เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด Forex คู่มือฉบับสมบูรณ์ อะไรคือ Retracement กับ Reversal ของการเทรด FOREX

คู่มือฉบับสมบูรณ์ อะไรคือ Retracement กับ Reversal ของการเทรด FOREX

เรียนรู้รูปแบบ Retracement และ Reversal ในการเทรดบนกราฟราคาที่บอกถึงการกลับตัว การเปลี่ยนแปลงทิศทางของราคาทั้งในการเทรด FOREX และสินทรัพย์การลงทุนอื่น ๆ เพื่อจับสัญญาณที่เหมาะสมร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ สำหรับการเทรดที่ได้ผลอย่างแม่นยำที่สุด

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2022-01-22
ไอคอนรูปตา 1762

บทนำ

ทิศทางแนวโน้มราคา มีขาขึ้นและลง แต่การตัดสินใจเทรด FOREX ว่าจะเปิดสัญญาซื้อและขายว่าเป็นทิศทางใด กลับไม่ใช่เรื่องเรียบง่ายใช้เพียงสัญชาตญาณ แต่ต้องใช้ความรอบคอบและเข้าใจรูปแบบของแนวโน้มที่เป็นไปได้หลากหลาย นักเทรดส่วนใหญ่มองหาสัญญาณการกลับตัว เพราะเป็นช่วงเวลาที่ถ้าระบุได้จะมีโอกาสทำกำไรโดยไม่ต้องรอนาน หรือควบคุมความเสี่ยงให้ดีขึ้น


การกลับตัวของกราฟราคา ทั้งในการลงทุนรูปแบบอื่น และ FOREX มีสองคำศัพท์เรียกทางเทคนิค คือ Retracement และ Reversal ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกัน บทความนี้นำเสนอข้อสังเกตเพื่อแยกแยะรูปแบบทั้งสอง และการใช้งานความรู้เพื่อประโยชน์ของนักเทรด

Retracement ในการเทรด FOREX คืออะไร

Retracement คือ การกลับตัวของราคาเพียงชั่วครู่ หรือชั่วคราวในขณะที่แนวโน้มกำลังเห็นชัดว่าเป็นขาขึ้น ลักษณะการกลับตัวที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เป็นสัญญาณใด ๆ และไม่ควรมีผลต่อการปรับเปลี่ยนทิศทางการตัดสินใจของนักเทรด


เพื่อไม่ให้ตัดสินใจผิดพลาดในการเทรด FOREX นักเทรดควรสังเกตว่า แม้จะมีการกลับตัว แต่แนวโน้มราคาระยะยาวที่ดูจากกราฟนั้นไม่ได้มีท่าทีว่าจะเกิดการปรับเปลี่ยนไปยังทิศทางที่กลับตัวเลย ราคาหุ้นยังคงขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้สร้างจุดสูงสุดใหม่และปรับลดลงในบางครั้ง แต่ก็จะกลับตัวก่อนจะไปถึงจุดต่ำสุดก่อนหน้า การเคลื่อนไหวของราคาลักษณะแบบนี้นั้นเป็นหนึ่งในรูปแบบขาขึ้น ราคาปิดสูงสุดที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในจุดที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และราคาต่ำสุดแต่ละครั้งก็ไม่ต่ำที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า


อย่างไรก็ตาม มีขึ้นก็ต้องมีลง ปรากฏการณ์ที่ตรงกันข้ามกับ Retracement คือ Reversal ซึ่งถ้าราคาปรับเปลี่ยนในลักษณะของ Reversal หมายถึงแนวโน้มราคาที่เปลี่ยนเป็นขาลงจริง ๆ คนเทรด FOREX ไม่ควรรอช้าที่จะเปิดสัญญาณขายถ้ามั่นใจว่าเห็นสัญญาณเข้าแล้ว


Reversal คืออะไร

การกลับตัวเปลี่ยนทิศทางของราคา ถ้าใช้คำนี้คือผู้พูดหรือหนังสือที่นักเทรดอ่านกำลังสื่อถึงแนวโน้มราคาเปลี่ยนทิศทางจริง ๆ การปรับเปลี่ยนเป็นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยจะดำเนินไปเป็นระยะเวลายาวนาน


หลายครั้งที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงมาก แต่ก็มีการขยับกลับเป็นระดับราคาที่ดำเนินอยู่ก่อนหน้าอย่างรวดเร็ว แสดงถึงกำลังซื้อที่ไม่มากพอจะเอาชนะกำลังขาย เป็นเรื่องยากที่จะชี้ทันทีทุกครั้งที่เห็นว่าราคาปรับเปลี่ยนไปมา ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นแค่ชั่วคราว หรือจะดำเนินไปยังทิศทางที่ราคาขยับไปมากขึ้นอีกและเป็นไปในระยะเวลานาน


ถ้าจะระบุให้แน่ว่ากำลังเจอกับ Reversal เครื่องมือทางเทคนิคที่นิยมใช้กันคือ Moving Average (MA) ซึ่งเป็นกราฟแสดงแนวโน้มที่ตั้งค่าคำนวณสร้างขึ้นมาจากราคาปิดในช่วงเวลาต่าง ๆ การดูเปรียบเทียบ MA ระยะสั้นและระยะยาว จะเห็นว่าเส้นระยะสั้นตัดกับเส้นระยะยาวที่ตรงจุดใด ซึ่งจุดตัดกันนั้น ถ้า MA ที่คำนวณจากราคาปิดในช่วงเวลาสั้น ๆ พุ่งไปอยู่เหนือกว่า MA ที่คำนวณจากราคาปิดในระยะยาว จะสนับสนุนว่าราคากำลังปรับตัวเข้าสู่ขาขึ้นในระยะสั้น


ทั้งนี้กรณีเป็น Reversal เส้น MA ที่คำนวณจากราคาปิดระยะยาวมีนัยยะสำคัญในการอ่านค่ามากกว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าถ้าพบ MA สำหรับการเทรดสั้นและเห็นว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่เหนือจากเส้น MA ระยะยาวไม่มาก เมื่อดูเปรียบเทียบโดยกราฟในกรอบระยะเวลารายวันหรือนานกว่านั้น แนวโน้มราคาเป็นขาขึ้นในระยะยาวแน่ ๆ แต่ถ้าเส้น MA สำหรับเทรดสั้นอยู่เหนือแนวโน้มราคาระยะยาวสูงมาก เป็นไปได้สูงว่ากำลังพบกับ Retracement ซึ่งจะแน่ใจได้ ต้องรอดูต่อไปก่อน รอให้ตลาดยืนยันหรือใช้เครื่องมือทางเทคนิคเข้ามาช่วยยืนยัน

Retracement กับ Reversal ต่างกันอย่างไร

นักเทรด FOREX คงไม่อยากดู Retracement ผิดเป็น Reversal เพราะว่าจะจบไม่สวยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลายคนที่ลงทุนโดยมีงบประมาณจำกัด การตัดสินใจผิดพลาดนั้นหมายถึงอาจจะสูญเสียเงินต้นทั้งหมด  หรือถ้ากลับกัน ดู Reversal ผิด เป็น Retracement ก็อาจจะลดโอกาสทำกำไรสูงสุดลง


Retracement ในการเทรด FOREX คืออะไร หรือ Reversal ในการเทรด FOREX คืออะไร


เกณฑ์ต่อไปนี้ทำให้แยก Retracement กับ Reversal ออกจากกันได้ในการเทรด FOREX

  • ปริมาณและขนาดของคำสั่งซื้อ

    • Retracement: ขนาดคำสั่งซื้อเล็ก เพราะมีแต่รายย่อยเข้าทำกำไร

    • Reversal: ขนาดคำสั่งซื้อใหญ่ ปริมาณสูง เพราะเป็นระดับสถาบันที่ทำกำไร

  • กระแสเงิน

    • Retracement: เพิ่มมากขึ้นเมื่อราคาปรับกลับขึ้นมาเช่นเดิม เพราะราคาเป็นการยืนยันผ่านตลาดถึงปรากฏการณ์ Retracement ซึ่งหมายถึงราคาจะยังเป็นขาขึ้นต่อ

    • Reversal: ความสนใจในการเสนอซื้อน้อยลงมาก

  • รูปแบบเส้นกราฟ

    • Retracement: ไม่มีรูปแบบแน่ชัด แท่งเทียนสะเปะสะปะ

    • Reversal: รูปแบบมีความแน่นอน มีจุดราคาปิดที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ชัดเจน

  • กรอบระยะเวลา

    • Retracement: ถ้ามีแนวโน้มเป็นขาลง กินระยะเวลาสั้นกว่า 2 สัปดาห์

    • Reversal: แนวโน้มเป็นขาลง กินระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์

  • ปัจจัยพื้นฐาน

    • Retracement: ไม่มีข่าวการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่กระทบสินทรัพย์อ้างอิง

    • Reversal: มีข่าวการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้เกิดการเก็งกำไร หรือการออกรายงานวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในราคาและสภาวะตลาดของสินทรัพย์อ้างอิง

  • กิจกรรมที่เกิดขึ้นในเวลาไม่นานก่อนหน้า

    • Retracement: เกิดขึ้นเมื่อเพิ่งมีการขยับราคาขึ้นไปครั้งใหญ่

    • Reversal: สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา 

  • สภาพแท่งเทียน

    • Retracement: ไม่มีทิศทางชัดเจน แต่ทั่วไปพบว่ามีหางด้านบนหรือด้านล่างที่ยาว (Spinning Tops)

    • Reversal: แท่งเทียนชัดเจนว่าเป็นรูปแบบของการกลับตัว เช่น Engulfing (แท่งยาวส่งสัญญาณแนวโน้มปรับเปลี่ยน และตามด้วยแท่งเทียนอื่น ๆ ที่เป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งชัดเจน), Three White Soldiers (รูปแบบแท่งเทียนที่ราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 แท่งติดต่อ) และรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน

ดูอย่างไรว่า Pullback นั้นจะเป็น Retracement หรือ Reversal 

เราได้เปรียบเทียบ Retracement กับ Reversal ในเรื่องเกณฑ์ที่ใช้แยกทั้งสองรูปแบบการปรับเปลี่ยนของราคาไปแล้ว แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะในช่วงราคาขาที่ปรับลง ถ้าให้ระบุอย่างชัดเจนว่า Pullback ที่นักเทรดจะได้พบ จัดเป็น Retracement หรือ Reversal กันแน่ จำเป็นอย่างยิ่งที่นักเทรดจะต้องรู้จักเครื่องมือต่อไปนี้เอาไว้



การวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างง่าย ใช้เพียงเส้นแนวโน้ม (Trend Line) ก็รู้เรื่อง ให้ขีดเส้นทแยงมุม 45 องศาเพื่อแบ่งกราฟเป็นฝั่งซ้ายบนและขวาล่าง ลองดูว่าเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มทิศทางราคาหรือไม่  เฉพาะกราฟแสดงราคาที่อยู่บนฝั่งซ้ายบนของ Trend Line จะเป็นแนวโน้มขาขึ้น และถ้ามีกราฟแสดงราคาหลุดมาทางขวาล่างของ Trend Line จะเป็นแนวโน้มขาลง 


ลองสังเกตดูให้ดี จะพบว่ากราฟแสดงราคาที่อยู่บนฝั่งซ้ายบน มีบางส่วนเป็นการย่อหย่อนลดลงของราคาปรากฎเป็นพัก ๆ จุดที่ย่อหย่อนของราคาลงมานั้นยังนับว่าเป็นเพียง Retracement ซึ่งสำหรับนักเทรดแล้ว จุดที่จะเริ่มเปิดสัญญาขาย คือเมื่อกราฟราคาแสดงถึงการตกลงของราคามายังทางขวาล่างใต้เส้น Trend Line

  1. การวิเคราะห์คำสั่งซื้อขาย ใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่แสดงปริมาณคำสั่งเปิดสัญญาซื้อขาย ช่วงเวลาที่มีปริมาณการเปิดสัญญาขายที่สูง หรือมีการทำกำไรจากการขายได้สูง มักจะเป็นช่วง Reversal ขาลง ถ้าหากเผลอไปเปิดสัญญาซื้อในช่วงนี้เข้าจะทำให้ขาดทุนได้

  2. ค่าสัดส่วนกำไร (Profit Ratio) ให้ใช้ Profit Ratio Indicator เพื่อตรวจพบกับสัดส่วนของผู้ที่เทรดได้กำไร และผู้ที่เทรดขาดทุน ในบางโบรกเกอร์จะมีเครื่องมือตัวนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเวลาที่กำลังจะเกิด Retracement จะมีค่าของ Profit Rato สูงขึ้นมาอย่างผิดปกติ

กำหนด Scope อย่างไร

เมื่อนักเทรดทราบกันแล้วว่าจะระบุถึง Retracement กันได้อย่างไร เครื่องมือที่อยากแนะนำเพิ่มคือ Fibonacci Retracement ซึ่งช่วยให้ขอบเขต (Scope) ของ Retracement ที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถรู้ได้ว่าการปรับเปลี่ยนแนวโน้มราคาแบบชั่วคราว เกิดขึ้นมากหรือน้อย


Retracement ที่ระหว่าง 23-27% เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้หมายถึงว่าราคาสินทรัพย์ตกลง 23-27% แต่แค่ลดระดับลงเป็นสัดส่วนเมื่อคำนวณระหว่างจุดราคาสองจุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้านักเทรดใช้ Fibonacci Retracement ประมาณการณ์กับระดับของราคาจาก 10 ถึง 15 อาจจะพบว่าเครื่องมือนี้ชี้ว่า ราคา $13.45  เป็น Retracement ระดับ 1 นั่นเพราะ 0.23 x $5 (5 เหรียญที่เพิ่มขึ้น และ 0.23 คือ 23%) = $1.15 หรือ 23% ของ Retracement จะเท่ากับ $1.15 ต่ำกว่าจุดสูงสุด และนั่นทำให้กำหนดได้ว่า Retracement ระดับ 1 อยู่ที่ $13.45


จุดที่ $13.45 ราคายังคงขยับขึ้น สมมติว่า $15 เป็นระดับราคาสูงสุดจุดใหม่ และ $10 เป็นระดับราคาต่ำสุดที่บันทึกไว้ ถ้าราคาไปไกลเหนือกว่า $10 แนวโน้มราคาสมควรถูกมองว่ายังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง ถ้าสามารถขยับไปยังจุดราคาสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า $15 แต่ถ้าหากว่าไม่ยอมไปถึงที่ระดับ $15 และตกลงมาอีกครั้ง คราวนี้ควรเป็นเวลาที่นักเทรดจะตัดใจและออกจากการเทรด


นอกเหนือจาก Fibonancci Retracements ยังมีการใช้ Pivot Point สำหรับการพิจารณาขอบเขตของ Retracement เพราะโดยทั่วไปราคาจะปรับเปลี่ยนเมื่อเข้าใกล้ Pivot Point แนวรับและแนวต้าน ยกเว้นแต่ว่าจะมีแรงส่งจากผู้ซื้อหรือผู้ขายมากพอ ราคาจึงปรับพุ่งขึ้นหรือตกลงผ่าน Pivot Point ไปได้ ซึ่งถ้าผ่านไปได้แล้ว น่าจะเป็นไปได้ว่าไม่ใช่ Retracement แต่เป็น Reversal


เอายังไงกับสัญญาณหลอก (False Signals)

จุดที่เห็นว่าเป็น Retracement ตามเกณฑ์ที่กล่าวมา แม้ว่าเครื่องมือทางเทคนิคจะช่วยให้มั่นใจว่าเป็น Retracement แต่ก็อาจจะกลายเป็น Reversal ได้ ถ้าหากว่าการขยับของราคาต่อจากนั้นมีกำลังส่งมากพอ และแม้ว่าจะฝึกดูและแยกแยะปรากฏการณ์ทั้งสองแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่จะคาดเดาถูก หลายครั้งทีเดียว สัญญาณ Reversalกลับได้บทสรุปเป็น Retracement หรือ Retracement กลับจบลงด้วย Reversal ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง นักเทรดไม่ควรละเลยการตั้งค่า Stop-Loss Order


ช่วงที่เป็น Retracement ควรบริหารความเสี่ยงให้ดี และควรพร้อมเสมอที่จะปิดสัญญาซื้อขาย FOREX ถ้าพบว่าสินทรัพย์ที่เทรดอยู่ในช่วง Reversal 

บทส่งท้าย

ในฐานะเทรดเดอร์ นักเทรดต้องเรียนรู้ Retracement และ Reversal ให้ได้ ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจ จะทำให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยมักจะรีบร้อนปิดสัญญาซื้อขายเร็วเกินไปและพลาดโอกาส หรือว่าถือนานไปจนกระทั่งขาดทุน ซึ่งเครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ หากใช้ร่วมกันก็จะช่วยให้อ่านสถานการณ์แม่นยำขึ้น ช่วยปกป้องตัวนักเทรดเองจากความเสี่ยง รวมถึงช่วยให้ลงทุนเทรดได้ผลลัพธ์ดีขึ้น

  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก

    "ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2025-01-10
  • 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น

    อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-07-03
  • 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด

    ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-06-07
  • Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง

    ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-03-01
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย