เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด

เหรียญ JFIN คริปโตใหม่ 2022 จากไทย

เผยแพร่เมื่อ 2022-09-29

เหรียญ JFIN เข้ามาสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เป็นการตอบรับต่อการมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีจาก Web 2.0 เป็น Web 3.0 ยกระดับบทบาทของผู้ใช้งานเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนไปจากผู้รับสารหรือเพียงมองเห็น เป็นผู้มีส่วนร่วมมากขึ้น ผู้เข้าร่วมที่ถือเหรียญเสมือนได้ลงทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ของผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม เหรียญมีมูลค่าและให้ประโยชน์เหมือนกับหุ้นในระดับหนึ่ง

เหรียญ JFIN คืออะไร

เหรียญ JFIN คือ Native Coin ที่พัฒนาขึ้นโดย บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) และโอนไปเป็นของบริษัท เจดีเอ็น จำกัด (JDN) บริษัทในกลุ่ม JMART โดยใช้เป็นตัวชำระมูลค่าค่าธรรมเนียมบน JFIN Chain (Gas Fee) สร้างมาภายใต้มาตรฐาน ERC-20 ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปสำหรับเหรียญที่ใช้บน Etherium Blockchain




ตามแผนงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะ (IOC) เมื่อค้นหาข้อมูลว่าเหรียญ JFIN มีกี่เหรียญ พบว่าเหรียญ JFINมีอยู่ถึง 300,000,000 เหรียญ แต่ออกขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่จำนวนเพียง 100,000,000 เหรียญ ในส่วนของเหรียญที่เหลือ จำนวน 31,536,000 เหรียญ จะถูกแจกเป็น Block Reward ในอัตรา 0.6 เหรียญ (โทเคน) ต่อ 1 บล็อกที่มีการอนุมัติทำธุรกรรมโดย Node Validator ในเวลาประมาณ 5 ปี เหรียญอีก 20,000,000 เหรียญ เก็บสำรองเพื่อสนับสนุน DApp หรือแอปพลิเคชั่นบน JFIN Chain ที่กำลังพัฒนาอยู่ ในส่วนอีก 10,000,000 เหรียญ จะเป็น Airdrop สำหรับแจกในกิจกรรมทางการตลาด และในส่วนที่เหลือจะถูกบริหารใช้ตามสถานการณ์ซึ่งทาง JVC จะประกาศในทีหลังถึงเหตุในการปล่อยเหรียญออกมาสู่สาธารณะ


ผลิตภัณฑ์หลักที่ทาง JVC ได้พัฒนาเป็นหลัก รองรับการใช้งาน JFIN คือแพลตฟอร์มที่ให้การกู้ยืมแบบ Peer-to-Peer ซึ่งการอนุมัติรายการขอกู้ผ่าน Application หรือบนมือถือ จะทำโดยผู้ที่รับสิทธิเป็น Node Validator ซึ่งคือผู้ที่มีเหรียญ JFIN อยู่ในความครอบครองและทำการ Stake คือฝากไว้กับแพลตฟอร์มของ JFIN ในปริมาณที่กำหนดไว้ ทุกครั้งที่อนุมัติรายการก็จะเป็นการเปิดบล็อกเพื่อบันทึกรายการ และได้รับรางวัลดังที่กล่าวไปก่อนหน้า



ทั้งนี้ เหรียญดิจิทัลอย่าง JFIN จะมีมูลค่าที่น่าเชื่อถือ เกิดจากคุณค่าหรือประโยชน์ใช้สอย ในอนาคตเราจึงคงได้เห็นเหรียญนี้เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม DeFi, เกม Metaverse, และ DApp อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นมาอำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้าของ JMART มากขึ้น ยิ่งมีการใช้เหรียญมากและสม่ำเสมอก็จะทำให้เหรียญมีมูลค่าที่กำหนดด้วยตลาด (ความสัมพันธ์ระหว่างความต้องการเหรียญและปริมาณเหรียญ) และได้รับการยอมรับเป็นเงินซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนกับเงินบาทหรือเงินสกุลอื่น 

JMART ผู้อยู่เบื้องหลังเหรียญ JFIN

JMART ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2531 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความเป็นมายาวนานถึงกว่า 30 ปี จุดเริ่มต้นบริษัทจดทะเบียนเพียง 2 ล้านเท่านั้น เริ่มต้นธุรกิจจากงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยให้ผ่อนชำระได้ แล้วต่อมาบริษัทได้เน้นการค้าส่งโทรทัศน์ เครื่องเล่นวีดีโอ และเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะหันมาจับการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในปี พ.ศ. 2535


ปัจจุบันบริษัท JMART ดำเนินการเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ถือครองหุ้นและแสวงหากำไรจากบริษัทอื่น ๆ ในเครือ โดยมีธุรกิจที่หลากหลาย

  • Jaymart Online กระจายสินค้าและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ

  • JMT Network Services ให้บริการบริหารจัดการหนี้สิน การเก็บหนี้

  • JAS Asset บริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า โดยทำการเช่าพื้นที่และปรับปรุงก่อนจะเปิดให้ลูกค้ารายย่อยที่สนใจเข้ามาเช่าต่อ

  • SINGER จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและเพื่อเชิงพาณิชย์สำหรับธุรกิจ

  • KB J Capital บริการสินเชื่ออเนกประสงค์และสินเชื่อสำหรับคนที่ต้องการนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือ

  • JVentures ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่นด้าน FinTech

  • Beans Brown ร้านกาแฟ เครื่องดื่ม และอาหาร

  • J-Elite บริหารจัดการการแลกคะแนนสะสม ผ่านการนำ Jfin coinมาใช้เพื่อเป็นส่วนลด/แลกซื้อสินค้า IT ของเครือ JMARTและกำลังขยายไปสู่กลุ่มของ BTS

  • JGS Synergy Power จำหน่ายสินค้ากลุ่มพลังงานทดแทน ขาย Solar Rooftop ให้กับครัวเรือน

  • JayDee Group ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ทันสมัย และขายสินค้าหลายอย่าง ทั้งของดีลเลอร์และบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท พันธมิตร รวมถึงธุรกิจตามหนี้ ประกัน สินเชื่อ บริการด้านเงินครบวงจร


JMART บริหารและมีส่วนในธุรกิจมากมายเช่นนี้ ผลักดันให้ JMART สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ SET50 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่สามารถนำมาวัดเทียบให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย มีพื้นฐานทางการเงินที่ตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่าเข้มแข็ง 


ราคาหุ้นของ JMART อยู่ที่ประมาณ 51 บาท ขณะที่ ค่า Beta คือ 1.7 แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้นเติบโตได้สูงกว่าการเติบโตของมูลค่าเศรษฐกิจหรือตลาดในภาพรวม ซึ่งทำให้เห็นว่าพื้นฐานของ JFIN มีความเข็งแกร่ง และการพัฒนาการรูปแบบการนำไปใช้ที่แม้ยังไม่ปรากฎข่าวสารแพร่หลายหรือมีความถี่การใช้งานจำนวนมากหรือมีมูลค่ามหาศาล แต่คงจะมีบริการที่รองรับเหรียญ JFIN ออกมาอีกเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

เทรดเหรียญ JFIN คุ้มค่าหรือไม่

เหรียญ JFIN ราคาเมื่อเริ่มออกสู่ตลาดอยู่ที่ประมาณ 3 บาท แต่เหรียญ JFIN ล่าสุด ราคาอยู่ที่ 20 บาท การซื้อขายเคลื่อนไหวรายวันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,916,624 บาท การครอบครอง JFIN ในตอนนี้ คงเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์เข้าไปมีส่วนร่วมกับ JMART ในลักษณะของการเป็นผู้อนุมัติทำรายการขอสินเชื่อ ผ่านกลไกของการ Proof-of-Stake (POS) เป็นสำคัญ ซึ่งการจะเป็น Node ได้นั้นจะต้องทำการ Stake มากกว่า 100,000 เหรียญ ซึ่งทาง JVC สงวนสิทธิ์ในการเลือกผู้ที่เป็น Node Validator เอง


จากครั้งแรกที่ออกเหรียญมี Node Validator จำนวน 5 เจ้า จำนวน Node Validator ที่ได้รับเลือกจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ


image.png


วิเคราะห์เหรียญ JFIN ความที่ JFIN มีเบื้องหลังคือ JMART ที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่หนุนหลัง การครอบครองเหรียญ หรือซื้อไปเพื่อการ Stake ตั้งแต่ในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังเติบโตและ Web 2.0 กำลังปรับเปลี่ยนเป็น 3.0 ความคุ้มค่าที่จะซื้อเหรียญ JFIN จึงไม่สามารถมองข้ามไปได้ เหรียญดิจิทัลมักจะถูกถกเถียงถึงมูลค่าที่แท้จริง และถูกเปรียบเทียบกับเงินจริง ๆ หรือทองคำ แต่ความจริงคุณค่าของเหรียญดิจิทัลก็ถูกวัดโดยตลาดไม่ต่างจากเงินจริง ๆ หรือทองคำ ถ้าทำให้เกิดการใช้ขึ้นได้ มูลค่าก็จะยิ่งงอกเงยและคุ้มค่า


ผู้มีศักยภาพเป็น Node Validator สำหรับเครือข่ายต่าง ๆ มักจะปรากฏตัวในฐานะบริษัท ซึ่งหากตรวจสอบจาก White Paper หรือหนังสือชี้แจงนโยบาย นักพัฒนาเหรียญอื่น ๆ อาจจะเปิดเผยตัว Node Validator แต่ทาง JFIN ไม่ได้เปิดเผยรายนามเอาไว้ อย่างไรก็ตาม บุคคลธรรมดาก็สามารถที่จะเป็น Node Validator ได้ ดังนั้น JFIN จึงมีคุณค่าสำหรับการแสวงหากำไรในระยะยาวด้วยฐานะ Partner ที่สนับสนุนการทำงานระบบนิเวศของเหรียญผ่านกิจกรรมอนุมัติธุรกรรม

ผลประโยชน์ของ Node Validator และ Stakeholder

สำหรับผู้ Stake เหรียญ JFIN และได้รับเลือกเป็น Node Validator จะได้รับ Reward (รางวัล) สำหรับทุกบล็อกที่อนุมัติ แม้ตอนนี้ Node Validator บน JFIN chain จะมีจำนวนน้อย แต่จะขยายจำนวนตามธุรกรรมที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน ดูจากมูลค่าทุนของ JMART ที่มีมากถึง 19,074 ล้านบาทในตลาด แปลว่า JMART ยังอัดฉีดได้อีกมาก ผู้ลงทุนสามารถคาดการณ์การเติบโตของราคาเหรียญ JFIN ได้แน่นอน เพราะหาก JMART ไม่ได้คาดหวังการใช้เหรียญอย่างต่อเนื่อง ในฐานะธุรกิจใหญ่คงไม่กระโดดลงมาลงทุนพัฒนาเหรียญเป็นของตนเอง


ในช่วงที่ตลาดคลิปโตขยายตัวและได้รับความสนใจ เหรียญ JFIN ราคาสูงสุด เคยพุ่งไปแตะที่ 252.52 บาท ซึ่งพอเห็นแบบนี้นักลงทุนหลายท่านอาจจะรู้สึกแหยง เพราะเห็นถึงเหตุการณ์มูลค่าขาดทุนมหาศาลที่ได้เคยเกิดขึ้น แต่การที่ราคาได้พุ่งไปถึง 10 เท่า แล้วกลับตกลงมาโดยไม่กลับไปอยู่ที่ราคาประมาณ 3 บาท แสดงว่าเหรียญนี้ได้มีมูลค่าในตลาดจากการใช้งานจริงเกิดขึ้นแล้ว  


ผู้ที่เก็บหรียญ Stake ไว้ทั่วไป จะได้รับผลตอบแทนด้วยด้วย ไม่ใช่แค่ Node Validator แต่อัตราไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ก็สามารถคาดหวังว่าอาจจะเอามาขายได้เรื่อย ๆ เพราะมีคนที่มุ่งหวังอยากจะเป็น Node Validator อีกไม่น้อยที่จะซื้อเก็บเพิ่มอีก หรือผู้ที่ต้องการซื้อเหรียญไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ กับ JMART 

กิจกรรมที่ทาง JMART ได้จัดขึ้นด้วยเหรียญ JFIN ไปแล้ว

ตรวจสอบหน้าแฟนเพจ JFIN บน Facebook หรือข้อมูลกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชัน Join จะพบกิจกรรมที่ JFIN เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • ลุ้นรับบัตรเข้าชมงาน Jaymart Group presents หมู่ 2 วาไรตี้โชว์โดยอุดม แต้พานิช

  • ร่วมโหวตเป็นกำลังใจให้สาวๆ ผู้เข้าประกวดรอบสุดท้าย Jaymart Miss Mobile Thailand 2022

  • NFT Stamp เป็นความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทย เพื่อทำสแตมป์สะสมในแบบฉบับ NFT

  • HUAWEI x Jaymart นำเทคโนโลยีของสะสมรูปแบบใหม่ NFT เปิดประมูล ‘Jaybird NFT Exclusive Collection 2022’ ถือเป็นครั้งแรกของการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ NFT ร่วมกัน ในคอลเล็กชันสุดพิเศษ


ในอนาคตคาดว่าผู้ถือเหรียญ JFIN สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือที่จัดจำหน่ายโดยเครือ JMART ได้สะดวกสบาย หรือแลกรับส่วนลดสำหรับซื้อสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยมีเงื่อนไขที่ชัดเจน 


เหรียญ JFIN จะกลายเป็นเหมือนคูปองสำหรับอภิสิทธิ์ หรือเทียบเคียงการสะสมแต้มได้เช่นกัน นอกเหนือจากมีคุณค่าเป็นเงินสกุลหนึ่งในกลุ่มเงินดิจิทัล


ความเสี่ยงและโอกาสด้านมูลค่า


เงินสกุลดิจิทัล ถือเป็นสินทรัพย์แบบใหม่ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าอาจเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงในโลกเทคโนโลยี แต่โลกเทคโนโลยีมักพัฒนาไปอย่างสม่ำเสมอ และบางครั้งก็รวดเร็วราวกับพลิกฝ่ามือ ซึ่งการมีเทคโนโลยีได้ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะส่งผลต่อชีวิตของผู้คนเร็วหรือช้า หากภาคเอกชนลงทุนไปเป็นมูลค่าไม่น้อย และมีหลายภาคเอกชนกระทำในทิศทางเดียวกัน ย่อมหมายถึงการคาดการณ์ถึงผลกำไรที่จะได้รับในอนาคต


บุคคลทั่วไปอาจมองภาคเอกชนว่ากระโดดเข้ามาในนตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเพราะเห็นว่ามีมูลค่าที่สูงดังที่ผ่านมา แต่การลงทุนโครงการใด ๆ ก็ตาม แม้มีความเสี่ยง ภาคธุรกิจก็มองเห็นถึงโอกาสเช่นกันและต้องผ่านการวิเคราะห์ผลดีหรือผลเสียอย่างถี่ถ้วน



การเข้าสู่ยุค Web 3.0 จะต้องใช้เวลา เรากำลังเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจที่มีอิทธิพลในการสร้างกระแส พวกเขาแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่เร็วกว่าเพราะการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ จะประหยัดต้นทุนมากกว่าเดิม และพัฒนาบริษัทไปอีกขั้นหนึ่ง


การโต้แย้งว่าเหรียญดิจิทัลจะไม่เติบโตไปอีก หรือ Web 3.0 เป็นเพียงอุดมคติ โดยยกเรื่องการผันผวนของราคาเหรียญดิจิทัล จึงเป็นการปฏิเสธแรงผลักดันของภาคเอกชน หรือการมองว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นแค่เรื่องลวงโลก คือการหันหลังให้กับความเป็นไปได้ของโอกาสที่จะมีส่วนร่วมพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีไปกว่าเดิม


ราคาเหรียญอาจลดมูลค่าลงให้เห็น แต่กิจกรรมต่าง ๆ ของ JMART ที่ไม่หยุดยั้ง น่าจะเป็นโอกาสที่ Stakeholder จะได้รับผลประโยชน์ขึ้นอีก ตัว JMART เองได้สร้างมูลค่าของตนจากในอดีตที่สองล้านบาท กลายมาเป็นเกือบสองหมื่นล้าน ดังนั้นจากเหรียญดิจิทัลมูลค่า 3 บาท เป็น 20 บาท เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทาง JMART คงแสวงหาโอกาสเพื่อหนุนให้เหรียญ JFIN เพิ่มมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

กระดานเทรดเหรียญ JFIN

สำหรับผู้สนใจลงทุน Stake หรือ Trade เหรียญ JFIN สามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัล Metamask และเข้าสู่กระดานเทรดเหรียญ JFIN ผ่านแพลตฟอร์มให้บริการซื้อขาย ทั้ง Satang, Bitkub, GokuMarket 


เมื่อครอบครองเหรียญแล้ว สามารถทำการ Bridge JFIN จาก BSC ไปยัง JFIN Chain ได้ ส่วนสิทธิประโยชน์หรือการ Claim Reward สามารถติดตามความเคลื่อนไหวผ่านแฟนเพจ JFIN บน Facebook หรือ ผ่านแอปพลิเคชัน Join

บทส่งท้าย

JFIN Token เป็นเหรียญดิจิทัลที่พัฒนาโดยบริษัทไทย นอกจากความน่าสนับสนุนในฐานะคนไทยด้วยกันเองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่เราจะได้มีส่วนร่วมการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และรับผลประโยชน์หรือสิทธิประโยชน์จาก JMART 


อย่างไรก็ตาม ราคาผันผวนหลายเท่าในอดีตของ JFIN ได้สะท้อนว่าการลงทุนใน JFIN มีความเสี่ยง บทความนี้นำเสนอความรู้ แต่ไม่ได้เป็นการชี้ชวน นักลงทุนล้วนมีปัจจัยการตัดสินใจซึ่งไม่ใช่เพียงต้นทุนของการลงทุนซึ่งเทียบว่าจะหาผลตอบแทนได้มากกว่า แต่ความเสี่ยงคือต้นทุนอย่างหนึ่งด้วย หากผู้ลงทุนจะยอมเสี่ยงมาก คงเพราะผลตอบแทนต้องมากตาม หากนักลงทุนพิจารณาอนาคตของ JFIN ผสานกับศึกษาการดำเนินงานของ JMART แล้วเชื่อว่า JMART จะดำเนินการควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อไป เหรียญ JFIN มีแนวโน้มว่่าเหมาะสมเป็นทางเลือกเพื่อผลตอบแทนระยะยาว

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย