เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด หุ้น Web3.0 คืออะไร เป็นยุคแห่งโลกอนาคตได้อย่างไร

Web3.0 คืออะไร เป็นยุคแห่งโลกอนาคตได้อย่างไร

ปฏิวัติวิธีใช้งานโลกอออนไล์ด้วยสมรรถภาพอันกว้างขวางของ Web3.0 เพิ่มความเป็นส่วน ความปลอดภัย และเข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2023-02-22
ไอคอนรูปตา 7829

微信截图_20230220160612.png


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “Web3.0” เป็นที่กล่าวถึงและได้รับความนิยมในแวดวงเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างกว้างขวาง แต่ Web3.0 คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Crypto อย่างไร และมันจะกำหนดอนาคตของโลกไซเบอร์ของพวกเราได้อย่างไรบ้าง ในบทความนี้ เราจะสำรวจ Web3.0 ในรายละเอียดมากขึ้น ตั้งแต่ต้นกำเนิดและคำจำกัดความไปจนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับโลก นอกจากนี้ เราจะพิจารณาถึงตัวอย่างการทำงานของ Web3.0 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราในขณะนี้ และวิธีที่จะสามารถกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี ธุรกิจ และสังคมโดยรวม

Web3.0 (เว็บทรี) คืออะไร ทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็นยุคใหม่ของเทคโนโลยี

Web3.0 หรือยุคที่ 3 ของเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) เป็นคำนิยามให้กับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตขั้นต่อไป กำลังได้รับการพัฒนาเพื่ออัปเกรดเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน และได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจที่เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น


ชื่อ “Web3.0” เป็นที่กล่าวถึงครั้งแรกโดย John Markoff ในบทความปี พ.ศ. 2549 ใน The New York Times ซึ่งเขาได้เขียนเกี่ยวกับโครงการ “Semantic Web” ที่นำโดย Tim Berners-Lee เว็บสื่อความหมายเป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการทำให้คอมพิวเตอร์เข้าถึงและเข้าใจข้อมูลทั้งหมดของโลกได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง Web3.0 มีหลักการทำงานโดยมุ่งหมายให้อินเทอร์เน็ต “ฉลาดขึ้น”


หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Web3.0 คือการสร้างประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ (User Friendly) มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการให้เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ออกแบบมาเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้  Web3.0 ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ดีขึ้นและเชื่อมต่อบริการออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้



หลักการสำคัญอย่างหนึ่งประการของ Web3.0 คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่กระจายอำนาจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานมีเอกสิทธิ์ในการยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้มากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายอำนาจจะทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และรัฐบาลเข้าถึงและ/หรือบล็อกเนื้อหาได้ยากขึ้น


อย่างไรก็ดี ตอนนี้ Web3.0 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและยังไม่บรรลุศักยภาพสูงสุด แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่า Web3.0 จะปฏิวัติวิธีที่เราใช้อินเทอร์เน็ตและจะปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้สื่อออนไลน์ในโลกอนาคตได้อย่างมาก

วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติวิธีการสื่อสารของโลก ทำงานเพื่อเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้าไว้ด้วยกันและมอบแพลตฟอร์มที่คนเราสามารถแบ่งปันความคิดและเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วและสะดวกขึ้น อินเทอร์เน็ตยังกระตุ้นคลื่นลูกใหม่ของการเป็นผู้ประกอบการ เนื่องจากปัจจุบันผู้คนสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตนเองและเข้าถึงลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างง่ายดาย


อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงโลกและวิถีชีวิตของเราอย่างแท้จริง ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และได้สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้คนทั่วโลก แน่นอนว่าอินเทอร์เน็ตจะยังคงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกในอีกหลายปีข้างหน้า


ระหว่างปี พ.ศ. 2536-2538 เวิลด์ไวด์เว็บ (หรือเว็บ) ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายแบ่งปันข้อมูลที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ได้เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และเริ่มแพร่กระจาย ในช่วง 15 ปีแรก เว็บได้พลิกโฉมหน้าการสื่อสาร ธุรกิจ และการเมืองของสหรัฐฯ กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก และกลายเป็นคุณลักษณะสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากกว่าพันล้านคน จากวันนั้นถึงวันนี้ อินเทอรืเน็ตได้ค่อย ๆ วิวัฒนาการตนเองมาถึง 3 สมัย หรือตอนนี้เป็นยุคที่ 3 ยุคแห่ง Web3.0

Web1.0

World Wide Web Consortium (W3C) ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2537 โดย Tim Berners-Lee โดยมีจุดประสงค์เพื่อ “นำเวิลด์ไวด์เว็บไปสู่ศักยภาพสูงสุดโดยการพัฒนาโปรโตคอลทั่วไปที่ส่งเสริมวิวัฒนาการและรับประกันความสามารถในการทำงานร่วมกัน” Consortium ประกอบด้วยองค์กรสมาชิกที่เก็บรักษาเอกสารมาตรฐานที่เรียกว่า W3C Recommendation



เวอร์ชันแรกของคำแนะนำ W3C หรือที่เรียกว่า Web1.0 เผยแพร่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 โดยมีแนวทางสำหรับนักออกแบบและนักพัฒนาเกี่ยวกับวิธีสร้างเว็บไซต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่คำนึงถึงแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์


การเปิดตัว Web1.0 เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของอินเทอร์เน็ตในทศวรรษที่ 1990 (ราว พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา) ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากใช้เว็บเพื่อการใช้งานส่วนตัวและเพื่อธุรกิจ การเติบโตนี้นำไปสู่การเพิ่มจำนวนเว็บไซต์และหน้าเว็บรูปแบบต่าง ๆ และความต้องการวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นในการท่องเว็บที่กำลังเติบโต


เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ Berners-Lee ได้พัฒนาเวอร์ชันแรกของสิ่งที่เรียกว่าเบราว์เซอร์หรือเว็บเบราว์เซอร์ เบราว์เซอร์คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง รับชม และโต้ตอบกับเนื้อหาออนไลน์ เบราว์เซอร์ตัวแรกที่เรียกว่า WorldWideWeb เปิดตัวในปี พ.ศ. 2534


แม้ว่าเบราว์เซอร์ในยุคแรก ๆ จะมีข้อจำกัดในการทำงาน แต่ก็ปูทางไปสู่เบราว์เซอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น Netscape Navigator และ Microsoft Internet Explorer ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 และ 2538 ตามลำดับ เราหลาย ๆ ท่านน่าจะคุ้นเคยกันดี และนี่อาจเป็นยุคทองของการสื่อสารแบบไร้พรมแดน

Web2.0

Web2.0 เป็นยุคที่ 2 ของเวิลด์ไวด์เว็บ หลักใหญ่ใจความของ Web2.0 นีนคือความโดดเด่นด้วยการโต้ตอบและการทำงานร่วมกันของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น และการสื่อสารที่เปิดกว้างและกระจายอำนาจมากขึ้น


คำว่า Web2.0 นี้ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 โดย Darcy DiNucci ที่ปรึกษาที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเว็บในยุคแรกๆ ที่ Xerox Palo Alto Research Center คำว่า Web2.0 มักใช้แทนกันได้กับ “เว็บโซเชียล” คุณสมบัติหลักสำคัญของ Web2.0 คือการที่ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดเนื้อหา หรือมีปฏิสัมพันธืกับอินเทอร์เน็ตได้ กล่าวคือ ไม่ใช่การนั่งฟังนั่งดูคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว


Web2.0 แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากเว็บแบบสแตติกดั้งเดิมไปเป็นเว็บแบบไดนามิกและโต้ตอบได้มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น บล็อก วิกิพีเดีย ไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ และฟีด RSS เป็นต้น


เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเหล่านี้เป็นคุณลักษณะสำคัญของ Web2.0 เนื้อหานี้สามารถมีได้หลายรูปแบบ ทั้งตัวหนังสือ ภาพ และเสียง และถูกเผยแพร่ ส่งต่อผ่านเครือข่ายหรือช่องทางดังกล่าวข้างต้น


Web2.0 ยังนำไปสู่การพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ฟรีเมียม (บริการฟรีและพรีเมี่ยมรวมกัน) และการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก โมเดลเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างรายได้จากเนื้อหาและการโต้ตอบที่ผู้ใช้สร้างขึ้น

Web3.0

Web3.0 เป็นขั้นต่อไปของเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นยุคปัจจุบันและอนาคตของประสบการณ์การท่องอินเทอร์เน็ต ซึ่งอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น Web3.0 จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบระหว่างกันและกับข้อมูลได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Web3.0 จะทำให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลและบริการได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ในโลก


Web3.0 ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชนและเครือข่ายแบบกระจายอำนาจเพื่อจัดเก็บและจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย หลักการทำงานที่สำคัญของ Web3.0 นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมระหว่างกันได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลาง มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยิ่งขึ้น สามรถปรับแต่งหรือเลือกเนื้อหาที่ต้องการรับรู้ได้อย่างอิสระยิ่งขึ้น



ท้ายที่สุดแล้ว ยุคแห่ง Web3.0 จะสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เข้าถึง เข้าใจ และมีความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ตามที่ต้องการได้หรือไม่ ลองมาดูตัวอย่างการนำ Web3.0 นี้มาใช้ในชีวิตจริงวันนี้กัน แล้วคุณคิดว่า มีบริการจาก Web3.0 ใดบ้างที่คุณได้สัมผัสบ้างแล้ว

ตัวอย่างการนำ Web3.0 ไปใช้

Web3.0 คือวิวัฒนาการครั้งสำคัญถัดไปของเวิลด์ไวด์เว็บ โดยสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์เว็บที่เป็นส่วนตัวและโต้ตอบได้มากขึ้นแก่ผู้ใช้ นอกจากนี้ Web3.0 จะเปิดใช้งานแอปพลิเคชันและบริการใหม่ๆ ที่ไม่สามารถทำได้ในเว็บปัจจุบัน ตัวอย่างของสิ่งเหล่านี้ ได้แก่


  • ประสบการณ์เสมือนจริงที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมอื่น ๆ


ตัวอย่างที่สำคัญของ Web3.0 นี้คือเกมเมตาเวิร์ส ที่ผู้เล่นสามารถออกแบบรูปลักษณ์ และสภาพแวดล้อมในเกมได้ด้วยตนเอง


  • แอปพลิเคชั่นเติมความเป็นจริงที่ให้ข้อมูลเชิงบริบทเกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา

  • ตัวแทนอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ในนามของเราเพื่อค้นหาข้อมูลหรือปฏิบัติงาน


ผู้เล่นสำคัญคนแรกคือ Etheruam ที่ให้กำเนิดสัญญาอัจฉริยะหรือ Smart Contract มาช่วยผู้คนในการทำธุรกรรมทั้งการเงินและเรื่องอื่น ๆ ต่อกัน


  • แอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจที่ทำงานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์แทนที่จะเป็นเซิร์ฟเวอร์เดียว


สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีเช่น Bitcoin ที่ได้นำมิติใหม่ของการเงินแบบกระจายศูนย์เข้ามา และมีบทบาทกับวิธีที่เรามองต่อการเงินที่ต่างไปจากเดิม ผู้คนในเครือข่ายสามารถเข้าถึง ตรวจสอบ และถือข้อมูลชุดเดียวกันได้ด้วยบล็อกเชน


  • บริการแชร์ข้อมูลและไฟล์ที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากกว่าวิธีดั้งเดิม

  •  เทคโนโลยีเว็บเชิงความหมายที่ช่วยให้ค้นหา ตีความ และใช้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น


อย่างที่กล่าวว่า ตอนนี้ Web3.0 ยังอยู่ในขั้นแรก ยังมีความเป็นไปได้อีกมากมายที่เราจะสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ด้วยอำนาจของ Web3.0 หรืออินเทอร์เน็ตในยุคที่ 3 เพื่อความบันเทิง ธุรกิจ และการใช้งานส่วนบุคคล

บทส่งท้าย

โดยสรุป Web3.0 เป็นแนวคิดสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเว็บและชีวิตของเราในวันข้างหน้า ต้องไม่ลืมว่าอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการเสพข้อมูลข่าวสารของคนรุ่นใหม่ไปแล้ว หากใครเดินตามเทรนด์ทัน ก็ย่อมเข้าถึงโอกาสทางความสำเร็จใหม่ ๆ ได้มากกว่า


หลักการสำคัญของ Web3.0 ได้ให้สัญญาว่าจะยกระดับความปลอดภัย การกระจายอำนาจ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นซึ่งปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับเรา เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่ Web3.0 นำเสนอ เราทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าตัวเราและคนที่เรารักพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในโลกดิจิทัลที่พัฒนาตลอดเวลา


แล้วคุณล่ะ เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติ Web3.0 แค่ไหน


微信截图_20230220160612.png


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “Web3.0” เป็นที่กล่าวถึงและได้รับความนิยมในแวดวงเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างกว้างขวาง แต่ Web3.0 คืออะไร เกี่ยวข้องกับ Crypto อย่างไร และมันจะกำหนดอนาคตของโลกไซเบอร์ของพวกเราได้อย่างไรบ้าง ในบทความนี้ เราจะสำรวจ Web3.0 ในรายละเอียดมากขึ้น ตั้งแต่ต้นกำเนิดและคำจำกัดความไปจนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับโลก นอกจากนี้ เราจะพิจารณาถึงตัวอย่างการทำงานของ Web3.0 ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราในขณะนี้ และวิธีที่จะสามารถกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี ธุรกิจ และสังคมโดยรวม

Web3.0 (เว็บทรี) คืออะไร ทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็นยุคใหม่ของเทคโนโลยี

Web3.0 หรือยุคที่ 3 ของเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web) เป็นคำนิยามให้กับเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตขั้นต่อไป กำลังได้รับการพัฒนาเพื่ออัปเกรดเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน และได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์อินเทอร์เน็ตแบบกระจายอำนาจที่เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น


ชื่อ “Web3.0” เป็นที่กล่าวถึงครั้งแรกโดย John Markoff ในบทความปี พ.ศ. 2549 ใน The New York Times ซึ่งเขาได้เขียนเกี่ยวกับโครงการ “Semantic Web” ที่นำโดย Tim Berners-Lee เว็บสื่อความหมายเป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการทำให้คอมพิวเตอร์เข้าถึงและเข้าใจข้อมูลทั้งหมดของโลกได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง Web3.0 มีหลักการทำงานโดยมุ่งหมายให้อินเทอร์เน็ต “ฉลาดขึ้น”


หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Web3.0 คือการสร้างประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ (User Friendly) มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการให้เนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่ออกแบบมาเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้  Web3.0 ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้ดีขึ้นและเชื่อมต่อบริการออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้



หลักการสำคัญอย่างหนึ่งประการของ Web3.0 คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่กระจายอำนาจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวต่อผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานมีเอกสิทธิ์ในการยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้มากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายอำนาจจะทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และรัฐบาลเข้าถึงและ/หรือบล็อกเนื้อหาได้ยากขึ้น


อย่างไรก็ดี ตอนนี้ Web3.0 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและยังไม่บรรลุศักยภาพสูงสุด แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่า Web3.0 จะปฏิวัติวิธีที่เราใช้อินเทอร์เน็ตและจะปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้สื่อออนไลน์ในโลกอนาคตได้อย่างมาก

วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตได้ปฏิวัติวิธีการสื่อสารของโลก ทำงานเพื่อเชื่อมโยงผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเข้าไว้ด้วยกันและมอบแพลตฟอร์มที่คนเราสามารถแบ่งปันความคิดและเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วและสะดวกขึ้น อินเทอร์เน็ตยังกระตุ้นคลื่นลูกใหม่ของการเป็นผู้ประกอบการ เนื่องจากปัจจุบันผู้คนสามารถเริ่มต้นธุรกิจของตนเองและเข้าถึงลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างง่ายดาย


อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงโลกและวิถีชีวิตของเราอย่างแท้จริง ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และได้สร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้คนทั่วโลก แน่นอนว่าอินเทอร์เน็ตจะยังคงส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกในอีกหลายปีข้างหน้า


ระหว่างปี พ.ศ. 2536-2538 เวิลด์ไวด์เว็บ (หรือเว็บ) ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายแบ่งปันข้อมูลที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ได้เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และเริ่มแพร่กระจาย ในช่วง 15 ปีแรก เว็บได้พลิกโฉมหน้าการสื่อสาร ธุรกิจ และการเมืองของสหรัฐฯ กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก และกลายเป็นคุณลักษณะสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากกว่าพันล้านคน จากวันนั้นถึงวันนี้ อินเทอรืเน็ตได้ค่อย ๆ วิวัฒนาการตนเองมาถึง 3 สมัย หรือตอนนี้เป็นยุคที่ 3 ยุคแห่ง Web3.0

Web1.0

World Wide Web Consortium (W3C) ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2537 โดย Tim Berners-Lee โดยมีจุดประสงค์เพื่อ “นำเวิลด์ไวด์เว็บไปสู่ศักยภาพสูงสุดโดยการพัฒนาโปรโตคอลทั่วไปที่ส่งเสริมวิวัฒนาการและรับประกันความสามารถในการทำงานร่วมกัน” Consortium ประกอบด้วยองค์กรสมาชิกที่เก็บรักษาเอกสารมาตรฐานที่เรียกว่า W3C Recommendation



เวอร์ชันแรกของคำแนะนำ W3C หรือที่เรียกว่า Web1.0 เผยแพร่ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 โดยมีแนวทางสำหรับนักออกแบบและนักพัฒนาเกี่ยวกับวิธีสร้างเว็บไซต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่คำนึงถึงแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์


การเปิดตัว Web1.0 เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของอินเทอร์เน็ตในทศวรรษที่ 1990 (ราว พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา) ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากใช้เว็บเพื่อการใช้งานส่วนตัวและเพื่อธุรกิจ การเติบโตนี้นำไปสู่การเพิ่มจำนวนเว็บไซต์และหน้าเว็บรูปแบบต่าง ๆ และความต้องการวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้นในการท่องเว็บที่กำลังเติบโต


เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนี้ Berners-Lee ได้พัฒนาเวอร์ชันแรกของสิ่งที่เรียกว่าเบราว์เซอร์หรือเว็บเบราว์เซอร์ เบราว์เซอร์คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึง รับชม และโต้ตอบกับเนื้อหาออนไลน์ เบราว์เซอร์ตัวแรกที่เรียกว่า WorldWideWeb เปิดตัวในปี พ.ศ. 2534


แม้ว่าเบราว์เซอร์ในยุคแรก ๆ จะมีข้อจำกัดในการทำงาน แต่ก็ปูทางไปสู่เบราว์เซอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น Netscape Navigator และ Microsoft Internet Explorer ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 และ 2538 ตามลำดับ เราหลาย ๆ ท่านน่าจะคุ้นเคยกันดี และนี่อาจเป็นยุคทองของการสื่อสารแบบไร้พรมแดน

Web2.0

Web2.0 เป็นยุคที่ 2 ของเวิลด์ไวด์เว็บ หลักใหญ่ใจความของ Web2.0 นีนคือความโดดเด่นด้วยการโต้ตอบและการทำงานร่วมกันของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น และการสื่อสารที่เปิดกว้างและกระจายอำนาจมากขึ้น


คำว่า Web2.0 นี้ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 โดย Darcy DiNucci ที่ปรึกษาที่ทำงานเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเว็บในยุคแรกๆ ที่ Xerox Palo Alto Research Center คำว่า Web2.0 มักใช้แทนกันได้กับ “เว็บโซเชียล” คุณสมบัติหลักสำคัญของ Web2.0 คือการที่ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดเนื้อหา หรือมีปฏิสัมพันธืกับอินเทอร์เน็ตได้ กล่าวคือ ไม่ใช่การนั่งฟังนั่งดูคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว


Web2.0 แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงจากเว็บแบบสแตติกดั้งเดิมไปเป็นเว็บแบบไดนามิกและโต้ตอบได้มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น บล็อก วิกิพีเดีย ไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ และฟีด RSS เป็นต้น


เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเหล่านี้เป็นคุณลักษณะสำคัญของ Web2.0 เนื้อหานี้สามารถมีได้หลายรูปแบบ ทั้งตัวหนังสือ ภาพ และเสียง และถูกเผยแพร่ ส่งต่อผ่านเครือข่ายหรือช่องทางดังกล่าวข้างต้น


Web2.0 ยังนำไปสู่การพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ฟรีเมียม (บริการฟรีและพรีเมี่ยมรวมกัน) และการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก โมเดลเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างรายได้จากเนื้อหาและการโต้ตอบที่ผู้ใช้สร้างขึ้น

Web3.0

Web3.0 เป็นขั้นต่อไปของเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นยุคปัจจุบันและอนาคตของประสบการณ์การท่องอินเทอร์เน็ต ซึ่งอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น Web3.0 จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบระหว่างกันและกับข้อมูลได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Web3.0 จะทำให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลและบริการได้ง่ายขึ้นจากทุกที่ในโลก


Web3.0 ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชนและเครือข่ายแบบกระจายอำนาจเพื่อจัดเก็บและจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย หลักการทำงานที่สำคัญของ Web3.0 นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมระหว่างกันได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลาง มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยยิ่งขึ้น สามรถปรับแต่งหรือเลือกเนื้อหาที่ต้องการรับรู้ได้อย่างอิสระยิ่งขึ้น



ท้ายที่สุดแล้ว ยุคแห่ง Web3.0 จะสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เข้าถึง เข้าใจ และมีความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ตามที่ต้องการได้หรือไม่ ลองมาดูตัวอย่างการนำ Web3.0 นี้มาใช้ในชีวิตจริงวันนี้กัน แล้วคุณคิดว่า มีบริการจาก Web3.0 ใดบ้างที่คุณได้สัมผัสบ้างแล้ว

ตัวอย่างการนำ Web3.0 ไปใช้

Web3.0 คือวิวัฒนาการครั้งสำคัญถัดไปของเวิลด์ไวด์เว็บ โดยสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์เว็บที่เป็นส่วนตัวและโต้ตอบได้มากขึ้นแก่ผู้ใช้ นอกจากนี้ Web3.0 จะเปิดใช้งานแอปพลิเคชันและบริการใหม่ๆ ที่ไม่สามารถทำได้ในเว็บปัจจุบัน ตัวอย่างของสิ่งเหล่านี้ ได้แก่


  • ประสบการณ์เสมือนจริงที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมอื่น ๆ


ตัวอย่างที่สำคัญของ Web3.0 นี้คือเกมเมตาเวิร์ส ที่ผู้เล่นสามารถออกแบบรูปลักษณ์ และสภาพแวดล้อมในเกมได้ด้วยตนเอง


  • แอปพลิเคชั่นเติมความเป็นจริงที่ให้ข้อมูลเชิงบริบทเกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา

  • ตัวแทนอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ในนามของเราเพื่อค้นหาข้อมูลหรือปฏิบัติงาน


ผู้เล่นสำคัญคนแรกคือ Etheruam ที่ให้กำเนิดสัญญาอัจฉริยะหรือ Smart Contract มาช่วยผู้คนในการทำธุรกรรมทั้งการเงินและเรื่องอื่น ๆ ต่อกัน


  • แอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจที่ทำงานบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์แทนที่จะเป็นเซิร์ฟเวอร์เดียว


สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีเช่น Bitcoin ที่ได้นำมิติใหม่ของการเงินแบบกระจายศูนย์เข้ามา และมีบทบาทกับวิธีที่เรามองต่อการเงินที่ต่างไปจากเดิม ผู้คนในเครือข่ายสามารถเข้าถึง ตรวจสอบ และถือข้อมูลชุดเดียวกันได้ด้วยบล็อกเชน


  • บริการแชร์ข้อมูลและไฟล์ที่มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากกว่าวิธีดั้งเดิม

  •  เทคโนโลยีเว็บเชิงความหมายที่ช่วยให้ค้นหา ตีความ และใช้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น


อย่างที่กล่าวว่า ตอนนี้ Web3.0 ยังอยู่ในขั้นแรก ยังมีความเป็นไปได้อีกมากมายที่เราจะสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ด้วยอำนาจของ Web3.0 หรืออินเทอร์เน็ตในยุคที่ 3 เพื่อความบันเทิง ธุรกิจ และการใช้งานส่วนบุคคล

บทส่งท้าย

โดยสรุป Web3.0 เป็นแนวคิดสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเว็บและชีวิตของเราในวันข้างหน้า ต้องไม่ลืมว่าอินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการเสพข้อมูลข่าวสารของคนรุ่นใหม่ไปแล้ว หากใครเดินตามเทรนด์ทัน ก็ย่อมเข้าถึงโอกาสทางความสำเร็จใหม่ ๆ ได้มากกว่า


หลักการสำคัญของ Web3.0 ได้ให้สัญญาว่าจะยกระดับความปลอดภัย การกระจายอำนาจ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นซึ่งปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับเรา เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่ Web3.0 นำเสนอ เราทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าตัวเราและคนที่เรารักพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในโลกดิจิทัลที่พัฒนาตลอดเวลา


แล้วคุณล่ะ เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติ Web3.0 แค่ไหน


  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก

    ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-10-29
  • ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024

    เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-08-07
  • 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023

    เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-01-30
  • รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร

    รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2023-11-15
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย