ซื้อหุ้นดีราคาถูกพร้อมทำกำไรด้วยกลยุทธ์ Bottom Fishing

ในขอบข่ายของการเงินการลงทุน การคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom Fishing เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เทรดเดอร์ต้องการซื้อสินทรัพย์ที่ราคาเพิ่งลดลง โดยมักถูกมองว่ามีมูลค่าต่ำเกินไป (Undervalued) หรือขายมากเกินไป (Oversold) เป้าหมายคือการทำกำไรเมื่อราคาฟื้นตัวในที่สุด หลายคนมีภาพจำว่า ตลาดหุ้นเป็นอะไรที่ผันผวน ถ้าทุกคนรู้หรือมีสูตรสำเร็จ ก็คงมีคนรวยเต็มโลกไปหมดแล้ว แต่คุณไม่อยากเป็นหนึ่งในคนที่เห็นโอกาส และรู้วิธีคว้าโอกาสเหล่านั้นบ้างหรือ

ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ จะแนะนำกลยุทธ์ในการควานหาหุ้นดีที่พร้อมกลับตัว หรือที่เรียกว่าหุ้น Undersvalued ที่ซุกซ่อนตัวในตลาด อย่าลืมว่า ใจความสำคัญของการเทรดหุ้นหรือแม้แต่สินทรัพย์การเงินใด ๆ คือ “การซื้อถูก ขายแพง” นั่นเอง แล้ว กลยุทธ์ Bottom Fishing นี้จะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คุณจะสามารถซื้อของดีในราคาที่ถูกลงกว่า เพื่อรอวันที่จะขายแพงสร้างส่วนต่างกำไรได้ ยิ่งไปกว่านั้น กลยุทธ์ Bottom Fishing นี้ไม่ได้จำกัดแต่เพียงการลงทุนระยะยาวแบบ Value Investor เท่านั้น เพราะในฐานะนักเล่นหุ้นระยะสั้นหรือ Short-term Trading ก็สามารถนำกลยุทธ์ Bottom Fishing มาใช้หาหุ้นดี ๆ เพื่อเทรด CFD เก็งกำไรราคาหุ้นด้วยการเปิดสถานะ Long-position ได้เช่นกัน

กลยุทธ์ Bottom Fishing เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นเมื่อหุ้นอยู่ที่จุดต่ำสุดหรือใกล้จุดต่ำสุด โดยคาดหวังว่าหุ้นจะดีดตัวกลับและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เหมือนกับร้านสะสมของเก่าของโบราณมีหาซื้อของเก่าเหล่านั้นมาเพื่อปัดฝุ่นจำหน่ายให้กับผู้ที่ชื่นชอบการสะสมของหายาก

กลยุทธ์นี้อาจทำกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ต้องใช้สายตาที่เฉียบแหลมในการระบุหุ้นที่ถูกประเมินค่าต่ำกว่ามูลค่า ความอดทนในการรอเวลาที่เหมาะสมในการซื้อ และความสามารถในการทนต่อการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น

เข้าใจจิตวิทยาอารมณ์ตลาดก่อนใช้ Bottom Fishing

การวิเคราะห์อารมณ์เป็นเทคนิคที่ใช้ประเมินอารมณ์โดยรวมและความรู้สึกของเทรดเดอร์ที่มีต่อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งหรือตลาดโดยรวม โดยการวิเคราะห์บทความข่าว โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และรายงานทางการเงิน เทรดเดอร์ที่มองหาหุ้นที่ราคาต่ำสุดสามารถเข้าใจอารมณ์ของตลาดและระบุได้ว่าเมื่อใดที่ความกลัวหรือความมองโลกในแง่ร้ายทำให้ราคาหุ้นลดลงมากเกินไป เครื่องมือต่าง ๆ เช่น ซอฟต์แวร์วิเคราะห์อารมณ์และอัลกอริทึมการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุปริมาณและตีความข้อมูลอารมณ์ได้ การรับรู้ถึงอารมณ์เชิงลบที่รุนแรงอาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการซื้อ เนื่องจากมุมมองที่มองโลกในแง่ร้ายมากเกินไปมักทำให้การประเมินค่าหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดีต่ำเกินไป

ความผันผวนของตลาด

ความเสี่ยงหลักประการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการตกปลาที่ราคาต่ำสุดคือความผันผวนของตลาด ราคาของหุ้นและสินทรัพย์อื่น ๆ อาจคาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือเกิดวิกฤตทางการเงิน แม้จะระบุจุดต่ำสุดที่เป็นไปได้แล้ว ราคาก็อาจยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียจำนวนมาก ความผันผวนของตลาดอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ มากมาย รวมถึงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และความรู้สึกของเทรดเดอร์ ดังนั้น ผู้ที่ตกปลาที่ราคาต่ำสุดจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่การลงทุนของตนอาจไม่ฟื้นตัวในทันที และราคาอาจลดลงอีก

ปัจจัยทางจิตวิทยา

ปัจจัยทางจิตวิทยามีบทบาทสำคัญในการหาจุดต่ำสุด ความกลัว ความโลภ และความตื่นตระหนกสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล ในช่วงที่ตลาดตกต่ำ การซื้อหุ้นในขณะที่หุ้นอื่น ๆ กำลังขายเพราะตื่นตระหนกอาจเป็นเรื่องท้าทายทางอารมณ์ ในทางกลับกัน ความอยากขายก่อนกำหนดในช่วงที่ตลาดฟื้นตัวอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องควบคุมอารมณ์และยึดมั่นในการวิเคราะห์และกลยุทธ์การลงทุนแม้ว่าอารมณ์ของตลาดจะค่อนข้างเป็นลบก็ตาม

ทุก ๆ แนวทางมีข้อดีข้อเดสียในตัวของมัน มาเรียนรู้และทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องของการใช้กลยุทธ์ Bottom Fishing  ในการหาหุ้นดี ๆ ในตลาดที่มีโอกาสกลับตัวกันที่ย่อหน้านี้

และไม่เพียงแต่เรื่องของราคาที่เปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ตลาดเท่านั้น อย่าลืมว่ายังมีปัจจัยภายในบริษัทนั้น ๆ เองด้วยที่มีอิทธิพลต่อราคาของหุ้น ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นหุ้นที่เคยมีความน่าสนใจ แต่อาจจด้วยปัญหาบางประการจึงส่งผลให้ราคาลดลง และอาจไม่กลับมาอีกเลยก็เป็นได้ ดังนั้น ก่อนใช้กลยุทธ์ Bottom Fishing อย่าลืมตรวจสอบปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้น ๆ ก่อนทุกครั้ง

ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งคือตลาดอาจไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหรือแข็งแกร่งเท่าที่คุณคาดไว้ ซึ่งอาจนำไปสู่ช่วงเวลาที่ยาวนานของผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนลดลง นอกจากนี้ กลยุทธ์ Bottom Fishing ยังอาจเป็นเรื่องท้าทายทางอารมณ์ เนื่องจากต้องใช้ความอดทนและความสามารถในการทนต่อการขาดทุนในระยะสั้น

สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาระยะเวลาในการลงทุน หากคุณกำลังมองหาผลกำไรอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ Bottom Fishing อาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หากคุณเต็มใจที่จะถือการลงทุนไว้ในระยะยาว ผลตอบแทนที่อาจได้รับอาจมีนัยสำคัญ

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องพิจารณา หุ้นบางตัวที่ถูกประเมินค่าต่ำกว่ามูลค่าจริงอาจมีปริมาณการเทรดต่ำ ทำให้ยากต่อการซื้อหรือขายในปริมาณมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ สภาพคล่องที่ต่ำยังอาจส่งผลให้ส่วนต่างราคาเสนอซื้อ-เสนอขายกว้างขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้น เทรดเดอร์ต้องระมัดระวังปัญหาด้านสภาพคล่องและพิจารณาปัญหาเหล่านี้เมื่อตัดสินใจลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินการเทรด

ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและเศรษฐกิจ

การเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบหรือสภาวะเศรษฐกิจอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อกลยุทธ์การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นโยบายใหม่ กฎหมายภาษี หรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อพลวัตของตลาดและประสิทธิภาพของภาคส่วนหรือบริษัทเฉพาะ เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องคอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนากฎระเบียบและแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่ากลยุทธ์ Bottom Fishing จะเป็นกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งคือการคาดการณ์จุดต่ำสุดที่แน่นอนของราคาหุ้น หากหุ้นยังคงลดลงหลังจากที่คุณซื้อ คุณอาจสูญเสียเงินได้

เริ่มต้นด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการมองหาหุ้นที่พร้อมกับตัวสำหรับกลยุทธ์ Bottom Fishing เมื่อจำหลักการเหล่านี้ได้แล้ว คุณจะมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งขึ้นในการมองหาโอกาสแบบนี้อีกในอนาคต

มองหาหุ้นที่เป็น Undervalued Stock ก่อน

มุ่งเน้นไปที่สุขภาพทางการเงินและแนวโน้มในอนาคตของบริษัท เทรดเดอร์จะประเมินงบการเงิน โมเดลธุรกิจ และแนวโน้มอุตสาหกรรมของบริษัทเพื่อกำหนดมูลค่าที่แท้จริง หากราคาหุ้นลดลงต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงอย่างมาก หุ้นดังกล่าวอาจเป็นตัวเลือกที่ดีในการหาจุดต่ำสุด

เริ่มการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเทคนิคสำคัญที่ใช้ในการหาจุดต่ำสุดของราคา วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลราคาในอดีตและปริมาณการเทรดเพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้มที่สามารถบ่งชี้ถึงโอกาสในการซื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้หาจุดต่ำสุดของราคาใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคต่าง ๆ เช่น  Moving Averages  ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) และแถบ Bollinger เพื่อกำหนดว่าหุ้นตัวใดถึงจุดต่ำสุดและมีแนวโน้มที่จะดีดตัวกลับ เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่าควรเข้าสู่ตลาดเมื่อใดโดยการตรวจสอบกราฟและจดจำรูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำ การวิเคราะห์ทางเทคนิคช่วยให้ผู้หาจุดต่ำสุดของราคาสามารถกำหนดเวลาการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการซื้อที่จุดต่ำสุดของหุ้นหรือใกล้จุดต่ำสุด

ด้วยการผสมผสานสองวิธีนี้ เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการระบุหุ้นที่มีแนวโน้มจะดีดตัวกลับได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่ากลยุทธ์ Bottom Fishing นั้นไม่ใช่เรื่องปราศจากความเสี่ยง ต้องใช้ความอดทน สายตาที่เฉียบแหลมในการมองหาหุ้นที่ถูกประเมินค่าต่ำกว่ามูลค่าจริง และความสามารถในการทนต่อการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

การระบุมูลค่าที่แท้จริง

การแยกแยะระหว่างหุ้นที่ถูกประเมินค่าต่ำกว่ามูลค่าจริงกับหุ้นที่มีราคาถูกด้วยเหตุผลบางประการเป็นความท้าทายที่สำคัญในการหาจุดต่ำสุด หุ้นบางตัวอาจดูเหมือนราคาถูกแต่จริง ๆ แล้วกำลังประสบปัญหาในระยะยาวที่อาจขัดขวางการฟื้นตัว เทรดเดอร์จำเป็นต้องทำการตรวจสอบอย่างรอบคอบ รวมถึงการเจาะลึกถึงสุขภาพทางการเงินของบริษัท โมเดลธุรกิจ และตำแหน่งในอุตสาหกรรม การไม่สามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นได้อย่างแม่นยำอาจส่งผลให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่ามาตรฐานหรือลดลงต่อไป

เฝ้าดูการจับจังหวะตลาด

การจับจังหวะตลาดนั้นยากเป็นที่ทราบกันดี และความท้าทายนี้เด่นชัดโดยเฉพาะในการตกปลาที่ราคาต่ำสุด การระบุจุดต่ำสุดที่แน่นอนของราคาหุ้นถือเป็นศิลปะมากกว่าวิทยาศาสตร์ แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ก็ยังประสบปัญหาในเรื่องนี้ เนื่องจากต้องใช้ทั้งประสบการณ์ สัญชาตญาณ และการวิเคราะห์ การจับจังหวะตลาดที่ผิดพลาดอาจทำให้ซื้อเร็วเกินไป ก่อนที่หุ้นจะถึงจุดต่ำสุด หรือช้าเกินไปจนพลาดโอกาสในการซื้อที่ดีที่สุด แต่ความท้าทายเหล่านี้ใช่ว่าจะเป็นอุปสรรค์ เพียงคุณทราบว่าควรใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการตกหุ้นเข้าพอร์ต

รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา (Price Action Patterns)

• Double Bottoms: Double Bottomsบ่งบอกถึงการกลับตัวหลังจากแนวโน้มขาลง โดยเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นลดลง รีบาวด์ แล้วตกลงอีกครั้งจนเกือบถึงระดับต่ำเดิมก่อนจะดีดตัวกลับอีกครั้ง

• Head and Shoulders: รูปแบบนี้บ่งบอกถึงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น โดยประกอบด้วยจุดยอด 3 จุด โดยจุดยอดตรงกลาง (หัว) สูงกว่าจุดยอดอีก 2 จุด (ไหล่)

• Triangles: Trianglesอาจเคลื่อนขึ้น เคลื่อนลง หรือสมมาตร โดยมักเป็นสัญญาณของช่วงการรวมตัวก่อนจะทะลุแนวรับในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง

ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators)

• ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (Relative Strength Index หรือ RSI): RSI วัดความเร็วและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคา ค่าที่อ่านได้ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่าหุ้นอาจถูกขายมากเกินไป และอาจเป็นโอกาสในการซื้อ

• Moving Averages:  Moving Averages ช่วยปรับความผันผวนของราคาให้ราบรื่น และช่วยระบุแนวโน้มได้ หุ้นที่เคลื่อนตัวเหนือ Moving Averages ในระยะยาวอาจส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น

• Stochastic Oscillator: ตัวบ่งชี้ตัวนี้เปรียบเทียบราคาปิดของหุ้นกับช่วงราคาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ค่าที่อ่านได้ต่ำกว่า 20 แสดงว่าหุ้นนั้นอาจถูกขายมากเกินไป

การเทรดระยะสั้นด้วยตราสาร CFD กับโบรกเกอร์ TOPONE Markets นั้น ข้อสำคัญคือการดำเนินการที่รวดเร็วอย่างถูกต้องเพื่อหาหุ้นพร้อมกลับตัวที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในเวลาที่รวดเร็ว

ดังที่ได้ทราบกันแล้วว่า การใช้ Bottom Fishing จะเป็นการมองหาหุ้นที่มีโอกาสกลับตัวเป็นแดนบวกได้ในระยะเวลาอันใกล้ ดังนั้น กลยุทธ์นี้จึงเหมาะกับการเทรดเก็งกำไรด้วย Long-position ของตราสาร CFD กับ TOPONE Markets สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสของการสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ทำไมต้องเทรด CFD กับ TOPONE Markets

ที่เรา TOPONE Markets เป็นโบรกเกอร์เทรด CFD ที่มีชื่อเสียงด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่หุ้นรายตัว ดัชนีตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน ทองคำ สกุลเงินดิจิทัล พร้อมค่าสเปรดที่แคบกว่า ค่าคอมมิชชัน 0% และเลเวอเลจสูงสุดถึง 100 เท่า ดังนั้น แม้แต่เทรดเดอร์มือใหม่ก็สามารถฝึกฝนและเริ่มต้นเส้นทางการเทรดไปพร้อม ๆ กันได้

เปิดบัญชีเทรด CFD กับเราตอนนี้!

เทรด หุ้นสหรัฐฯ/หุ้นฮ่องกง/หุ้นไต้หวัน ฯลฯ แบบออนไลน์ หุ้นที่ติดเทรนด์ทั่วโลก

เริ่มการเทรดเลยตอนนี้ >

ลูกค้าใหม่สามารถรับรางวัลมูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ!