FED (เฟด) คือใคร มีอิทธิพลต่อเงินเราอย่างไร

ตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (เขียนเมื่อ มี.ค. 2566) ถ้าได้ติดตามข่าวสารการเงินและการลงทุนอย่างใกล้ชิด จะพบว่าเรื่องราวของ FED และการขึ้นดอกเบี้ยของ FED เข้าสู่การรับรู้ของเราอย่างไม่หยุดหย่อน

FED หรือชื่อเต็มว่า The Federal Reserve System เป็นธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินและควบคุมอุตสาหกรรมการธนาคาร ทำไมเขาถึงมีอำนาจหน้าที่ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แล้วการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการใช้เงินในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไรบ้าง 

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า FED คือใคร พวกเขาทำอะไร และการขึ้นดอกเบี้ยนั้นได้ ส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนและเงินอย่างไร

FED (เฟด) คือใคร

Federal Reserve Board หรือ FED เป็นระบบธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรสในปี พ.ศ. 2456 เพื่อให้ประเทศมีระบบการเงินที่มั่นคงและเชื่อถือได้มากขึ้น FED ประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ว่าการ 7 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและรับรองโดยวุฒิสภา ซึ่งมีวาระคราวละ 14 ปี คณะกรรมการมีหน้าที่กำหนดนโยบายการเงิน กำกับดูแลธนาคาร และให้บริการทางการเงินแก่รัฐบาล นอกจากนี้ FED ยังดูแลธนาคารกลาง 12 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ ธนาคารเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นผู้ฝากเงินสำหรับธนาคารสมาชิกและทำหน้าที่สำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย

วัตถุประสงค์หลักของ FED คือการรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงินและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ FED ใช้เครื่องมือ 2 อย่าง ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยและข้อกำหนดการกันสำรอง FED สามารถมีอิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ยโดยการซื้อหรือขายหลักทรัพย์รัฐบาลในตลาดเปิด เมื่อ FED เข้าซื้อหลักทรัพย์ จะเป็นการเพิ่มปริมาณเงินและลดอัตราดอกเบี้ย สิ่งนี้กระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมและการใช้จ่าย ซึ่งกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกัน เมื่อ FED ขายหลักทรัพย์ จะลดปริมาณเงินและเพิ่มอัตราดอกเบี้ย สิ่งนี้กีดกันการกู้ยืมและการใช้จ่ายซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจช้าลง

เครื่องมือที่สองที่ FED ใช้เพื่อมีอิทธิพลต่อภาวะเศรษฐกิจคือความต้องการสำรอง ข้อกำหนดเงินสำรองคือเปอร์เซ็นต์ของเงินฝากที่ธนาคารต้องกันไว้เป็นทุนสำรองที่ Federal Reserve Bank โดยการเปลี่ยนข้อกำหนดการสำรอง FED สามารถเพิ่มหรือลดจำนวนเงินได้

การขึ้นดอกเบี้ยของ FED คืออะไร

เมื่อ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงในการกู้ยืมเงิน สิ่งนี้จะช่วยให้ธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่าแก่ผู้บริโภคและธุรกิจได้ ซึ่งกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเติบโต FED ยังใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ

อีกกลไกลการทำงานของดอกเบี้ย FED คือ คววามต้องการจำกัดการบริโภคในระบบการเงินให้น้อยลง โดยการจูงใจให้คนนำเงินไปฝากธนาคารรับดอกเบี้ย ในเวลาเดียวกันที่คนนำเงินไปให้ธนาคาร เงินที่จะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นก็น้อยลง หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าคนสนใจหุ้นน้อยลง ทำให้ตลาดหุ้นซบเซา

หากธุรกิจต้องการสร้างรายได้ ก็จำต้องลดราคาขายลงเพื่อให้คนมาซื้อของ ในเวลาเดียวกันราคาหุ้นก็จะอ่อนลงตาม เมื่อค่อย ๆ จัดการเงินเฟ้อเช่นนี้ได้แล้ว ราคาของสินค้าและบริการก้จะค่อย ๆ ปรับกลับมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจได้

โดยทั่วไป สภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำนั้นดีสำหรับสินค้าการลงทุนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างหุ้น เนื่องจากเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตและบริษัทต่าง ๆ กำลังทำเงิน อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไปอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลเสียต่อหุ้นและเศรษฐกิจโดยรวม

การลงทุน ที่ได้รับอิทธิพลจากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED

เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว แม้สินทรัพย์ารเงินที่คุณถือครองอยู่จะไม่ได้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับตลาดสหรัฐอเมริกาโดยตรง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกานั้นใหญ่เป็นอันดับที่หนึ่งของโลก การนำเข้า ส่งออกพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐเป้นหลัก ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ FED ย่อมส่งผลกระทบต่อเงินในกรเป๋าของเราอย่างเลี่ยงไม่ได้

ในย่อหน้านี้ เรามาลองดูกันเร็ว ๆ ว่า ถ้าอัตราดอกเบี้ย FED สูงขึ้นหรือลดลง จะมีรูปแบบการลงทุนใดบ้างที่ได้รับอิทธิพล แล้วคุณเองจะวางแผนจัดสรรพอร์ตการลงทุนอย่างไร ให้ลดความผันผวนของพอร์ตและสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่น่าพึงพอใจท่ามกลางวิกฤตเงินเฟ้อนี้

ดอกเบี้ย FED กับ การลงทุนระยะสั้น

หากคุณมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้น เช่น พันธบัตร หรือกองทุนรวมตลาดเงิน การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยของ FED อาจส่งผลต่อผลตอบแทนที่คุณได้รับจากการลงทุนเหล่านั้น เช่น หากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและคุณได้รับดอกเบี้ย 1% จากพันธบัตร ผลตอบแทนก็จะลดลง ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยลดลงและคุณได้รับดอกเบี้ย 5% จากพันธบัตร ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย FED ให้คิดเสมอว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของการลงทุนระยะสั้นอย่างไร

การลงทุนระยะสั้น เช่น บัตรเงินฝากและบัญชีกองทุนรวมตลาดเงิน มีความอ่อนไหวสูงต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ เมื่อ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปกติผลตอบแทนจากการลงทุนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น เมื่อ FED ลดอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทนเหล่านี้จะลดลง

ดอกเบี้ย FED กับการลงทุนระยะยาว

การลงทุนระยะยาว เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงกองทุนรวมของสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงเหล่านั้น อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของ FED เช่นกัน เมื่อ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้การลงทุนระยะยาวมีความน่าสนใจน้อยลง เนื่องจากอาจให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าทางเลือกการลงทุนอื่น ๆ เพราะคนจะให้ความสนใจในดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารมากกว่า เพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่าเป็นทุนเดิม

นอกจากหุ้นและพันธบัตรแล้ว อสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอีกด้วย เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ผู้ซื้อที่มีศักยภาพมักจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้และซื้อบ้านที่พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินสูงขึ้น ในทางกลับกัน เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูง ผู้คนอาจมีโอกาสซื้อบ้านน้อยลงเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้มูลค่าทรัพย์สินลดลง

FED ขึ้นดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์

ก่อนอื่น ต้องไม่ลืมว่าพื้นฐานของการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากของ FED นั้น เป็นไปเพื่อการจำกัดเพดานเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้นหลังการระบาดของ COVID-19 

ในย่อนหน้านี้ เรามาดูกันว่า ในปี 2566 นี้ ในการประชุม FED หรือที่เรียกว่า “Federal Open Market Committee” (FOMC) แต่ละครั้งที่จะถึง FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์ (ข้อมูล ณ 28 ก.พ. 2565 เป็นค่าประมาณการ)

• 22 มี.ค. ประมาณ 4.903%

• 3 พ.ค. ประมาณ 5.168%

• 14 มิ.ย. ประมาณ 5.329%

• 26 ก.ค. ประมาณ 5.382%

• 20 ก.ย. ประมาณ 5.373%

• 1 พ.ย. ประมาณ 5.321%

• 13 ธ.ค. ประมาณ 5.220%

FED ขึ้นดอกเบี้ย ใครได้ประโยชน์

การตัดสินใจของ FED ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับว่าคุณถือเครื่องมือการลงทุนอะไร หรือมีแพลนจะใช้เงินอย่างไร สำหรับผู้ที่มียอดคงเหลือในบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหมายความว่าพวกเขาจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทางการเงินมากขึ้น ในทางกลับกัน ผู้ที่มีคะแนนเครดิตดีมักจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่และวงเงินเครดิตที่ต่ำกว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ดังนั้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้ผู้บริโภคบางรายต้องเสียเงินมากขึ้นในระยะสั้น แต่ก็สามารถนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสำหรับคนอื่น ๆ

ผู้ถือบัญชีออมทรัพย์สามารถได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เมื่อธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ FED ธนาคารและสถาบันทางการเงินอื่น ๆ มักจะทำตามด้วยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในบัญชีออมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหมายถึงผลตอบแทนจากเงินในรูปแบบของดอกเบี้ยที่มากขึ้นในแต่ละเดือน

บทส่งท้าย

โดยสรุป FED เป็นองค์กรที่ทรงอิทธิพลซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อเงินและการลงทุนของเรา การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีผลอย่างมากต่อทุกแง่มุมของการเงินและเศรษฐกิจ เมื่อเข้าใจว่า FED ส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนและเงินของเราอย่างไร เราจะสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าจะนำเงินที่หามาได้ยากไปลงทุนที่ใด การรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้เราสามารถควบคุมชีวิตทางการเงินของเราได้มากขึ้น ทำให้เราตัดสินใจเลือกได้ดีขึ้นเพื่อพัฒนาสุขภาพทางการเงินของเราทั้งในปัจจุบันและอนาคต