
Bond Yield คืออะไร ใช้บอกทิศทางการเทรด CFD ได้อย่างไร
เจาะลึกความสัมพันธ์ของ Bond Yield, หุ้น และอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดการเงิน พร้อมกลยุทธ์เทรดระยะสั้นด้วย CFD กับ TOPONE Markets

ในโลกการเงินที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่มักได้ยินเสมอ ๆ ในรายงานข่าวประจำวันของเราคืออัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานและรุ่นอายุ 2 ปีมีการเปลี่ยนแปลงประจำวันอย่างไร ว่าแต่ “Bond” หรือพันธบัตรรัฐบาลเหล่านั้นคืออะไร แล้วอัตราผลตอบแทนหรือ “Bond Yield” นั้นมีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนในแต่ละช่วง ๆ อย่างไรบ้างได้กลายเป็นคำถามสำคัญจากลูกค้าของเราจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน Bond Yield ไม่ได้เพียงแค่สะท้อนผลตอบแทนจากพันธบัตรเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างแน่นแฟ้น หากคุณต้องการใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อจับโอกาสในตลาดและทำกำไรจาก CFD การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield กับปัจจัยเหล่านี้คือกุญแจสำคัญ และ TOPONE Markets พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในเส้นทางการลงทุนที่เป็นไปตามทิศทางของตลาด
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ จะพาทุกท่านไปสำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield กับตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน Forex พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่นำไปใช้ได้จริงสำหรับการเก็งกำไรด้วยตราสาร CFD บนสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ได้รับอิทธิพลทั้งจากทางตรงและทางอ้อมกับเราที่ TOPONE Markets
Bond Yield คืออะไร ทำไมต้องจับตาดู
Bond Yield หมายถึงอัตราผลตอบแทนจากการถือครองพันธบัตร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อ Bond Yield ปรับตัวขึ้น มักจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเติบโตและมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้เทรดเดอร์ต้องพิจารณาผลกระทบทั้งในตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน การทำความเข้าใจ Bond Yield ไม่เพียงช่วยให้คุณคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้ แต่ยังช่วยระบุโอกาสที่เหมาะสมสำหรับเทรดระยะสั้นด้วย CFD บนสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
ตรวจสอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่นี่:

ตรวจสอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีที่นี่:

Bond Yield กับราคาหุ้น: เมื่อ Bond Yield ขึ้นหุ้นได้ประโยชน์หรือไม่
เมื่อ Bond Yield เพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์มักมองหาผลตอบแทนที่ดีกว่า ทำให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตร ในบางกรณี หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินได้รับประโยชน์จาก Bond Yield ที่สูงขึ้นเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ อาจเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ดังนั้นด้วยความเข้าใจในการแปรผกผันกันเช่นนี้คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้ในการเก็งกำไรระยะสั้น โดยการเปิดสถานะ Short หรือ Long ตามแนวโน้มตลาดที่เกิดขึ้น
(1)กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก Bond Yield ที่สูงขึ้น
หุ้นในกลุ่มธนาคารและการเงินเป็นตัวอย่างชัดเจนของผู้ได้รับผลบวกจาก Bond Yield ที่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ที่สูงขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่ม เช่น หุ้นของ JPMorgan Chase, Wells Fargo หรือธนาคารในกลุ่มที่ให้สินเชื่อรายใหญ่ หุ้นเหล่านี้มักปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ Bond Yield ขยับสูง
อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ของการเพิ่มขึ้นของ Bond Yield คือหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต อัตรา Bond Yield ที่สูงมักสะท้อนถึงความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น หุ้นในบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ เช่น ExxonMobil และ Chevron จึงมักได้ประโยชน์ในช่วงนี้
เปิดบัญชีเทรด CFD เก็งกำไรกับเราตอนนี้ รับสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าใหม่!
(2)กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจาก Bond Yield ที่สูงขึ้น
ในทางกลับกัน หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและการเติบโต (Growth Stocks) มักเผชิญแรงกดดันจาก Bond Yield ที่สูง เนื่องจากกลุ่มนี้พึ่งพาการกู้ยืมเงินและต้นทุนทางการเงินในการขยายธุรกิจ เช่น หุ้นของ Tesla, Microsoft หรือ Meta Platforms การเพิ่มต้นทุนนี้ทำให้มูลค่าหุ้นลดลง และเทรดเดอร์อาจโยกเงินไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า
ในการเก็งกำไรระยะสั้นด้วยตราสาร CFD คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นไกด์ไลน์ในการตัดสินใจโดยเปิดสถานะ Long CFD ในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่น กลุ่มธนาคาร หรือพลังงาน หรือ Short CFD ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจได้รับผลกระทบในช่วงที่ Bond Yield เพิ่มสูงขึ้น การใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด
บทความที่คุณอาจสนใจ
TOPONE Markets พร้อมช่วยให้ลูกค้าของเราติดตามแนวโน้ม Bond Yield และผลกระทบต่อหุ้นแต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดด้วยบริการโบรกเกอร์ CFD ที่ครอบคลุมข้อมูลตลาดและเครื่องมือวิเคราะห์เชิงเทคนิคที่ทรงพลัง คุณสามารถเริ่มเทรด CFD บนหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ อัตราดอกเบี้ย ฯลฯ ได้ทันที เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เคลื่อนไหวไปตามทิศทางเดียวกันของตลาด
ความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield กับอัตราดอกเบี้ย

Bond Yield กับอัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก เนื่องจาก Bond Yield มักสะท้อนถึงต้นทุนเงินที่เพิ่มขึ้นในตลาด เมื่อธนาคารกลางของประเทศใด ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น การประกาศของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ Bond Yield ก็จะปรับตัวสูงขึ้นตาม การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ ในตลาดการเงินรอบโลก
ผลกระทบของ Bond Yield ต่อสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ
ตลาดพันธบัตร: เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ราคาพันธบัตรที่มีอยู่ในตลาดจะลดลง เพื่อให้ผลตอบแทน (Yield) สูงขึ้นและเทียบเท่ากับพันธบัตรใหม่รุ่นใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เทรดเดอร์จึงมักโยกเงินออกจากพันธบัตรและเข้าสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น หุ้นหรือเงินสด
ตลาดหุ้น: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาการกู้ยืม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ ในทางกลับกัน กลุ่มการเงินมักได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากรายได้จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำมักเผชิญแรงกดดันในช่วงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนโอกาส (Opportunity Cost) ของการถือทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนลดลง ขณะที่เงินดอลลาร์มักแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกลดลง
ฉลาดใช้ CFD อย่างเทรดเดอร์มือโปรกับ TOPONE Markets

ลองนึกถึงช่วงปี 2022 ที่ Bond Yield สหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
จากลักษณะเช่นนี้ หากคุณมีความเข้าใจในความสัมพันธ์นี้ก็จะสามารถใช้ CFD เพื่อเปิดสถานะ Short ในดัชนี Nasdaq ได้ในช่วงที่ Bond Yield สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังว่า FED จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ในทางกลับกัน การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐอันเนื่องมาจาก Bond Yield ที่สูงขึ้นสร้างโอกาสให้กับผู้ที่เก็งกำไรในคู่เงิน เช่น USD/JPY โดยการเปิดสถานะ Long ในคู่เงินดังกล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงที่ Bond Yield สูงขึ้น เทรดเดอร์ยังอาจมองเห็นโอกาสในหุ้นกลุ่มธนาคารที่มักได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การเปิดสถานะ Long CFD ในหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เช่น JPMorgan Chase หรือ Bank of America อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร
ในช่วงที่ Bond Yield และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์อาจเปิดสถานะ Short CFD ในตลาดพันธบัตรหรือทองคำ เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มขาลง
หากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อันเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะ Long CFD ในคู่เงิน USD/JPY เพื่อจับโอกาสจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่ง
สำหรับหุ้น เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะ Long CFD ในหุ้นกลุ่มธนาคารหรือการเงินที่ได้รับผลบวกจาก Bond Yield และอัตราดอกเบี้ยที่สูง
ที่โบรกเกอร์ TOPONE Markets เราพร้อมช่วยคุณติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Bond Yield ไปพร้อม ๆ กับอัตราดอกเบี้ย และตลาดสินทรัพย์ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลัง เทรดเดอร์สามารถสร้างกลยุทธ์เก็งกำไรที่ตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสร้างกำไรจากสินทรัพย์หลากหลายประเภท เริ่มต้นการเทรดกับเราและใช้โอกาสจากตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ!
บทส่งท้าย
ความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield, อัตราดอกเบี้ย, และราคาหุ้น เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ที่เข้าใจกลไกเหล่านี้ใช้กลยุทธ์ CFD เพื่อทำกำไรในตลาดที่ผันผวน ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรจากหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ เช่น ธนาคาร หรือการเปิดสถานะ Short ในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ทองคำและหุ้นเทคโนโลยี
ที่ TOPONE Markets เราเป็นพันธมิตรที่คุณวางใจได้ ด้วยบริการที่ทันสมัย ข้อมูลเรียลไทม์ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์เก็งกำไรได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ ตลาด Bond Yield ที่เคลื่อนไหวและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอคือโอกาสที่ไม่ควรพลาด
เริ่มต้นการเทรด CFD กับ TOPONE Markets วันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรจากทั้งขาขึ้นและขาลง พร้อมรับประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่าในทุกจังหวะของตลาด!

ในโลกการเงินที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่มักได้ยินเสมอ ๆ ในรายงานข่าวประจำวันของเราคืออัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10 ปีซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานและรุ่นอายุ 2 ปีมีการเปลี่ยนแปลงประจำวันอย่างไร ว่าแต่ “Bond” หรือพันธบัตรรัฐบาลเหล่านั้นคืออะไร แล้วอัตราผลตอบแทนหรือ “Bond Yield” นั้นมีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนในแต่ละช่วง ๆ อย่างไรบ้างได้กลายเป็นคำถามสำคัญจากลูกค้าของเราจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน Bond Yield ไม่ได้เพียงแค่สะท้อนผลตอบแทนจากพันธบัตรเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างแน่นแฟ้น หากคุณต้องการใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อจับโอกาสในตลาดและทำกำไรจาก CFD การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield กับปัจจัยเหล่านี้คือกุญแจสำคัญ และ TOPONE Markets พร้อมที่จะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในเส้นทางการลงทุนที่เป็นไปตามทิศทางของตลาด
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ จะพาทุกท่านไปสำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield กับตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน Forex พร้อมทั้งแนะนำกลยุทธ์การเทรดระยะสั้นที่นำไปใช้ได้จริงสำหรับการเก็งกำไรด้วยตราสาร CFD บนสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ได้รับอิทธิพลทั้งจากทางตรงและทางอ้อมกับเราที่ TOPONE Markets
Bond Yield คืออะไร ทำไมต้องจับตาดู
Bond Yield หมายถึงอัตราผลตอบแทนจากการถือครองพันธบัตร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม เมื่อ Bond Yield ปรับตัวขึ้น มักจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเติบโตและมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้เทรดเดอร์ต้องพิจารณาผลกระทบทั้งในตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน การทำความเข้าใจ Bond Yield ไม่เพียงช่วยให้คุณคาดการณ์แนวโน้มตลาดได้ แต่ยังช่วยระบุโอกาสที่เหมาะสมสำหรับเทรดระยะสั้นด้วย CFD บนสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
ตรวจสอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่นี่:

ตรวจสอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีที่นี่:

Bond Yield กับราคาหุ้น: เมื่อ Bond Yield ขึ้นหุ้นได้ประโยชน์หรือไม่
เมื่อ Bond Yield เพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์มักมองหาผลตอบแทนที่ดีกว่า ทำให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตร ในบางกรณี หุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินได้รับประโยชน์จาก Bond Yield ที่สูงขึ้นเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับหุ้นกลุ่มอื่น ๆ อาจเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นได้ ดังนั้นด้วยความเข้าใจในการแปรผกผันกันเช่นนี้คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้ในการเก็งกำไรระยะสั้น โดยการเปิดสถานะ Short หรือ Long ตามแนวโน้มตลาดที่เกิดขึ้น
(1)กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก Bond Yield ที่สูงขึ้น
หุ้นในกลุ่มธนาคารและการเงินเป็นตัวอย่างชัดเจนของผู้ได้รับผลบวกจาก Bond Yield ที่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ที่สูงขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่ม เช่น หุ้นของ JPMorgan Chase, Wells Fargo หรือธนาคารในกลุ่มที่ให้สินเชื่อรายใหญ่ หุ้นเหล่านี้มักปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ Bond Yield ขยับสูง
อีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ของการเพิ่มขึ้นของ Bond Yield คือหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต อัตรา Bond Yield ที่สูงมักสะท้อนถึงความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น หุ้นในบริษัทพลังงานขนาดใหญ่ เช่น ExxonMobil และ Chevron จึงมักได้ประโยชน์ในช่วงนี้
เปิดบัญชีเทรด CFD เก็งกำไรกับเราตอนนี้ รับสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าใหม่!
(2)กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจาก Bond Yield ที่สูงขึ้น
ในทางกลับกัน หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและการเติบโต (Growth Stocks) มักเผชิญแรงกดดันจาก Bond Yield ที่สูง เนื่องจากกลุ่มนี้พึ่งพาการกู้ยืมเงินและต้นทุนทางการเงินในการขยายธุรกิจ เช่น หุ้นของ Tesla, Microsoft หรือ Meta Platforms การเพิ่มต้นทุนนี้ทำให้มูลค่าหุ้นลดลง และเทรดเดอร์อาจโยกเงินไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า
ในการเก็งกำไรระยะสั้นด้วยตราสาร CFD คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นไกด์ไลน์ในการตัดสินใจโดยเปิดสถานะ Long CFD ในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่น กลุ่มธนาคาร หรือพลังงาน หรือ Short CFD ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจได้รับผลกระทบในช่วงที่ Bond Yield เพิ่มสูงขึ้น การใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด
บทความที่คุณอาจสนใจ
TOPONE Markets พร้อมช่วยให้ลูกค้าของเราติดตามแนวโน้ม Bond Yield และผลกระทบต่อหุ้นแต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดด้วยบริการโบรกเกอร์ CFD ที่ครอบคลุมข้อมูลตลาดและเครื่องมือวิเคราะห์เชิงเทคนิคที่ทรงพลัง คุณสามารถเริ่มเทรด CFD บนหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ อัตราดอกเบี้ย ฯลฯ ได้ทันที เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เคลื่อนไหวไปตามทิศทางเดียวกันของตลาด
ความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield กับอัตราดอกเบี้ย

Bond Yield กับอัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก เนื่องจาก Bond Yield มักสะท้อนถึงต้นทุนเงินที่เพิ่มขึ้นในตลาด เมื่อธนาคารกลางของประเทศใด ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น การประกาศของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ Bond Yield ก็จะปรับตัวสูงขึ้นตาม การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ ในตลาดการเงินรอบโลก
ผลกระทบของ Bond Yield ต่อสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ
ตลาดพันธบัตร: เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ราคาพันธบัตรที่มีอยู่ในตลาดจะลดลง เพื่อให้ผลตอบแทน (Yield) สูงขึ้นและเทียบเท่ากับพันธบัตรใหม่รุ่นใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เทรดเดอร์จึงมักโยกเงินออกจากพันธบัตรและเข้าสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น หุ้นหรือเงินสด
ตลาดหุ้น: อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาการกู้ยืม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ ในทางกลับกัน กลุ่มการเงินมักได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากรายได้จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำมักเผชิญแรงกดดันในช่วงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนโอกาส (Opportunity Cost) ของการถือทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนลดลง ขณะที่เงินดอลลาร์มักแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกลดลง
ฉลาดใช้ CFD อย่างเทรดเดอร์มือโปรกับ TOPONE Markets

ลองนึกถึงช่วงปี 2022 ที่ Bond Yield สหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
จากลักษณะเช่นนี้ หากคุณมีความเข้าใจในความสัมพันธ์นี้ก็จะสามารถใช้ CFD เพื่อเปิดสถานะ Short ในดัชนี Nasdaq ได้ในช่วงที่ Bond Yield สูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังว่า FED จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ในทางกลับกัน การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐอันเนื่องมาจาก Bond Yield ที่สูงขึ้นสร้างโอกาสให้กับผู้ที่เก็งกำไรในคู่เงิน เช่น USD/JPY โดยการเปิดสถานะ Long ในคู่เงินดังกล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงที่ Bond Yield สูงขึ้น เทรดเดอร์ยังอาจมองเห็นโอกาสในหุ้นกลุ่มธนาคารที่มักได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การเปิดสถานะ Long CFD ในหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เช่น JPMorgan Chase หรือ Bank of America อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไร
ในช่วงที่ Bond Yield และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์อาจเปิดสถานะ Short CFD ในตลาดพันธบัตรหรือทองคำ เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มขาลง
หากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อันเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะ Long CFD ในคู่เงิน USD/JPY เพื่อจับโอกาสจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่ง
สำหรับหุ้น เทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะ Long CFD ในหุ้นกลุ่มธนาคารหรือการเงินที่ได้รับผลบวกจาก Bond Yield และอัตราดอกเบี้ยที่สูง
ที่โบรกเกอร์ TOPONE Markets เราพร้อมช่วยคุณติดตามการเปลี่ยนแปลงของ Bond Yield ไปพร้อม ๆ กับอัตราดอกเบี้ย และตลาดสินทรัพย์ต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลัง เทรดเดอร์สามารถสร้างกลยุทธ์เก็งกำไรที่ตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสร้างกำไรจากสินทรัพย์หลากหลายประเภท เริ่มต้นการเทรดกับเราและใช้โอกาสจากตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ!
บทส่งท้าย
ความสัมพันธ์ระหว่าง Bond Yield, อัตราดอกเบี้ย, และราคาหุ้น เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ที่เข้าใจกลไกเหล่านี้ใช้กลยุทธ์ CFD เพื่อทำกำไรในตลาดที่ผันผวน ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรจากหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ เช่น ธนาคาร หรือการเปิดสถานะ Short ในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ทองคำและหุ้นเทคโนโลยี
ที่ TOPONE Markets เราเป็นพันธมิตรที่คุณวางใจได้ ด้วยบริการที่ทันสมัย ข้อมูลเรียลไทม์ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์เก็งกำไรได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ ตลาด Bond Yield ที่เคลื่อนไหวและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอคือโอกาสที่ไม่ควรพลาด
เริ่มต้นการเทรด CFD กับ TOPONE Markets วันนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรจากทั้งขาขึ้นและขาลง พร้อมรับประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่าในทุกจังหวะของตลาด!
บทความที่กำลังมาแรง
- “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก
"ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "
2025-01-10
TOPONE Markets Analyst - 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น
อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท
2024-07-03
TOPONE Markets Analyst - 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด
ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน
2024-06-07
TOPONE Markets Analyst - Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง
ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์
2024-03-01
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!