
คู่มือนักเทรด 101 เทรด Time Frame ไหนดีที่สุด
เทรด Time Frame ไหนดีที่สุดถึงจะเหมาะกับตัวเอง ไม่ล้าจนเกินไป แต่ก็เห็นผลไวไม่ต้องรอนาน ดูเทคนิคเลือก Time Frame ที่เหมาะกับตัวเองในโพสต์นี้ได้เลย
บทนำ
เมื่อคุณคิดจะเป็น Day Trade คุณจะต้องทราบความสำคัญของ 2 สิ่งต่อไปนี้คือ (1) Time Frame (Time Frame) หรือกรอบเวลา หรือช่วงเวลา และ (2) Indicator (อินดิเคเตอร์) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสองอย่างที่จะตีกรอบความคิดของคุณว่าเมื่อไร คุณควรทำการซื้อหรือขาย โดยอ้างอิงจาก indicator แบบต่าง ๆ มาเป็นข้อมูลการตัดสินใจ
ในบทความนี้ จะนำทุกท่านไปสู่พื้นฐานของการเลือก Time Frame การเทรด FOREX เพื่อให้เข้าใจภาพใหญ่ และเลือกใช้ให้เข้ากับสไตล์การเทรดของตนเอง และตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม
Time Frame คืออะไร
Time Frame การเทรด คือกรอบเวลาของ Day Trade ที่มีตั้งแต่ระดับวินาที ไปจนถึงระดับปี หรือ 5 ปี เมื่อคุณคลิกเลือกไทมืเฟรมใด ๆ แท่งเียนแต่ละแท่งก็จะแสดงข้อมูลราคาของระยะเวลาที่คุณเลือก และเมื่อคุณซูมเข้า-ออก ของคุณจะเห็นภาพใหญ่ของประวัติราคาในกรอบเวลาเดียวกัน
จากตัวอย่างภาพด้านบน คือชาร์ตราคาของคู่เงิน ERU/USD ใน Time Frame 5 นาที (ดูที่มุมบนซ้าย เขียนว่า 5m) ดังนั้นแท่งเทียนแต่ละแท่ง ๆ ที่เห็น จะเท่ากับราคาในช่วงเวลา 5 นาที
เช่นเดียวกันในกราฟเดิม หากคุณปรับมุมมองดูจาก 5m (หรือบางที่เรียก M5) เป็น 30m หรือ M30 แท่งเทียนแต่ละแท่งก็จะแสดงราคาของช่วง 30 นาที ดังภาพด้านล่างนี้
คุณสามารถเลือกดู Time Frame ได้ตั้งแต่ระดับวินาที ไปจนถึงรายปี หรือราย 5 ปี คอนเซ็ปต์ง่าย ๆ คือ หากคุณอยากเห็นเทรนด์หรือแนวโน้มในช่วงเวลาใด ก็ให้มองจาก Time Frame นั้น โดยที่ข้อมูลราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างกันแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในการเทรดแต่ละครั้ง คุณจะต้องเลือกพิจารณาจาก Time Frame ที่เหมาะสม ไม่สั้นจนเกินไป แต่ก็ไม่ยาวนานจนเกินไป
ควรดู Time Frame ไหนดี
ในฐานะมือใหม่ เราขอแนะนำให้คุณเริ่มจากจุดเล็ก ๆ อย่าง Time Frame ขนาด M5 หรือ M2 ก่อน เนื่องจากว่า ยิ่ง Time Frame สั้นเท่าไร ยิ่งเห็นผลไวเท่านั้น โดยไม่ต้องคอยเป็นเดือน สามเดือน หรือรายปีจนกว่าจะได้รับประสบการณ์แรกของเส้นทางการเทรด
ได้เรียนรู้ไว
จับเทรนด์ตลาดได้บ่อยครั้ง
เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของ Bullish Market ได้บ่อยครั้ง
ต่อมา คุณได้สำรวจตัวเองหรือยังว่าเป็นนักเทรดสายไหน ต้องการเห็นผลระยะสั้น หรือคอยได้ ซึ่งสิ่งนี้เราสามารถอธิบายง่าย ๆ ระหว่างภาพของ Day Trade กับ VI (Value Investor) ซึ่งคนกลุ่มหลังไม่จำเป็นต้องดูกราฟราคาบ่อย ๆ อาจทบทวนเป็นรายสามเดือน หกเดือน หรือรายปี แล้วปรับพอร์ตของเขาให้เหมาะสมกับความเป็น VI ของตนเอง แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่นิยามตนเองว่าเป็น Day Trade เขาอาจต้องใช้เวลาถี่กว่าที่จะสำรวจตลาด และปรับพอร์ตของตน
การเลือก Time Frame ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีเวลาไปใช้ทำสิ่งอื่น ๆ ในชีวิต ไม่ว่าคุณจะทำงานประจำ เป็นแม่บ้านที่ต้องดูแลลูก ๆ หรือนักธุรกิจที่มีงานรัดตัว ถ้าคุณเลือก Time Frame ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง การเทรดของคุณก็จะไม่ยุ่งยาก
อธิบายแต่ละ Time Frame ของ Day Trade
Time Frame ของ Day Trade ต่อไปนี้ มิได้จำกัดเฉพาะแต่การเทรด FOREX เท่านั้น การเทรด FOREX มิได้มีรูปแบบหรือวิธีการที่ต่างจากสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ เว้นแต่สามารถทำการเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง และความสวิงขึ้นลงของราคานั้นมีมากกว่า ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเทรดสินค้าใด ๆ หรือ FOREX การใช้ Time Frame นี้ก็สามารถเป็นไกด์ไลน์ให้คุณได้
60 นาที (M60)
ผู้ทีเป็น Swing-trader มักจะใช้ M60 เป็นเกณฑ์ในการดูราคา แต่ M60 นี้ก็ยังสามารถเป็นหนึ่งเครื่องมือที่ดีสำหรับผู้ที่เทรด Time Frame ที่ต่ำกว่าได้โดยใช้ M60 มาดูร่วมด้วย
สิ่งที่นักเทรดทุกท่านควรจดจำคือ การเทรดอื่น ๆ นอกเหนือ FOREX จะมี “ช่วงเวลา” หรือ Session เข้ามาเกี่ยวพันด้วย เช่น ตลาดเปิด 9:30 น. ดังนั้น หากคุณเป็นนักเทรด M60 ก็อาจจะต้องคอยสักหน่อย กว่าจะเห็นราคาในช่วงเปิดตลาด (= ล่าช้า)
10 หรือ 15 นาที (M10, M15)
ผู้ที่เทรดใน Time Frame นี้ คือผู้ที่สนใจ Major Trend และการเคลื่อนไหวในภาพรวมของช่วงเวลาหนึ่งวัน การเคลื่อนไหวของแท่งเทียนจะไม่ผันแปรอย่างรวดเร็วเหมือนกับ Time Frame ที่ต่ำกว่า แต่คุณอาจจะต้องใช้เวลาเฝ้าดูราคาหน้าจอที่นานกว่าเพราะจุดเวลาที่จะเข้าและออกได้ จะกินเวลานานกว่า และสามารถเข้าเทรดได้น้อยครั้งกว่า
คุณจะต้องตั้งมูลค่าการ Take Profit และ Stop Loss ไว้กว้างกว่าการเทรดที่ Time Frame ต่ำกว่า
หากคุณสนใจการเทรดตาม Time Frame นี้ ก็ไม่เสียหายที่จะทดสอบด้วยการลองกับการเทรดของตนเอง
5 นาที (M5)
เหมาะกับผู้ที่ต้องการโฟกัสการเทรด Intraday ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ไม่ต้องการเห็น Open-high และ Close-low ในทุก ๆ นาที (แบบ M1) ขนาดของล็อตจะใหญ่ขึ้นมากว่า M1 ได้ เนื่องจากช่วงความถี่ของแท่งเทียนจะกว้างกว่า จึงมีระยะระหว่างจุดที่เลือกเปิดเทรดและจุดออกที่มากกว่า
ผู้ที่เทรดด้วยไทมืเฟรม M5 มักจะเปิดการเทรด 1-2 ครั้งในช่วง 2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่กฎตายตัว คุณสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นตัวเองได้
แน่นอน คุณสามารถทดลองการเทรดที่ Time Frame นี้ได้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ โดยอาจลองกับเงินจำนวนน้อย ๆ หรือสลับไปใช้บัญชีทดลองก่อน
1 นาที (M1)
ใช้ได้ดีกับผู้ที่ต้องการมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียดของราคา และผู้ที่ต้องการเห็นผลไวทันใจ แต่การที่จะเป็นนักเทรด M1 ที่ดีได้ คุณจะต้องมีความรอบรู้ ตรงประเด็นในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคา เพราะต้องตัดสินใจซื้อหรือขายด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง
เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์มาพอสมควร วางล็อตการเทรดได้เหมาะสม และกำหนดจุด Take Profit กับ Stop Loss ไว้น้อย
หลาย Time Frame
การเทรดแบบหลาย Time Frame คือการที่คุณมองชาร์ตจากภาพใหญ่ แล้วเลือกเข้าเทรดด้วย Time Frame ย่อย ๆ เช่น คุณอาจมองดูเทรนจาก Time Frame M5 หรือ M10 เพื่อทำความเข้าใจทิศทางของราคา แล้วมองหาโอกาสการเข้าด้วยเทรนด์ไดเร็กชั่นที่ M1
พอยต์สำคัญ ใช้ Time Frame ใหญ่เป็นฟิลเตอร์ เพื่อใช้ Time Frame ย่อยเปิดการเทรด
การเลือก Time Frame ก็ยังสอดคล้องกับต้นทุนที่คุณมี และการจำกัดความเสี่ยงที่คุณจะรับได้ หากคุณเทรดด้วย Lower Time Frame คุณอาจ้องเตรียมทุนไว้มากหน่อย เพราะมันมีโอกาสจะสูญได้ง่ายกว่าคนที่เทรดด้วย Higher Time Frame ในทางตรงกันข้าม หากคุณยังไม่ชำนาญพอหรือทุนมีจำกัด มีภาระงานอื่นต้องดูแลด้วย อาจจะเลือกเทรดที่ M10 หรือ M15 ซึ่งเป็น Higher Time Frame เป็นหลัก เพราะไม่จำเป้นต้องคอยตรวจสอบชาร์ตบ่อย ๆ ยังมีเวลารีแล็กซืทำภารกิจอื่น ๆ ด้วย และโอกาสขาดทุนก็ไม่มากเท่ากับผู็ที่เทรดด้วย Lower Time Frame ดังตัวอย่างแรก
ดูจุดที่ควรเทรดอย่างไร
ไม่ว่า Time Frame ใด ๆ จุดสำคัญของการจับสัญญาณ Entry Point คือการตรวจดูอินดิเคเตอร์พอยต์ (Indicator Point) ในทุกช่วงเวลาของทิศทางเดียวกัน สัญญาณของแต่ละ Time Frame ควรจะซัพพอร์ตช่วงเวลาและทิศทางของการเทรด ต่อไปนี้คือแนวทางบางส่วนในการดูทั้งสองเทรนด์
ช่วง Uptrend หรือ Bullish
มองเห็นแพทเทิร์น Bullish Engulfing
เห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นขาขึ้นได้ชัดเจน
ความแตกต่างเชิงบวกใน RSI ร่วมกับ Stochastics และ MACD
ครอสโอเวอร์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (การข้ามที่สั้นกว่าและนานกว่า)
แนวรับที่แข็งแกร่ง แนวรับที่อ่อนแอ แนวต้านที่อยู่ไกล
ช่าง Downtrend หรือ Bearish
มองเห็น แพทเทิร์น Bearish Engulfing
เห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นขาลงได้ชัดเจน
ความแตกต่างเชิงลบใน RSI ร่วมกับ Stochastics และ MACD
ครอสโอเวอร์ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (การข้ามที่สั้นกว่าและนานกว่า)
แนวรับที่แข็งแกร่ง แนวรับที่อ่อนแอ แนวต้านที่อยู่ไกล
ศึกษาแพทเทิร์นแท่งเทียนเพิ่มเติมที่นี่
ทางเลือกอื่น ๆ ของ Day Trade
นักเทรดบางท่าน ไม่ได้ยึดติดหรือเข้มงวดกับการดู Time Frame จนเกินไป และคุณเองก็เช่นกัน ในขั้นต้น คุณควรลองทำตามคำแนะนำของหลาย ๆ ท่านดูก่อน ไม่ว่าจะเป็น การเทรดตาม Time Frame นี้ การเทรดตามวัน การเทรดตามแพทเทิร์นแท่งเทียน การเทรดโดยจำกัดงบประมาณ ฯลฯ ไม่มีแบบแผนหรือกฎที่ตายตัว ทุกสิ่งล้วนขึ้นกับความชอบและความถนัดส่วนบุคคล
ยิ่งไปกว่านั้น ธรรมชาติของ FOREX คือการผันแปรของคู่สกุลเงิน จึงไม่ควรยึดติดกับคู่เดียว ควรมองหาโอกาสจากคู่เงินอื่น ๆ ไว้เป็นทางเลือกด้วย เช่น เมื่อมีข่าว (ย้ำนะว่าแค่ “ข่าว” ก็มีอิทธิพลแล้ว) เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ก็อาจส่งผลให้ JPY ผันผวน หากคุณเทรด ERU/JPY หรือ USD/JPY เวลานั้น คุณก็อาจต้องมาเช็กกราฟจากข่าวร่วมด้วย และอีกทางเลือกไว้เป็นกันชนคือ เลือกคู่อื่น ๆ ที่ต่างกันไว้ เพราะพอสกุลใดผันผวน คุณยังหันไปเอาดีกับอีกทางได้
เทคนิคเลือก Time Frame
ในขั้นต้น คุณควรสั่งสมประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด และไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนมาก ๆ เพียงแค่คุณได้ลองสนามจริง กับ Time Frame เล็ก ๆ เช่น M3 หรือ M5 ด้วยบัญชีทดลองก่อน (ยิ่งใช้เวลาน้อย ยิ่งเห็นผลไว) เมื่อมั่นใจในสนามแล้ว ค่อย ๆ เรียนรู้เพิ่มเติมต่อไป
ที่ Top 1 Markets ได้มีบัญชีทดลองสำหรับการเทรดไว้ให้คุณได้ฝึกประสบการณ์ หลังจากเปิดบัญชีและฝากเงินผ่านบัญชีธนาคารในประเทศไทยตามระดับจำนวนที่กำหนดภายใน 24 ชั่วโมง คุณจะยังได้รับโบนัสการเทรดไปใช้ในสนามจริงทันทีอีกด้วย
จากนั้น คุณได้นิยามการเทรดของตนเองไว้เช่นไร ลองตอบคำถามสั้น ๆ ดังนี้
คุณอยากให้เงินทำงานแค่ไหนในตลาด
คุณมีเวลาที่จะเทรดมากน้อยขนาดไหน
นอกจากนี้ บางท่านมองการเทรดเป็นงานอดิเรก บางคนตั้งใจจะยึดเป็นอาชีพ สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณตอบคำถามตนเองได้ว่า คุณควรเทรดด้วย Time Frame ใดจึงจะบาลานซ์ชีวิตของคุณได้
มีเวลาไม่มาก หรือเพิ่งเริ่มต้น ควรใช้ที่ M2 หรือ M5
ต้องการเทรดทั้งวัน มีเวลาเฝ้าหน้าจอรอดู ควรใช้ที่ M15 ถึง H1
หากทำงานประจำ จะมีเวลาก็ตอนเย็น ๆ ค่ำ ๆ ควรใช้ H4 ถึง D1 เพื่อดูแนวโน้มตลาดและมองหาโอกาสเปิดการเทรด
หากคุณชิวขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ไหวติงกับการเทรดมาก ก็อาจเลือกที่นานสุดจากชาร์ตก็ได้ เช่น D1, W1, MN1
บทส่งท้าย
อย่าลืมว่า ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ดังนั้น การอ่านแพทเทิร์นแท่งเทียน การเทรดตาม Time Frame และการวิเคราะห์ตามอินดิเคเตอร์ชนิดต่าง ๆ นั้น เป็นเพียง “เครื่องมือ” ช่วยในการตัดสินใจเท่านั้น ตลาดหุ้นหรือ FOREX หรือแม้แต่สินทรัพย์ใด ๆ มีความผันผวนเป็นธรรมชาติ คุณจึงจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยง กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ และประมาณตนเองในการเทรดอยู่เสมอ และที่สำคัญคือเตรียมกระแสเงินสดที่จะคอยซัพพอร์ตคุณและครอบครัวไว้เสมอ
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก
ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ
2024-10-29
TOPONE Markets Analyst - ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024
เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD
2024-08-07
TOPONE Markets Analyst - 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
2024-01-30
TOPONE Markets Analyst - รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร
รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น
2023-11-15
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!