เปิดประตูสู่รูปแบบกราฟแท่งเทียน
บทนำ
นักเทรดรายวัน (Day Trade) มีเครื่องมือสำคัญคือกราฟแท่งเทียน (Candelstick Chart) เป็นผู้ช่วยประเมินแนวโน้มของราคาสินทรัพย์ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเทรดหุ้น คริปโคเคอร์เรนซี่ กองทุน หรือ ETF ก็ตาม ถ้าคุณใช้แท่งเทียนไปควบคู่กับการติดตามข่าวสารของสินทรัพย์นั้น ๆ คุณก็สามารถเป็นผู้ชนะในตลาดได้ไม่ยาก
ในบทความนี้ ได้มัดรวมรูปแบบกราฟแท่งเทียนพื้นฐานสำหรับนักเทรดรายวันมือใหม่ ให้มองเห็นภาพรวม เข้าใจแนวคิด และจดจำแพทเทิร์นไว้ใช้ในสมรภูมิการเทรด
ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Day Trade ที่นี่
ทำความรู้จักกับแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียน หรือ Candlestick Chart แท้จริงถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ถูกนำไปใช้แพร่หลายในโลกตะวันตกในการประเมินแนวโน้มของราคาสินทรัพย์ประมาณศตวรรษที่ 18
ตัวกราฟมีลักษณะที่คล้ายกับแท่งเทียน จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก ประกอบด้วยส่วนแท่งเทียน (Body) และไส้เทียน (Wick) ในแท่งเทียนหนึ่งแท่ง สามารถบอกข้อมูลได้ 5 อย่าง คือ
ราคาเปิด
ราคาแรกที่ทำการเทรด ณ ช่วงเวลา (Time Frame) ใด ๆ ที่ต้องการดู เช่น หนึ่งวัน หนึ่งชั่วโมง สี่ชั่วโมง สามสิบนาที เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถเลือกได้ว่าจะดูราคาของช่วงเวลาใด
ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Time Frame การเทรด
ราคาปิด
ราคาสุดท้ายที่ทำการเทรด ณ ช่วงเวลาใด ๆ เช่น หากคุณเลือกดูที่ Time Frame ที่ M5 (หมายถึง 5 นาที) ราคาปิดนั้นก็คือราคาสุดท้ายของทุก ๆ 5 นาทีนั้น
ราคาสูงสุดของช่วงเวลาที่ดู
แสดงด้วยความยาวของไส้เทียน (Wick) ที่ออกจากตัวแท่งเทียน (Body) ขึ้นไปด้านบน
ราคาต่ำสุดของช่วงเวลาที่ดู
แสดงด้วยความยาวของไส้เทียน (Wick) ที่ออกจากตัวแท่งเทียน (Body) ลงไปด้านล่าง
ความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด
ความยาวของตัวแท่งเทียน (Real Body) หรือพื้นที่ระหว่างราคาเปิดและราคาปิด เท่ากับส่วนต่างของราคา ณ Time Frame นั้น ๆ
ตัวอย่างด้านล่างนี้คือกราฟแสดงราคาของ Apple ในช่วงเวลาหนึ่งวัน ในวันที่ 16 ธันวาคม 2564 แท่งเทียนมีสีแดง (หรือดำ) หมายความว่าราคาเปิดของวันนั้น ราคาสูงกว่าราคาปิด ละไส้เทียนที่ยาวขึ้นไปทางด้านบน และลงมาทางด้านล่างแสดงให้ทราบว่า ณ วันนั้น มีราคาสูงสุด และต่ำสุดเป็นเท่าไร ก่อนที่จะจบวันทำการที่ราคาปิด
หรือของวันที่ 10 ธันวาคม 2564 แท่งเทียนมีสีเขียว (หรือโปร่งแสง) หมายความว่า ราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิด ณ วันนั้น และความยาวของไส้เทียนทั้งด้านบนและด้านล่างก็ไม่ยาวมาก หมายความว่าราคาที่ทำการเทรด ณ วันนั้นไม่ค่อยมีช่วงห่างจากกันเท่าไร

หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะแสดงด้วยสีเขียวหรือโปร่งแสง จะเรียกว่า Bullish Trend หมายถึงเทรนด์ขาขึ้น และเมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด แท่งเทียนจะแสดงด้วยสีแดงหรือดำ จะเรียกว่า Bearish Trend หรือเทรนด์ขาลง
เมื่อแท่งเทียนมากกว่า 2 แท่งมาอยู่รวมกัน เราจะเรียกว่า “แพทเทิร์น” ซึ่งแพทเทิร์นนี้จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน เป็นหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงราคา Time Frame ที่เรียกดู แต่ละแพทเทิร์นจะบอกว่ารูปแบบราคาเป็นเช่นไร สามารถบอกข้อมูลอะไรให้นักเทรดได้
ศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง Time Frame การเทรดได้ที่นี่
ความน่าเชื่อถือของแท่งเทียน
ในแง่ของข้อมูลที่บอกกับนักเทรดเมื่อเทียบกับกราฟแท่งหรือกราฟเส้นนั้น แท่งเทียนย่อมมีมากกว่าแน่นอน เพราะบอกข้อมูลเราถึง 5 อย่างดังที่กล่าวในตอนต้น ในขณะที่กราฟเส้นจะเป็นการลากเส้นเชื่อมต่อจุดของราคาปิดเท่านั้น คุณจึงไม่สามารถทราบได้ว่าในช่วงเวลานั้น ๆ ราคามีการเปลี่ยนแปลงแบบใดบ้าง
แท่งเทียนแพทเทิร์นต่าง ๆ สามารถเป็นคำใบ้บอกคุณได้ว่าตอนนี้คือช่วงต่อเนื่อง (Continuation) หรือจุดกลับตัว (Reversal) ของเทรนด์ ดังนั้น ก่อนอื่นเราควรไปทำความรู้จักและจดจำแพทเทิร์นต่าง ๆ ในภาพย่อย แล้วมองกว้างออกมาเป็นการดูเทรนด์
ในโลกนี้มีกี่แพทเทิร์น
ในตลาดการลงทุนมีอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องไม่ลืมพื้นฐานที่มาที่ไปของแพทเทิร์นแท่งเทียนก่อน ว่ามันเกิดจาก “มุมมอง” ของคนที่มีต่อราคา ในบทความนี้ ได้มัดรวม 20 แพทเทิร์นแท่งเทียนที่เราอาจจะใช้เป้นเครื่องมือแสกนแนวโน้มขั้นพื้นฐานร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ
รวม 20 แพทเทิร์นที่ควรจดจำ
อันดับแรก มาดูก่อนว่าเราจะสามารถจำแนกเป็น 2 เทรนด์ใหญ่ ๆ คือ Bullish Trend หรือเทรนด์ขาขึ้น Bearish Trend หรือเทรนด์ขาลง
Bullish Trend
แนวโน้มขาขึ้นของราคา ที่จะเปลี่ยนจาก Downtrend เป็น Uptrend มักเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างรอยต่อของเทรนด์แบบต่อเนื่อง และกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นที่ต้องการจากปริมาณการเทรดโดยรวม
Hammer
ลักษณะ: ราคาปิดค่อนข้างใกล้เคียงกับราคาเปิด และมีไส้เทียนยาวประมาณ 2 เท่าของแท่งเทียน มีลักษณะคล้ายกับ Shooting Star ที่เกิดขึ้นในช่วง Bearish Trend
ความหมาย: สัญญาณการกลับตัวเป็นบวกของราคา หลังจากเป็น Downtrend มาสักระยะหนึ่งก่อนหน้า
The Piercing Pattern
ลักษณะ: มักเกิดในช่วงปลายของ Downtrend ใกล้กับ Support Level โดยที่ราคาปิดอยู่ในะดับ ¼ ค่อนไปทางด้านบนของราคาเปิดของช่วงเวลาก่อนหน้า
ความหมาย: บอกการกลับตัวเป็น Bullish Trend
Bullish Engulfing
ลักษณะ: แท่งเทียนสีเขียวหรือโปร่งแสงจะยาวกกว่าแท่งเทียนสีแดงหรือดำก่อนหน้า (ราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนสีเขียวหรือโปร่งแสง มากกว่าและต่ำกว่าของแท่งเทียนสีแดงหรือดำนั้น)
ความหมาย: ชี้ให้เห็นว่าในช่วงเวลานั้นมีผู้ซื้อเข้ามาในตลาด ทำให้เทรนด์เปลี่ยนแปลงจาก Downtrend เป็น Uptrend
The Morning Star
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง ได้แก่ (1) แท่งเทียนสีแดงหรือดำ (Bearish Trend) (2) เป็นได้ทั้งแดง/ดำ (Bullish) หรือเขียว/โปร่งแสง (Bearish) และ (3) แท่งเทียนสีเขียว/โปร่งแสง (Bullish Trend)
ความหมาย: เป็นสัญญาณเตือนว่า Downtrend จะกลับตัวเป็น Uptrend ในไม่ช้า (จุดสังเกตคือ เทรนด์ (แท่งเทียน) ก่อนหน้าเป็น Downtrend มา
The Three White Soldiers
ลักษณะ: แท่งเทียนสีเขียว/โปร่งแสงสามแท่งเรียงกันในลักษณะ Uptrend และไส้เทียนของแต่ละแท่งก็ไม่ยาวมาก
ความหมาย: สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดกว่าราคาจะค่อย ๆ ทยายขึ้นเป็นบวก (Uptrend) จากการเพิ่มขึ้นของ (กราฟ) ราคาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ดู
Dragonfly Doji
ลักษณะ: Doji หมายความว่าแทบจะคล้าย เหมือน แต่ในแง่ของการเทรด จะมีความหมายว่า Mistake เมื่อเห็น Doji แบบนี้แล้ว ให้รีบมองหา Dark Cloud Cover ต่อได้เลย (ดูเพิ่มที่ Bearish Trend)
ความหมาย: บอกให้ทราบว่าราคาเปิดและราคาปิดแทบจะออกมาเท่า ๆ กัน โดยมีราคาต่ำสุดยาวลงไปคล้ายหางมังกร (Dragon)
Bullish Harami Cross
ลักษณะ: เกิดขึ้นหลังช่วงขาลง แท่งเทียนแท่งแรกจะเป็น Bearish Trend แสดงให้ทราบถึงฝ่ายผู้ซื้อมีอำาจในตลาดมากกว่า ตามต่อด้วย Doji ที่มีราคาเปิดสูงกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนก่อนหน้านั้น และมีราคาปิดในช่วงความยาวของแท่งเทียนก่อนหน้าด้วย
ความหมาย: นักเทรดบางท่านอาจเริ่มเทรดในตอนนี้เลย ในขณะที่บางท่านจะคอยสัญญาณคอนเฟิร์มอีกครั้งหลังจากที่เห็นแล้วว่าแท่งเทียนถัดไปขยับสูงขึ้นจากที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถใช้ระดับแนวรับ (Support Level) ในการดู ซึ่งหากเป็นไปในทิศทางดังกล่าว ก็เท่ากับว่าโอกาสของการเพิ่มขึ้นของราคามีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ไม่มีแนวต้านอยู่ในระยะนั้น
Bullish Harami
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียนจำนวนหนึ่ง เกิดขึ้นที่ช่วงปลายของ Downtrend บอกถึงการกลับตัวเป็น Uptrend เทียนแท่งแรกเป็นสีแดง/ดำมีขนาดยาวที่แสดงถึง Downtrend และเทียนแท่งถัดมาคือสีเขียว/โปร่งแสงที่แสดงถึง Bullish Trend โดยมีความยาวอยู่ในระยะของแท่งเทียนก่อนหน้านั้น
ความหมาย: สัญญาณที่ดีของการพิจารณาเข้าสู่ Long Position (ซื้อ)
Bullish Belt Hold
ลักษณะ: แท่งเทียนสีเขียว/โปร่งแสง ที่มีไส้เทียนด้านบนเพียงด้านเดียว เกิดขึ้นหลังจาก Downtrend หรือเทรนด์ขาลงที่เป็นมาระยะหนึ่ง แสดงถึงการผลของการผสมของราคาที่คาดการณ์อนาคต อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ คุณอาจพบแพทเทิร์นนี้ได้ทุก Time Frame แต่จะมีความหมายที่สุด ตอนที่พบในช่วงวันหรือสัปดาห์
ความหมาย: ความหมายจะยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อเกิดขึ้นใระดับที่ใกล้กับ Support Level เช่น Trend Line หรือ Moving Average หรือที่ Market Pivot Point
Tweezer Bottom
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง สองแบบ เทียนแท่งแรกเป็น Bearish Trend ที่มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง และราคาต่ำสุดเท่ากับราคาปิด (ไม่มีไส้เทียนยาวลงไปด้านล่าง) และแท่งเทียนอีกแท่งเป็น Bullish Trend ที่มีสีเขียว/โปร่งแสง มีราคาเปิดเท่ากับราคาต่ำสุด และเท่ากับราคาต่ำสุดของแท่งเีทยน Bearish Trend แท่งก่อนหน้า
ความหมาย: แสดงถึงจุดสิ้นสุดของช่วง Downtrend ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแรง Support ทำให้คาดการณ์ได้ว่าแท่งเทียนของช่วงเวลาถัดไปกำลังจะเกิดขึ้น
Bearish Trend
Bearish Trend คือสัญญาณการกลับตัวจากสภาพที่เป็นบวก (Bullish Trend) ว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้แล้วมาเป็นเทรนด์ขาลงแทน สามารถแสดงได้ทั้งแท่งเทียนแท่งเดี่ยวหรือมากกว่าก็ได้
เมื่อคุณสปอตได้ถึงสัญญาณ Bearish Trend แล้ว เท่ากับคุณกำลังมองเห็นจุดสิ้นสุดของ Continouation Pattern ของช่สงที่เป็น Uptrend มา
Hanging Man
ลักษณะ: ไส้ของเทียนยาวลงมาด้านล่างเป็นสองเท่าของแท่ง โดยไม่มีไส้เทียนด้านบนเลย
ความหมาย: ชี้ให้เห็นจุดสิ้นสุดของ Uptrend ที่มีมาก่อนหน้าว่าต่อไปนี้จะ Downtrend ลงแล้ว
Dark Cloud Cover
ลักษณะ: แท่งเทียนสีแดง/ดำ ที่อยู่ด้านขวาของแท่งเทียนสีเขียว/โปร่งแสดงของ Time Frame ก่อนหน้า โดยมีราคาปิดอยู่ระหว่าง ¼ ค่อนไปทางด้านล่างของแท่งเทียนก่อนหน้า
ความหมาย: ชี้ให้เห็นว่า Uptrend ที่เป็นมาโดยตลอดถึงจุดเปลี่ยนแล้ว (เพราะแท่งเทียนสีแดง/ดำนี้ มีราคาเปิดที่สูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า แต่ราคาปิดกลับตกวูบลง
Bearish Engulfield
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งด้านขวาเป็นสีแดง/ดำ ซึ่งมีขนาดของแท่งยาวครอบคลุมแท่งเทียนด้านซ้ายที่เป็นทีเขียว/โปร่งแสง
ความหมาย: ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของ Uptrend ที่เป็นมาต่อเนื่องจากการที่ผู้ขายเข้ามาในตลาดแล้วทำราคาตก ในตอนนี้ นักเทรดจะสปอตได้ว่าควรเริ่มคิดถึงการ Short Position หรือตั้ง Stop Loss
The Evening Star
ลักษณะ: ข้อสังเกตคือ เป็นแพทเทิร์นที่ตรงกันข้ามกับ Bullish Morning Star ประกอบด้วยแท่งเทียน 3 แท่ง ดังนี้ (1) แท่งเทียน Bullish ขนาดใหญ่ (2) แท่งเทียนเล็ก เป็นได้ทั้ง Bullish และ Bearish (3) แท่งเทียน Bearish
ความหมาย: บอกให้นักเทรดทราบว่า Uptrend เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
The Three Black Crows
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียนสีแดง/ดำ ที่แสดงถึง Bearish Trend โดยแต่ละแท่งมีไส้เทียนที่ไม่ยาวหรือไม่มีเลย
ความหมาย: เมื่อสปอตเจอแพทเทิร์นี้ นักเทรดควรเตรียมตัว Short Position (ขาย) อย่างไรก็ตาม เมื่อพบแพทเทิร์นนี้ อย่าเพิ่งใจเร็ว ให้ดับเบิ้ลเช็กร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่น ๆ (เช่น RSI ) ประกอบด้วย และใช้เป็นจุดดูว่าการกลับตัวนั้น มีความเสี่ยงที่จะผกผันกลับอีกหรือไม่ (อ่านเพิ่มเติมที่ Reversal กับ Retracement คืออะไร)
Dark Cloud Cover
ลักษณะ: แพทเทิร์นที่มีหลายแท่งเทียน บอกถึงการกลับตัวมาเป็นขาลง ประกอบด้วยแท่งเทียน (ที่จะดู) 2 แท่ง ดังนี้ (1) แท่งเทียนสีเขียว/โปร่งแสง ที่แสดงถึง Bullish Trend ซึ่งในที่นี้เรียกว่า “Dark Cloud” และ (2) แท่งเทียนสีแดง/ดำที่แสดงถึง Bearish Trend ซึ่งมีราคาเปิดอยู่สูงกว่า แต่ปิดในระดับกลางของแท่งเทียน Bullish Trend แท่งก่อนหน้า
ความหมาย: บอกสัญญาณการกลับตัวสู่ขาลงของราคา โดยที่แท่งเทียน Bearish Trend แท่งที่ตามมา ชี้ชัด (Confirm) ถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งช่องว่าง (Gap) ด้านบนระหว่างแท่งเทียน 2 แท่งแรก จะช่วยบอกด้วยว่ามีความต่างของราคาประมาณใด (ผู้ซื้อมากกว่า หรือแรงขายมากกว่า)
Bearish Harami Cross
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งแรกเป็น Bullish Trend ซึ่งมีสีเขียว/โปร่งแสง แสดงถึงมีคนซื้อจำนวนมาก ตามด้วย Doji หนึ่งแท่งที่มีความยาวอยู่ในระยะของแทียนแท่งกง่อนหน้า ที่แสดงถึงความลังเลใจของผู้ซื้อ
ความหมาย: มักเกิดขึ้นหลังช่วง Uptrend (ตรงข้ามกับ Bullish Harami Cross) นัดเทรดหลายท่านมักคอยการลดลงของราคาก่อน บางกรณี แพทเทิร์นนี้ก็ยังเกิดขึ้นใกล้กับะดับแนวต้าน (Resistant Level) ด้วย และบางท่านอาจพิจารณาจาก RSI ที่ลดลงต่ำกว่า Overbought Territory ในการตัดสินใจด้วย
Bearish Doji Star
ลักษณะ: ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง แท่งแรกเป็นสีเขียว/โปร่งแสงที่แสดงถึง Downtrend ตามต่อด้วย Doji ที่มีราคาเปิดสูงกว่าแท่งก่อนหน้า ทำให้เกิดช่องว่า (Gap) ขึ้นมา
ความหมาย: เกิดขึ้นที่ช่วงปลายของ Uptrend เน้นย้ำถึงจุดเปลี่ยนของราคาที่จะมาถึงในไม่ช้า
Shooting Star
ลักษณะ: ดูเผิน ๆ คล้ายกับ Hammer แต่จะเกิดขึ้นในช่วง Uptrend มี Body ที่ยาวลงไปด้านล่าง แสดงด้วยสีแดง/ดำ และมีไส้เทียนด้านบนยาว แต่ไส้เทียนด้านล่างนั้นสั้น หรือแทบไม่มีเลย
ความหมาย: มักเกิดขึ้นที่จุดตัดของ Uptrend คิดเทียบดูจากชื่อของมัน (ดาวที่ตกลงมา) ตลาดเริ่มจะมีช่องว่างไปในทางลบ (ราคาลดลง) แม้จะเปิดสูง มีราคาระหว่างช่วงเวลาไปสูง (ไส้เทียนยาว) แต่สุดท้ายกลับปิดต่ำกว่า แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มลดลงของราคาโดยดูจากแท่งเทียนถัด ๆ ไป จะเป็น Downtrend
Three Black Crows
ลักษณะ: แท่งเทียนสีแดง/ดำ ที่แสดงถึง Bearish Trend สามแท่งเรียงกัน แต่ละแท่งมีไส้เทียนที่สั้น หรือแทบไม่มีเลย ราคาเปิดของแต่ละแท่ง (= ช่วงเวลา) ค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่เป็นไปในทางลดลง (ราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิด) ส่วนเทียนแท่งก่อนหน้า จะเป็น Bullish หรือ Bearish ก็ได้
ความหมาย: เน้นย้ำการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นมาเป็นขาลง นักเทรดควรพิจารณาแพทเทิร์นนี้ร่วมกับ RSI
บทส่งท้าย
การศึกษาและจดจำแพทเทิร์นแท่งเทียน จะเป็นหนึ่งเครื่องมือของ Day Trade ร่วมกับการใช้งานอินดิเคเตอร์ชนิดต่าง ๆ ประกอบกับการหมั่นติดตามข่าวสารที่จะส่งผลต่อทิศทางราคาของ FOREX หรือสินทรัพย์ที่คุณเทรด การเทรดไม่มีรูปแบบตายตัว คุณจะต้องไม่ประมาทเด็ดขาด
บทความที่กำลังมาแรง
- รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร 2023-11-15
- 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023 2024-01-30
- ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024 2024-08-07
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!