เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด Forex ดอกเบี้ย FED 101: เรื่องต้องรู้ในการแปลความดอกเบี้ย FED ล่าสุด

ดอกเบี้ย FED 101: เรื่องต้องรู้ในการแปลความดอกเบี้ย FED ล่าสุด

ดอกเบี้ย FED ของสหรัฐอเมริกาส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงมีอิทธิพลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและส่วนต่าง ๆ รวมทั้งตลาดหุ้นและเงินในกระเป๋าของเรา

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2023-08-08
ไอคอนรูปตา 6915

หากใครติดตามข่าวสารเสณษฐกิจอยู่เป็นประจำ ในช่วงเวลานี้ มักจะได้ยินคำว่า “ดอกเบี้ย FED” หรือ “FED ขึ้นดอกเบี้ย” อยู่บ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ทราบดีนักว่า FED คือใคร มีอิทธิพลต่อเงินของเราอย่างไร และเราจะใช้ข้อมูลจากข่าวการขึ้นดอกเบี้ย FED นี้ในการวางแผนการลงทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างไรเพื่อบรรเทาความเสี่ยงโดยและเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนให้มากขึ้น


ยินดีต้อนรับสู่บทความของ TOPONE Markets ของเรานี้ที่เกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และผลกระทบต่อเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ หากคุณเคยสงสัยว่าการตัดสินใจของ FED หรือ Federal Reserve ซึ่งเป็นธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา สถาบันอันทรงอำนาจนี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร คุณมาถูกที่แล้ว!



ดอกเบี้ย FED มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทุกอย่างรอบตัวเราอย่างคาดไม่ถึง ไม่ได้จำกัดว่าคุณจะอยู่ในสหรัฐฯ หรือใช่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในชีวิตประจำวันหรือไม่ ตั้งแต่อัตราการจำนองอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงความมั่นคงในการทำงาน ประสิทธิภาพของตลาดหุ้น กำลังซื้อของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เนื่องจากการที่สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ นานาประเทศทำการค้าขายระหว่างประเทศด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ทุกคน ทุกธุรกิจย่อมได้รับผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อม มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมในการค้าเหล่านั้น


ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และเปิดเผยความหมายที่กว้างไกลสำหรับบุคคลและธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีส่วนร่วมในตลาดการเทรดโลกอย่างเราทุก ๆ คน ที่จะได้รับผลกระทบไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมจากการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดก็ตาม บทความดอกเบี้ย FED 101 เรื่องต้องรู้ในการแปลความดอกเบี้ย FED ล่าสุดนี้มีคำตอบ

FED คือใคร ทำไมมีอิทธิพลต่อเงินยิ่งนัก

FED (The Federal Reserve System) หรือที่มักเรียกกันว่า FED  (เฟด) เป็นระบบธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2456 โดยมีหน้าที่ส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตภายในเศรษฐกิจของประเทศ  หน่วยงานนี้ ดำเนินงานโดยเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง และการตัดสินใจของ FED เกี่ยวกับการเงิน โดยเฉพาะการประชุม FED ที่เกี่ยวเนื่องกับขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดนั้นได้รับคำแนะนำจากวัตถุประสงค์สองประการ ได้แก่ เพิ่มการจ้างงาน (Non-farm Payroll) สูงสุดและรักษาระดับราคาให้คงที่


หนึ่งในความรับผิดชอบหลักของ  FED  คือการกำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการควบคุมอัตราดอกเบี้ย ด้วยการปรับอัตราดอกเบี้ย  FED มีเป้าหมายที่จะมีอิทธิพลต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับธนาคารและบุคคล ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายและระดับการลงทุนทั่วทั้งเศรษฐกิจ


นอกจากบทบาทในการกำหนดนโยบายการเงินแล้ว  FED ยังดูแลและควบคุมสถาบันการเงินเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความมั่นคง การกำกับดูแลนี้ช่วยรักษาความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของประเทศของเรา


นอกจากนี้ ในฐานะส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบ  FED  ทำหน้าที่เป็นผู้ให้กู้ที่พึ่งสุดท้ายในช่วงเวลาที่ตึงเครียดทางการเงิน ความสามารถในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือวิกฤต


การทำความเข้าใจว่าใครกันแน่ที่ประกอบเป็นสถาบันอันทรงอำนาจแห่งนี้ซึ่งรู้จักกันในชื่อ  FED  นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจว่าสถาบันดังกล่าวกำหนดภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของเราอย่างไรผ่านนโยบายและการดำเนินการ


FED คือใคร อ่านเกี่ยวกับ FED ธนาคารกลางสหรัฐฯได้จากบทความนี้ของเรา

ดอกเบี้ย FED ผู้วางอนาคตเงินออม

เมื่อพูดถึงก้าวแรกของความมั่งคั่ง การฝากเงินรับดอกเบี้ยเงินฝากมีบทบาทสำคัญในการไปสู่เป้าหมายนั้น คุณอาจสงสัยว่ามันทำงานอย่างไรและส่งผลอย่างไรต่อเงินที่หามาอย่างยากลำบาก


หากมองเพียงด้านเดียว คือมองเฉพาะการเพิ่มพูนผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากโดยลำพัง นี่อาจเป็นความคิดที่ดี เมื่อผลประชุม FED ออกมาว่าตัดสินใจเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน จะส่งผลโดยตรงต่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารจ่ายให้กับการฝากเงินหรือการซื้อพันธบัตรรัฐบาล



หากคุณขยันออมเงิน ดอกเบี้ย FED ที่สูงขึ้นอาจเป็นข่าวดีสำหรับคุณ หมายความว่าธนาคารมีแนวโน้มที่จะเพิ่มผลตอบแทนที่พวกเขาเสนอให้ในบัญชีออมทรัพย์ สิ่งนี้แปลเป็นรายได้ดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป


แต่อย่าลืมว่า ศัตรูของเงินออมคือเงินเฟ้อ และอย่าลืมว่าเบื้องหลังผลตอบแทนที่ดูสวยงามนี้ เป็นผลมาจากการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ในด้านของการลดกิจกรรมการผลิตและการบริโภคลงเพื่อจำกัดเงินเฟ้อด้วยวิธีการขึ้นดอกเบี้ยนี้ ดังนั้น การออมเงินอย่างเดียวจึงไม่สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางกรเงินได้ และนี่เองคือแรงขับอันสำคัญที่ทำให้เราทุกคนได้มาพบกันในโลกของการลงทุนและทำกำไรในการเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ที่นี่

ดอกเบี้ย FED: อิทธิพลหลักของกำลังซื้อ

นอกเหนือจากผลดีต่อการออมเงินแล้ว ดอกเบี้ย FED ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดกำลังซื้อของผู้บริโภค เมื่อ FED ปรับอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อความพร้อมใช้งานและต้นทุนของสินเชื่อ


หาก FED ขึ้นดอกเบี้ย ต้นทุนของการกู้เงินจะแพงขึ้น ผลที่ตามมาคือ บุคคลทั่วไปอาจพบว่าการขอสินเชื่อสำหรับการซื้อสินค้าครั้งใหญ่ เช่น บ้านหรือรถยนต์อาจทำได้ยากขึ้น อัตราดอกเบี้ย FED ที่สูงขึ้นนี้ยังอาจทำให้ภาระหนี้สินรายเดือนต่อการกู้ยืมต่าง ๆ เช่น ดอกเบี้ยบ้าน ดอกเบี้ยรถ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมการศึกษาพุ่งขึ้นด้วย


ในทางกลับกัน เมื่อดอกเบี้ยถูกลง ต้นทุนของการกู้ยืมก็จะถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้น สิ่งนี้สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายและกระตุ้นให้ผู้คนซื้อสินค้าจำนวนมากขึ้นด้วยการใช้เครดิต และต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงนี้อาจจูงใจให้คนเริ่มนึกถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้เช่นกัน


นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยก็ยังอาจส่งผลต่อระดับเงินเฟ้อ หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มากเกินไปซึ่งกระตุ้นโดยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ราคาของสินค้าและบริการอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อต่ำเกินไปเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจ อาจมีแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดที่นำไปสู่การลดราคาสินค้าและบริการ

ดอกเบี้ย FED ล่าสุดส่งผลต่อการซื้อบ้านอย่างไร

ดอกเบี้ย FED ล่าสุด ที่ 5.5% ณ ต้นเดือน ส.ค. 2566 เช่นนี้ สามารถทำให้เกิดหรือหยุดฟองสบู่ได้ไหม นี่เป็นคำถามที่ถกเถียงกันในหมู่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมานานหลายปี กรณีของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2566 ให้มุมมองที่น่าสนใจในหัวข้อนี้


ในปี 2566 ทาง FED ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อและสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้มีผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อตลาดที่อยู่อาศัย เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ต้นทุนกู้ยืมของประชาชนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ผู้ที่ต้องการมีบ้าน มีต้นทุนที่แพงมากขึ้น


ต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันนี้ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงเนื่องจากอุปสงค์ความต้องการลดลง ราคาบ้านซึ่งเป็นอุปทานก็ต้องปรับลงหรือเริ่มลดลงตามกลไกตลาด ทำให้เจ้าของบ้านจำนวนมากที่ซื้อบ้านในช่วงที่ตลาดถึงจุดสูงสุดพบว่าตัวเองอยู่ใต้น้ำจากการจำนอง


ปัญหาด้านที่อยู่อาศัยในกรณีนี้ ดูเหมือนว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมีส่วนทำให้ฟองสบู่ที่อยู่อาศัยแตก ด้วยการทำให้การกู้ยืมมีราคาแพงขึ้นและอุปสงค์ลดลง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงมีบทบาทในการทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเย็นลง


สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าปัจจัยอื่น ๆ ก็มีบทบาทเช่นกันในวิกฤตที่อยู่อาศัยในปี 2566 การเก็งกำไรและการปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ไม่ใช่แค่การปรับอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่เป็นการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่การก่อตัวหรือฟองสบู่


การทำความเข้าใจว่าองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญเมื่อตีความการตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และผลกระทบต่อตลาดที่เฉพาะเจาะจง เช่น อสังหาริมทรัพย์

มุมมองของ FED มีอิทธิพลต่อดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารและเจ้าหนี้

FED  มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในความรับผิดชอบหลักนี้คืออิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารและผู้ให้กู้ และในฐานะของผู้บริโภคและผู้มีส่วนร่วมในตลาดการเงิน เรื่องนี้มีอิทธิพลต่อเราอย่างไรบ้าง


เมื่อ FED ตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเช่นในการขึ้นดอกเบี้ยล่าสุด จะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปในการกู้ยืมเงินจากธนาคาร ในขณะที่การลดลงของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมกับสถาบันการเงิน (เพราะต้นทุนถูกลง) และการใช้จ่ายเนื่องจากขาดแรงจูงใจในด้านดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง คนจึงหันมานำเงินไปใช้จ่ายแทน กิจกรรมนี้สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ได้ ในทางตรงกันข้าม การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้การกู้ยืมและการใช้จ่ายช้าลง เช่น จากการ ประชุม FED ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ย FED ล่าสุดเมื่อต้นเดือน ส.ค. 66 ที่ 5.5% นี้ จะทำให้คนอยากนำเงินสดที่มีในมือไปฝากธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ยเงินฝากเป็นผลตอบแทนโดยไม่ต้องเสี่ยง



สิ่งนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อการจำนอง สินเชื่อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภทอื่น ๆ เมื่อ FED ลดอัตราดอกเบี้ย มันจะถูกลงสำหรับบุคคลที่จะกู้เงินหรือรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่มีอยู่


สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูความผันผวนเหล่านี้ หากคุณต้องการเพิ่มศักยภาพการออมหรือพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า


การตัดสินใจของ FED มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อตำแหน่งที่ธนาคารกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกอย่างตั้งแต่การชำระเงินจำนองไปจนถึงใบเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และแปลความอย่างถูกต้องตามเหตุและผลจะช่วยให้คุณมีความรู้ที่สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้นว่าในเวลานี้ควรเทรดหรือลงทุนอะไรดี

FED มีอิทธิพลต่อความรู้สึกมั่นคงในงานหรือความง่ายในการหางาน

อิทธิพลการประชุม ของ FED ขยายออกไปในวงกว้างถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตลาดการเงิน นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการที่คุณรู้สึกปลอดภัยในงานและการหางานทำได้ง่ายเพียงใด


เมื่อเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ในที่นี้คือภาพของเศรษฐกิจและตลาดรแงงานในสหรัฐฯ เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้ FED ต้องขึ้นดอกเบี้ย สิ่งนี้อาจทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ระมัดระวังมากขึ้นในการจ้างพนักงานใหม่ เนื่องจากต้นทุนของการกู้ยืมมีราคาแพงขึ้น 


ท่ามกลางสภาวะที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในดอกเบี้ยเงินฝากตามการที่FED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุด ที่เป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดเงินทุนไปยังสถาบันมากกว่าการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ห้างร้าน ธุรกิจต่าง ๆ ระมัดระวังมากขึ้นว่า หากจ้างงานเพิ่ม แต่ไม่มีลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ ก็ทำให้เกิดความไ่ม่สมดุลกัน


ดังนั้นแล้วบรรดาธุรกิจต่าง ๆ จึงเลือกที่จะชะลอการจ้างงานลง หรือปลดพนักงงานลงดังที่ได้เห็นตามข่าวอยู่เสมอ ๆ ในอีกด้าน เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะกู้เงิน และใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น รถยนต์ หรือบ้านมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องขยายกำลังคน ทั้งสองเหตุการณ์นี้ได้ถูกแปลงข้อมูลเป็นการรายงานตัวเลข Non-Farm Payroll (ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร) ทุก ๆ ต้นเดือนด้วยว่ามีตำแหน่งงานว่างเท่าไร เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากเดือนที่ผ่านมากี่เปอร์เซ็นต์


ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจประสบปัญหา  FED อาจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ จ้างงาน

ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย - ข้อมูลการจ้างงาน - ตลาดหุ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ย FED  ข่าว Non-Farm และตลาดหุ้นเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนของการพึ่งพาระหว่างกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อพอร์ตการลงทุน เมื่อเรามองไปยังปี พ.ศ. 2566 เราจะต้องทำความเข้าใจความสัมพันธ์นี้และกลับมาทบทวนวิธีที่ควรปรับสมดุลการจัดสรรการลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ย FED ล่าสุดสูงที่สุดในรอบ 22 ปี


กล่าวอย่างง่าย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นล่าสุดจากการประชุม FED ปี พ.ศ. 2566 มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในทางลบ เนื่องจากเทรดเดอร์เริ่มระมัดระวังเกี่ยวกับความสามารถในอนาคตของการทำกำไรของบริษัทในตลาดหุ้น และเริ่มจัดสรรสินทรัพย์ของตนไปสู่ทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตรหรือรายการเทียบเท่าเงินสด หรือที่ตรงกันข้ามสุดขั้วอย่างทองคำ 


เราจะเห็นได้เสมอว่า เมื่อในยามภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การกล่าวถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุต่าง ๆ หรือราคาทองคำจะเป็นที่ถูกพูดถึงอยู่ค่อนข้างมาก


ตัวบ่งชี้สำคัญอย่างหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจว่าผลการประชุม FED จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไรคือการเผยแพร่ข้อมูล Non-Farm Payroll หรือการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างตลาดแรงงานหรือตัวเลขการจ้างงานนอกอุตสาหกรรมการเกษตรในสหรัฐฯ


ชุดข้อมูลนี้ทำหน้าที่เป็นมาตรวัดที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากระดับการจ้างงานมีอิทธิพลโดยตรงต่อรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม หากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งพร้อมโอกาสในการทำงานที่เพิ่มขึ้น เทรดเดอร์จะตีความสิ่งนี้ในเชิงบวกต่อศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัท


ผลกระทบต่อรูปแบบการใช้จ่าย ผลกำไรขององค์กร และความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ ซึ่งท้ายที่สุดจะสะท้อนออกมาในการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น เทรดเดอร์ติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาจมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาหุ้น


ในขณะที่เราสำรวจภูมิทัศน์ของปี 2023 ซึ่งความคาดหวังชี้ไปที่ดอกเบี้ย FED ที่สูงขึ้นซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาด ความพยายามในการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด

ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย - ทองคำ - น้ำมัน

ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ย FED กับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การเทรดทองคำและน้ำมันดิบ เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนซึ่งมักจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน


ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ยเงินฝาก FED กับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การเทรดทองคำและน้ำมันดิบเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ในปี 2566 เมื่อ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้


อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นมักจะนำไปสู่ต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ส่งผลให้การลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือภาคการผลิต) อาจลดลง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง


เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบเชิงลบโดยตรงต่อความต้องการน้ำมันดิบ เนื่องจากอุตสาหกรรมจำนวนมากต้องพึ่งพาน้ำมันเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของกิจกรรมการผลิต (น้ำมันที่ใช้โดยตรงกับเครื่องจักรชนิดต่าง ๆ น้ำใันที่ใช้ในกรขนส่ง ฯลฯ) ลดกำลังการผลิตลง


ในอีกด้านของเหรียญ เรามักจะเห็นความสัมพันธ์แบบผกผันของราคาทองคำกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน 2 ชนิดที่ยืนอยู่คนละขั้ว ทองคำมักถูกมองเป็นพื้นที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นผลจากดอกเบี้ย FED ล่าสุดล่าสุดนี้ เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้น คนจะพุ่งความสนใจไปที่ผลตอบแทนนั้นที่มีสภาพคล่องมากกว่า แต่ในอีกเวลาหนึ่ง เมื่อดอกเบี้ยลดลงเพราะต้องการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย จะทำให้ทองคำมีราคาที่น่าสนใจยิ่งขึ้น


ตอนนี้เราเข้าใจความสัมพันธ์นี้และคาดการณ์นโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของ FED ในปี 2023 แล้ว เรามาสำรวจว่าคุณควรปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอย่างไรในช่วงเวลาที่การเงินผันผวนเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูแนวโน้มตลาดที่เกี่ยวข้องกับราคาทองคำและน้ำมันดิบ เนื่องจากมีแนวโน้มผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ FED การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบรู้เกี่ยวกับการปรับพอร์ตการลงทุนที่อาจเกิดขึ้น


การพิจารณาความสัมพันธ์เหล่านี้ในช่วงที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงภายในปี 2566 อาจกระตุ้นให้เทรดเดอร์ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนใหม่ตามสภาวะการณ์เช่นนั้น ในกรณีที่มีการคาดการณ์หรือประกาศปรับขึ้นFED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดในปีนี้ อาจบ่งชี้ถึงนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ 


ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นโดย FED อาจพิจารณาลดความเสี่ยงในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านั้นสามารถประสบกับความสามารถในการทำกำไรลดลงหรือแนวโน้มการเติบโตที่ช้าลงเป็นการชั่วคราว แทนที่จะกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบน้อยลงจากการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน การปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกลายเป็นคำแนะนำที่รอบคอบสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการผลตอบแทนที่เหมาะสมในขณะที่สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดอกเบี้ย FED ล่าสุดและตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นอาจเป็นเหมือนรถไฟเหาะตีลังกา และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาในตลาดหุ้นขึ้นและลงก็คือการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย FED นี้เอง


เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ การกู้ยืมจะถูกลงสำหรับธุรกิจ ในทางกลับกัน เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ย การกู้ยืมก็จะแพงขึ้น ทำให้ธุรกิจลดการลงทุนและกระชับงบประมาณได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นอาจลดลงเนื่องจากตลาดจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรในอนาคต


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพอร์ตการลงทุนหรือการลงทุนเพื่อการเกษียณลงทุนในหุ้น ความผันผวนในตลาดเหล่านี้อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่งคั่ง หากคุณลงทุนในหุ้นจำนวนมากในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรืออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น คุณอาจพบว่ามูลค่าพอร์ตลดลง


สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และทำความเข้าใจว่าจะส่งผลต่อการลงทุนส่วนบุคคลตามเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง หนึ่งในการจัดการนั้นคือการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความผันผวนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย


การลงทุนเป็นเกมระยะยาวและไม่แนะนำให้พยายามจับเวลาตลาดตามผลการประชุม FED เพียงอย่างเดียว แต่ให้มุ่งเน้นไปที่การสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความสมดุลซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและการยอมรับความเสี่ยงส่วนบุคคล


สมัครรับข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อตลาด ไม่พลาดทุกจังหวะการทำกำไรในยามตลาดผันผวนกับเราที่ TOPONE Markets


泰语CTA.png

ดอกเบี้ย FED ล่าสุดกับโอกาสการลงทุน

การลงทุนและการเทรดอาจเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดไม่นิ่งเช่นนี้ แต่นี่คือธรรมชาติของตลาดการลงทุนระยะยาวและการเทรดเก็งกำไรระยะสั้น ด้วยการแปลความเบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดในแต่ละครั้ง การวิเคราะห์อย่างรอบคอบ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ก็เป็นไปได้ที่จะพบโอกาสภายในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายเช่นนี้


ในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ย FED สูง เทรดเดอร์มักจะระมัดระวังมากขึ้น พวกเขาอาจเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงและมองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคง การเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์สามารถสร้างโอกาสในบางอุตสาหกรรม



โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธบัตรรัฐบาล เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูง ราคาพันธบัตรมักจะลดลงเนื่องจากมีความน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทางเลือกการลงทุนอื่น ๆ เทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญอาจมองว่านี่เป็นโอกาสในการซื้อพันธบัตรในราคาที่มีส่วนลดและรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อตลาดมีเสถียรภาพ


อีกช่องทางที่ควรค่าแก่การสำรวจคือตลาด Forex อัตราดอกเบี้ยสูงสามารถดึงดูดเทรดเดอร์ต่างชาติที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าจากการลงทุน การไหลเข้าของเงินทุนนี้อาจทำให้สกุลเงินของประเทศแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการเทรดระหว่างประเทศ


นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่เติบโตในช่วงที่เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มการลงทุนที่ดี ในขณะที่ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ บริษัทที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้อาจประสบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน


การลงทุนในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนจำเป็นต้องศึกษาและจำกัดความเสี่ยง ต้องกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดและตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ย


ในขณะที่การแสวงหาโอกาสการลงทุนและการเทรดท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงไม่คงที่ของ FED อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็มีลู่ทางที่มีศักยภาพที่ควรค่าแก่การสำรวจด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบและแนวทางที่รอบรู้

หากใครติดตามข่าวสารเสณษฐกิจอยู่เป็นประจำ ในช่วงเวลานี้ มักจะได้ยินคำว่า “ดอกเบี้ย FED” หรือ “FED ขึ้นดอกเบี้ย” อยู่บ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ทราบดีนักว่า FED คือใคร มีอิทธิพลต่อเงินของเราอย่างไร และเราจะใช้ข้อมูลจากข่าวการขึ้นดอกเบี้ย FED นี้ในการวางแผนการลงทุนหรือปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างไรเพื่อบรรเทาความเสี่ยงโดยและเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนให้มากขึ้น


ยินดีต้อนรับสู่บทความของ TOPONE Markets ของเรานี้ที่เกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และผลกระทบต่อเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ หากคุณเคยสงสัยว่าการตัดสินใจของ FED หรือ Federal Reserve ซึ่งเป็นธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา สถาบันอันทรงอำนาจนี้ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร คุณมาถูกที่แล้ว!



ดอกเบี้ย FED มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทุกอย่างรอบตัวเราอย่างคาดไม่ถึง ไม่ได้จำกัดว่าคุณจะอยู่ในสหรัฐฯ หรือใช่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในชีวิตประจำวันหรือไม่ ตั้งแต่อัตราการจำนองอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงความมั่นคงในการทำงาน ประสิทธิภาพของตลาดหุ้น กำลังซื้อของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เนื่องจากการที่สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ นานาประเทศทำการค้าขายระหว่างประเทศด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ทุกคน ทุกธุรกิจย่อมได้รับผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อม มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมในการค้าเหล่านั้น


ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และเปิดเผยความหมายที่กว้างไกลสำหรับบุคคลและธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีส่วนร่วมในตลาดการเทรดโลกอย่างเราทุก ๆ คน ที่จะได้รับผลกระทบไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมจากการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดก็ตาม บทความดอกเบี้ย FED 101 เรื่องต้องรู้ในการแปลความดอกเบี้ย FED ล่าสุดนี้มีคำตอบ

FED คือใคร ทำไมมีอิทธิพลต่อเงินยิ่งนัก

FED (The Federal Reserve System) หรือที่มักเรียกกันว่า FED  (เฟด) เป็นระบบธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2456 โดยมีหน้าที่ส่งเสริมความมั่นคงและการเติบโตภายในเศรษฐกิจของประเทศ  หน่วยงานนี้ ดำเนินงานโดยเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง และการตัดสินใจของ FED เกี่ยวกับการเงิน โดยเฉพาะการประชุม FED ที่เกี่ยวเนื่องกับขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดนั้นได้รับคำแนะนำจากวัตถุประสงค์สองประการ ได้แก่ เพิ่มการจ้างงาน (Non-farm Payroll) สูงสุดและรักษาระดับราคาให้คงที่


หนึ่งในความรับผิดชอบหลักของ  FED  คือการกำหนดนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการควบคุมอัตราดอกเบี้ย ด้วยการปรับอัตราดอกเบี้ย  FED มีเป้าหมายที่จะมีอิทธิพลต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับธนาคารและบุคคล ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายและระดับการลงทุนทั่วทั้งเศรษฐกิจ


นอกจากบทบาทในการกำหนดนโยบายการเงินแล้ว  FED ยังดูแลและควบคุมสถาบันการเงินเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความมั่นคง การกำกับดูแลนี้ช่วยรักษาความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของประเทศของเรา


นอกจากนี้ ในฐานะส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบ  FED  ทำหน้าที่เป็นผู้ให้กู้ที่พึ่งสุดท้ายในช่วงเวลาที่ตึงเครียดทางการเงิน ความสามารถในการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดสามารถช่วยรักษาเสถียรภาพในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือวิกฤต


การทำความเข้าใจว่าใครกันแน่ที่ประกอบเป็นสถาบันอันทรงอำนาจแห่งนี้ซึ่งรู้จักกันในชื่อ  FED  นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจว่าสถาบันดังกล่าวกำหนดภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของเราอย่างไรผ่านนโยบายและการดำเนินการ


FED คือใคร อ่านเกี่ยวกับ FED ธนาคารกลางสหรัฐฯได้จากบทความนี้ของเรา

ดอกเบี้ย FED ผู้วางอนาคตเงินออม

เมื่อพูดถึงก้าวแรกของความมั่งคั่ง การฝากเงินรับดอกเบี้ยเงินฝากมีบทบาทสำคัญในการไปสู่เป้าหมายนั้น คุณอาจสงสัยว่ามันทำงานอย่างไรและส่งผลอย่างไรต่อเงินที่หามาอย่างยากลำบาก


หากมองเพียงด้านเดียว คือมองเฉพาะการเพิ่มพูนผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากโดยลำพัง นี่อาจเป็นความคิดที่ดี เมื่อผลประชุม FED ออกมาว่าตัดสินใจเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน จะส่งผลโดยตรงต่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารจ่ายให้กับการฝากเงินหรือการซื้อพันธบัตรรัฐบาล



หากคุณขยันออมเงิน ดอกเบี้ย FED ที่สูงขึ้นอาจเป็นข่าวดีสำหรับคุณ หมายความว่าธนาคารมีแนวโน้มที่จะเพิ่มผลตอบแทนที่พวกเขาเสนอให้ในบัญชีออมทรัพย์ สิ่งนี้แปลเป็นรายได้ดอกเบี้ยเงินฝากมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป


แต่อย่าลืมว่า ศัตรูของเงินออมคือเงินเฟ้อ และอย่าลืมว่าเบื้องหลังผลตอบแทนที่ดูสวยงามนี้ เป็นผลมาจากการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ในด้านของการลดกิจกรรมการผลิตและการบริโภคลงเพื่อจำกัดเงินเฟ้อด้วยวิธีการขึ้นดอกเบี้ยนี้ ดังนั้น การออมเงินอย่างเดียวจึงไม่สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางกรเงินได้ และนี่เองคือแรงขับอันสำคัญที่ทำให้เราทุกคนได้มาพบกันในโลกของการลงทุนและทำกำไรในการเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ที่นี่

ดอกเบี้ย FED: อิทธิพลหลักของกำลังซื้อ

นอกเหนือจากผลดีต่อการออมเงินแล้ว ดอกเบี้ย FED ยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดกำลังซื้อของผู้บริโภค เมื่อ FED ปรับอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อความพร้อมใช้งานและต้นทุนของสินเชื่อ


หาก FED ขึ้นดอกเบี้ย ต้นทุนของการกู้เงินจะแพงขึ้น ผลที่ตามมาคือ บุคคลทั่วไปอาจพบว่าการขอสินเชื่อสำหรับการซื้อสินค้าครั้งใหญ่ เช่น บ้านหรือรถยนต์อาจทำได้ยากขึ้น อัตราดอกเบี้ย FED ที่สูงขึ้นนี้ยังอาจทำให้ภาระหนี้สินรายเดือนต่อการกู้ยืมต่าง ๆ เช่น ดอกเบี้ยบ้าน ดอกเบี้ยรถ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมการศึกษาพุ่งขึ้นด้วย


ในทางกลับกัน เมื่อดอกเบี้ยถูกลง ต้นทุนของการกู้ยืมก็จะถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้น สิ่งนี้สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายและกระตุ้นให้ผู้คนซื้อสินค้าจำนวนมากขึ้นด้วยการใช้เครดิต และต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงนี้อาจจูงใจให้คนเริ่มนึกถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้เช่นกัน


นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยก็ยังอาจส่งผลต่อระดับเงินเฟ้อ หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มากเกินไปซึ่งกระตุ้นโดยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ราคาของสินค้าและบริการอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อต่ำเกินไปเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนทางธุรกิจ อาจมีแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดที่นำไปสู่การลดราคาสินค้าและบริการ

ดอกเบี้ย FED ล่าสุดส่งผลต่อการซื้อบ้านอย่างไร

ดอกเบี้ย FED ล่าสุด ที่ 5.5% ณ ต้นเดือน ส.ค. 2566 เช่นนี้ สามารถทำให้เกิดหรือหยุดฟองสบู่ได้ไหม นี่เป็นคำถามที่ถกเถียงกันในหมู่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมานานหลายปี กรณีของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2566 ให้มุมมองที่น่าสนใจในหัวข้อนี้


ในปี 2566 ทาง FED ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อและสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้มีผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อตลาดที่อยู่อาศัย เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ต้นทุนกู้ยืมของประชาชนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้ผู้ที่ต้องการมีบ้าน มีต้นทุนที่แพงมากขึ้น


ต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันนี้ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงเนื่องจากอุปสงค์ความต้องการลดลง ราคาบ้านซึ่งเป็นอุปทานก็ต้องปรับลงหรือเริ่มลดลงตามกลไกตลาด ทำให้เจ้าของบ้านจำนวนมากที่ซื้อบ้านในช่วงที่ตลาดถึงจุดสูงสุดพบว่าตัวเองอยู่ใต้น้ำจากการจำนอง


ปัญหาด้านที่อยู่อาศัยในกรณีนี้ ดูเหมือนว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมีส่วนทำให้ฟองสบู่ที่อยู่อาศัยแตก ด้วยการทำให้การกู้ยืมมีราคาแพงขึ้นและอุปสงค์ลดลง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงมีบทบาทในการทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยเย็นลง


สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าปัจจัยอื่น ๆ ก็มีบทบาทเช่นกันในวิกฤตที่อยู่อาศัยในปี 2566 การเก็งกำไรและการปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ไม่ใช่แค่การปรับอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่เป็นการรวมกันของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่การก่อตัวหรือฟองสบู่


การทำความเข้าใจว่าองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไรเป็นสิ่งสำคัญเมื่อตีความการตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และผลกระทบต่อตลาดที่เฉพาะเจาะจง เช่น อสังหาริมทรัพย์

มุมมองของ FED มีอิทธิพลต่อดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารและเจ้าหนี้

FED  มีบทบาทสำคัญในการกำหนดเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในความรับผิดชอบหลักนี้คืออิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารและผู้ให้กู้ และในฐานะของผู้บริโภคและผู้มีส่วนร่วมในตลาดการเงิน เรื่องนี้มีอิทธิพลต่อเราอย่างไรบ้าง


เมื่อ FED ตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเช่นในการขึ้นดอกเบี้ยล่าสุด จะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปในการกู้ยืมเงินจากธนาคาร ในขณะที่การลดลงของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมกับสถาบันการเงิน (เพราะต้นทุนถูกลง) และการใช้จ่ายเนื่องจากขาดแรงจูงใจในด้านดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง คนจึงหันมานำเงินไปใช้จ่ายแทน กิจกรรมนี้สามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ได้ ในทางตรงกันข้าม การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้การกู้ยืมและการใช้จ่ายช้าลง เช่น จากการ ประชุม FED ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ย FED ล่าสุดเมื่อต้นเดือน ส.ค. 66 ที่ 5.5% นี้ จะทำให้คนอยากนำเงินสดที่มีในมือไปฝากธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ยเงินฝากเป็นผลตอบแทนโดยไม่ต้องเสี่ยง



สิ่งนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อการจำนอง สินเชื่อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภทอื่น ๆ เมื่อ FED ลดอัตราดอกเบี้ย มันจะถูกลงสำหรับบุคคลที่จะกู้เงินหรือรีไฟแนนซ์เงินกู้ที่มีอยู่


สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูความผันผวนเหล่านี้ หากคุณต้องการเพิ่มศักยภาพการออมหรือพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า


การตัดสินใจของ FED มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อตำแหน่งที่ธนาคารกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกอย่างตั้งแต่การชำระเงินจำนองไปจนถึงใบเรียกเก็บเงินบัตรเครดิต การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และแปลความอย่างถูกต้องตามเหตุและผลจะช่วยให้คุณมีความรู้ที่สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้นว่าในเวลานี้ควรเทรดหรือลงทุนอะไรดี

FED มีอิทธิพลต่อความรู้สึกมั่นคงในงานหรือความง่ายในการหางาน

อิทธิพลการประชุม ของ FED ขยายออกไปในวงกว้างถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตลาดการเงิน นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการที่คุณรู้สึกปลอดภัยในงานและการหางานทำได้ง่ายเพียงใด


เมื่อเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ในที่นี้คือภาพของเศรษฐกิจและตลาดรแงงานในสหรัฐฯ เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้ FED ต้องขึ้นดอกเบี้ย สิ่งนี้อาจทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ระมัดระวังมากขึ้นในการจ้างพนักงานใหม่ เนื่องจากต้นทุนของการกู้ยืมมีราคาแพงขึ้น 


ท่ามกลางสภาวะที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในดอกเบี้ยเงินฝากตามการที่FED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุด ที่เป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดเงินทุนไปยังสถาบันมากกว่าการจับจ่ายใช้สอย ทำให้ห้างร้าน ธุรกิจต่าง ๆ ระมัดระวังมากขึ้นว่า หากจ้างงานเพิ่ม แต่ไม่มีลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือบริการ ก็ทำให้เกิดความไ่ม่สมดุลกัน


ดังนั้นแล้วบรรดาธุรกิจต่าง ๆ จึงเลือกที่จะชะลอการจ้างงานลง หรือปลดพนักงงานลงดังที่ได้เห็นตามข่าวอยู่เสมอ ๆ ในอีกด้าน เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะกู้เงิน และใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น รถยนต์ หรือบ้านมากขึ้น ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องขยายกำลังคน ทั้งสองเหตุการณ์นี้ได้ถูกแปลงข้อมูลเป็นการรายงานตัวเลข Non-Farm Payroll (ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร) ทุก ๆ ต้นเดือนด้วยว่ามีตำแหน่งงานว่างเท่าไร เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากเดือนที่ผ่านมากี่เปอร์เซ็นต์


ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจประสบปัญหา  FED อาจลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ จ้างงาน

ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย - ข้อมูลการจ้างงาน - ตลาดหุ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ย FED  ข่าว Non-Farm และตลาดหุ้นเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนของการพึ่งพาระหว่างกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อพอร์ตการลงทุน เมื่อเรามองไปยังปี พ.ศ. 2566 เราจะต้องทำความเข้าใจความสัมพันธ์นี้และกลับมาทบทวนวิธีที่ควรปรับสมดุลการจัดสรรการลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ย FED ล่าสุดสูงที่สุดในรอบ 22 ปี


กล่าวอย่างง่าย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นล่าสุดจากการประชุม FED ปี พ.ศ. 2566 มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในทางลบ เนื่องจากเทรดเดอร์เริ่มระมัดระวังเกี่ยวกับความสามารถในอนาคตของการทำกำไรของบริษัทในตลาดหุ้น และเริ่มจัดสรรสินทรัพย์ของตนไปสู่ทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตรหรือรายการเทียบเท่าเงินสด หรือที่ตรงกันข้ามสุดขั้วอย่างทองคำ 


เราจะเห็นได้เสมอว่า เมื่อในยามภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การกล่าวถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุต่าง ๆ หรือราคาทองคำจะเป็นที่ถูกพูดถึงอยู่ค่อนข้างมาก


ตัวบ่งชี้สำคัญอย่างหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจว่าผลการประชุม FED จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไรคือการเผยแพร่ข้อมูล Non-Farm Payroll หรือการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างตลาดแรงงานหรือตัวเลขการจ้างงานนอกอุตสาหกรรมการเกษตรในสหรัฐฯ


ชุดข้อมูลนี้ทำหน้าที่เป็นมาตรวัดที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากระดับการจ้างงานมีอิทธิพลโดยตรงต่อรูปแบบการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม หากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรบ่งชี้ถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งพร้อมโอกาสในการทำงานที่เพิ่มขึ้น เทรดเดอร์จะตีความสิ่งนี้ในเชิงบวกต่อศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัท


ผลกระทบต่อรูปแบบการใช้จ่าย ผลกำไรขององค์กร และความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์ ซึ่งท้ายที่สุดจะสะท้อนออกมาในการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น เทรดเดอร์ติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากอาจมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาหุ้น


ในขณะที่เราสำรวจภูมิทัศน์ของปี 2023 ซึ่งความคาดหวังชี้ไปที่ดอกเบี้ย FED ที่สูงขึ้นซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาด ความพยายามในการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด

ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย - ทองคำ - น้ำมัน

ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ย FED กับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การเทรดทองคำและน้ำมันดิบ เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนซึ่งมักจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน


ความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ยเงินฝาก FED กับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การเทรดทองคำและน้ำมันดิบเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ในปี 2566 เมื่อ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่จะมีผลกระทบอย่างมากต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้


อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้นมักจะนำไปสู่ต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค ส่งผลให้การลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือภาคการผลิต) อาจลดลง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง


เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบเชิงลบโดยตรงต่อความต้องการน้ำมันดิบ เนื่องจากอุตสาหกรรมจำนวนมากต้องพึ่งพาน้ำมันเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของกิจกรรมการผลิต (น้ำมันที่ใช้โดยตรงกับเครื่องจักรชนิดต่าง ๆ น้ำใันที่ใช้ในกรขนส่ง ฯลฯ) ลดกำลังการผลิตลง


ในอีกด้านของเหรียญ เรามักจะเห็นความสัมพันธ์แบบผกผันของราคาทองคำกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน 2 ชนิดที่ยืนอยู่คนละขั้ว ทองคำมักถูกมองเป็นพื้นที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นผลจากดอกเบี้ย FED ล่าสุดล่าสุดนี้ เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มขึ้น คนจะพุ่งความสนใจไปที่ผลตอบแทนนั้นที่มีสภาพคล่องมากกว่า แต่ในอีกเวลาหนึ่ง เมื่อดอกเบี้ยลดลงเพราะต้องการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย จะทำให้ทองคำมีราคาที่น่าสนใจยิ่งขึ้น


ตอนนี้เราเข้าใจความสัมพันธ์นี้และคาดการณ์นโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของ FED ในปี 2023 แล้ว เรามาสำรวจว่าคุณควรปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอย่างไรในช่วงเวลาที่การเงินผันผวนเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูแนวโน้มตลาดที่เกี่ยวข้องกับราคาทองคำและน้ำมันดิบ เนื่องจากมีแนวโน้มผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ FED การรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบรู้เกี่ยวกับการปรับพอร์ตการลงทุนที่อาจเกิดขึ้น


การพิจารณาความสัมพันธ์เหล่านี้ในช่วงที่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงภายในปี 2566 อาจกระตุ้นให้เทรดเดอร์ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนใหม่ตามสภาวะการณ์เช่นนั้น ในกรณีที่มีการคาดการณ์หรือประกาศปรับขึ้นFED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดในปีนี้ อาจบ่งชี้ถึงนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ 


ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นโดย FED อาจพิจารณาลดความเสี่ยงในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล่านั้นสามารถประสบกับความสามารถในการทำกำไรลดลงหรือแนวโน้มการเติบโตที่ช้าลงเป็นการชั่วคราว แทนที่จะกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบน้อยลงจากการเปลี่ยนแปลงทางการเงิน การปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุลกลายเป็นคำแนะนำที่รอบคอบสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการผลตอบแทนที่เหมาะสมในขณะที่สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดอกเบี้ย FED ล่าสุดและตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นอาจเป็นเหมือนรถไฟเหาะตีลังกา และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาในตลาดหุ้นขึ้นและลงก็คือการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย FED นี้เอง


เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ การกู้ยืมจะถูกลงสำหรับธุรกิจ ในทางกลับกัน เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ย การกู้ยืมก็จะแพงขึ้น ทำให้ธุรกิจลดการลงทุนและกระชับงบประมาณได้ ส่งผลให้ราคาหุ้นอาจลดลงเนื่องจากตลาดจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรในอนาคต


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพอร์ตการลงทุนหรือการลงทุนเพื่อการเกษียณลงทุนในหุ้น ความผันผวนในตลาดเหล่านี้อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่งคั่ง หากคุณลงทุนในหุ้นจำนวนมากในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรืออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น คุณอาจพบว่ามูลค่าพอร์ตลดลง


สิ่งสำคัญคือต้องจับตาดูทิศทางการตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ย FED และทำความเข้าใจว่าจะส่งผลต่อการลงทุนส่วนบุคคลตามเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง หนึ่งในการจัดการนั้นคือการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตการลงทุนจากความผันผวนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย


การลงทุนเป็นเกมระยะยาวและไม่แนะนำให้พยายามจับเวลาตลาดตามผลการประชุม FED เพียงอย่างเดียว แต่ให้มุ่งเน้นไปที่การสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความสมดุลซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและการยอมรับความเสี่ยงส่วนบุคคล


สมัครรับข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อตลาด ไม่พลาดทุกจังหวะการทำกำไรในยามตลาดผันผวนกับเราที่ TOPONE Markets


泰语CTA.png

ดอกเบี้ย FED ล่าสุดกับโอกาสการลงทุน

การลงทุนและการเทรดอาจเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดไม่นิ่งเช่นนี้ แต่นี่คือธรรมชาติของตลาดการลงทุนระยะยาวและการเทรดเก็งกำไรระยะสั้น ด้วยการแปลความเบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่ FED ขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดในแต่ละครั้ง การวิเคราะห์อย่างรอบคอบ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ก็เป็นไปได้ที่จะพบโอกาสภายในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายเช่นนี้


ในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ย FED สูง เทรดเดอร์มักจะระมัดระวังมากขึ้น พวกเขาอาจเลี่ยงการลงทุนที่มีความเสี่ยงและมองหาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคง การเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของเทรดเดอร์สามารถสร้างโอกาสในบางอุตสาหกรรม



โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธบัตรรัฐบาล เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูง ราคาพันธบัตรมักจะลดลงเนื่องจากมีความน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทางเลือกการลงทุนอื่น ๆ เทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญอาจมองว่านี่เป็นโอกาสในการซื้อพันธบัตรในราคาที่มีส่วนลดและรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อตลาดมีเสถียรภาพ


อีกช่องทางที่ควรค่าแก่การสำรวจคือตลาด Forex อัตราดอกเบี้ยสูงสามารถดึงดูดเทรดเดอร์ต่างชาติที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าจากการลงทุน การไหลเข้าของเงินทุนนี้อาจทำให้สกุลเงินของประเทศแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการเทรดระหว่างประเทศ


นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่เติบโตในช่วงที่เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มการลงทุนที่ดี ในขณะที่ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ บริษัทที่ดำเนินงานในอุตสาหกรรมเหล่านี้อาจประสบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน


การลงทุนในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนจำเป็นต้องศึกษาและจำกัดความเสี่ยง ต้องกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดและตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ย


ในขณะที่การแสวงหาโอกาสการลงทุนและการเทรดท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงไม่คงที่ของ FED อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็มีลู่ทางที่มีศักยภาพที่ควรค่าแก่การสำรวจด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบและแนวทางที่รอบรู้

  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก

    "ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2025-01-10
  • 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น

    อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-07-03
  • 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด

    ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-06-07
  • Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง

    ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-03-01
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย