เลือก Crypto Wallet อันไหนดี 2566

เมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัล สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่เทรดเดอร์ทุกท่านควรศึกษาไปควบคู่กับการศึกษาพื้นฐานการเทรดคือเรื่องของ Crypto Wallet หรือกระเป๋าเงินเสมือนที่ใช้เก็บเหรียญคริปโตไว้ แต่ด้วยตัวเลือกที่แตกต่างกันมากมายในท้องตลาด อาจเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่า Crypto Wallet อันไหนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ Crypto Wallet กันให้มากขึ้น และสำรวจประเภทต่าง ๆ ของ Crypto Wallet เพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจว่าด้วยลักษณะการเทรดคริปโตแบบคุณ Crypto Wallet อันไหนจะดีที่สุด นอกจากนี้ เราจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือก Crypto Wallet ที่เหมาะกับความต้องการ ดังนั้นหากคุณพร้อมที่จะยกระดับเส้นทางการเทรดคริปโตไปอีกขั้น โปรดอ่านต่อ!

Crypto Wallet คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

Crypto Wallet คือที่เก็บเหรียญคริปโตแบบเข้ารหัสสำหรับจัดเก็บ จัดการ และถ่ายโอนเหรียญคริปโต ในปัจจุบันมี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แบบที่เรียกว่า Hardware Wallet และ Software Wallet และประเภทที่เหมาะกับคุณนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและความชอบ ที่นี่เราจะอธิบายว่า Crypto Wallet คืออะไรและประโยชน์ของการใช้ Crypto Wallet ในการเป็นที่เก็บเหรียญคริปโต พร้อมทั้งข้อดี ข้อด้อยของแต่ละแบบ

Crypto Wallet เป็นกระเป๋าที่มีไว้เพื่อเก็บเหรียญคริปโตสกุลเงินต่าง ๆ ที่คุณมี เพื่อความสะดวกในการพกพา ใช้งาน หรือถ่ายโอน เช่นจากกระดานเทรดหนึ่ง ไปอีกกระดานเทรดหนึ่ง หรือเพื่อส่งให้เป็นของขวัญสำหรับคนอื่น ๆ 

หากคุณได้ทำการค้นหาเกี่ยวกับที่เก็บเหรียญคริปโตมาสักระยะ คุณอาจพบว่ามีชื่อเรียกแตกต่างกันไปสำหรับประเภทของที่เก็บเหรียญคริปโต การจะเลือกว่า Crypto Wallet อันไหนดีนั้น จำเป็นต้องทราบเสียก่อนว่า แต่ละประเภทมีลักษณะสำคัญอย่างไรบ้าง

1. ที่เก็บคริปโตแบบออนไลน์

ที่เก็บคริปโตแบบออนไลน์นี้ หากเปรียบเทียบให้มองเห็นภาพง่าย ๆ คือการที่เราบันทึกไฟล์เอกสาร ภาพถ่าย หรือวิดีโอไว้บน Could Service อย่าง Google Dive หรือ iCould ที่ที่คุณจะเข้าถึงไฟล์บันทึกได้ทุกที่ทุกเวลาตราบเท่าที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต

ทว่า หากคุณลืมรหัสผ่าน หรือคนอื่นล่วงรู้รหัสผ่าน ก็ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ที่คุณได้บันทึกไว้ และอาจสูญฌสียความเป็นส่วนตัวหรือได้รับผลกระทบอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึง

เช่นเดียวกันกับที่เก็บคริปโตแบบออนไลน์ ที่คุณอาจได้ยินการเรียกชื่อว่า ‘Hot Wallet’ หรือ ‘Software Wallet’ หรือหากจะเอ่ยเป็นชื่อของที่เก็บเหรียยคริปโตเอง ก็เช่น ‘MetaMask’ หรือ ‘Coinbase’ เป็นต้น

2. ที่เก็บคริปโตแบบพกพา

อีกรูปแบบหนึ่งของที่เก็บเหรียญคริปโตคือ ชนิดที่คุณสามารถพกพาไปไหนมาได้ไหน มีลักษณะคล้ายกับแฟลชไดรว์ที่เราคุ้นเคยกันดี ที่เก็บเหรียญคริปโตประเภทนี้ เป็นที่คุณถ่ายโอนมูลค่าของเหรียญคริปโตจากกระดานเทรดหรือจาก Software Wallet มาเก็บไว้ และจะมีรหัสผ่านที่ให้คุณกรอกเพื่อเข้าถึงมูลค่านั้น 

ข้อดีที่สำคัญคือจำนวนนั้นจะคงอยู่ตลอดไปตราบเท่าที่คุณไม่ถ่ายโอนออก เหมาะต่อการจัดเก็บไว้ในระยะยาว ส่วนข้อเสียคือ หากคุณทำหาย เท่ากับคุณสูญเสียมูลค่าของคริปโตที่อยู่ในกระเป๋านั้นไปเลย

ตอนนี้ คุณคงพอมองเห็นภาพของความแตกต่างระหว่าง Crypto Wallet ประเภทต่าง ๆ ที่มีให้บริการในวันนี้แล้ว เรามาดูในรายละเอียดกันต่อว่า แต่ละรูปแบบมีฟีเจอร์โดดเด่นอย่างไร และคุณเองควรเลือกใช้  Crypto Wallet อันไหนดี

เลือก Crypto Wallet อันไหนดี

ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกว่า Crypto Wallet อันไหนดีนั้น คุณควรทำความเข้าใจกับรุปแบบการเทรดหรือความต้องการในการทำกิจกรรมกับเหรียญคริปโตที่คุณถือก่อน

บางท่าน มีความเป็นเทรดเดอร์อยู่ในตัว ต้องการเทรดทำกำไรในระยะสั้น หรือบางท่านเป็นเดย์เทรด ที่มุ่งหวังการเทรดในกรอบเวลาสั้น ๆ หรือบางท่านเป็นเทรดเดอร์ P2P ที่จำหน่ายเหรียญคริปโตบนกระดานเทรด เช่น Binance ต่างก็ควรพิจารณาตามวัตถุประสงค์กาารใช้ เพราะประโยชน์ของการใช้ crypto wallet แต่ละรูปแบบจะแตกต่างกัน ต่อไปนี้คือข้อควรพิจารณาขั้นพื้นฐาน

• ความปลอดภัย:

  
  

Crypto Wallet  ต้องมีความปลอดภัยมากกว่ากระเป๋าเงินสดแบบดั้งเดิม กระเป๋าเงินเข้ารหัสลับควรได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้น นั่นหมายถึงการทำให้แน่ใจว่า Private Key จะไม่ถูกเปิดเผยต่ออินเทอร์เน็ตหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยอื่นๆ นอกจากนี้ยังหมายถึงการใช้การเข้ารหัสที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ และการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย

นอกจากนี้ ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินคริปโตควรใช้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น การจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ในรูปแบบการเข้ารหัส การใช้โครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัย และการใช้กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ที่ครอบคลุม ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเหล่านี้และอื่นๆ ผู้ให้บริการสามารถช่วยให้แน่ใจว่ากระเป๋าเงินของพวกเขาปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

• การไม่เปิดเผยตัวตน:

  
  

Crypto Wallet  มอบความเป็นนิรนามแบบที่กระเป๋าเงินสดแบบดั้งเดิมไม่มี ด้วยกระเป๋าเงินสด ข้อมูลประจำตัวจะเชื่อมโยงกับบัญชี และธุรกรรมสามารถสืบย้อนกลับไปหาคุณได้ ด้วย Crypto Wallet  เหรียญคริปโตและข้อมูลประจำตัวจะไม่เชื่อมโยงกับบัญชีและการทำธุรกรรมจะใช้นามแฝง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว

• ความสะดวกในการใช้งาน:

  
  

Crypto Wallet  ที่ดี ๆ ควรมีความสะดวกในการใช้ แม้แต่ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ยังสามารถจัดการเหรียญคริปโตที่จัดเก็บในกระเป๋านั้นได้ อินเทอร์เฟซผู้ใช้ควรใช้งานง่ายและตรงไปตรงมา การสร้างบัญชีและเติมเงินในกระเป๋าเงินควรง่ายและรวดเร็ว การส่งและรับการชำระเงินควรทำได้ง่ายเช่นกัน โดยรวมแล้ว การใช้กระเป๋าเงินคริปโตควรเป็นประสบการณ์ที่ไม่ยุ่งยาก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญกว่า

Hardware Wallet คืออะไร เลือกใช้ตัวไหนดี

Hardware Wallet คืออุปกรณ์ทางกายภาพสำหรับการเก็บ Private Key และของกระเป๋าคริปโต ซึ่งแตกต่างจาก Software Wallets ที่จะใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กระบบได้

Hardware Wallets มีความปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากออฟไลน์ และมักจะมาพร้อมกับคุณสมบัติเพิ่มเติมเช่นหน้าจอและปุ่มกดที่ทำให้การเข้าถึงจากผู้ไม่ประสงค์ดีมีความยากขึ้น หากว่าเขาไม่รู้ Private Key เว้นแต่ว่าคุณจะประมาทเก็บทั้งสองไว้ด้วยกันหรือมีคำใบ้ที่เป็นไปได้

ข้อควรจำในการใช้งาน Hardware Wallet

• รักษา Seed Phrase และรหัสผ่านแยกจากกัน และเก็บท้งสองไว้ในที่ที่ปลอดภัยเสมอ นี่เป็นวิธีเดียวที่คุณสามารถกู้คืนเงินได้หาก Crypto Wallet สูญหายหรือถูกขโมย

• อย่าเก็บ Private Key ไว้ในโทรศัพท์มือถือหรือบริการคลาวด์ หากคุณทำเช่นนั้น คุณจะเสี่ยงที่จะสูญเสียการเข้าถึงเงินหากบริการถูกบุกรุกหรือออฟไลน์

• หมั่นอัปเดตอุปกรณ์ตรวจจับเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอรืชันล่าสุด สิ่งนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า Private Key จะได้รับการปกป้องอยู่เสมอ

• ตรวจสอบการอัปเดตจากผู้ผลิตกระเป๋าเงินเป็นประจำ สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระเป๋าเงินมีคุณสมบัติความปลอดภัยล่าสุดเสมอ

Software Wallet คืออะไร เลือกใช้ตัวไหนดี

Software Wallet คือที่เก็บเหรียญคริปโตที่ติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์มือถือ มอบระดับความปลอดภัยสูงสุดระดับหนึ่ง ทว่า หากคอมพิวเตอร์ถูกแฮ็กหรือติดไวรัส มีความเป็นไปได้ที่เหรียญอาจถูกขโมยได้ มี Software Wallet ประเภทต่าง ๆ มากมาย แต่ทั้งหมดมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือความสะดวกในการส่ง รับ และทำธุรกรรมต่าง ๆ กับเหรียญคริปโตสกุลต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับแบบ Hardware Wallet

ในการใช้ Software Wallet  ก่อนอื่นคุณต้องดาวน์โหลดและติดตั้งกระเป๋าเงินลงในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพา เมื่อติดตั้งกระเป๋าเงินแล้ว คุณจะต้องสร้างบัญชีและให้ข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง เช่น ชื่ออีเมล หลังจากสร้างบัญชีแล้วผู้ให้บริการจะสร้าง Seed Phrase เป็นชุด 25 คำให้ ให้คุณบันทึกหรือพิมพ์คำเหล่านั้นเก็บไว้ในกระดาษ (เพราะมีความปลอดภัยต่อการถูกแฮ็ก) เมื่อจะเข้าระบบ ก็กรอกรหัสผ่านและ Seed Phrase นั้นให้ถูกต้องและเรียงตามลำดับ

เมื่อลงชื่อเข้าใช้กระเป๋าเงินแล้ว คุณจะสามารถดูและทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดที่คุณเป็นเจ้าของได้ คุณยังสามารถดูยอดคงเหลือในแต่ละสกุลเงิน รวมถึงมูลค่าปัจจุบันของแต่ละสกุลเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐ ในการส่งสกุลเงินดิจิทัลไปยังบุคคลอื่น คุณต้องมี Public Key ของบุคคลนั้น และในการรับ คริปโตจากบุคคลอื่น คุณจะต้องให้ Public Key แก่พวกเขา

ข้อควรจำในการใช้งาน Software Wallet

• ลงชื่อออกจากระบบทุกครั้งเมื่อเสร็จสิ้นการทำธุรกรรม

• เลี่ยงการใช้งานผ่านเครือยข่ายอินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือแบบฟรี

• ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่นในระหว่างการทำธุรกรรมต่าง ๆ

• ตรวจสอบลิงก์ของผู้ให้บริการว่าเป็นของจริง ไม่ใช่พวกแอ็กเกอร์ทำปลอมขึ้นมา

  
  

มี Software Wallet มากมายในตลาด ซึ่งแต่ละอันก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป  Software Wallet ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสองรายการ ได้แก่ MetaMask และ ZenGo Wallet

Zengo wallet ดีไหม เทียบกับ MetaMask

Zengo Wallet เป็นที่เก็บคริปโตยอดนิยมที่เคลมตัวเองว่าเป็น ‘The most secure crypto wallet’ ใช้งานได้ง่ายและมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ส่วน MetaMask ยังเป็นที่เก็บคริปโตที่ใช้ได้เฉพาะในส่วนเสริมของเบราว์เซอร์เท่านั้น เป็นเทคนิคมากกว่า Zengo Wallet และอาจไม่สะดวกสำหรับบางคน

ในทางกลับกัน ZenGo Wallet เป็น Software Wallet ที่ใหม่กว่าซึ่งรองรับสกุลเงินดิจิทัลหลายสกุล เช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin ฯลฯ ZenGo Wallet ยังใช้งานง่ายและมอบวิธีที่ปลอดภัยในการจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัล หนึ่งในคุณสมบัติหลักของ ZenGo Wallet คือการรองรับการทำธุรกรรมแบบหลายลายเซ็น ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นให้กับการทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

เรามาเปรียบเทียบคุณสมบัติของ Crypto Wallet แต่ละแบบกัน

MetaMask เป็นส่วนขยายของเบราว์เซอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บ Ether และโทเค็น ERC-20 อื่น ๆ นอกจากนี้ยังให้การเข้าถึงแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) บนเครือข่าย Ethereum ในแง่ของความปลอดภัย MetaMask ใช้วลีเริ่มต้นเพื่อสร้าง Private Key และจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์

MetyaMask เป็นส่วนขยายโอเพ่นซอร์สฟรีที่ให้คุณเรียกใช้ Ethereum dApps ในเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องเรียกใช้โหนด Ethereum แบบเต็ม นอกจากนี้ยังมอบวิธีที่ปลอดภัยในการจัดเก็บ Private Key และลงนามในการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ 

ข้อได้เปรียบของ MetaMask คือตั้งค่าและใช้งานง่ายในไม่กี่ขั้นตอน มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่กระเป๋าเงินซอฟต์แวร์อื่นไม่มี เช่น ความสามารถในการเซ็นธุรกรรมแบบออฟไลน์ สุดท้าย MetaMask รองรับหลายบัญชีและสามารถสลับไปมาระหว่างบัญชีได้อย่างง่ายดาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องจัดการหลายบัญชีหรือหลายที่อยู่

ส่วน ZenGo Wallet เป็นแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปที่รองรับสกุลเงินดิจิทัลหลายสกุล รวมถึง Bitcoin, Ethereum, Litecoin และ Zcash มันใช้วิธีการที่กำหนดขึ้นตามลำดับชั้น เพื่อสร้างและจัดการ Private Key ส่วน ZenGo Wallet นำเสนอคุณสมบัติขั้นสูงบางอย่าง เช่น การยืนยันตัวตนแบบ 2 ปัจจัย (2FA) และการสนับสนุนหลายลายเซ็น

เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย กระเป๋าเงินทั้งสองมีการป้องกันที่แข็งแกร่งสำหรับสกุลเงินดิจิทัล ทว่า MetaMask รองรับเฉพาะโทเค็น Ether และ ERC-20 ในขณะที่ ZenGo Wallet รองรับสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย ในแง่สมบัติ ZenGo Wallet นำเสนอคุณสมบัติขั้นสูงมากกว่า MetaMask โดยรวมแล้ว กระเป๋าเงินทั้งสองเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่กำลังมองหา Software Wallet เพื่อจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัล

ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์แบบไหน การรู้จักเลือกใช้ Crypto Wallet ที่ดี คือแบบที่รับกับลักษณะการทำธุรกรรม และพิจารณาเลือกใช้จากฟีเจอร์ และความปลอดภัยที่มีให้ จะช่วยให้คุณสามรถบริหารจัดการเหรียญคริปโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปราศจากการรั่วไหล