แนวรับและแนวต้านคืออะไร? รู้เทคนิคกราฟไว้ก่อนเทรด
แนวรับและแนวต้านคืออะไร?
ก่อนที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับแนวรับและแนวต้าน เราลองมาคิดตามจากคำถาม 2-3 ข้อในชีวิตจริงกันก่อน
คุณใช้เหตุผลอะไรในการเลือกซื้อสินค้าจากร้านนี้ คำตอบนั้นง่าย… เพราะมีร้านนั้นร้านเดียวในละแวก หรืออีกนัยะหนึ่งคือคุณไม่มีตัวเลือกที่สอง ที่สาม เช่น คุณชอบกินข้าวร้าน A แต่วันนี้ร้านเกิดปิดขึ้นมา คุณจะทำอย่างไร? คุณอาจไปหาร้านอื่น แล้ววันรุ่งขึ้นร้านเดิมเปิด คุณก็อาจกลับมาใช้บริการ
ในทำนองเดียวกัน หากราคาของสินค้าใด ๆ เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันเนื่องจากอุปทาน (ความสามารถในการส่งมอบ) ไม่เพียงพอ ผู้คนจะหยุดซื้อสินค้านั้น และเริ่มมองหาวิธี (สินค้า / แบรนด์) อื่นที่จะตอบสนองความต้องการนั้นแทน ท้ายที่สุด สินค้าที่ขาดตลาดในวันนั้น อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นจริง ๆ ในเวลาต่อมา
ในตลาดการเทรด Forex ที่มีสกุลเงินต่าง ๆ ทำการแลกเปลี่ยนอยู่แทบตลอดเวลา (ตลาดการเทรด Forex เปิด 5 วัน เทรดได้ 24 ชั่วโมง) ราคาของอัตราแลกเปลี่ยนคู่เงิน Forex จะเปลี่ยนแปลงไปตามอุปสงค์และอุปทาน ที่เป็นผลมาจากปัจจัยนานาประการ เช่น นโยบายการค้า นโยบายการเงินของประเทศเจ้าของสกุลเงิน ฯลฯ
บ่อยครั้งที่เราพบว่า ราคาบางส่วนยังคงเกือบเท่าเดิมหรือไม่เคยต่ำกว่าหรือสูงกว่าระดับที่เคยดูอยู่สักเท่าไร (หรือหมายถึง ราคาคงที่) ระดับคงที่เหล่านี้เองที่เรียกว่า “แนวรับ” และ “แนวต้าน”
หมายถึงว่า แนวรับและแนวต้าน เป็นสองปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงสร้างราคาของผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เมื่อซื้อและขายโดยผู้ผลิตและผู้บริโภคตามลำดับเป็นครั้งคราว
ในตลาดการเทรด Forex ตามแนวโน้มและเงื่อนไขที่อยู่รอบตัวเทรดเดอร์ทุกคน เป็นได้ทั้ง ต้องการสร้างรายได้ด้วยการวิเคราะห์ แนวรับและแนวต้านก่อนเข้าสู่การเทรดด้วยความผันผวนของราคา
แนวคิดพื้นฐานเบื้องหลังแนวรับและแนวต้านนั้นตรงไปตรงมา เมื่อราคาของสินทรัพย์หรือคู่เงิน Forex เพิ่มขึ้นหรือลดลงจนถึงระดับราคาหนึ่งแล้ว ระดับที่เปลี่ยนทิศทางนี้ จะเรียกว่า “แนวรับ” หรือ “แนวต้าน”
แนวรับและแนวต้านคือพื้นฐานในกราฟเทคนิค
ในการวิเคราะห์ราคาสินทรัพย์เชิงเทคนิค แนวรับและแนวต้านนี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดในการอ่านกราฟ แต่เทรดเดอร์หลายท่าน อาจยังไม่ทราบวิธีวาดเส้นแนวรับและแนวต้านอย่างเหมาะสม
แนวรับและแนวต้านคือพื้นที่ที่น่าสนใจ เนื่องจากทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขายมีความเคลื่อนไหว เมื่อราคาถึงระดับเหล่านี้ มันจะตอบสนองด้วยการเด้งหรือแตกบางประเภท เห็นได้ชัดว่าการเข้าใจระดับแนวรับและแนวต้านช่วยให้คุณวางแผนการเทรดได้แม่นยำยิ่งขึ้นพร้อมทั้งลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุน
นำแนวรับและแนวต้านไปใช้งานอย่างไร
ระดับแนวรับและแนวต้านในกราฟเทคนิคควรเป็นหนึ่งในแนวคิดทั่วไปที่เทรดเดอร์ใช้ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่านี่เป็นเพียงแนวคิด เป็นไกด์ไลน์การเทรด เป็นแนวคิดให้เทรดเดอร์ทราบว่าควรเปิดสถานะซื้อหรือขายเมื่อใด นอกจากนี้ แนวรับและแนวต้านยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือกำหนดจุดเริ่มต้นและจุดออกในการเทรดได้
แนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าจะใช้งานเมื่อใดและอย่างไร หากคุณตัดสินใจซื้อขายฟอเร็กซ์หรือหุ้น คุณสามารถใช้กลยุทธ์การเทรดนี้เป็นทั้งระบบหรือเป็นตัวกรองสำหรับตัวเลือกการเข้าของคุณ (เช่น หากราคาแตะระดับแนวรับ คุณอาจตัดสินใจเข้าซื้อ) แนวความคิดระดับแนวรับและแนวต้านไม่ได้จำกัดเฉพาะการเทรด Forex แต่ยังใช้ในหุ้นและตลาดการเงินอื่นๆ ระดับแนวรับและแนวต้านจะช่วยให้เทรดเดอร์ทราบว่าแนวโน้มจะขึ้น ลง หรือข้างเคียง
ลองดูสองตัวอย่างด้านล่าง:
ตัวอย่างที่ 1: ในแนวโน้มขาขึ้นหากราคาตกลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดก่อนหน้า 5 pip แล้วถอยกลับเหนือ 5 pip จะถือว่ามีคุณสมบัติเป็นแนวรับ
ตัวอย่างที่ 2: ในแนวโน้มขาขึ้นหากราคาทะลุระดับสูงสุดก่อนหน้า 5 pip แล้วถอยกลับเหนือ 5 pip จะถือว่ามีคุณสมบัติเป็นแนวต้าน
Support หรือแนวรับ คืออะไร
เส้นแนวรับ (Support Line) คือเงื่อนไขการเทรดสำหรับระดับราคาเฉพาะที่ที่คุณควรพิจารณาก่อนเข้าซื้อหรือขายสินทรัพย์ แนวรับคือเครื่องมือการเทรดสุดคลาสสิกที่นักเทรดใช้กันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และพบว่ามีประโยชน์มาก
ฟังเผิน ๆ เหมือนว่า แนวรับจะเป็นเรื่องเชิงบวก คือการที่ผู้คนในตลาดการเทรดคิดว่าสินทรัพย์นี้ดีพอที่จะซื้อในราคานี้ หากคุณต้องการขาย ก็มีคนที่พร้อมจะซื้อจากคุณ หากคุณต้องการซื้อ พวกเขาจะขายให้คุณ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าที่จุดราคาประมารใดถึงจะดี
กลยุทธ์การเทรดเมื่อพบ Support
หลากวิธีใช้ประโยชน์จากแนวรับ
แนวรับ คือหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดและใช้งานค่อนข้างง่าย กล่าวคือเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับหนึ่ง คุณสามารถใช้เส้นแนวรับเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับ Long Position ได้ เพียงวางคำสั่งซื้อที่รอดำเนินการในระยะห่างที่แน่นอนจากแนวรับ
เมื่อคุณตัดสินใจว่าจะวาง Stop Loss ไว้ที่ใด คุณยังสามารถใช้แนวรับที่ใกล้ที่สุดเป็นระดับคำสั่งซื้อได้ ในกรณีที่ราคาถึงระดับนี้และตีกลับจากระดับนั้น Stop Loss ที่ตั้งไว้จะทำงานและปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติที่ราคาตลาด
เมื่อพูดถึงระดับการทำกำไร คุณยังสามารถใช้แนวรับสองเส้นขึ้นไปได้หากจำเป็น เช่น มีเส้นที่แข็งแกร่งสามเส้นบนแผนภูมิ H4: S1, S2 และ S3 (S1 อยู่ใกล้กับราคาปัจจุบันมากที่สุด) หากคุณเปิดตำแหน่งซื้อโดยใช้ S1 เป็นจุดเริ่มต้นและ SL ตั้งไว้ที่ระยะต่ำกว่า S1 คุณสามารถใช้ S2 หรือแม้แต่ S3 เป็นระดับการทำกำไร (TP) แต่โปรดทราบว่า TP ควรน้อยกว่า 3% ของขนาดบัญชีเพราะถือเป็นแนวทางการซื้อขายที่ปลอดภัย
เส้นแนวรับคือจุดออกที่ดีเมื่ออิงตามการเคลื่อนไหวของราคา (ปิดด้านล่างหลังจากพยายามหลายครั้ง) แต่จำไว้ว่าเส้นเหล่านี้ไม่ได้ผล 100% เสมอไป เราขอแนะนำให้ใช้เครื่องมืออื่น ๆ ร่วมด้วย เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงเมื่อซื้อขายการฝ่าวงล้อมหรือกลับตัว แต่ไม่รับประกันความสำเร็จทุกครั้ง (โดยเฉพาะในช่วงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง)
Resistance หรือแนวต้าน คืออะไร
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวต้านเป็นคำที่ใช้อธิบายขีดจำกัดสูงสุดของการเคลื่อนไหวของราคาหลักทรัพย์ สามารถคิดได้ว่าเป็นเพดานว่าราคาจะสูงแค่ไหนในกรอบเวลาที่กำหนด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือจุดที่คิดว่าแรงขายนั้นแข็งแกร่งพอที่จะป้องกันไม่ให้ราคาเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น หากคุณกำลังดูกราฟเทคนิครายวันอยู่ เพดานนี้จะขึ้นอยู่กับระดับสูงสุดครั้งก่อนในช่วงวันก่อนหน้า หากเป็นกราฟรายชั่วโมง การสวิงของกราฟจะขึ้นอยู่กับค่าสูงสุดรายชั่วโมง โดยทั่วไปแล้ว เป็นพื้นที่ที่ผู้ซื้อไม่สามารถต้านทานได้ก่อนที่จะพบกับผู้ขายที่เต็มใจที่จะเอากำไรจากมือของพวกเขาในราคาที่ต่ำกว่าที่พวกเขาจ่ายไปในตอนแรก
แนวต้านมีสองประเภทหลัก คือ แนวนอนและแนวทแยง แนวต้านในแนวนอนนั้นเป็นเส้นตรงที่ระบุจุดที่ราคาเคยไปถึงก่อนหน้านี้ แต่แล้วก็หยุดชะงักลง ในขณะที่แนวต้านในแนวทแยงนั้นซับซ้อนกว่า กล่าวคือเป็นเส้นโค้งที่ระบุระดับราคาที่ราคาพยายามเพิ่มขึ้นแต่ล้มเหลวอยู่หลายครั้ง
เทรดเดอร์สามารถใช้ระดับแนวต้านเหล่านี้เพื่อช่วยตัดสินใจว่าจะเข้าและออกจากการเทรดที่จุดราคาเท่าใด สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าระดับแนวต้านไม่คงที่เสมอไป มีการเปลี่ยนแปลง (สวิง) ตามสถานการณ์ของตลาดการเทรด ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะต้องติดตามระดับแนวต้านอย่างใกล้ชิดและปรับกลยุทธ์การเทรดตามนั้น
อ่านเพิ่มเติม: เทรดไทม์เฟรมไหนดี
อะไรคือปัจจัยทำให้เกิด Resistance ขึ้นได้บ้าง
เมื่อพูดถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาดการเงินใด ๆ แนวต้านเป็นแนวคิดทางจิตวิทยาที่สำคัญประการหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจ แนวต้านคือระดับราคาที่ผู้ซื้อมักจะเข้าสู่ตลาด และสามารถใช้ทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคตได้
แนวต้านก่อตัวขึ้นได้จากปัจจัยนานาประการ ประการแรก แนวต้านจะเกิดเมื่อนักลงทุนซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่เข้าซื้อสินทรัพย์ คนเหล่านี้มักเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าและลึกกว่าเทรดเดอร์รายย่อย ดังนั้นพวกเขาจึงระบุเทรนด์ที่เทรดเดอร์รายย่อยไม่ทราบได้ก็ได้ เป็นผลให้การซื้อของพวกเขาสามารถผลักดันราคาหลักทรัพย์ให้สูงขึ้น จนเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ระดับแนวต้าน” หรือ Resistant Level
อีกสาเหตุสำคัญหนึ่งของการเกิดแนวต้านคือจิตวิทยาของมนุษย์ เทรดเดอร์มักจะให้ความสำคัญกับข้อมูลล่าสุดมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงอาจมีแนวโน้มที่จะขายสินทรัพย์เมื่อถึงระดับราคาหนึ่งซึ่งพวกเขามองว่าสูงเกินไป การขายนี้เองที่ก่อให้เกิดระดับแนวต้านได้
สุดท้าย ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคยังสามารถทำให้เกิดระดับแนวต้านได้ เช่น หากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและราคาหลักทรัพย์ตกลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่นี้ เทรดเดอร์บางรายอาจมองว่านี่เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มกำลังกลับตัว (Reversal) และมีการขายมากเกินไป (Oversold) เป็นผลให้พวกเขาอาจเริ่มซื้อหลักทรัพย์ซึ่งสามารถสร้างแนวต้านที่การเคลื่อนไหว
กลยุทธ์การเทรดเมื่อพบ Resistance
หากคุณยังไม่ทราบ แนวต้าน หรือ Resistant นี้คือคำที่ใช้อธิบายระดับราคาที่แรงขายคิดว่าแข็งแกร่งพอที่จะป้องกันไม่ให้ราคาสูงขึ้นไปได้อีก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือระดับที่ผู้ซื้อมีมากกว่าผู้ขาย
มีหลายวิธีที่คุณจะใช้ประโยชน์ระดับแนวต้านได้ วิธีหนึ่งคือรอให้ราคาทะลุแนวต้านก่อนซื้อ สิ่งนี้เรียกว่า “การเทรดแบบฝ่าวงล้อม” (Breakout) อีกวิธีหนึ่งคือคอยให้ราคาเด้งออกจากระดับแนวต้านแล้วเข้าสู่สถานะซื้อ สิ่งนี้เรียกว่า “การเทรดกลับตัว” (Reversal)
สุดท้าย คุณยังสามารถลดระดับแนวต้านได้ ซึ่งหมายความว่าคุณจะเข้าสู่ Short Position เมื่อราคาทะลุต่ำกว่าระดับแนวต้าน
กลยุทธ์ใดที่คุณใช้ จะขึ้นอยู่กับรูปแบบการเทรดของคุณเองและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แต่ไม่ว่าคุณจะใช้กลยุทธ์ใด อย่าลืมใช้คำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อปกป้องตำแหน่งของคุณ
บทส่งท้าย
แม้ว่าการตั้งค่าแนวรับและแนวต้านจะเป็นแนวคิดสากลที่ใช้ได้ในตลาดการเงินใด ๆ แต่แนวรับและแนวต้านในการเทรด Forex ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแต่ละเอนทิตีที่แท้จริง และตลาดการเทรด Forex เปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ทั่วโลก การทำความเข้าใจกลไกการเกิดแนวรับแนวต้าน คือพื้นฐานสำคัญของการเทรดเพื่อทำกำไรในตลาดการเงิน
บทความที่กำลังมาแรง
- รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร 2023-11-15
- 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023 2024-01-30
- ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024 2024-08-07
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!