มองทิศทางเศรษฐกิจด้วยดัชนี PMI

ดัชนี PMI (Purchasing Manager Index) หรือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเป็นดัชนีที่แสดงถึงทิศทางของแนวโน้มเศรษฐกิจในภาคการผลิตและการบริการ เป็นตัวบ่งชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ดัชนี PMI อ้างอิงจากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อซึ่งถูกขอให้ให้คะแนนระดับสัมพัทธ์ของเงื่อนไขทางธุรกิจ รวมถึงการจ้างงาน การผลิต คำสั่งซื้อใหม่ ราคา การส่งมอบของซัพพลายเออร์ และสินค้าคงคลัง ค่า PMI ที่สูงกว่า 50% บ่งชี้ถึงการขยายตัว ขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 50% บ่งชี้ว่ามีการหดตัว

ในทุก ๆ เดือน ดัชนี PMI จะถูกเปิดเผยออกมาเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะของเศรษฐกิจของประเทศหนึ่ง ๆ หรือแนวโน้มภาพรวมของทิศทางเศรษฐกิจของโลก ดัชนี PMI เป็นตัวบ่งชี้หลักที่ช่วยให้นักเศรษฐศาสตร์ การเงิน และผู้กำหนดนโยบายประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังดำเนินไปได้ดีเพียงใด 

ในบทความนี้ เรามาดูกันถึงรายละเอียดของพื้นฐานดัชนี PMI เหตุใดจึงมีความสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และดัชนี PMI ของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ณ วันที่เขียนคือต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ดังนั้น ข้อมูลล่าสุดของดัชนี PMI ไทยจึงเป็นข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาเมื่อเดือนมกราคม

ดัชนี PMI ใช้มองทิศทางเศรษฐกิจอย่างไร

ดัชนี PMI เป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของดัชนีย่อย 5 ดัชนี ได้แก่ คำสั่งซื้อใหม่ ระดับสินค้าคงคลัง การผลิต การส่งมอบซัพพลายเออร์ และสภาพแวดล้อมการจ้างงาน

มันถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของสุขภาพทางเศรษฐกิจเนื่องจากการผลิตนั้นเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้าง เมื่อผู้ผลิตเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น พวกเขามักจะเพิ่มการจ้างงาน สั่งซื้อวัตถุดิบมากขึ้น และเพิ่มการใช้จ่ายในสินค้าทุน

ค่าที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 50 แสดงถึงการหดตัว ยิ่งห่างจาก 50 การเติบโตหรือลดลงจะยิ่งแข็งแกร่ง

PMI หรือ Purchasing Managers' Index เป็นดัชนีสำคัญในการติดตามทิศทางของเศรษฐกิจในอนาคต ดัชนี PMI สำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในหลากหลายอุตสาหกรรม และให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต

มีประโยชน์มากมายในการดูดัชนี PMI เนื่องจากสามารถให้เบาะแสที่สำคัญเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของเศรษฐกิจ จากการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในหลากหลายอุตสาหกรรม ดัชนี PMI จะให้ภาพที่ชัดเจนว่าธุรกิจมีการดำเนินการอย่างไร ข้อมูลนี้สามารถใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การจ้างงาน และการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญอื่นๆ

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ยังเผยแพร่เป็นรายเดือน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะติดตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจเมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อระบุแนวโน้มและคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของเศรษฐกิจ

ดัชนี PMI เป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดสุขภาพของภาคการผลิต ดัชนีอิงตามการสำรวจของบริษัทผู้ผลิต และเผยแพร่ทุกเดือนโดย Institute for Supply Management (ISM)

ดัชนี PMI เป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดโดยนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ตลาด ค่าที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว ดัชนี PMI ค่อนข้างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำสถิติสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2018

ISM เผยแพร่ดัชนี PMI เวลา 10:00 น. ET ในวันทำการแรกของทุกเดือน ข้อมูลมีอยู่อย่างแพร่หลาย และนักเศรษฐศาสตร์มักใช้เพื่อคาดการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต

ศึกษาดัชนี PMI ปี 2023 เพิ่มเติม

ดัชนี PMI กับข่าว Non-Farm Payroll บอกทิศทางเศรษฐกิจแง่ใดบ้าง

ดัชนี PMI เป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิต รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเป็นตัวบ่งชี้ที่ล้าหลัง ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างงานในระบบเศรษฐกิจ แม้ว่าทั้งสองจะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ให้ข้อมูลที่แตกต่างกันและควรพิจารณาร่วมกันเมื่อทำการตัดสินใจลงทุน

ดัชนี PMI เผยแพร่ทุกเดือนโดย Institute for Supply Management (ISM) วัดสุขภาพของภาคการผลิตโดยการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทต่างๆ กว่า 400 แห่ง

ดัชนี PMI คำนวณจากอะไร

1. คำสั่งซื้อใหม่

2. การผลิต

3. การจ้างงาน

4. ระยะเวลาการส่งมอบของซัพพลายเออร์

5. ระดับสินค้าคงคลัง

ค่าที่สูงกว่า 50% บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 50% บ่งชี้ถึงการหดตัว

ในอีกทางหนึ่ง รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (Non-Farm Payroll) ที่เผยแพร่เป็นรายเดือนโดยสำนักสถิติแรงงาน (BLS) ของสหรัฐฯ จะวัดการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจโดยการสำรวจธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาลว่ามีเพิ่มขึ้นหรือลดลงกี่ตำแหน่ง ข่าว Non-Farm Payroll ข้อมูลเกี่ยวกับงานภาคเอกชน งานภาครัฐ และงานชั่วคราว ค่าที่สูงกว่าศูนย์บ่งชี้ถึงการเติบโตของงาน ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่าศูนย์บ่งชี้ถึงการสูญเสียงาน แสดงถึงการซบเซาของเศรษฐกิจ

ทั้งดัชนี PMI และข่าวนอนฟาร์มเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจ แม้จะเป็นขอบข่ายของสหรัฐอเมริกาก็ตาม แต่อย่าลืมว่านอกเหนือจากสหรัฐฯ ก็ไม่มีชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจไหนที่จะมีอิทธิพลต่อระบบบเศรษฐกิจของชาติอื่น ๆ อีกแล้ว

ดัชนี PMI ของไทย ปี 2566

ดัชนี PMI ของประเทศไทยในปี 2566 เป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ดัชนีนี้อ้างอิงจากการสำรวจของบริษัทผู้ผลิตและได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงในระดับการผลิตตั้งแต่เนิ่น ๆ

ล่าสุดในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ค่าดัชนี PMI ของไทยแตะระดับ 54.5% ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่สอง หลังจากที่แตะระดับเกือบ 56% ในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา

แนวโน้มภาคการผลิตยังคงเป็นบวกโดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและสภาวะภายในประเทศที่เอื้ออำนวย การเติบโตคาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งในเดือนต่อๆ ไป โดยดัชนี PMI จะอยู่สูงกว่า 50

บทส่งท้าย

ดัชนี PMI เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม และสามารถใช้โดยทั้งธุรกิจและนักลงทุน ให้ภาพรวมของสถานะปัจจุบันของเศรษฐกิจ ทำให้เราเข้าใจถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้น ดัชนี PMI นี้ยังช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจทางการเงินในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป้นตัวบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมกำลังฟื้นตัว หรือซบเซา ช่วยให้นักลงทุนทั้งระยะยาวและระยะสั้นวางแผนการใช้เงินเพื่อซื้อสินทรัพย์ที่ดี ในเวลาที่เหมาะสมได้อีกด้วย