Beginner Guide: วิธีจัดเก็บเหรียญคริปโตด้วย Cold Wallet
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสกุลเงินดิจิทัลได้เปิดขอบเขตใหม่ ๆ ให้กับเทรดเดอร์ผู้แสวงหาโอกาสและความท้าทายในโลกของการเงิน แต่ด้วยโอกาสที่น่าตื่นเต้นนี้ ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าคุณจะจัดเก็บเหรียญคริปโตที่ได้มาอย่างยากลำบากอย่างปลอดภัยได้อย่างไร ท่ามกลาง Crypto Wallet มากมายนี่คือจุดที่การทำความเข้าใจประเภท Crypto Wallet เป็นก้าวสำคัญของมือใหม่เทรดคริปโตทุกท่าน
ในการจัดเก็บเหรียญคริปโต มี 2 รูปแบบของ Crypto Wallet คือ Hot Wallet (Sofeware Wallet) และ Cold Wallet (Hardware Wallet) แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และการเลือกสิ่งที่เหมาะสมต่อรูปแบบการใช้งานคือพื้นฐานความคิดที่สำคัญในการเลือกใช้วิธีการจัดเก็บ Cryptocurrency
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ 2 ประเภทของ Crypto Wallet ที่มีใช้กันในปัจจุบันให้มากขึ้น สำหรับการจัดเก็บเหรียญไว้ในระยะยาวหรือชั่วเวลาหนึ่ง รวมถึงนำเสนอวิธีการมีส่วนร่วมกับ Cryptocurrency แบบไม่ต้องจัดการให้ยุ่งยากมากความ ด้วยการเทรด CFD เก็งกำไรราคาของเหรียญคริปโตตามเทรนด์ของมัน
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชื่นชอบเหรียญคริปโตที่มีประสบการณ์หรือเป็นมือใหม่ที่อยากรู้อยากเห็น คู่มือนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเพื่อช่วยคุณสำรวจโลกที่น่าตื่นเต้นของพื้นที่จัดเก็บเหรียญคริปโตและตัวเลือกการเทรดที่เป็นไปได้!
Crypto Wallet คืออะไร
ลองจินตนาการถึงโลกที่เงินไม่ได้อยู่ในรูปแบบของใบเรียกเก็บเงินหรือบัตรพลาสติก แต่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการคุ้มครองโดยการเข้ารหัสที่ซับซ้อน นั่นคือขอบเขตของสกุลเงินดิจิทัล และเช่นเดียวกับสกุลเงินทั่วไป เหรียญคริปโตต้องมีสถานที่ที่ปลอดภัยในการจัดเก็บ ส่ง และรับ นี่คือที่มาของแนวคิดของกระเป๋าเงินดิจิทัลเข้ารหัส
จินตนาการว่า Crypto Wallet เป็นห้องนิรภัยดิจิทัลสำหรับจัดเก็บเหรียญคริปโต ส่วน Cold Wallet เป็นหนึ่งในประเภทของ Crypto Wallet ซึ่งทำงานที่ใช้ในการจัดเก็บระยะเวลาหนึ่ง โดยยังไม่ได้สนใจเรื่องของการเทรดหรือรับ-ส่งระหว่างกัน
เก็บเหรียญคริปโตด้วย Hot Wallet
Crypto Wallet ประเภทแรกคือ Hot Wallet เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มต้นที่เข้าสู่โลกแห่งสกุลเงินดิจิทัล Hot Wallet คือ Crypto Wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ทำงานบนเครือข่ายบล็อกเชน มอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงและจัดการเหรียญคริปโต บ่อยครั้ง
ตัวอย่างของ Hot Wallet ได้แก่ MetaMask และ Coinbase Wallet หรือแม้กระทั่ง Crypto Wallet ที่ให้บริการโดยแพลตฟอร์มการเทรดอย่าง Coinbase และ Binance
ข้อดีของ Hot Wallet
ความสะดวกสบาย ใช้งานง่ายอย่างเหลือเชื่อเพียงมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ช่วยให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้เหมาะสำหรับการเทรดบ่อยครั้ง
ความสามารถในการเข้าถึง ด้วยกระเป๋าเงินมือถือและเว็บ คุณสามารถเข้าถึงเหรียญคริปโตได้จากทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ของตัว Hot Wallet เองที่เป็นพื้นฐานของการออกแบบ ส่วนใหญ่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มต้น ทำให้ง่ายต่อการนำทางและจัดการการถือครองเหรียญคริปโต
ข้อเสียของ Hot Wallet
เนื่องจากพวกมันเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา Hot Wallet จึงเสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก จึงเป็นการที่จะต้องจำกัดการเข้าถึงบัญชีการเทรดหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน
ช่องโหว่ต่อมัลแวร์ มัลแวร์บนอุปกรณ์อาจทำให้ Hot Wallet เสียหายและถูกขโมยเหรียญคริปโต
การควบคุมที่จำกัดจากผู้ให้บริการ ในบางกรณีอาจมีการควบคุม Private Key ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บางราย
เก็บเหรียญคริปโตด้วย Cold Wallet
ในทางกลับกันการเก็บเหรียญคริปโตด้วย Cold Wallet จะให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยมากว่า Hot Wallet เรื่องจาก Cold Wallet ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง จึงช่วยลดความเสี่ยงในการพยายามแฮ็กและการติดมัลแวร์ได้อย่างมาก ทำให้เหมาะสำหรับการจัดเก็บเหรียญคริปโตปริมาณมาก ๆ หรือสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
Cold Wallet มีลักษณะอย่างไร
Cold Wallet คืออุปกรณ์ทางกายภาพที่มีลักษณะคล้าย USB ไดรว์มีที่เก็บ Private Key Crypto Wallet แบบออฟไลน์ที่เป็นที่นิยมได้แก่ Ledger Nano และ Trezor เมื่อคุณต้องการทำธุรกรรมกับเหรียญคริปโต เพียงแค่เชื่อมต่อ Cold Wallet นี้เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์และจัดการ
ข้อดีของ Cold Wallet
การรักษาความปลอดภัยขั้นสูง: ด้วยการทำให้ Private Key เป็นแบบออฟไลน์ Cold Wallet จึงให้การป้องกันที่เหนือกว่าจากการแฮ็กและการโจมตีของมัลแวร์
ให้การเข้าถึงที่มีความเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการจัดเก็บระยะยาวจำนวนมาก ๆ
Cold Wallet มีการสำรองข้อมูลและการกู้คืนที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถเข้าถึง เหรียญคริปโตได้ได้แม้ว่าคุณจะทำอุปกรณ์หาย
จุดด้อยของ Cold Wallet
ความสะดวกในการเข้าถึง Cryptocurrency ที่น้อยลงจากการจัดเก็บแบบออฟไลน์
หากคุณทำ Cold Wallet หาย ก็อาจจะยุ่งยากในการกู้คืนด้วยคีย์ส่วนตัว
โดยทั่วไปแล้ว ราคาของ Cold Wallet จะมีต้นทุนล่วงหน้าที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Hot Wallet
Hot Wallet กับ Cold Wallet ต่างกันอย่างไร
ลองนึกภาพ Hot Wallet เป็นเสมือนบัญชีกระแสรายวัน ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายสำหรับการทำธุรกรรมทุกวันแต่อาจมีความปลอดภัยน้อยกว่า ในทางตรงกันข้าม Cold Wallet ก็เหมือนกับตู้เซฟซึ่งมีความปลอดภัยสูงในการเก็บของมีค่าแต่สะดวกน้อยกว่าสำหรับการเข้าถึงบ่อยครั้ง
Crypto Wallet ในอุดมคตินั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ส่วนบุคคล ต่อไปนี้เป็นแนวทางบางส่วน
สำหรับผู้เริ่มต้นที่อาจจะยังมี Cryptocurrency ในมือไม่มาก การใช้บริการ Hot Wallet อาจจะเป็นแนวทางที่สะดวกสบาย และบริหารจัดการได้ง่าย
สำหรับผู้ที่ถือครองสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมากหรือให้ความสำคัญกับความปลอดภัย การเลือกใช้ Cold Wallet ดี ๆ สักอันนับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมต่อวัตถุประสงค์
ไม่มีคำตอบเดียวสำหรับการเลือกใช้ แนวทางที่ดีที่สุดอาจเป็นการบริการ Cryptocurrency ด้วยการจัดเก็บทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน คุณอาจแบ่ง Cryptocurrency เล็กน้อยสำหรับการทำธุรกรรมบ่อยครั้งไว้ใน Hot Wallet และจัดเก็บการถือครองจำนวนมากไว้ใน Cold Wallet เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เมื่อไรควรเลือกใช้ Cold Wallet
Cold Wallet นั้นต่างจาก Crypto Wallet อื่น ๆ ตรงที่การจัดลำดับความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใดโดยการจัดเก็บ Private Key ไว้แบบออฟไลน์
Private Key คือคีย์หลักในการถือครอง Cryptocurrency ด้วยการใช้ Cold Wallet คีย์เหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการพยายามแฮ็กและการติดมัลแวร์ได้อย่างมาก ทำให้ Cold Wallet เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับการจัดเก็บ Cryptocurrency จำนวนมากหรือสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
ตัวอย่างขั้นตอนการใช้งาน Cold Wallet ในการจัดเก็บเหรียญคริปโต
คุณได้ซื้อ Ethereum (ETH) จากแพลตฟอร์มการเทรดอย่าง Binance และได้จัดเก็บไว้ชั่วคราวใน Hot Wallet ซึ่งเป็นบริการหนึ่งของแพลตฟอร์มนั้นเพื่อความสะดวก
เมื่อสะสมได้เป็นจำนวนหนึ่งแล้ว คุณโอน ETH เหล่านั้นไปยัง Cold Wallet ซื้อมาเตรียมไว้เพื่อการจัดเก็บที่ปลอดภัยในระยะยาว หรือตอนนี้คุณยังไม่คิดจะเทรด ETH
จัดการธุรกรรมออฟไลน์ได้ง่ายดาย เมื่อคุณต้องการทำธุรกรรม เช่น ส่ง ETH ให้เพื่อน เพียงเชื่อมต่อ Cold Wallet เข้ากับคอมพิวเตอร์ (โดยปกติจะออฟไลน์) และเริ่มการทำธุรกรรม Cold Wallet จะแสดงรายละเอียดธุรกรรมเพื่อการยืนยัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้ส่งจำนวนเงินของ ETH ที่ถูกต้องไปยังผู้รับที่ถูกต้อง
ตรวจสอบด้วยลายเซ็นดิจิทัลโดยใช้รหัสส่วนตัว ลายเซ็นนี้ให้สิทธิ์ในการถ่ายโอนโดยไม่ต้องเปิดเผยรหัสส่วนตัวไปบนอินเทอร์เน็ต
การดำเนินการธุรกรรมเกิดขึ้น เมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ธุรกรรมที่ลงนามแล้วจะถูกส่งไปยังบล็อกเชนของ Ethereum
เหตุใด Cold Wallet จึงปลอดภัยกว่า
ดังที่คุณทราบว่า ข้อแตกต่างของ Cold Wallet คือการทำงานแบบออฟไลน์ ที่จัดเก็บคีย์ส่วนตัวบนอุปกรณ์ทางกายภาพที่ยังคงสถานะออฟไลน์ (ตราบใดที่คุณไม่ทำหาย) สิ่งนี้ ช่วยลดความเสี่ยงในการพยายามแฮ็กและการติดมัลแวร์ที่รบกวนระบบที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างมาก
ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของการจัดเก็บแบบออฟไลน์ Crypto Wallet ประเภทนี้นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยที่แข็งแกร่งสำหรับการถือครองเหรียญคริปโต การรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการปรับปรุงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีเหรียญคริปโตจำนวนมากหรือสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสูงสุดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ในส่วนต่อไปนี้ เราจะสำรวจตัวเลือกกระเป๋าสตางค์เย็น 5 อันดับแรกที่มีในประเทศไทย (ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2567) เพื่อช่วยคุณเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการด้านความปลอดภัยและงบประมาณมากที่สุด
ท็อป 5 Cold Wallet ยอดนิยมในไทย
จัดเก็บเหรียญคริปโตต่าง ๆ ไว้ในมือที่เดียวอย่างปลอดภัยด้วยการใช้งาน Cold Wallet สำรวจดู 5 แบบ Cold Wallet ยอดนิยมในไทย
Ledger Nano S Plus
Ledger Nano S Plus คือตัวเลือก Cold Wallet ยอดนิยมที่รู้จักกันดีในเรื่องอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและความเข้ากันได้กับสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลาย
Ledger Nano S Plus ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 5,900 บาท (บาทไทย)
Trezor Model One
อีกหนึ่งแบรนด์ Cold Wallet ที่มีชื่อเสียงซึ่งเสนอทางเลือกที่ปลอดภัยและราคาไม่แพงสำหรับห้องเย็น
Trezor Model One ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 4,200 บาท
SafePal S1
SafePal S1 เป็น Cold Wallet ที่มีคุณสมบัติหลากหลายพร้อมอินเทอร์เฟซหน้าจอสัมผัสและการเชื่อมต่อบลูทูธในตัว
SafePal S1 ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 3,800 บาท
Ledger Nano X
Ledger Nano X อัปเกรดเป็น Ledger Nano S Plus นำเสนอหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและการเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อประสบการณ์ในการพกพาที่มากขึ้น
Ledger Nano X ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 7,500 บาท
Keystone Pro
Keystone Pro ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมีการออกแบบระดับทหาร Cold Wallet ที่ทนทานนี้มีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และการจดจำลายนิ้วมือในตัว แม้ว่าจะไม่รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากเท่ากับคู่แข่งบางราย แต่ก็ชดเชยด้วยการมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยระดับสูง
Keystone Pro ในประเทศไทยมีราคาประมาณ 9,200 บาท
เทรดคริปโตระยะสั้นด้วย CFD สร้างผลตอบแทนแบบไม่ต้องจัดการให้ยุ่งยาก
การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของสกุลเงินดิจิทัลได้เปิดโอกาสอันกว้างใหญ่ให้กับเทรดเดอร์ แต่ด้วยความตื่นเต้นนี้ทำให้เกิดอุปสรรคสำหรับผู้เริ่มต้น การนำทางความซับซ้อนของ Crypto Wallet การเลือกระหว่าง Hot Wallet และ Cold Wallet อาจทำให้หลายคนมองหาการทำงานที่ราบรื่นยิ่งกว่า
นี่คือขั้นตอนการเทรด CFD คริปโต ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin, Ethreum, Solana หรือเหรียญ Altcoin อื่น ๆ ลองจินตนาการถึงโลกที่คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาของเหรียญคริปโตที่คุณชื่นชอบ ด้วยการเทรด CFD คุณจะขจัดความจำเป็นในการใช้ Crypto Wallet โดยสิ้นเชิง หลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการจัดการและข้อกังวลด้านความปลอดภัย
TOPONE Markets เป็นโบรกเกอร์ CFD ชั้นนำที่มีค่าคอมมิชชัน 0% และสเปรดที่แคบ ช่วยให้คุณเทรดสกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย เมื่อมองเห็นแนวโน้มขาลง ก็เปิดสัญญา Short CFD เพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคา ผลกำไรที่ได้ คือส่วนต่างระหว่างราคาเปิดสัญญาและราคาปิดสัญญา
บทความที่กำลังมาแรง
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!