
เปิด 5 วิธีเลือก Crypto Wallet ที่ดีที่สุดที่คนไทยใช้กัน
แนะนำ 5 กระเป๋าคริปโตยอดนิยม พร้อมวิธีเลือกที่เก็บเหรียญคริปโตให้เหมาะกับคุณ พร้อมทางเลือกใหม่ในการเทรดคริปโตผ่าน CFD กับ TOPONE Markets ไม่ต้องเก็บเหรียญก็เก็งกำไรได้ เริ่มง่าย ๆ เพียง $10US
ทุกวันนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยก้าวเข้าสู่โลกคริปโตด้วยคำถามคล้ายกัน นั่นก็คือ “กระเป๋าคริปโตแบบไหนดี?” หรือ “จะใช้ที่เก็บเหรียญคริปโตแบบไหนถึงจะปลอดภัย?” และแน่นอทุกคำถามนั้นสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเพราะการเก็บเหรียญคือจุดเริ่มต้นของการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล
คุณทราบหรือไม่ว่าในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังถกเถียงว่าควรจะเลือกใช้ Crypto Wallet อันไหนดี มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เริ่มต้นเทรดและทำกำไรจากราคาที่ผันผวนของคริปโตโดยไม่ต้อง “เก็บ” อะไรเลย
ไม่ต้องกังวล Private Key หาย ไม่ต้องจด Seed Phrase ไม่ต้องปวดหัวกับเหรียญปลอม หรือเครือข่ายผิด
เพราะพวกเขาเทรดด้วยการใช้ตราสาร CFD (Contract for Difference) ที่เปิดโอกาสให้คุณ “เก็งกำไรจากราคา” ของคริปโตเหรียญต่าง ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, และเหรียญชั้นนำอื่น ๆ แบบไม่ต้องถือครองเหรียญจริง ไม่ต้องมี Wallet ให้ยุ่งยาก และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทั้ง 2 ด้านอย่างละเอียด ทั้งคนที่กำลังลังเลในการเลือกใช้กระเป๋าคริปโต เรามี 5 วิธีเลือก Crypto Wallet แบบเข้าใจง่ายพร้อมแนะนำ 5 Wallet ที่ดีที่สุด ที่คนไทยใช้งานจริง ทั้งแบบ Hot และ Cold และหากคุณกำลังมองหาวิธี “เริ่มเทรดคริปโต” ที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องบริหารจัดการเหรียญ เรามีทางเลือก ที่ง่าย เร็ว และปลอดภัย กว่าแบบที่คุณอาจยังไม่เคยลอง ด้วยการเทรด CFD เก็งกกำไรบนการเปลี่ยนแปลงของราคาทั้งขาขึ้นและขาลง
5 วิธีเลือก Crypto Wallet ง่าย ๆ

การตัดสินใจว่า Crypto Wallet อันไหนดี หรือจะเลือก กระเป๋าคริปโต และ ที่เก็บเหรียญคริปโต แบบไหนดี เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่เริ่มลงทุนหรือเทรดกับคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะในไทยที่ตลาดมีความหลากหลาย ด้านล่างคือ 5 วิธีเลือก Crypto Wallet ที่ง่าย แต่ทรงพลัง
ความปลอดภัย (Security)
เลือก Wallet ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัส private keys, two‑factor authentication (2FA), ระบบ biometric หรือ hardware isolation ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการปกป้องเหรียญคริปโตของคุณประเภทของ Wallet (Hot หรือ Cold)
Hot Wallet เช่น mobile Wallet หรือ desktop Wallet ใช้งานสะดวก รวดเร็ว แต่เสี่ยงหากโดนแฮ็ก
Cold Wallet เช่น hardware Wallet หรือ paper Wallet หยุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ปลอดภัยสูง เหมาะกับการถือเหรียญระยะยาว
รองรับเหรียญและเครือข่าย (Multi‑Coin Support)
ตรวจสอบว่า Wallet รองรับเครือข่ายหลัก เช่น Bitcoin, Ethereum, Binance Smart Chain, Solana และโทเค็น ERC‑20 หรือ BEP‑20 เพื่อให้ผู้ใช้ไทยไม่ต้องแบ่งหลายกระเป๋าการใช้งานในไทย (Localisation & Support)
เลือก Wallet ที่มีคู่มือภาษาไทย, FAQ ไทย และบริการลูกค้าในไทย เพื่อให้ผู้ใช้รับความช่วยเหลือเมื่อประสบปัญหา หรือสอบถามเรื่องฟีเจอร์ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย (Fees)
พิจารณา Wallet ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในรับหรือส่งเหรียญในระดับยุติธรรม และมีตัวเลือกปรับค่าธรรมเนียมเพื่อให้เหมาะกับความรวดเร็วหรือประหยัด
เทรดเดอร์แบบไหนต้องใช้ Crypto Wallet

เทรดเดอร์คริปโตในไทยมีหลายประเภท และความต้องการในการใช้ กระเป๋าคริปโต หรือ ที่เก็บเหรียญคริปโต ก็แตกต่างกัน:
เทรดเดอร์สายฮ็อต เช่น Day‑trader หรือ Swing‑trader
ต้องการเข้าออกตลาดเร็ว: แนะนำใช้ Hot Wallet ที่เชื่อมต่อกับ exchange ได้สะดวก
ต้องโอนเหรียญเข้าออกฝาก-ถอนบ่อย ใช้งานบนมือถือหรือเว็บได้ทันใจ
แต่ต้องมีมาตรการความปลอดภัยสูง เช่น ใช้ 2FA เข้ารหัส PIN หรือ biometric เพื่อปกป้องข้อมูล
เทรดเดอร์ถือระยะกลาง‑ยาว (HODLer)
ต้องการเก็บคริปโตสกุลหลักอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ระยะยาว
เหมาะกับ Cold Wallet เช่น hardware Wallet หรือ deep Cold storage
ใช้เพื่อป้องกันการโดนแฮ็กหรือกระดานเทรดล้ม ประสบปัญหาใด ๆ เช่น เลือกใช้ Ledger, Trezor หรือ Ellipal เป็นต้น
เทรดเดอร์สาย DeFi / NFT ใช้งานบนเครือข่ายต่าง ๆ
ต้องใช้ Wallet ที่รองรับโทเค็น ERC‑20, BEP‑20, Solana ฯลฯ
Wallet ต้องมีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับ DApp เช่น MetaMask, Trust Wallet
ควรเลือกที่รองรับ Multi‑chain และมีระบบ guide ใช้งานง่าย
คนไทยที่กังวลเรื่องภาษาและบริการ
อยากได้คู่มือภาษาไทย บริการลูกค้าไทย
เลือก Wallet ที่มี community ชุมชนไทยดูแล หรือทีมช่วยเหลือไทยตรง
หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ต้องการความเร็วในการเข้าออกตลาด เลือก Hot Wallet แต่ถ้าเน้นเก็บระยะยาว เลือก Cold Wallet ที่มีความปลอดภัยสูง และวิเคราะห์ให้เข้ากับสไตล์การเทรดของคุณเอง เพื่อการตัดสินใจใช้งาน Wallet อย่างมีสติและเหมาะสม
5 Crypto Wallet ยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ไทย

ด้านล่างคือรีวิว 5 Crypto Wallet ยอดนิยมที่คนไทยใช้กันมาก รวมทั้ง Hot Wallets และ Cold Wallets ที่ควรรู้จัก โดยมีทั้งชื่อภาษาอังกฤษและสรุปจุดเด่น พร้อมใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหา:
1. Ledger Nano X (Cold Wallet)
Ledger Nano X เป็น ที่เก็บเหรียญคริปโต แบบ hardware Wallet มีความปลอดภัยสูง ใช้ชิพ Secure Element และรองรับเหรียญกว่า 1,800 สกุล
จุดเด่น: BLE เชื่อมต่อมือถือ-เดสก์ท็อป ใช้งานสะดวกสำหรับคนไทยที่ถือเหรียญหลายสกุล
เหมาะกับ: คนที่เก็บเหรียญระยะยาว ต้องการ Crypto Wallet อันไหนดี ในเรื่องความปลอดภัย
ข้อควรระวัง: ราคาค่อนข้างสูง (ราว $149–$199) แต่คุ้มค่าหากถือเหรียญหลัก ๆ
2. TREZOR Model T (Cold Wallet)
TREZOR Model T เป็น hardware Wallet ระดับพรีเมียม มีหน้าจอทัชสกรีน รองรับ multi‑coin รวมถึง Monero (XMR)
จุดเด่น: ระบบ UI สะดวก ปลอดภัยขั้นสูง และ open‑source firmware
เหมาะกับ: เทรดเดอร์ที่เน้นความโปร่งใสและต้องการเรียนรู้ระบบจากผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับไทย: มี community แปลภาษาไทย และคู่มือใช้งานภาษาไทย
3. KeepKey (Cold Wallet)
KeepKey เป็นอุปกรณ์ hardware Wallet ที่ออกแบบเรียบง่ายและราคาย่อมเยา (ราว $50–$80)
จุดเด่น: ใช้งานง่าย สไตล์ minimalist และรองรับเหรียญหลัก เช่น BTC, ETH, ERC‑20 tokens
เหมาะกับ: มือใหม่ที่มองหา กระเป๋าคริปโต ที่ปลอดภัยโดยไม่ซับซ้อน
ข้อจำกัด: รองรับเหรียญไม่เยอะเท่า Ledger หรือ Trezor
4. Ellipal Titan (Cold Wallet)
Ellipal Titan เป็น Wallet แบบ air‑gapped (ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลย)
จุดเด่น: ปลอดภัยสูงสุด เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญระยะยาว มัลติซิก และรองรับมากกว่า 10,000 โทเค็น
เหมาะกับ: นักลงทุนมืออาชีพ คนไทยที่เน้นเก็บ Bitcoin หรือเหรียญหลักโดยไม่ยุ่งยาก
ข้อควรระวัง: กระบวนการส่งโอนเหรียญต้องใช้ QR code ซึ่งช้ากว่า hardware Wallet ปกติ
5. BitBox (Cold Wallet หรือ USB‑style)
BitBox (BitBox02) เป็น hardware Wallet ดีไซน์สวย พกพาง่าย และ safe storage ของ Switzerland
จุดเด่น: รองรับ Bitcoin และ Ethereum, ระบบ open‑source และ backup บน microSD
เหมาะกับ: คนไทยที่อยากได้ Wallet เบา ๆ แต่ปลอดภัย โดยไม่ต้องใช้มือถือเชื่อม
ข้อดี: ค่าธรรมเนียมต่ำ เครดิตเข้าถึงแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษและไทย
เปรียบเทียบภาพรวม
ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณตัดสินใจว่าควรเลือก Crypto Wallet แบบใดไหนดี โดยเลือกตามรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณเป็นการเลือกที่เก็บเหรียญคริปโตอย่างมีเหตุผล
เทรดระยะสั้น ไม่ต้องยุ่งยากด้วย CFD
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่ไม่ต้องการจัดการความยุ่งยากในการถือครองเหรียญ แต่เน้นที่การสร้างผลตอบแทนจากความผันผวนของราคา การใช้เครื่องมือการเทรดเช่น CFD (Contract for Difference) กับโบรกเกอร์ TOPONE Markets ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเทรดเก็งกำไรนี้จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและไม่ต้องจัดเก็บเหรียญจริง
CFD คือสินค้าทางการเงินที่ให้คุณเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคา Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง
TOPONE Markets ให้คุณเริ่มต้นเทรดได้ง่าย ๆ เพียงฝาก $10US และใช้ AI Trade เพื่อช่วยวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์
เปรียบเทียบการถือครองเหรียญกับการเทรด CFD
ด้วยผลิตภัณฑ์ CFD บน TOPONE Markets คุณไม่ต้องห่วงเรื่อง Wallet หรือกระเป๋าเลย และทำกำไรจากความผันผวนของราคาคริปโตใน short‑term ได้ง่ายและปลอดภัย ไร้ภาระในการจัดเก็บ
เปิดบัญชีเทรดกับเราที่ TOPONE Markets ตอนนี้ เริ่มง่าย ๆ เพียง $10US พร้อม AI Trade ให้ทุกการเริ่มต้นง่ายเสมอ
บทส่งท้าย
สำหรับผู้ที่คาดหวังการเพิ่มขึ้นของราคาเหรียญคริปโต การพิจารณาว่าควรเลือกใช้ Crypto Wallet แบบไหนดีถึงจึงเหมาะสมทั้งความปลอดภัย ความสะดวก และประเภทการใช้งาน เช่น Hot Wallet อาจเหมาะสำหรับการเทรดเร็ว หรือ Cold Wallet สำหรับการถือเหรียญระยะยาว จากรีวิว 5 กระเป๋าที่คนไทยนิยม – Ledger Nano X, TREZOR Model T, KeepKey, Ellipal Titan และ BitBox02 คุณสามารถเลือกตามสไตล์และการใช้งานได้อย่างชัดเจน
และหากคุณอยากเริ่มเทรดคริปโตอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องจัดเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋าให้เสี่ยง มาเปิดบัญชีเทรดกับเราที่ TOPONE Markets ตอนนี้ เริ่มง่าย ๆ เพียง $10US พร้อม AI Trade ให้ทุกการเริ่มต้นง่ายเสมอ
การตัดสินใจของคุณในวันนี้... อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสครั้งใหญ่ในโลกคริปโตที่คุณไม่ต้องแบกรับอะไรเลย ยกเว้นแค่ “โอกาสในการกำไร”
ทุกวันนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยก้าวเข้าสู่โลกคริปโตด้วยคำถามคล้ายกัน นั่นก็คือ “กระเป๋าคริปโตแบบไหนดี?” หรือ “จะใช้ที่เก็บเหรียญคริปโตแบบไหนถึงจะปลอดภัย?” และแน่นอทุกคำถามนั้นสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเพราะการเก็บเหรียญคือจุดเริ่มต้นของการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล
คุณทราบหรือไม่ว่าในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังถกเถียงว่าควรจะเลือกใช้ Crypto Wallet อันไหนดี มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เริ่มต้นเทรดและทำกำไรจากราคาที่ผันผวนของคริปโตโดยไม่ต้อง “เก็บ” อะไรเลย
ไม่ต้องกังวล Private Key หาย ไม่ต้องจด Seed Phrase ไม่ต้องปวดหัวกับเหรียญปลอม หรือเครือข่ายผิด
เพราะพวกเขาเทรดด้วยการใช้ตราสาร CFD (Contract for Difference) ที่เปิดโอกาสให้คุณ “เก็งกำไรจากราคา” ของคริปโตเหรียญต่าง ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum, และเหรียญชั้นนำอื่น ๆ แบบไม่ต้องถือครองเหรียญจริง ไม่ต้องมี Wallet ให้ยุ่งยาก และไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจทั้ง 2 ด้านอย่างละเอียด ทั้งคนที่กำลังลังเลในการเลือกใช้กระเป๋าคริปโต เรามี 5 วิธีเลือก Crypto Wallet แบบเข้าใจง่ายพร้อมแนะนำ 5 Wallet ที่ดีที่สุด ที่คนไทยใช้งานจริง ทั้งแบบ Hot และ Cold และหากคุณกำลังมองหาวิธี “เริ่มเทรดคริปโต” ที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องบริหารจัดการเหรียญ เรามีทางเลือก ที่ง่าย เร็ว และปลอดภัย กว่าแบบที่คุณอาจยังไม่เคยลอง ด้วยการเทรด CFD เก็งกกำไรบนการเปลี่ยนแปลงของราคาทั้งขาขึ้นและขาลง
5 วิธีเลือก Crypto Wallet ง่าย ๆ

การตัดสินใจว่า Crypto Wallet อันไหนดี หรือจะเลือก กระเป๋าคริปโต และ ที่เก็บเหรียญคริปโต แบบไหนดี เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่เริ่มลงทุนหรือเทรดกับคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะในไทยที่ตลาดมีความหลากหลาย ด้านล่างคือ 5 วิธีเลือก Crypto Wallet ที่ง่าย แต่ทรงพลัง
ความปลอดภัย (Security)
เลือก Wallet ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัส private keys, two‑factor authentication (2FA), ระบบ biometric หรือ hardware isolation ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการปกป้องเหรียญคริปโตของคุณประเภทของ Wallet (Hot หรือ Cold)
Hot Wallet เช่น mobile Wallet หรือ desktop Wallet ใช้งานสะดวก รวดเร็ว แต่เสี่ยงหากโดนแฮ็ก
Cold Wallet เช่น hardware Wallet หรือ paper Wallet หยุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ปลอดภัยสูง เหมาะกับการถือเหรียญระยะยาว
รองรับเหรียญและเครือข่าย (Multi‑Coin Support)
ตรวจสอบว่า Wallet รองรับเครือข่ายหลัก เช่น Bitcoin, Ethereum, Binance Smart Chain, Solana และโทเค็น ERC‑20 หรือ BEP‑20 เพื่อให้ผู้ใช้ไทยไม่ต้องแบ่งหลายกระเป๋าการใช้งานในไทย (Localisation & Support)
เลือก Wallet ที่มีคู่มือภาษาไทย, FAQ ไทย และบริการลูกค้าในไทย เพื่อให้ผู้ใช้รับความช่วยเหลือเมื่อประสบปัญหา หรือสอบถามเรื่องฟีเจอร์ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย (Fees)
พิจารณา Wallet ที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในรับหรือส่งเหรียญในระดับยุติธรรม และมีตัวเลือกปรับค่าธรรมเนียมเพื่อให้เหมาะกับความรวดเร็วหรือประหยัด
เทรดเดอร์แบบไหนต้องใช้ Crypto Wallet

เทรดเดอร์คริปโตในไทยมีหลายประเภท และความต้องการในการใช้ กระเป๋าคริปโต หรือ ที่เก็บเหรียญคริปโต ก็แตกต่างกัน:
เทรดเดอร์สายฮ็อต เช่น Day‑trader หรือ Swing‑trader
ต้องการเข้าออกตลาดเร็ว: แนะนำใช้ Hot Wallet ที่เชื่อมต่อกับ exchange ได้สะดวก
ต้องโอนเหรียญเข้าออกฝาก-ถอนบ่อย ใช้งานบนมือถือหรือเว็บได้ทันใจ
แต่ต้องมีมาตรการความปลอดภัยสูง เช่น ใช้ 2FA เข้ารหัส PIN หรือ biometric เพื่อปกป้องข้อมูล
เทรดเดอร์ถือระยะกลาง‑ยาว (HODLer)
ต้องการเก็บคริปโตสกุลหลักอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum ระยะยาว
เหมาะกับ Cold Wallet เช่น hardware Wallet หรือ deep Cold storage
ใช้เพื่อป้องกันการโดนแฮ็กหรือกระดานเทรดล้ม ประสบปัญหาใด ๆ เช่น เลือกใช้ Ledger, Trezor หรือ Ellipal เป็นต้น
เทรดเดอร์สาย DeFi / NFT ใช้งานบนเครือข่ายต่าง ๆ
ต้องใช้ Wallet ที่รองรับโทเค็น ERC‑20, BEP‑20, Solana ฯลฯ
Wallet ต้องมีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับ DApp เช่น MetaMask, Trust Wallet
ควรเลือกที่รองรับ Multi‑chain และมีระบบ guide ใช้งานง่าย
คนไทยที่กังวลเรื่องภาษาและบริการ
อยากได้คู่มือภาษาไทย บริการลูกค้าไทย
เลือก Wallet ที่มี community ชุมชนไทยดูแล หรือทีมช่วยเหลือไทยตรง
หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ต้องการความเร็วในการเข้าออกตลาด เลือก Hot Wallet แต่ถ้าเน้นเก็บระยะยาว เลือก Cold Wallet ที่มีความปลอดภัยสูง และวิเคราะห์ให้เข้ากับสไตล์การเทรดของคุณเอง เพื่อการตัดสินใจใช้งาน Wallet อย่างมีสติและเหมาะสม
5 Crypto Wallet ยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์ไทย

ด้านล่างคือรีวิว 5 Crypto Wallet ยอดนิยมที่คนไทยใช้กันมาก รวมทั้ง Hot Wallets และ Cold Wallets ที่ควรรู้จัก โดยมีทั้งชื่อภาษาอังกฤษและสรุปจุดเด่น พร้อมใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหา:
1. Ledger Nano X (Cold Wallet)
Ledger Nano X เป็น ที่เก็บเหรียญคริปโต แบบ hardware Wallet มีความปลอดภัยสูง ใช้ชิพ Secure Element และรองรับเหรียญกว่า 1,800 สกุล
จุดเด่น: BLE เชื่อมต่อมือถือ-เดสก์ท็อป ใช้งานสะดวกสำหรับคนไทยที่ถือเหรียญหลายสกุล
เหมาะกับ: คนที่เก็บเหรียญระยะยาว ต้องการ Crypto Wallet อันไหนดี ในเรื่องความปลอดภัย
ข้อควรระวัง: ราคาค่อนข้างสูง (ราว $149–$199) แต่คุ้มค่าหากถือเหรียญหลัก ๆ
2. TREZOR Model T (Cold Wallet)
TREZOR Model T เป็น hardware Wallet ระดับพรีเมียม มีหน้าจอทัชสกรีน รองรับ multi‑coin รวมถึง Monero (XMR)
จุดเด่น: ระบบ UI สะดวก ปลอดภัยขั้นสูง และ open‑source firmware
เหมาะกับ: เทรดเดอร์ที่เน้นความโปร่งใสและต้องการเรียนรู้ระบบจากผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับไทย: มี community แปลภาษาไทย และคู่มือใช้งานภาษาไทย
3. KeepKey (Cold Wallet)
KeepKey เป็นอุปกรณ์ hardware Wallet ที่ออกแบบเรียบง่ายและราคาย่อมเยา (ราว $50–$80)
จุดเด่น: ใช้งานง่าย สไตล์ minimalist และรองรับเหรียญหลัก เช่น BTC, ETH, ERC‑20 tokens
เหมาะกับ: มือใหม่ที่มองหา กระเป๋าคริปโต ที่ปลอดภัยโดยไม่ซับซ้อน
ข้อจำกัด: รองรับเหรียญไม่เยอะเท่า Ledger หรือ Trezor
4. Ellipal Titan (Cold Wallet)
Ellipal Titan เป็น Wallet แบบ air‑gapped (ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลย)
จุดเด่น: ปลอดภัยสูงสุด เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญระยะยาว มัลติซิก และรองรับมากกว่า 10,000 โทเค็น
เหมาะกับ: นักลงทุนมืออาชีพ คนไทยที่เน้นเก็บ Bitcoin หรือเหรียญหลักโดยไม่ยุ่งยาก
ข้อควรระวัง: กระบวนการส่งโอนเหรียญต้องใช้ QR code ซึ่งช้ากว่า hardware Wallet ปกติ
5. BitBox (Cold Wallet หรือ USB‑style)
BitBox (BitBox02) เป็น hardware Wallet ดีไซน์สวย พกพาง่าย และ safe storage ของ Switzerland
จุดเด่น: รองรับ Bitcoin และ Ethereum, ระบบ open‑source และ backup บน microSD
เหมาะกับ: คนไทยที่อยากได้ Wallet เบา ๆ แต่ปลอดภัย โดยไม่ต้องใช้มือถือเชื่อม
ข้อดี: ค่าธรรมเนียมต่ำ เครดิตเข้าถึงแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษและไทย
เปรียบเทียบภาพรวม
ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณตัดสินใจว่าควรเลือก Crypto Wallet แบบใดไหนดี โดยเลือกตามรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณเป็นการเลือกที่เก็บเหรียญคริปโตอย่างมีเหตุผล
เทรดระยะสั้น ไม่ต้องยุ่งยากด้วย CFD
สำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่ไม่ต้องการจัดการความยุ่งยากในการถือครองเหรียญ แต่เน้นที่การสร้างผลตอบแทนจากความผันผวนของราคา การใช้เครื่องมือการเทรดเช่น CFD (Contract for Difference) กับโบรกเกอร์ TOPONE Markets ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเทรดเก็งกำไรนี้จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและไม่ต้องจัดเก็บเหรียญจริง
CFD คือสินค้าทางการเงินที่ให้คุณเก็งกำไรจากการขึ้นลงของราคา Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง
TOPONE Markets ให้คุณเริ่มต้นเทรดได้ง่าย ๆ เพียงฝาก $10US และใช้ AI Trade เพื่อช่วยวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์
เปรียบเทียบการถือครองเหรียญกับการเทรด CFD
ด้วยผลิตภัณฑ์ CFD บน TOPONE Markets คุณไม่ต้องห่วงเรื่อง Wallet หรือกระเป๋าเลย และทำกำไรจากความผันผวนของราคาคริปโตใน short‑term ได้ง่ายและปลอดภัย ไร้ภาระในการจัดเก็บ
เปิดบัญชีเทรดกับเราที่ TOPONE Markets ตอนนี้ เริ่มง่าย ๆ เพียง $10US พร้อม AI Trade ให้ทุกการเริ่มต้นง่ายเสมอ
บทส่งท้าย
สำหรับผู้ที่คาดหวังการเพิ่มขึ้นของราคาเหรียญคริปโต การพิจารณาว่าควรเลือกใช้ Crypto Wallet แบบไหนดีถึงจึงเหมาะสมทั้งความปลอดภัย ความสะดวก และประเภทการใช้งาน เช่น Hot Wallet อาจเหมาะสำหรับการเทรดเร็ว หรือ Cold Wallet สำหรับการถือเหรียญระยะยาว จากรีวิว 5 กระเป๋าที่คนไทยนิยม – Ledger Nano X, TREZOR Model T, KeepKey, Ellipal Titan และ BitBox02 คุณสามารถเลือกตามสไตล์และการใช้งานได้อย่างชัดเจน
และหากคุณอยากเริ่มเทรดคริปโตอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องจัดเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋าให้เสี่ยง มาเปิดบัญชีเทรดกับเราที่ TOPONE Markets ตอนนี้ เริ่มง่าย ๆ เพียง $10US พร้อม AI Trade ให้ทุกการเริ่มต้นง่ายเสมอ
การตัดสินใจของคุณในวันนี้... อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาสครั้งใหญ่ในโลกคริปโตที่คุณไม่ต้องแบกรับอะไรเลย ยกเว้นแค่ “โอกาสในการกำไร”
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 PolitiFi Coins น่าซื้อปี 2567
ท่องโลกสกุลเงินดิจิทัลไปกับเหรียญมีมล้อการเมือง PolitiFi Coin เกาะกระแสการเมืองระดับโลก เอาความฮามาเป็นจุดต่างในการสร้างผลตอบแทนแบบเร็ว ๆ ด้วยการเทรด CFD เหรียญมีมทางเลือก
2024-08-19
TOPONE Markets Analyst - ท็อป 5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2567
ส่อง 5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน เติบโตไปตามการเปลี่ยนแปลงและความนิยมของโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ด้วยเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวในปี 2567 นี้
2024-07-19
TOPONE Markets Analyst - สุดยอดคู่มือ วิธีลงทุนซื้อ Dogecoin ในไทย
อนาคตเหรียญ Doge เหรียญคริปโตสุดสนุนอันดับที่ 9 ของโลก กับการวางแผนซื้อ Doge เก็งกำไร ฉบับมือใหม่ในโลกคริปโตที่กำลังมองหาการดำเนินการที่สะดวกต่อการจัดการ
2024-07-09
TOPONE Markets Analyst - ภาษีคริปโตคืออะไร 2567 เทรดคริปโตแบบไหนต้องเสียภาษี
รอบรู้ภาษีคริปโตที่สำคัญก่อนเทรด จัดการ คำนวณ อย่างไรให้เสียภาษีคริปโตถูกต้องไม่โดนค่าปรับ และอีกวิธีในการเทรดคริปโตด้วย CFD ที่ไม่ต้องนำรายได้ไปคิดภาษีบุคคลธรรมดาประจำปี อัปเดท พ.ศ. 2567
2024-06-20
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!