eCash (XEC coin) โอกาสที่ต้องจับตามอง

XEC coin คือ เหรียญดิจิทัลที่รีแบรนด์มาจาก BCHA ซึ่งเป็นผลมาจากการทำ Hard Fork หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ รวมถึงการตั้งค่าระบบให้แตกต่างออกไปใน Blockchain เหตุผลที่ต้องทำ Hard Fork เพื่อแก้ไขให้การทำงานของเหรียญมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหรียญเหมาะนำไปใช้ในวงกว้างสำหรับงานต่าง ๆ บนบล็อกเชน และตรวจสอบธุรกรรมที่เคยเกิดขึ้น

หากย้อนหลังดูความเป็นมาของ BCHA จะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin โดยเป็นการดำเนินการ Hard Fork ภายใต้ชื่อ Bitcoin Cash Project ปรับปรุงโค้ดจาก Bitcoin มาอีกที เริ่มต้นโดยทีมพัฒนา Bitcoin ABC ที่เป็น Node หลัก ดำเนินการด้านซอฟต์แวร์และเป็นผู้นำในการพัฒนาข้อกำหนดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่กำหนดรูปแบบและกฎเกณฑ์แลกเปลี่ยนข้อมูลในเครื่องข่าย

อดีตของเหรียญ XEC

ก่อนจะมาเป็นเหรียญ XEC ในปี ค.ศ. 2017 เหรียญ Bitcoin Cash (ฺฺBCHA) ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยความมุ่งหวังว่าจะทำให้ Bitcoin ถูกนำมาใช้งานได้จริง โดยแตกมูลค่าออกให้มีขนาดเล็กลงเพื่อถ่ายโอนและชำระบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งมีผู้เชื่อในเหรียญนี้มาก่อนว่า BCHA ควรได้รับความนิยมมากกว่า Bitcoin เสียอีก เพราะ Network ทำงานเร็วกว่า 

อย่างไรก็ตาม BCHA ไม่เป็นดังที่คาดหวัง หลังจากมีกฎเกณฑ์ว่าทุก ๆ 4 ปี รางวัลที่ผู้ขุด BCHA ได้ ซึ่งเป็นเหรียญ BCHA เช่นกัน จะลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการควบคุมเงินเฟ้อที่จะทำให้เหรียญมีมูลค่าลดลง และยังเพิ่มมูลค่าของเหรียญขึ้น กลับมีผลลัพธ์ตรงกันข้ามในโลกความเป็นจริง กล่าวคือ มูลค่าเหรียญกลับไม่เพิ่มดังคาด ทำให้ต้นทุนการขุดสูงกว่ากำไรที่ทำได้ เป็นผลทำให้นักขุดหนีไปใช้เหรียญอื่น

ระบบทำงานของ BCHA เดิมเป็น Prook-of-Work นั่นหมายความว่าผู้ขุดจะทำตัวเป็นผู้ตรวจสอบรายการทำธุรกรรม เมื่อผู้ขุดน้อยลง ผู้ตรวจสอบธุรกรรมและอนุมัติการเปิดบล็อกใหม่บนเครือข่ายเพื่อให้ธุรกรรมสำเร็จน้อยลง ผลคือการตรวจสอบธุรกรรมของ Network ค่อย ๆ หน่วงขึ้น และ BCHA สูญเสียจุดขายไป ร้อนถึงนักพัฒนาที่ต้องหาทางแก้ไข

อย่างไรก็ตาม รูปแบบที่นักพัฒนาเลือกใช้ กลายเป็นการใช้ระบบ Delta Blocks หรือ Storm มายืนยันธุรกรรมแบบ Weak Proof-of-Work (PoW) หรือการยืนยันธุรกรรมทันทีที่มีการโอน หรือไม่ให้มีเวลาเสียเปล่าเพื่อทบทวนตรวจสอบรายการ ทำให้ถูกตั้งแง่เรื่องความปลอดภัย รวมถึงการมีโอกาสโดนแฮกเกิดขึ้น 

เพราะข้อกังขาหลายอย่างกับวิธีการพัฒนาเหรียญโดยใช้ Delta Blocks ทำให้ BCHA เสื่อมความนิยมลงไปในช่วงหนึ่ง และบีบคั้นให้นักพัฒนาต้องยกเครื่องซอฟต์แวร์ด้วยการ Hard Fork อีกหลายต่อหลายครั้ง จนเข้าสู่ปี ค.ศ. 2020 เหรียญ BCHA ได้ถูกรีแบรนด์มาเป็น eCash หรือ XEC ในที่สุด

ทำความรู้จักกับเหรียญ XEC ให้มากขึ้น

การทำงานของเหรียญ XEC จะอยู่บนแพลตฟอร์ม Avanlanche ซึ่งเป็น Layer ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนบล็อกเชน Bitcoin Cash ABC จึงเป็นคนละตัวกับบล็อกเชน Avalanche (AVAX) โดยการพัฒนาเหรียญ XEC ขึ้นมาจะส่งผลให้ปรับเหรียญ BCHA ทั้งหมดมาเป็น XEC ที่อัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งล้าน

การดำเนินงานของเหรียญ XEC

• ทำรายการได้ตั้งแต่ 100 รายการต่อวินาที จนถึงมากกว่า 5 ล้านรายการต่อวินาที

• การชำระเงินต่าง ๆ จะได้รับประสบการณ์อนุมัติรายการอย่างรวดเร็ว

• มุ่งพัฒนารูปแบบคำสั่งที่กำหนดกฎเกณฑ์การทำงานจนไม่มีความจำเป็นต้องอัปเกรดซอฟแวร์อีก

ผู้นำการพัฒนา eCash หรือเหรียญ XEC ขึ้นมา ถ้าให้ระบุตัวตนคือ Amaury Sechet ซึ่งเชื่อว่าการทำให้มูลค่าของ Bitcoin แตกออกเป็นหน่วยย่อยจะช่วยให้คนหันมาใช้เหรียญมากขึ้น โดยมูลค่าของ XEC และ Bitcoin จะค้ำจุนกันเอง Bitcoin มูลค่าเพิ่ม XEC ก็ควรมีมูลค่าเพิ่มด้วย และความต้องการใช้ XEC เพิ่มขึ้นก็จะทำให้มูลค่าของ Bitcoin แข็งแกร่งขึ้น

Amaury Sechet มองว่าเหรียญที่มีมูลค่าไม่สูงอย่าง XEC ก็สามารถทำให้ผู้ถือมีส่วนร่วมรับผลดีจากตลาดในช่วงขาขึ้น มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน 

จุดเด่นของเหรียญ XEC

การออกแบบเหรียญ XEC มุ่งหวังให้สนับสนุนการทำงานของ Ethereum Virtual Machine (EVM) ซึ่งเป็นกลไกคำนวณซึ่งทำงานเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีผู้ควบคุมซึ่งคอยออกคำสั่งปฏิบัติงานบนโครงการต่าง ๆ เป็นโครงการการดำเนินงานทั้งหมดของทางเครือข่าย Ethereum และกำกับการทำงานของสมาร์ทคอนแทร็คอีกทีหนึ่ง เพื่อที่เหรียญ XEC จะได้เข้าสู่ระบบ Decentralized Finance (DeFi) บน Ethereum ซึ่งมีเงินสกุลหลักที่เรารู้จักคือ Ether (ETH) ได้ด้วย

เป้าหมายการพัฒนา eCash (XEC) เป็นไปตามพันธกิจที่ผู้พัฒนากำหนดไว้ 5 ประการหลัก

1. เพื่อให้มั่นใจว่าการทำรายการไม่ได้ระบุตัวตน ซึ่งหลายคนอาจจะสับสนว่าเหรียญดิจิทัลและบล็อกเชนถูกพัฒนามาให้ทำงานอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ไม่ใช่หรือ ซึ่งความเข้าใจเช่นนั้นถูกแล้ว แต่ความโปร่งใสที่เกิดขึ้นคือเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของระบบได้ รู้ว่านำเงินเข้าไปแล้ว เงินไปไหน เกิดอะไรขึ้นกับเงินบ้าง ตรวจสอบเส้นทางการเคลื่อนไหวของเงินได้ แต่ข้อมูลของผู้ทำรายการจะต้องเก็บเป็นความลับ หรือข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องไม่รั่วไหล ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนกับข่าวที่เห็นผ่านตามาบ้างว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินขายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้กับคู่ค้าอื่น ๆ 

2. สร้างความมั่นใจว่าธุรกรรมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง คงความโปร่งใส มีการทำรายการไปอย่างไร ก็ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างนั้น ยากต่อการถูกแฮ็ค

3. การันตีว่ารายการธุรกรรมทั้งหมดค่าธรรมเนียมต่ำ แทบจะฟรี

4. บังคับให้การทำธุรกรรมที่ปลอดภัยทั่วโลกใช้เวลาไม่ถึงสามวินาที

5. ออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของเหรียญให้เป็นสินค้าสาธารณะ ได้รับทุนการพัฒนาผ่านสัญญาทางสังคม (Social Contract) ซึ่งคือการพัฒนามีการระดมทุน และโค้ดเปิดเผยต่อสาธารณะทำให้มีผู้นำไปใช้งานหรือพัฒนาต่อได้

เพื่อให้บรรลุพันธกิจ ทางนักพัฒนา eCash (XEC) ได้วางแผนการดำเนินงาน (Roadmap) โดยรวมกิจกรรมเหล่านี้ในแผนงาน

1. ธุรกรรมมีรูปแบบบัญญัติ (Canonical Transaction Ordering) เพื่อเปิดใช้งานประมวลผลบล็อกที่ปรับขนาดได้ ขนาดของบล็อกไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ธุรกรรมที่ดำเนินการได้ด้วยเหรียญ XEC มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่

2. ใช้ Schnorr Signature เพื่อตรวจสอบธุรกรรมแบบเป็นแบตช์ หรือเป็นชุด ๆ ไป 

3. การขยายตัวของบล็อกเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม ผ่านการใช้กราฟีน (Graphene) หรือวัสดุทดแทนอื่น ๆ กราฟีนเป็นวัสดุล้ำสมัยที่ใช้ในการผลิตการ์ดจอ นำมาเป็นสารเคลือบที่มีโครงสร้างเป็นเส้นใยคาร์บอนสำหรับใช้เป็นท่อนำความร้อนขนาดเล้กเพื่อช่วยลดอุณหภูมิและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการ์ดจอได้ถึง 3.5 เท่าในการประมวลผล ช่วยในเรื่องการลดความร้อนของการ์ดจอที่ทำงานหนักในการประมวลผลและอนุมัติการเปิดบล็อกที่ยืนยันธุรกรรม ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะการ์ดจอพังช้า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ลดลง และลดการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี

4. มี UTXO Commitment หรือการจัดการกับคริปโตที่เหลือในการทำธุรกรรมซึ่งจะช่วยให้การซิงค์ต่าง ๆ เป็นไปอย่างเร็วขึ้นบนบล็อกเชน นี่สื่อถึงว่า XEC coin เผาเหรียญเพื่อควบคุมปริมาณอุปทานในระบบ เป็นกลไกคงมูลค่าหรือเพิ่มมูลค่าของเหรียญ XEC ในตลาด

5. ใช้ Merklix-Metadata Tree ซึ่งปรับปรุงความสามารถของบล็อกเชนในการประมวลผลการทำธุรกรรมให้ได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง ซึ่งทำให้ Block ขยายตัวแพร่กระจายต่อเนื่องกันเร็วขึ้น

รูปแบบดำเนินงานสำคัญที่เข้าคู่กับแผนการดำเนินงาน คือทางนักพัฒนาจะขับเคลื่อน XEC ถึง 50 ธุรกรรมต่อผู้ใช้ต่อวัน โดยต้้งเป้ามีผู้ใช้มากถึง 10 พันล้านคน

รายละเอียดของเหรียญ XEC ในตลาด

XEC เหรียญ ราคา $0.00004252 ในปัจจุบัน วันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2022 มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่ $815,292,276 จำนวนเหรียญทั้งหมดที่คาดการณ์ว่าจะปล่อยออกมาอยู่ที่ 21,000,000,000,000 เหรียญ แต่ขณะนี้มีเหรียญหมุนเวียนในตลาดที่ประมาณ 18,899,704,673,313 เหรียญ หรือเท่ากับประมาณร้อยละ 90 ปริมาณการซื้อขายแลกเปลี่ยนในหนึ่งวัน เฉลี่ยมีมูลค่าอยู่ที่ $9,732,426 

XEC coin news ในช่องทางต่าง ๆ ที่นำเสนอเกี่ยวกับคริปโต มีปรากฏข่าวว่า eCash (XEC) กำลังดิ้นรนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนหลังจากสถานการณ์ตลาดตกต่ำที่ผ่านมา ช่วงมีนาคมของ ค.ศ. 2022 ทาง eCash ได้เริ่มทดสอบอย่างเข้มงวดถึงการใช้ Avalanche ที่เป็น Layer ที่สนับสนุนการใช้งาน XEC

หากการทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว ทาง eCash จะปล่อย Node Software ที่อนุญาตทุกคนที่มี eCash สามารถใช้โปรโตคอล Avalanche Post-Concensus ในอนาคต ซึ่งหมายถึงจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ Proof-of-Stake ได้สำเร็จ และให้รางวัลกับผู้ที่ถือเหรียญและ Stake ไว้ ทำให้แทนที่จะต้องซื้ออุปกรณ์มาทำเหมืองขุด ผู้มีเหรียญมากจะสามารถดำเนินการเป็นผู้ตรวจสอบและอนุมัติรายการและรับรางวัล จากนั้นก็สามารถนำเหรียญไปจำหน่ายในตลาดให้กับผู้ที่ต้องการเหรียญเพื่อทำธุรกรรม ด้วยกลไกเช่นนี้ จะสนับสนุนการสร้างมูลค่าเหรียญไปพร้อมกับการควบคุมจำนวนเหรียญในตลาดด้วยการเผาเหรียญ 

วิเคราะห์อนาคตเหรียญ XEC

เหรียญ XEC วิเคราะห์แล้วพบว่าราคาในปัจจุบันอยู่ที่ 0.0015 บาท เมื่อประมาณเป็นเงินไทย โดยระหว่างปีมูลค่าลดลงถึง 81.64% ซึ่งการดูตัวเลขมูลค่าที่ลดลงเช่นนี้อาจจะรู้สึกหวาดหวั่น แต่อย่าเพิ่งตัดสินว่าเหรียญ XEC ไม่ใช่โอกาสในการลงทุน เพราะในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2022 นอกจากการดำเนินการปรับปรุงให้เป็นระบบ Proof-of-Stake ยังมีการเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่สนับสนุนให้เหรียญ XEC มีอนาคตต่อไป

เดือนสิงหาคม ทาง Bithumb และ Bitfinex กระดานขายเหรียญดิจิทัลได้ทำการเสร็จสิ้นการรีแบรนด์ของ eCash และอนุญาตให้การซื้อขายเหรียญดำเนินการต่อ 

จะเห็นจากภาพถัดไปว่ามูลค่าเหรียญในเดือนสิงหาคมขยับมาเพิ่มขึ้นในช่วงท้าย และในเดือนกันยายนยังเพิ่มขึ้นมากกว่าสิงหาคมโดยเปรียบเทียบ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2022 ทาง Binance ได้จดทะเบียน XEC โดยจับคู่กับ USDT เพราะแบบนั้นในวันที่ 4 กันยายน มูลค่าการซื้อขายรายวันจึงเพิ่มมากกว่าประมาณ 1,200 เท่าจากระดับต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม และมีการซื้อขายต่อเนื่องไปตลอดเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นกว่าเดือนสิงหาคม นี่เป็นสัญญาณว่ามูลค่าของ XEC กำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ไปพร้อมกับการฟื้นตัวของตลาดเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ด้วยตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังถือเป็นขาลงที่ยังไม่ปรากฏจุดขาขึ้นที่ชัดเจน eCash Coin อนาคต จึงยากจะชี้ว่าเป็นเหรียญที่เหมาะเข้าลงทุนอย่างชัดเจน สำนักวิเคราะห์หลายเจ้าได้ลองใช้ Indicator อย่าง RSI หรือ DCMA รวมถึงเส้นแนวโน้มเพื่อพยากรณ์ ผู้วิเคราะห์ตลาดบางเจ้าได้สื่อสารว่าการลงทุนใน XEC อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ เจ้าใหญ่อย่างทาง PricePrediction (อ่านข้อมูลได้ที่ https://priceprediction.net/en) และ DigitalCoinPrice (อ่านข้อมูลได้ที่ https://digitalcoinprice.com/) ได้สื่อสารถึง XEC ว่าสามารถที่จะขยับมูลค่าเพิ่มได้อีกหากการผลักดันการใช้งานในโปรเจ็คเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนอิเล็กทรอนิกส์ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเหรียญ XEC จึงเหมาะต่อการจับตามองเพื่อรอโอกาส หากประสบความสำเร็จ ให้รีบเข้าซื้อ แต่นักเทรดไม่ต้องรีบร้อนเพื่อเป็นเจ้าของเหรียญนี้เพราะในช่วงที่ตลาดกำลังซบเซาอยู่ การชะลอการตัดสินใจในเหรียญที่อนาคตยังไม่แน่นอนเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงต่อพอร์ตลงทุนได้ดีกว่า