ไทย
ความเสี่ยงในการลงทุน มีอะไรบ้าง
การลงทุนนั้นมีความเสี่ยงเสมอ ด้วยศักยภาพสูงต่อการสร้างผลตอบแทน จึงตามมาด้วยควาเมสี่ยงที่เพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ ความไม่แน่นอนต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลให้เกิดสูญเสียได้หากไม่มีการจำกัดหรือควบคุมให้ดีตั้งแต่แรก การทำความเข้าใจความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่น
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ เราจะสำรวจแนวคิดเรื่องความเสี่ยงในการลงทุน วิธีประเมินความเสี่ยง และวิธีจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการโฟกัสเรื่องของผลตอบแทนการลงทุน และในตอนท้าย เราจะพูดถึงการเทรดแบบเลเวอเรจ เช่น การเทรดสัญญาส่วนต่าง (CFD) กับ TOPONE Markets ว่าจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากความเสี่ยงในตลาดได้อย่างไร
ความเสี่ยงในการลงทุนหมายถึงอะไร
เมื่อคุณลงทุนในรูปแบบใดก็ตาม ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าพอร์ตการลงทุนได้ แต่คุณจะแยกแยะได้อย่างไรว่าอะไรคือ “ความเสี่ยงจากการลงทุน” ที่แท้จริง และอะไรคือส่วนหนึ่งของความผันผวนของตลาดตามปกติ
สินทรัพย์ต่างกัน ความเสี่ยงต่างกัน
สินทรัพย์ที่ต่างกัน มีระดับความเสี่ยงต่างกัน ดังที่มีคำกล่าวว่า “High Risk, High Return” และเช่นเดียวกันในทางตรงกันข้าม สินทรัพย์การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าก็เป็นการแลกเปลี่ยนกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างทั่วไป ได้แก่ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล สินทรัพย์เหล่านี้มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาด ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ สภาพเศรษฐกิจ และเหตุการณ์เฉพาะบริษัท ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์ได้ไวและกว้างกว่า
เมื่อเราพูดถึง “ความเสี่ยงจากการลงทุน” โดยทั่วไปเราจะหมายถึงความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเงินทุนหรือโอกาสที่การลงทุนอาจไม่ให้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง เช่น การลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนหรือบริษัทสตาร์ทอัพใหม่อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความรู้สึกของตลาด การบริหารจัดการ และการแข่งขันในอุตสาหกรรม อีกทางหนึ่ง พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นบลูชิปอาจมีโปรไฟล์ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงกว่าและผลตอบแทนที่คาดเดาได้
บทความที่คุณอาจสนใจ
4 ความเสี่ยงสำคัญในการลงทุน
ความเสี่ยงในการลงทุนเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงเหล่านั้นได้ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ อันดับแรก มาเรียนรู้ถึง 4 ความเสี่ยงในการลงทุนที่สำคัญ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนในกรอบเวลาที่คาดหวังได้
ความเสี่ยงด้านความผันผวน: การวัดว่าราคาสินทรัพย์มีการผันผวนมากน้อยเพียงใดเมื่อเวลาผ่านไป สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมีความเสี่ยงมากกว่า
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: ความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจไม่สามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วเพียงพอโดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคา
ความเสี่ยงด้านตลาด: ศักยภาพในการที่ตลาดหรืออุตสาหกรรมทั้งหมดจะตกต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนได้
ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ: ความเสี่ยงที่ผู้ออกพันธบัตรหรือหนี้อาจผิดนัดชำระหนี้
การระบุความเสี่ยงด้านการลงทุนเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้และประเมินว่าปัจจัยเหล่านี้มีผลกับสินทรัพย์การลงทุนประเภทต่าง ๆ อย่างไร
วิธีจัดการความเสี่ยง เพิ่มโอกาสผลตอบแทนการลงทุน
การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปกป้องเงินทุนและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว มีหลายวิธีในการลดความเสี่ยงโดยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุน เป้าหมาย และความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละท่าน ต่อไปนี้เป็น 4 วิธีทั่วไปที่ TOPONE Markets รวบรวมขึ้นมาเพื่อช่วยคุณบริหารความเสี่ยงในการลงทุน
1 - บริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายความเสี่ยง
การกระจายความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับการกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ (หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น) และอุตสาหกรรมต่าง ๆ กลยุทธ์นี้ช่วยลดผลกระทบของผลงานที่ไม่ดีของสินทรัพย์ใด ๆ ต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวม เช่น หากตลาดหุ้นประสบภาวะตกต่ำ ส่วนพันธบัตรในพอร์ตการลงทุนอาจยังคงมีเสถียรภาพหรืออาจเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียที่สำคัญได้ เนื่องจากสินทรัพย์ต่าง ๆ ตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ แตกต่างกัน แม้ว่าการกระจายความเสี่ยงจะไม่สามารถขจัดความเสี่ยงได้ทั้งหมด แต่สามารถลดความผันผวนลงได้เมื่อเวลาผ่านไป
2 - บริหารความเสี่ยงด้วยการจัดสรรสินทรัพย์
การจัดสรรสินทรัพย์คือกระบวนการตัดสินใจว่าจะกระจายการลงทุนไปยังประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร เงินสด และอสังหาริมทรัพย์อย่างไร การจัดสรรที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยง ช่วงเวลา และเป้าหมายทางการเงิน เช่น นักลงทุนรุ่นเยาว์ที่มีช่วงเวลาระยะยาวอาจยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นโดยการจัดสรรหุ้นลงไปในพอร์ตการลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่นักลงทุนที่อนุรักษ์นิยมมากกว่าซึ่งใกล้จะเกษียณอายุอาจจัดสรรหุ้นในพันธบัตรในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าสมัยที่เป็นหนุ่ม ๆ
การจัดสรรสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ช่วยให้คุณสามารถปรับสมดุลความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นในพอร์ตการลงทุนได้ ช่วยให้คุณบรรลุการเติบโตในระยะยาวที่มั่นคงยิ่งขึ้น
บทความที่คุณอาจสนใจ
3 - บริหารความเสี่ยงด้วยรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย
การป้องกันความเสี่ยงเป็นกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงในการลงทุนที่ใช้เพื่อชดเชยการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในการลงทุนหนึ่งรายการโดยการซื้อสินทรัพย์อื่นที่ตรงกันข้าม เช่น การลงทุนใน ETF หรือการเทรด CFD เพื่อเก็งกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อปกป้องพอร์ตการลงทุนจากภาวะตกต่ำของตลาด
แม้ว่าการป้องกันความเสี่ยงจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนโดยรวมโดยปริยาย แต่บ่อยครั้งที่การป้องกันความเสี่ยงมาพร้อมกับต้นทุนและความซับซ้อนในตัวของมันเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ให้ถ่องแท้ก่อนนำไปใช้ในกลยุทธ์ที่เข้ากับตนเอง
4 - บริหารความเสี่ยงด้วยการติดตามและปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ
สภาวะตลาดและสถานการณ์ทางการเงินส่วนบุคคลอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นการตรวจสอบและปรับพอร์ตการลงทุนเป็นประจำจึงมีความสำคัญต่อการจัดการความเสี่ยงในการลงทุน การปรับพอร์ตการลงทุนหมายถึงกับการแจกจ่ายสินทรัพย์ภายในพอร์ตการลงทุนเพื่อรักษาระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่คุณต้องการและยอมรับได้ เช่น หากหุ้นมีผลงานดีกว่าพันธบัตร พอร์ตการลงทุนอาจมีหุ้นมากเกินไป ทำให้คุณต้องเผชิญความเสี่ยงโดยรวมมากขึ้น การปรับสมดุลจะทำให้การจัดสรรสินทรัพย์สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการลงทุน รวมถึงการปรับตามช่วงอายุ หรือเงื่อนไขชีวิตที่เปลี่ยนไป ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนการลงทุนให้สูงขึ้นตามสภาวะตลาดและโปรไฟล์ความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป
Risk Adjusted Return คืออะไร
เมื่อประเมินความสำเร็จของการลงทุน การพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถให้ภาพรวมได้ ผลตอบแทนการลงทุนที่ปรับตามความเสี่ยงเป็นมาตรการที่ครอบคลุมกว่าซึ่งคำนึงถึงทั้งผลตอบแทนจากการลงทุนและระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่เกี่ยวข้องด้วย
ความสัมพันธ์ของความเสี่ยงและผลตอบแทน
ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนมีความสำคัญพื้นฐานต่อการลงทุน โดยทั่วไป ยิ่งนักลงทุนยอมรับความเสี่ยงมากขึ้นเท่าใด ผลตอบแทนที่อาจได้รับก็จะสูงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงไม่ใช่ว่าจะน่าดึงดูดเท่ากันทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการลงทุนเหล่านั้นไม่ให้ผลตอบแทนที่สมดุลกัน ในการประเมินประสิทธิภาพของการลงทุน จำเป็นต้องพิจารณาผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าผลตอบแทนการลงทุนนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่รับหรือไม่
จะคำนวณผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยงได้อย่างไร
มีหลายวิธีในการคำนวณผลตอบแทนที่ปรับตามความเสี่ยง โดยวิธีที่ใช้กันทั่วไปวิธีหนึ่งคืออัตราส่วนชาร์ป อัตราส่วนชาร์ปวัดผลตอบแทนส่วนเกิน (หรือเบี้ยประกันความเสี่ยง) ต่อหน่วยความเสี่ยง โดยความเสี่ยงจะถูกวัดโดยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของการลงทุน (ความผันผวน) ค่า Shape Ratio ที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงการแลกเปลี่ยนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เอื้ออำนวยมากขึ้น
ผลตอบแทนการลงทุนที่ปรับตามความเสี่ยงช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบรูปแบบและสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงต่างกันได้ ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้มากขึ้น
บริหารความเสี่ยงเป็นโอกาสด้วยการเทรด CFD ที่ TOPONE Markets
วิธีหนึ่งในการใช้ประโยชน์จากความเสี่ยงในการลงทุนคือการเทรดเก็งกำไรด้วยสัญญาส่วนต่าง หรือ CFD การเทรด CFD ช่วยให้คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งหุ้นรายตัว ดัชนีตลาดหุ้น น้ำมันดิบ ทองคำ คู่เงิน Forex และสกุลเงินดิจิทัลได้ครบวงจร โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิงเหล่านั้น ซึ่งสามารถให้โอกาสพิเศษในการทำกำไรจากความผันผวนของตลาดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
บทความที่คุณอาจสนใจ
อะไรทำให้การเทรด CFD น่าสนใจ
การเทรด CFD เกี่ยวข้องกับการใช้ตำแหน่ง ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่กว่าด้วยการลงทุนเริ่มต้นที่น้อยกว่า แม้ว่าวิธีนี้จะขยายผลตอบแทนได้ แต่ก็ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการจัดการความเสี่ยงในการลงทุนจึงมีความสำคัญเมื่อทำการเทรด CFD
ที่ TOPONE Markets เราเสนอเครื่องมือการเทรดขั้นสูงและแหล่งข้อมูลการศึกษาเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจความซับซ้อนของการเทรด CFD และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง แพลตฟอร์มของเราให้การเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย ทำให้คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าคุณต้องการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นหรือป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนอื่น ๆ การเทรด CFD สามารถช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นไปได้สูงสุด
เหตุใดจึงควรเลือก TOPONE Markets สำหรับการเทรด CFD
เริ่มต้นนำทางการลงทุนในตลาดการเงินที่มาพร้อมโปรไฟล์ความเสี่ยงอย่างฉลาด ด้วยการใช้ตราสาร CFD เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ด้วยการเทรด CFD กับโบรกเกอร์ TOPONE Markets คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาสินทรัพย์อ้างอิงชนิดต่าง ๆ
การใช้ประโยชน์: เข้าถึงการเปิดรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในตลาดด้วยการใช้การใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดที่แปรผกผันกัน ช่วยให้คุณสามารถขยายผลตอบแทนที่เป็นไปได้ (และการขาดทุน) จากการลงทุนที่เล็กกว่าได้
เครื่องมือการจัดการความเสี่ยง: ใช้คำสั่ง Stop Loss และ Take Profit เพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
ความหลากหลายของตลาด: เทรดในคลาสสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Forex และสินค้าโภคภัณฑ์ไปจนถึงดัชนีตลาดหุ้นและสกุลเงินดิจิทัล
ที่ TOPONE Markets เราส่งมอบข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ตลาดของผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อให้ทราบข้อมูลและตัดสินใจเทรดได้ดีขึ้น สมัครรับสัญญาณการเทรดจากชุมชนเทรดเดอร์ของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ แต่การทำความเข้าใจและจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ การประเมินโปรไฟล์ความเสี่ยงในการลงทุน การใช้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงและการจัดสรรสินทรัพย์ และการพิจารณาเครื่องมือต่าง ๆ เช่น การเทรด CFD จะช่วยให้คุณสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนและปกป้องเงินทุนได้
หากคุณต้องการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด ให้สำรวจโอกาสต่าง ๆ ที่การเทรด CFD มอบให้กับ TOPONE Markets แพลตฟอร์มของเรามอบเครื่องมือ ทรัพยากร และการสนับสนุนที่คุณต้องการเพื่อรับมือกับความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นไปได้สูงสุดในตลาดการเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!
