึ่งหรือสองรายการ มันง่ายที่จะจมอยู่กับความผันผวนของตลาดในแต่ละวัน และตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นโดยอาศัยความกลัวหรือความโลภ การกระจายความเสี่ยงช่วยลดความกดดัน ช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายการลงทุนระยะยาวได้
เมื่อไรควรรีบาลานซ์พอร์ตดี
คุณได้เลือกสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง เปิดรับพลังของการกระจายความเสี่ยงระหว่างตราสารและประเภทต่าง ๆ และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับขั้นตอนสำคัญอีกขั้นหนึ่งคือการรีบาลานซ์พอร์ตใหม่
บทความที่คุณอาจสนใจ
แต่เวลาไหนคือเวลาที่ "ดีที่สุด" ในการรีบาลานซ์พอร์ต มีวันที่ในปฏิทินมหัศจรรย์หรือสัญญาณตลาดที่กรีดร้องว่า "ปรับสมดุลทันที!" หรือไม่ ความจริงก็คือไม่มีคำตอบที่เหมาะกับทุกคำตอบ มีปัจจัยสำคัญบางประการที่ต้องพิจารณาซึ่งสามารถช่วยคุณค้นหาจุดที่เหมาะสมในการรีบาลานซ์พอร์ตการลงทุน และช่วยให้มั่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงยังคงตรงจุด
เวลาที่กำหนดเอง: นักลงทุนบางรายชอบแนวทางที่กำหนดไว้ โดยการรีบาลานซ์พอร์ตใหม่เป็นรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือแม้แต่รายปี นี่เป็นการเช็คอินเป็นประจำและรับประกันว่าคุณจะไม่มีวันออกนอกเส้นทางมากเกินไป
ผู้เชี่ยวชาญตลาด: คนอื่น ๆ ใช้แนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดและรีบาลานซ์พอร์ตเฉพาะเมื่อการจัดสรรสินทรัพย์เบี่ยงเบนไปจากเปอร์เซ็นต์เป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ (เช่น การเบี่ยงเบน 5% หรือ 10%) นี่อาจเป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการแนวทางที่ลงมือปฏิบัติจริงมากกว่าและต้องการใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาด
เสือเสือพันธุ์ผสม: คุณสามารถรวมทั้งสองแนวทางข้างต้นเข้าด้วยกันได้ ตั้งการแจ้งเตือนในปฏิทินสำหรับการตรวจสอบเป็นประจำ แต่ปรับสมดุลเฉพาะในกรณีที่การจัดสรรสินทรัพย์คลาดเคลื่อนไปอย่างมาก สิ่งนี้ให้ความสมดุลระหว่างโครงสร้างและความยืดหยุ่น
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรีบาลานซ์พอร์ตคือเวลาที่เหมาะกับคุณและกลยุทธ์การลงทุนมากที่สุด พิจารณาการยอมรับความเสี่ยง ระดับการมีส่วนร่วมที่ต้องการ และความผันผวนของสินทรัพย์ที่คุณเลือก ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหากคุณต้องการความช่วยเหลือในการเต้นรำเพื่อปรับสมดุล
ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่ด้วยความคิดใหม่ ๆ และความรู้สึกที่สดใหม่ ใช้โอกาสดีนี้ทบทวน จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้กระชับยิ่งขึ้น ตั้งปณิธานว่าเราจะเป็นนักลงทุนคนใหม่ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านความรู้ มีความมั่นคงทางด้านอารมณ์ และไม่หลงลืมเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคลที่เป็นเหตุผลแรก ๆ ที่ชักนำตัวเราให้เข้ามาสู่วงการนี้
3 ก้าวสำคัญของการรีบาลานซ์พอร์ต
เมื่อเอ่ยถึงวิธีปฏิบัติ หลายท่านอาจไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน แต่โปรดจำไว้ว่า งานนี้ไม่มีกฏตายตัว การรีบาลานซ์พอร์ตไม่มีสูตรสำเร็จว่าต้องทำตามนี้หนึ่ง สอง สาม ในสัดส่วนที่เท่า ๆ กันสำหรับแต่ละบุคคล แต่อยากมห้คุณลองเริ่มจาก 3 ขั้นตอนง่าย ๆ นี้ดูก่อน รวมถึงท่านไหนที่ตอนนี้ยังไม่มีพอร์ตลงทุนเป็นของตัวเอง เรามาเริ่มต้นสร้างพอร์ตกันตั้งแต่วันนี้ด้วยแนวคิดของการรีบาลานซ์พอร์ต 3 ขั้นตอน
ทบทวนการจัดพอร์ตปัจจุบัน
สำหรับท่านที่มีพอร์ตอยู่แล้ว ให้เริ่มจากการตรวจสอบพอร์ตปัจจุบันดูก่อน ว่ามีสินทรัพย์ใดหรือเครื่องมือใดบ้างที่ซ้ำซ้อนหรือไม่ เช่น ซื้อกองทุนรวมหุ้นไทยตาม SET50 แต่ก็ยังมีลงทุน ETF 1DIV ไว้อยู่ แบบนี้ ลองพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่ที่จะถือ SET50 กับ SETHD ไว้คู่กัน จะป็นการเสียโอกาสการลงทุนหรือไม่ หรือเครื่องมือไหนสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า
อีกตัวอย่างคือ มีสินทรัพย์ประเภทไหนที่จัดเป็น Cash Cow ให้เราได้บ้าง หมายถึง สร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างน่าสนใจ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน หรือรายการเทียบเท่าเงินสด ถ้าพิจารณาว่าควรค่าต่อการถือครองก็เก็บไว้ต่อไป แต่หากมองว่ายังมีโอกาสอื่น ๆ ที่ดีกว่า ก็อาจขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในส่วนนั้นแทน
สำหรับท่านที่ยังไม่มีพอร์ตตอนนี้ เป็นนักลงทุนและเทรดเดอร์มือใหม่ อาจใช้แนวทางนี้ในการคัดเลือกสินทรัพย์และเครื่องมือการลงทุนที่ไม่ซ้ำซ้อน ไม่ตัดโอกาส และเลือกหาวิธีทางที่ต้นทุนถูกกว่าได้เช่นกัน
วิธีที่ง่ายที่สุดในการติดตามพอร์ตการลงทุนคือการใช้เอ็กเซลอย่างง่าย ๆ เพื่อดูว่า คุณได้ลงทุนไปในสินทรัพย์ใด ด้วยเครื่องมือใดบ้างแล้ว เสมือนเป็นพอร์ตลงทุนขนาดย่อมที่เข้าถึงได้ในที่เดียว อย่าดูจนบ่อยเกินไป ควรจัดเวลาสัก 3 เดือนหนึ่งครั้ง หรือครึ่งปีหนึ่งครั้ง หรือเมื่อมีข่าวสำคัญ ๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่อพอร์ตปัจจุบันของตนเอง
ประเด็นสำคัญของการทบทวนพอร์ตปัจจุบันก็เพื่อให้สอดคล้องต่อเป้าหมายทางการเงินที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขชีวิตแต่ละช่วงเวลา บางคนแพลนเรียนต่อ เปิดธุรกิจ หรือมีเหตุต้องใช้เงินจำนวนมากขึ้น หรือบางจังหวะ ตลาดหนึ่งมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหนึ่ง ก็อาจถือเป็นการโยกย้ายเงินทุนไปในส่วนที่มีโอกาสกว่า
ปรับแนวและปรับเปลี่ยน
เมื่อทบทวนพอร์ตแล้วเห็นจุดบอดและโอกาส ก็ให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนไปตามนั้น เพิ่มความหลากหลายของประเภทสินทรัพย์ (เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น คริปโต) ประเทศ (ไทย ญี่ปุ่น จีน ยุโรป สหรัฐฯ) กระจายความเสี่ยงของการลงทุน เฉลี่ยความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์และวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ช่วยคานน้ำหนักระหว่างกันได้
บางสินทรัพย์อาจไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีมากนักในช่วงที่ผ่านมา และมีผลขาดทุนยู่เป็นประจำ ลองพิจารณาดูว่าจะยอมตัดใจขายขาดทุนแล้วนำเงินที่เหลือนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสที่ดีกว่าดี หรือยอมถือต่อไป แล้วรอให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นค่อยขาย
คนเรามักอยากขายตอนที่มีกำไร และก็อยากขายตอนที่ขาดทุน (Unrealized Loss) แต่ก็ไม่อยากขาดทุนจริง (Realised Loss) เป็นเรื่องของอารมณ์ที่ต้องรู้เท่าทันและบริหารจัดการให้ดี
ด้วยการเปิดรับความหลากหลาย มีความยืดหยุ่น ไม่วิตกจนเกินไป จะเป็นเกราะกำบังพอร์ตการลงทุน คุณสามารถจัดสรรความเสี่ยงอย่างมีกลยุทธ์ เพิ่มผลตอบแทนสูงสุดตามสภาวะตลาด และสร้างรากฐานสำหรับความสำเร็จทางการเงินในระยะยาว โปรดจำไว้ว่า พอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและความมุ่งมั่นที่จะกระจายความเสี่ยง คุณสามารถฝ่าฟันพายุตลาดและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้
ใช้การเทรด CFD เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง
Contracts for Difference หรือการเทรด CFD คือเครื่องมือทางการเงินที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับในปัจจุบันในด้านการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนตลาดสปอตแบบดั้งเดิม และเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ผู้เชี่ยวชาญและมีพอร์ตการลงทุนที่สมดุลในแง่ของการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนได้มากขึ้นเพราะไม่ต้องจำกัดแต่การถือครองเพื่อให้ได้ราคาสูงกว่าเมื่อตอนเข้ามา
การเทรด CFD เป็นการเทรดที่ใช้เลเวอเรจ ช่วยให้คุณสามารถขยายผลกำไร (และขาดทุน) ในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตั้งแต่หุ้นและดัชนีไปจนถึงสินค้าโภคภัณฑ์และแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล
บทความที่คุณอาจสนใจ
เทรดระยะสั้น CFD มีต้นทุนเท่าไร
ใช้ความคิดเหนืออารมณ์นำการเทรด จัดพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมาย ทบทวนและรีบาลานซ์ไปยังสินทรัพย์และเครื่องมือการลงทุนที่แตกต่าง เริ่มต้นใหม่ ในปีใหม่นี้ ด้วยการเทรด CFD คุณจะได้กระจายความเสี่ยงของการลงทุน คว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนในยามที่ตลาดผันผวน ไม่ต้องรอเวลาให้มูลค่าเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียวแล้วจึงจะได้รับผลกำไร
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก
ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ
2024-10-29
TOPONE Markets Analyst - ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024
เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD
2024-08-07
TOPONE Markets Analyst - 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
2024-01-30
TOPONE Markets Analyst - รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร
รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น
2023-11-15
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!