
คู่มือเริ่มต้นเทรดคริปโตในไทย 2568
ในโลกการเงินยุคดิจิทัลปี 2025 “คริปโตเคอร์เรนซี” (Cryptocurrency) ได้กลายเป็นโอกาสการเทรดที่คนไทยยุคใหมไม่อาจมองข้าม ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเทรดหรือมีความสนใจค้นหาวิธีสร้างรายได้เสริมจากสินทรัพย์ดิจิทัล การเริ่มต้นเทรดอย่างเป็นระบบคือก้าวแรกที่จะพาคุณเปิดประตูสู่โลกการเงินแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้
หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า “เทรดคริปโตที่ไหนดี” หรือ “ทำไมใคร ๆ ถึงพูดกันว่า เทรดคริปโตไม่เสียภาษี ในไทย?” บทความนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบคำถามเหล่านั้นอย่างละเอียด ด้วยการปูพื้นฐานตั้งแต่การ เริ่มต้นกับ Bitcoin และ Crypto Trading ไปจนถึงการเปรียบเทียบ Forex vs คริปโต: ควรเริ่มจากอะไรดีสำหรับเทรดเดอร์ใหม่ และยังแนะนำ กลยุทธ์การเทรด Forex ที่เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่ ที่สามารถนำไปใช้กับคริปโตได้จริง
คุณจะได้เห็นเส้นทางหลากหลาย ทั้งการเทรดระยะยาว การเทรดระยะสั้น การสร้าง Passive Income ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงวิธีเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ และเมื่อเดินทางถึงตอนท้ายของบทความ คุณจะไม่ใช่แค่ Beginner อีกต่อไป แต่จะมีความมั่นใจมากพอที่จะก้าวสู่การเทรดอย่างมีทิศทาง โดยเฉพาะการเก็งกำไรด้วยการเทรดระยะสั้นผ่าน CFD Trading กับ TOPONE Markets ซึ่งมอบทั้งค่าธรรมเนียมต่ำ สภาพคล่องสูง และระบบที่ปลอดภัย
นี่คือคู่มือที่จะทำให้คุณ เข้าใจและพร้อมเริ่มต้นเทรดคริปโตอย่างมั่นใจ และอาจจะเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนอนาคตการเงินของคุณไปตลอดกาล
พื้นฐานการเทรดคริปโต: สกุลเงินดิจิทัลคืออะไร

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือ สกุลเงินดิจิทัล เป็นสินทรัพย์รูปแบบหนึ่งที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ไม่มีองค์กรกลางควบคุม ทุกธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสในไทย สกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมได้แก่ Bitcoin (บิตคอยน์) ซึ่งเป็นเหรียญแรกของโลก, Ethereum (อีเธอเรียม) ที่รองรับสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts), และ Ripple (XRP) ที่เน้นการชำระเงินข้ามประเทศ เป็นต้น
การเทรดคริปโตมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าเครื่องมือการเทรดทั่วไป แต่ก็มาพร้อมกับ ความผันผวนและความเสี่ยงสูง เทรดเดอร์มือใหม่จึงควรศึกษาให้รอบด้านก่อน เริ่มต้นจากการอ่านบทความหรือดูคลิป “สอนเทรด Bitcoin แบบเข้าใจง่าย” และไกด์สำหรับ มือใหม่หัดเทรด เพื่อเข้าใจกลไกราคาคริปโตพื้นฐาน และเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยเพื่อลดความเสี่ยง
ในภาพรวม ตลาดคริปโตในไทยและภูมิภาคเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2024 มูลค่าตลาดคริปโตไทยทะลุ 90,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 73.99% จากปีก่อน ข้อมูลจาก Chainalysis ยังจัดอันดับประเทศไทยให้เป็นอันดับที่ 16 ของโลกด้านการยอมรับการใช้งานคริปโต อีกทั้งมีผู้ถือคริปโตในไทยกว่า 6.2 ล้านคน (คิดเป็น 9.3% ของประชากร) ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เป็นเครื่องชี้ว่าคนไทยให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาก
คำถามน่าสนใจสำหรับมือใหม่คือ Forex vs คริปโต: ควรเริ่มจากอะไรดีสำหรับเทรดเดอร์ใหม่? ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชม. มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนน้อยกว่า จึงเหมาะกับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับความเสี่ยงสูง ส่วนตลาดคริปโตแม้จะมีความผันผวนมากกว่า ก็เปิดโอกาสทำกำไรสูงตามไปด้วย เทรดเดอร์มือใหม่จึงควรพิจารณาจากความพร้อมของตน บางคนอาจเริ่มฝึกซื้อขายกับ Forex ก่อน แล้วจึงขยับมาลองเทรดคริปโตด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ เมื่อเริ่มเข้าใจตลาดมากขึ้น ก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามความเหมาะสมต่อไป
เข้าใจตลาดคริปโตในไทย: กฎเกณฑ์และการยอมรับ

ตลาดคริปโตในไทยถูกควบคุมโดยสำนักงานก.ล.ต. ภายใต้พระราชกำหนดสินทรัพย์ดิจิทัล (พ.ศ.2561) ซึ่งล่าสุดมีการปรับกฎให้เข้มงวดขึ้น ปี 2568 มีพระราชกฤษฎีกาที่บังคับให้แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการชาวไทยต้องขอใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ทำให้ผู้ลงทุนมือใหม่มั่นใจได้ว่า การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจนและโปร่งใส
ด้านภาษี รัฐบาลไทยได้ออกกฎใหม่ในปี 2567 ยกเว้นภาษีกำไรจากการขายคริปโตตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2572 ซึ่งในช่วงนี้ เทรดคริปโตไม่ต้องเสียภาษีกำไร (เฉพาะการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มไทยที่ถูกกฎหมาย) อย่างไรก็ดี รายได้ประเภทอื่นจากคริปโต เช่น ดอกเบี้ยจากการ Staking หรือลงทุน DeFi ยังคงต้องนำมาคิดภาษีรายได้ส่วนบุคคลตามปกติ เทรดเดอร์จึงควรศึกษาข้อกฎหมายและวางแผนภาษีให้รัดกุม
กฎระเบียบเหล่านี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อขัดขวางเทรดเดอร์ แต่เพื่อสร้างความปลอดภัย เช่น การกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องผ่านการรับรอง การแยกเก็บสินทรัพย์ลูกค้า และการรายงานธุรกรรมตามมาตรฐานสากล ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ที่เริ่มต้นเทรดสามารถมั่นใจได้ว่า ตลาดคริปโตในไทยนั้นมีโครงสร้างที่รองรับอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เริ่มต้น หัวใจสำคัญไม่ใช่เพียงแค่กฎหมาย แต่คือวิธีการเทรดจริง การเข้าใจกลไกการซื้อขายและการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ ซึ่งนี่คือจุดที่ TOPONE Markets เข้ามามีบทบาท ในฐานะโบรกเกอร์ที่รองรับการเทรดคริปโตผ่าน CFD ช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่ตลาดได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาเหรียญจริงหรือการจัดการกระเป๋าเงินดิจิทัลเอง
เทรดคริปโตระยะสั้นด้วย CFD กับ TOPONE Markets ง่าย ๆ สำหรับมือใหม่
ไม่ต้องยุ่งยากกับการโอนคริปโต เพียงฝากเงินเป็นสกุลปกติ (เช่น USD) ก็สามารถเทรดได้ทันที
ใช้ CFD เพื่อเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ปรับตัวตามตลาดที่ผันผวนได้ง่าย
มีระบบการยืนยันตัวตน (KYC) ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจว่าแพลตฟอร์มมีความปลอดภัย
ดังนั้น หากคุณคือมือใหม่ที่กำลังสงสัยว่า “ตลาดคริปโตในไทยปลอดภัยหรือไม่” คำตอบคือมีความปลอดภัย เพราะมีทั้งกรอบกฎหมายที่ชัดเจน และยังมีเครื่องมืออย่าง TOPONE Markets ที่ทำให้คุณสามารถเริ่มต้นการเทรดได้อย่างมั่นใจและเป็นระบบตั้งแต่วันแรก
วิธีเริ่มต้นเทรดระยะสั้นในคริปโต

การเทรดระยะสั้น (เก็งกำไรแบบ Day Trading หรือ Swing Trading) เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำกำไรเร็วแต่มีความเสี่ยงสูง การเริ่มต้นคือการใช้กลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้นผ่าน CFD (Contracts for Difference) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์จริง แต่สามารถทำกำไรจากความผันผวนของราคาได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยเฉพาะเมื่อใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม เช่น TOPONE Markets ซึ่งรองรับการเทรดคริปโตอย่างครบวงจร
ขั้นตอนการเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนกับ TOPONE Markets
ลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้
เข้าไปที่เว็บไซต์ของ TOPONE Markets และคลิกที่ “เปิดบัญชี” กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ยืนยันตัวตน (KYC)
อัปโหลดเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง และหลักฐานที่อยู่ เช่น ใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภค เพื่อยืนยันตัวตนและความปลอดภัยของบัญชีฝากเงินเริ่มต้น
ฝากเงินขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โอนผ่านธนาคารหรือบัตรเครดิต และเริ่มต้นการเทรด
เมื่อบัญชีพร้อมและมีเงินทุนแล้ว ให้เริ่ม ทดลองเทรดด้วยบัญชี Demo เพื่อฝึกใช้แพลตฟอร์มและวิธีดูกราฟก่อนใช้เงินจริง สำหรับการเลือกเหรียญลงทุน ควรพิจารณาความเสี่ยง เปรียบเทียบเหรียญหลัก (เช่น Bitcoin, Ethereum) ที่มีความผันผวนต่ำและเป็นที่นิยม กับเหรียญ Altcoin ที่ราคาผันผวนสูงกว่าแต่มีโอกาสเติบโตและทำกำไรได้เยอะกว่า เทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นกับเหรียญดิจิทัลหลักก่อน เพราะมีประวัติชัดเจน และค่อยกระจายไปสู่ Altcoin เมื่อเข้าใจตลาดมากขึ้น อย่าลงทุนหนักในเหรียญเดียว ควรกระจายเงินและตั้ง Stop-Loss เพื่อจัดการความเสี่ยง พร้อมติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาดเป็นประจำ
ทำไมต้องเลือก TOPONE Markets สำหรับการเทรดคริปโต
ค่าธรรมเนียมต่ำ: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และสเปรดที่แข่งขันได้
แพลตฟอร์มที่หลากหลาย: รองรับการเทรดผ่าน WebTrader, MetaTrader 5, และแอปพลิเคชันบนมือถือ
การสนับสนุนตลอด 24/7: ทีมงานพร้อมให้ความช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ
บัญชีทดลอง $100,000: สำหรับฝึกฝนและเรียนรู้ก่อนการเทรดจริง
กลยุทธ์การเทรดคริปโต

เทรดเดอร์สามารถเลือกกลยุทธ์ตามเป้าหมายได้หลายแบบ เช่น ลงทุนระยะยาว (HODLing) เทรดระยะสั้น สร้าง Passive Income ด้วยคริปโต (เช่นการ Staking หรือการ Yield Farming) หรือแม้แต่การขุดคริปโต แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน
ลงทุนระยะยาว (HODLing)
ซื้อเหรียญหลัก (เช่น Bitcoin, Ethereum) แล้วถือไว้หลายปี เชื่อว่าราคาจะเติบโตตามเวลา กลยุทธ์นี้ไม่ต้องเทรดบ่อย ลดความเครียดจากความผันผวนราคาได้มาก
เทรดระยะสั้น (Day/Swing Trading)
ซื้อขายรวดเร็วภายในวันหรือไม่กี่วัน เน้นใช้ความผันผวนทำกำไร โดยอาจใช้เทคนิคง่าย ๆ เช่น ติดตามแนวโน้มตลาด (Trend Following) หรือกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่หลายคนเรียกว่า “กลยุทธ์การเทรด Forex ที่เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่” อย่างเช่น การตามเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) ซึ่งสามารถปรับใช้กับเหรียญคริปโตได้เช่นกัน
Staking และ Yield Farming สร้าง Passive Income
เหรียญบางประเภท (Proof-of-Stake) สามารถเอาไป Stake เพื่อรับดอกเบี้ยคริปโตได้ เช่น Ethereum 2.0 หรือ BNB นอกจากนี้ ในโลก DeFi ยังสามารถนำเหรียญไปให้ยืมหรือให้ยืมสภาพคล่อง (Liquidity) แลกกับรางวัลเพิ่มเติมได้ การทำเช่นนี้ช่วยให้ สร้าง Passive Income ด้วยคริปโต จากการถือเหรียญได้จริง
ขุดคริปโต (Mining)
ใช้ฮาร์ดแวร์ขุดเฉพาะ (เช่น ASIC สำหรับ Bitcoin) ขุดเหรียญมาแลกเป็นรางวัล แต่ในไทยค่าไฟฟ้าสูงทำให้ขุด Bitcoin เองแทบไม่คุ้มทุน เทรดเดอร์ส่วนมากจึงไม่ขุดเอง ส่วนใหญ่หันไปซื้อคริปโต หรือใช้บริการ Cloud Mining แทน
การบริหารความเสี่ยงในการเทรดคริปโต

คริปโตมีความผันผวนสูง เทรดเดอร์จึงควรวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ วิธีหนึ่งคือ กระจายการเทรด (Diversification) และการตั้ง Stop-Loss กรณีราคาตกหนัก ๆ อีกทั้งควรกำหนดเงินทุนที่พร้อมจะเสียได้ (ไม่ลงทุนด้วยเงินที่จำเป็นต้องใช้จ่ายอื่น ๆ) การตั้งเป้าหมายกำไร (Take-Profit) และปฏิบัติตามแผนเทรดช่วยลดอารมณ์ตัดสินใจผิดพลาดได้มาก ปรับสัดส่วนเงินลงทุนตามความรู้และประสบการณ์ เช่น เริ่มจากน้อย ๆ เมื่อชำนาญค่อยเพิ่มสัดส่วน พร้อมติดตามข่าวเศรษฐกิจและประกาศจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อรับมือความผันผวนฉับพลัน
ทำความเข้าใจในความผันผวน
หนึ่งในสิ่งที่มือใหม่หัดเทรด ควรเข้าใจให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ ความผันผวน (Volatility) ของตลาดคริปโต เพราะต่างจากการเทรดในสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม เพราะราคาคริปโตสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่นาที ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ Bitcoin ที่สามารถร่วงลง 10% ภายในวันเดียว หรือเหรียญขนาดเล็ก ๆ (เช่นเหรียญมีมหรือเหรียญทางเลือก) ที่บางครั้งพุ่งขึ้นกว่า 50% เพียงชั่วข้ามคืน ความผันผวนนี้อาจเป็นดาบสองคม เพราะในขณะที่มันเปิดโอกาสให้ทำกำไรสูง แต่ก็สร้างความเสี่ยงในการขาดทุนได้มหาศาล เทรดเดอร์คริปโตมือใหม่จึงควรเรียนรู้การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ซึ่งหัวใจสำคัญมี 3 เรื่อง ได้แก่
อย่าลงทุนเกินกว่าที่จะเสียได้ – เงินที่นำมาลงทุนควรเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
กำหนด Stop-Loss – เป็นการตั้งจุดตัดขาดทุนล่วงหน้า เช่น หากซื้อ Bitcoin ที่ราคา 1,500,000 บาท กำหนด Stop-Loss ที่ 1,350,000 บาท หากราคาลงมาถึงจุดนี้ ระบบจะขายออกทันทีเพื่อลดความเสี่ยงขาดทุนหนัก
เทรดด้วยกลยุทธ์ ไม่ใช่อารมณ์ – มือใหม่มักพลาดเพราะ “FOMO” (Fear of Missing Out - กลัวตกรถ) หรือ Panic Sell การมีแผนการเทรดชัดเจนและยึดตามแผนจะช่วยป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของความรู้สึก
วางแผนการกระจายความเสี่ยง
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในการเทรดคริปโตคือ การกระจายความเสี่ยง (Diversification) เพราะไม่มีใครสามารถทำนายได้อย่างแม่นยำว่ามูลคาของเหรียญใดจะขึ้นต่อ หรือเหรียญใดจะร่วงลง หากคุณใส่เงินลงทุนทั้งหมดไปในเหรียญเดียว เช่น Bitcoin แม้จะมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงมาก หากเกิดการปรับฐานราคารุนแรง คุณอาจขาดทุนเกือบทั้งพอร์ต
ทำไมการการจายความเสี่ยงถึงสำคัญสำหรับมือใหม่
ลดความเสี่ยงจากเหรียญใดเหรียญหนึ่ง: หากเหรียญหนึ่งราคาตกหนัก แต่คุณถือหลายเหรียญ ความเสียหายโดยรวมจะไม่รุนแรง
เพิ่มโอกาสในการทำกำไร: บางครั้งเหรียญหลักอาจเคลื่อนไหวช้า แต่ Altcoin กลับพุ่งขึ้น การกระจายลงทุนทำให้คุณไม่พลาดโอกาส
สร้างความมั่นคงระยะยาว – พอร์ตที่มีสินทรัพย์หลากหลายจะปรับสมดุลตัวเองได้ดีกว่า
ตัวอย่างการกระจายพอร์ตสำหรับเทรดคริปโต มือใหม่
70% ลงทุนในเหรียญหลัก: เช่น Bitcoin และ Ethereum เพราะเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงและได้รับการยอมรับทั่วโลก
20% ลงทุนใน Altcoin ที่มีศักยภาพ: เช่น BNB, Solana หรือ Cardano ซึ่งมีโครงการและชุมชนผู้ใช้จริงรองรับ
10% ลงทุนใน Stablecoin (USDT, USDC): กันชนความเสี่ยง และสามารถใช้เข้าซื้อโอกาสใหม่ได้ทันทีเมื่อราคาลง
การกระจายความเสี่ยงของการลงทุนยังสามารถขยายไปนอกเหนือจากสกุลเงินดิจิทัล เช่น บางคนใช้กลยุทธ์ผสมผสาน Forex กับคริปโตเพื่อสร้างสมดุลของพอร์ต เพราะ Forex มีความผันผวนน้อยกว่า ในขณะที่คริปโตมีโอกาสเติบโตสูงกว่า กลยุทธ์เช่นนี้ช่วยให้พอร์ตของเทรดเดอร์มือใหม่มีทั้งความมั่นคงและศักยภาพในการทำกำไร
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถเลือกใช้วิธีสร้างรายได้เสริมด้วยการ Staking หรือ Yield Farming เพื่อให้เหรียญที่ถืออยู่ทำงานสร้าง Passive Income ได้
สำหรับมือใหม่ที่ยังลังเลว่าจะเริ่มเทรดคริปโต ที่ไหนดีคำตอบที่ชัดเจนคือเลือกแพลตฟอร์มที่ให้คุณกระจายพอร์ตได้ง่าย มีสินทรัพย์ให้เลือกหลายประเภท เช่น TOPONE Markets ที่เปิดให้เทรดคริปโตหลักและ Altcoin ผ่าน CFD โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง คุณสามารถกระจายการเทรด ทดลองกลยุทธ์ และบริหารความเสี่ยงได้ตั้งแต่วันแรก
แนวโน้มอนาคตตลาดเทรดคริปโตสำหรับคนไทย
ภาพรวมโลกยังคงเห็นแนวโน้มการเติบโตของคริปโตและบล็อกเชน เช่น โครงการ NFT (โทเค็นสะสมดิจิทัล) และ DeFi (แพลตฟอร์มการเงินกระจายศูนย์) กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ในไทยปัจจุบันยังไม่มีการซื้อขาย NFT อย่างเสรี (สำนักงาน ก.ล.ต. ห้ามแลกเปลี่ยน NFT บนกระดานเทรดที่ยังไม่รองรับ) แต่ทิศทางระยะยาวคือทั้ง NFT เกม และสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ ๆ จะมีบทบาทมากขึ้น ส่วนนวัตกรรม DeFi อย่างการปล่อยกู้ สระเงิน หรือเหรียญทางการเงินใหม่ ๆ ก็กำลังได้รับความนิยม เทรดเดอร์ควรจับตาโปรเจคใหม่ ๆ ที่อาจช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการเทรด
ในประเทศไทยเอง ภาครัฐและธนาคารกลางให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังพัฒนา เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เพื่อใช้ในระบบการชำระเงิน และ ก.ล.ต. มีโครงการนำร่องต่าง ๆ เช่น TouristDigiPay สำหรับนักท่องเที่ยวที่อนุญาตให้แลกเปลี่ยนสกุลคริปโตเป็นเงินบาทอย่างควบคุมได้ในปี 2568 เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารและสถาบันการเงินไทยเริ่มพิจารณาเทรนด์คริปโตอยู่ตลอด (เช่น บางแห่งลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโตต่างประเทศหรือสร้างผลิตภัณฑ์เทียบเท่า) สัญญาณเหล่านี้ชี้ว่าคริปโตจะเติบโตต่อแม้อาจมีความผันผวน เทรดเดอร์จึงควรติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีและกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเทรดคริปโต

ข้อผิดพลาดยอดฮิตที่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงคือ ไล่ตาม Pump-and-Dump (เห็นคนโพสต์ชวนซื้อเหรียญที่ราคาปรับขึ้นเร็วแล้วตามไปซื้อทันที) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ฉวยโอกาสของมิจฉาชีพที่จะพุ่งราคาชั่วคราวแล้วพังทลายตามมาด้วย นอกจากนี้ควรระวังแอปปลอมหรือเว็บไซต์หลอกลวง ที่มักแอบอ้างให้โหลดแอปพลิเคชันบิดเบือนหรือให้ข้อมูลเท็จ และโฆษณารับประกันผลตอบแทนสูงเกินจริง ที่มักใช้ภาพลักษณ์คนดังมาโน้มน้าวความน่าเชื่อถือ จนทำให้บางคนหลงเชื่อลงทุนแล้วสูญเงินง่าย ๆ
อีกข้อผิดพลาดสำคัญคือ ลงทุนน้อยหรือละเลยการทำวิจัย เทรดเดอร์ใหม่ควรศึกษาโปรเจคให้ละเอียด อ่าน Whitepaper หาข้อมูลผู้พัฒนา และติดตามประกาศโครงการอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรรีบลงทุนเพียงเพราะเห็นเพื่อน/คนดังพูดถึง หรือเชื่อข้อมูลบนโซเชียลทันที หลักการง่าย ๆ คือ ถ้าได้ผลตอบแทนสูงเกินกว่าปกติและฟังดู “ง่ายเกินจริง” ก็มักจะมีความเสี่ยงซ่อนอยู่สูง ดังนั้น ควรทำการบ้านเสมอและลงทุนเฉพาะสิ่งที่เข้าใจจริงเพื่อความปลอดภัย
ชวนคิด: การเทรดคริปโตเหมาะกับฉันหรือไม่
การเทรดคริปโตให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด แต่ก็มีความเสี่ยงสูง การวิเคราะห์ข้างต้นสรุปได้ว่า หากคุณรับความเสี่ยงได้และพร้อมศึกษาข้อมูล ตลาดคริปโตก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในไทยปี 2025 (มีข้อได้เปรียบเรื่องภาษี) แต่หากความเสี่ยงจากความผันผวนยังน่ากังวล ก็ควรรอเรียนรู้เพิ่มเติมก่อน สรุปคือ คริปโตเหมาะกับผู้ที่มีความเข้าใจดี และพร้อมจะลงทุนอย่างรับผิดชอบ เช่น การกระจายพอร์ต จัดสรรเงินลงทุนเฉพาะส่วนที่ไม่กระทบชีวิตประจำวัน และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ แม้ตลาดคริปโตอาจให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ไม่ควรตั้งความหวังว่าจะ “รวยเร็ว” โดยไม่ทำการบ้าน เราขอแนะนำให้เริ่มด้วยบัญชีทดลองและค่อย ๆ เพิ่มวอลลุมการเทรดตามความชำนาญเพื่อให้การเทรดคริปโตของคุณปลอดภัยในระยะยาว
TOPONE Markets คือโบรกเกอร์เทรด CFD ที่เราแนะนำสำหรับมือใหม่ที่สนใจเทรด Bitcoin และคริปโตโตกว่าเพราะ:
ฝากขั้นต่ำเพียง $10 USD พร้อมบัญชีทดลอง (Demo) ให้ฝึกใช้แอปได้จริง รับโบนัสต้อนรับเพื่อเพิ่มทุนเริ่มต้น
ค่าคอมมิชชัน 0% และสเปรดแคบ
สภาพคล่องสูง ซื้อขายได้เร็วและแม่นยำ ไม่พลาดโอกาส
ระบบความปลอดภัยหนาแน่น (แยกเก็บเงินทุนลูกค้า กำกับโดยหน่วยงานการเงินชั้นนำ)
แพลตฟอร์ม MT5 มีกราฟและอินดิเคเตอร์วิเคราะห์ขั้นสูงครบทุกรูปแบบ ช่วยวิเคราะห์ตลาด Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ถอนเงินได้ทันทีทุกเวลา พร้อมทีมบริการลูกค้า 24/7 สนับสนุนทุกปัญหา
ด้วยข้อดีเหล่านี้ คุณสามารถเก็งกำไรด้วยสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) บนสินทรัพย์คริปโตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเข้า-ออกตลาด เพียงเปิดบัญชีใน TOPONE Markets คำแนะนำของเรา เชื่อได้ว่าการเทรดคริปโตในปี 2025 ของคุณจะเริ่มต้นได้อย่างคุ้มค่าและมั่นคงยิ่งขึ้น
หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า “เทรดคริปโตที่ไหนดี” หรือ “ทำไมใคร ๆ ถึงพูดกันว่า เทรดคริปโตไม่เสียภาษี ในไทย?” บทความนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบคำถามเหล่านั้นอย่างละเอียด ด้วยการปูพื้นฐานตั้งแต่การ เริ่มต้นกับ Bitcoin และ Crypto Trading ไปจนถึงการเปรียบเทียบ Forex vs คริปโต: ควรเริ่มจากอะไรดีสำหรับเทรดเดอร์ใหม่ และยังแนะนำ กลยุทธ์การเทรด Forex ที่เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่ ที่สามารถนำไปใช้กับคริปโตได้จริง
คุณจะได้เห็นเส้นทางหลากหลาย ทั้งการเทรดระยะยาว การเทรดระยะสั้น การสร้าง Passive Income ด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงวิธีเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ และเมื่อเดินทางถึงตอนท้ายของบทความ คุณจะไม่ใช่แค่ Beginner อีกต่อไป แต่จะมีความมั่นใจมากพอที่จะก้าวสู่การเทรดอย่างมีทิศทาง โดยเฉพาะการเก็งกำไรด้วยการเทรดระยะสั้นผ่าน CFD Trading กับ TOPONE Markets ซึ่งมอบทั้งค่าธรรมเนียมต่ำ สภาพคล่องสูง และระบบที่ปลอดภัย
นี่คือคู่มือที่จะทำให้คุณ เข้าใจและพร้อมเริ่มต้นเทรดคริปโตอย่างมั่นใจ และอาจจะเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนอนาคตการเงินของคุณไปตลอดกาล
พื้นฐานการเทรดคริปโต: สกุลเงินดิจิทัลคืออะไร

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือ สกุลเงินดิจิทัล เป็นสินทรัพย์รูปแบบหนึ่งที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ไม่มีองค์กรกลางควบคุม ทุกธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสในไทย สกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมได้แก่ Bitcoin (บิตคอยน์) ซึ่งเป็นเหรียญแรกของโลก, Ethereum (อีเธอเรียม) ที่รองรับสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts), และ Ripple (XRP) ที่เน้นการชำระเงินข้ามประเทศ เป็นต้น
การเทรดคริปโตมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าเครื่องมือการเทรดทั่วไป แต่ก็มาพร้อมกับ ความผันผวนและความเสี่ยงสูง เทรดเดอร์มือใหม่จึงควรศึกษาให้รอบด้านก่อน เริ่มต้นจากการอ่านบทความหรือดูคลิป “สอนเทรด Bitcoin แบบเข้าใจง่าย” และไกด์สำหรับ มือใหม่หัดเทรด เพื่อเข้าใจกลไกราคาคริปโตพื้นฐาน และเริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยเพื่อลดความเสี่ยง
ในภาพรวม ตลาดคริปโตในไทยและภูมิภาคเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 2024 มูลค่าตลาดคริปโตไทยทะลุ 90,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 73.99% จากปีก่อน ข้อมูลจาก Chainalysis ยังจัดอันดับประเทศไทยให้เป็นอันดับที่ 16 ของโลกด้านการยอมรับการใช้งานคริปโต อีกทั้งมีผู้ถือคริปโตในไทยกว่า 6.2 ล้านคน (คิดเป็น 9.3% ของประชากร) ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เป็นเครื่องชี้ว่าคนไทยให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาก
คำถามน่าสนใจสำหรับมือใหม่คือ Forex vs คริปโต: ควรเริ่มจากอะไรดีสำหรับเทรดเดอร์ใหม่? ตลาด Forex เปิดทำการตลอด 24 ชม. มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนน้อยกว่า จึงเหมาะกับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับความเสี่ยงสูง ส่วนตลาดคริปโตแม้จะมีความผันผวนมากกว่า ก็เปิดโอกาสทำกำไรสูงตามไปด้วย เทรดเดอร์มือใหม่จึงควรพิจารณาจากความพร้อมของตน บางคนอาจเริ่มฝึกซื้อขายกับ Forex ก่อน แล้วจึงขยับมาลองเทรดคริปโตด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ เมื่อเริ่มเข้าใจตลาดมากขึ้น ก็ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามความเหมาะสมต่อไป
เข้าใจตลาดคริปโตในไทย: กฎเกณฑ์และการยอมรับ

ตลาดคริปโตในไทยถูกควบคุมโดยสำนักงานก.ล.ต. ภายใต้พระราชกำหนดสินทรัพย์ดิจิทัล (พ.ศ.2561) ซึ่งล่าสุดมีการปรับกฎให้เข้มงวดขึ้น ปี 2568 มีพระราชกฤษฎีกาที่บังคับให้แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการชาวไทยต้องขอใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ทำให้ผู้ลงทุนมือใหม่มั่นใจได้ว่า การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจนและโปร่งใส
ด้านภาษี รัฐบาลไทยได้ออกกฎใหม่ในปี 2567 ยกเว้นภาษีกำไรจากการขายคริปโตตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2572 ซึ่งในช่วงนี้ เทรดคริปโตไม่ต้องเสียภาษีกำไร (เฉพาะการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มไทยที่ถูกกฎหมาย) อย่างไรก็ดี รายได้ประเภทอื่นจากคริปโต เช่น ดอกเบี้ยจากการ Staking หรือลงทุน DeFi ยังคงต้องนำมาคิดภาษีรายได้ส่วนบุคคลตามปกติ เทรดเดอร์จึงควรศึกษาข้อกฎหมายและวางแผนภาษีให้รัดกุม
กฎระเบียบเหล่านี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อขัดขวางเทรดเดอร์ แต่เพื่อสร้างความปลอดภัย เช่น การกำหนดให้ผู้ให้บริการต้องผ่านการรับรอง การแยกเก็บสินทรัพย์ลูกค้า และการรายงานธุรกรรมตามมาตรฐานสากล ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ที่เริ่มต้นเทรดสามารถมั่นใจได้ว่า ตลาดคริปโตในไทยนั้นมีโครงสร้างที่รองรับอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เริ่มต้น หัวใจสำคัญไม่ใช่เพียงแค่กฎหมาย แต่คือวิธีการเทรดจริง การเข้าใจกลไกการซื้อขายและการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ ซึ่งนี่คือจุดที่ TOPONE Markets เข้ามามีบทบาท ในฐานะโบรกเกอร์ที่รองรับการเทรดคริปโตผ่าน CFD ช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่ตลาดได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาเหรียญจริงหรือการจัดการกระเป๋าเงินดิจิทัลเอง
เทรดคริปโตระยะสั้นด้วย CFD กับ TOPONE Markets ง่าย ๆ สำหรับมือใหม่
ไม่ต้องยุ่งยากกับการโอนคริปโต เพียงฝากเงินเป็นสกุลปกติ (เช่น USD) ก็สามารถเทรดได้ทันที
ใช้ CFD เพื่อเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ปรับตัวตามตลาดที่ผันผวนได้ง่าย
มีระบบการยืนยันตัวตน (KYC) ที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจว่าแพลตฟอร์มมีความปลอดภัย
ดังนั้น หากคุณคือมือใหม่ที่กำลังสงสัยว่า “ตลาดคริปโตในไทยปลอดภัยหรือไม่” คำตอบคือมีความปลอดภัย เพราะมีทั้งกรอบกฎหมายที่ชัดเจน และยังมีเครื่องมืออย่าง TOPONE Markets ที่ทำให้คุณสามารถเริ่มต้นการเทรดได้อย่างมั่นใจและเป็นระบบตั้งแต่วันแรก
วิธีเริ่มต้นเทรดระยะสั้นในคริปโต

การเทรดระยะสั้น (เก็งกำไรแบบ Day Trading หรือ Swing Trading) เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำกำไรเร็วแต่มีความเสี่ยงสูง การเริ่มต้นคือการใช้กลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้นผ่าน CFD (Contracts for Difference) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องถือครองสินทรัพย์จริง แต่สามารถทำกำไรจากความผันผวนของราคาได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยเฉพาะเมื่อใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม เช่น TOPONE Markets ซึ่งรองรับการเทรดคริปโตอย่างครบวงจร
ขั้นตอนการเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนกับ TOPONE Markets
ลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้
เข้าไปที่เว็บไซต์ของ TOPONE Markets และคลิกที่ “เปิดบัญชี” กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ยืนยันตัวตน (KYC)
อัปโหลดเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง และหลักฐานที่อยู่ เช่น ใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภค เพื่อยืนยันตัวตนและความปลอดภัยของบัญชีฝากเงินเริ่มต้น
ฝากเงินขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โอนผ่านธนาคารหรือบัตรเครดิต และเริ่มต้นการเทรด
เมื่อบัญชีพร้อมและมีเงินทุนแล้ว ให้เริ่ม ทดลองเทรดด้วยบัญชี Demo เพื่อฝึกใช้แพลตฟอร์มและวิธีดูกราฟก่อนใช้เงินจริง สำหรับการเลือกเหรียญลงทุน ควรพิจารณาความเสี่ยง เปรียบเทียบเหรียญหลัก (เช่น Bitcoin, Ethereum) ที่มีความผันผวนต่ำและเป็นที่นิยม กับเหรียญ Altcoin ที่ราคาผันผวนสูงกว่าแต่มีโอกาสเติบโตและทำกำไรได้เยอะกว่า เทรดเดอร์มือใหม่ควรเริ่มต้นกับเหรียญดิจิทัลหลักก่อน เพราะมีประวัติชัดเจน และค่อยกระจายไปสู่ Altcoin เมื่อเข้าใจตลาดมากขึ้น อย่าลงทุนหนักในเหรียญเดียว ควรกระจายเงินและตั้ง Stop-Loss เพื่อจัดการความเสี่ยง พร้อมติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาดเป็นประจำ
ทำไมต้องเลือก TOPONE Markets สำหรับการเทรดคริปโต
ค่าธรรมเนียมต่ำ: ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และสเปรดที่แข่งขันได้
แพลตฟอร์มที่หลากหลาย: รองรับการเทรดผ่าน WebTrader, MetaTrader 5, และแอปพลิเคชันบนมือถือ
การสนับสนุนตลอด 24/7: ทีมงานพร้อมให้ความช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ
บัญชีทดลอง $100,000: สำหรับฝึกฝนและเรียนรู้ก่อนการเทรดจริง
กลยุทธ์การเทรดคริปโต

เทรดเดอร์สามารถเลือกกลยุทธ์ตามเป้าหมายได้หลายแบบ เช่น ลงทุนระยะยาว (HODLing) เทรดระยะสั้น สร้าง Passive Income ด้วยคริปโต (เช่นการ Staking หรือการ Yield Farming) หรือแม้แต่การขุดคริปโต แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดต่างกัน
ลงทุนระยะยาว (HODLing)
ซื้อเหรียญหลัก (เช่น Bitcoin, Ethereum) แล้วถือไว้หลายปี เชื่อว่าราคาจะเติบโตตามเวลา กลยุทธ์นี้ไม่ต้องเทรดบ่อย ลดความเครียดจากความผันผวนราคาได้มาก
เทรดระยะสั้น (Day/Swing Trading)
ซื้อขายรวดเร็วภายในวันหรือไม่กี่วัน เน้นใช้ความผันผวนทำกำไร โดยอาจใช้เทคนิคง่าย ๆ เช่น ติดตามแนวโน้มตลาด (Trend Following) หรือกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่หลายคนเรียกว่า “กลยุทธ์การเทรด Forex ที่เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่” อย่างเช่น การตามเส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) ซึ่งสามารถปรับใช้กับเหรียญคริปโตได้เช่นกัน
Staking และ Yield Farming สร้าง Passive Income
เหรียญบางประเภท (Proof-of-Stake) สามารถเอาไป Stake เพื่อรับดอกเบี้ยคริปโตได้ เช่น Ethereum 2.0 หรือ BNB นอกจากนี้ ในโลก DeFi ยังสามารถนำเหรียญไปให้ยืมหรือให้ยืมสภาพคล่อง (Liquidity) แลกกับรางวัลเพิ่มเติมได้ การทำเช่นนี้ช่วยให้ สร้าง Passive Income ด้วยคริปโต จากการถือเหรียญได้จริง
ขุดคริปโต (Mining)
ใช้ฮาร์ดแวร์ขุดเฉพาะ (เช่น ASIC สำหรับ Bitcoin) ขุดเหรียญมาแลกเป็นรางวัล แต่ในไทยค่าไฟฟ้าสูงทำให้ขุด Bitcoin เองแทบไม่คุ้มทุน เทรดเดอร์ส่วนมากจึงไม่ขุดเอง ส่วนใหญ่หันไปซื้อคริปโต หรือใช้บริการ Cloud Mining แทน
การบริหารความเสี่ยงในการเทรดคริปโต

คริปโตมีความผันผวนสูง เทรดเดอร์จึงควรวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ วิธีหนึ่งคือ กระจายการเทรด (Diversification) และการตั้ง Stop-Loss กรณีราคาตกหนัก ๆ อีกทั้งควรกำหนดเงินทุนที่พร้อมจะเสียได้ (ไม่ลงทุนด้วยเงินที่จำเป็นต้องใช้จ่ายอื่น ๆ) การตั้งเป้าหมายกำไร (Take-Profit) และปฏิบัติตามแผนเทรดช่วยลดอารมณ์ตัดสินใจผิดพลาดได้มาก ปรับสัดส่วนเงินลงทุนตามความรู้และประสบการณ์ เช่น เริ่มจากน้อย ๆ เมื่อชำนาญค่อยเพิ่มสัดส่วน พร้อมติดตามข่าวเศรษฐกิจและประกาศจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อรับมือความผันผวนฉับพลัน
ทำความเข้าใจในความผันผวน
หนึ่งในสิ่งที่มือใหม่หัดเทรด ควรเข้าใจให้ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ ความผันผวน (Volatility) ของตลาดคริปโต เพราะต่างจากการเทรดในสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น หุ้น หรือกองทุนรวม เพราะราคาคริปโตสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่นาที ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ Bitcoin ที่สามารถร่วงลง 10% ภายในวันเดียว หรือเหรียญขนาดเล็ก ๆ (เช่นเหรียญมีมหรือเหรียญทางเลือก) ที่บางครั้งพุ่งขึ้นกว่า 50% เพียงชั่วข้ามคืน ความผันผวนนี้อาจเป็นดาบสองคม เพราะในขณะที่มันเปิดโอกาสให้ทำกำไรสูง แต่ก็สร้างความเสี่ยงในการขาดทุนได้มหาศาล เทรดเดอร์คริปโตมือใหม่จึงควรเรียนรู้การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ซึ่งหัวใจสำคัญมี 3 เรื่อง ได้แก่
อย่าลงทุนเกินกว่าที่จะเสียได้ – เงินที่นำมาลงทุนควรเป็นเงินเย็น ไม่ใช่เงินที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
กำหนด Stop-Loss – เป็นการตั้งจุดตัดขาดทุนล่วงหน้า เช่น หากซื้อ Bitcoin ที่ราคา 1,500,000 บาท กำหนด Stop-Loss ที่ 1,350,000 บาท หากราคาลงมาถึงจุดนี้ ระบบจะขายออกทันทีเพื่อลดความเสี่ยงขาดทุนหนัก
เทรดด้วยกลยุทธ์ ไม่ใช่อารมณ์ – มือใหม่มักพลาดเพราะ “FOMO” (Fear of Missing Out - กลัวตกรถ) หรือ Panic Sell การมีแผนการเทรดชัดเจนและยึดตามแผนจะช่วยป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของความรู้สึก
วางแผนการกระจายความเสี่ยง
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในการเทรดคริปโตคือ การกระจายความเสี่ยง (Diversification) เพราะไม่มีใครสามารถทำนายได้อย่างแม่นยำว่ามูลคาของเหรียญใดจะขึ้นต่อ หรือเหรียญใดจะร่วงลง หากคุณใส่เงินลงทุนทั้งหมดไปในเหรียญเดียว เช่น Bitcoin แม้จะมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงมาก หากเกิดการปรับฐานราคารุนแรง คุณอาจขาดทุนเกือบทั้งพอร์ต
ทำไมการการจายความเสี่ยงถึงสำคัญสำหรับมือใหม่
ลดความเสี่ยงจากเหรียญใดเหรียญหนึ่ง: หากเหรียญหนึ่งราคาตกหนัก แต่คุณถือหลายเหรียญ ความเสียหายโดยรวมจะไม่รุนแรง
เพิ่มโอกาสในการทำกำไร: บางครั้งเหรียญหลักอาจเคลื่อนไหวช้า แต่ Altcoin กลับพุ่งขึ้น การกระจายลงทุนทำให้คุณไม่พลาดโอกาส
สร้างความมั่นคงระยะยาว – พอร์ตที่มีสินทรัพย์หลากหลายจะปรับสมดุลตัวเองได้ดีกว่า
ตัวอย่างการกระจายพอร์ตสำหรับเทรดคริปโต มือใหม่
70% ลงทุนในเหรียญหลัก: เช่น Bitcoin และ Ethereum เพราะเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงและได้รับการยอมรับทั่วโลก
20% ลงทุนใน Altcoin ที่มีศักยภาพ: เช่น BNB, Solana หรือ Cardano ซึ่งมีโครงการและชุมชนผู้ใช้จริงรองรับ
10% ลงทุนใน Stablecoin (USDT, USDC): กันชนความเสี่ยง และสามารถใช้เข้าซื้อโอกาสใหม่ได้ทันทีเมื่อราคาลง
การกระจายความเสี่ยงของการลงทุนยังสามารถขยายไปนอกเหนือจากสกุลเงินดิจิทัล เช่น บางคนใช้กลยุทธ์ผสมผสาน Forex กับคริปโตเพื่อสร้างสมดุลของพอร์ต เพราะ Forex มีความผันผวนน้อยกว่า ในขณะที่คริปโตมีโอกาสเติบโตสูงกว่า กลยุทธ์เช่นนี้ช่วยให้พอร์ตของเทรดเดอร์มือใหม่มีทั้งความมั่นคงและศักยภาพในการทำกำไร
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถเลือกใช้วิธีสร้างรายได้เสริมด้วยการ Staking หรือ Yield Farming เพื่อให้เหรียญที่ถืออยู่ทำงานสร้าง Passive Income ได้
สำหรับมือใหม่ที่ยังลังเลว่าจะเริ่มเทรดคริปโต ที่ไหนดีคำตอบที่ชัดเจนคือเลือกแพลตฟอร์มที่ให้คุณกระจายพอร์ตได้ง่าย มีสินทรัพย์ให้เลือกหลายประเภท เช่น TOPONE Markets ที่เปิดให้เทรดคริปโตหลักและ Altcoin ผ่าน CFD โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง คุณสามารถกระจายการเทรด ทดลองกลยุทธ์ และบริหารความเสี่ยงได้ตั้งแต่วันแรก
แนวโน้มอนาคตตลาดเทรดคริปโตสำหรับคนไทย
ภาพรวมโลกยังคงเห็นแนวโน้มการเติบโตของคริปโตและบล็อกเชน เช่น โครงการ NFT (โทเค็นสะสมดิจิทัล) และ DeFi (แพลตฟอร์มการเงินกระจายศูนย์) กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ในไทยปัจจุบันยังไม่มีการซื้อขาย NFT อย่างเสรี (สำนักงาน ก.ล.ต. ห้ามแลกเปลี่ยน NFT บนกระดานเทรดที่ยังไม่รองรับ) แต่ทิศทางระยะยาวคือทั้ง NFT เกม และสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ ๆ จะมีบทบาทมากขึ้น ส่วนนวัตกรรม DeFi อย่างการปล่อยกู้ สระเงิน หรือเหรียญทางการเงินใหม่ ๆ ก็กำลังได้รับความนิยม เทรดเดอร์ควรจับตาโปรเจคใหม่ ๆ ที่อาจช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการเทรด
ในประเทศไทยเอง ภาครัฐและธนาคารกลางให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังพัฒนา เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เพื่อใช้ในระบบการชำระเงิน และ ก.ล.ต. มีโครงการนำร่องต่าง ๆ เช่น TouristDigiPay สำหรับนักท่องเที่ยวที่อนุญาตให้แลกเปลี่ยนสกุลคริปโตเป็นเงินบาทอย่างควบคุมได้ในปี 2568 เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารและสถาบันการเงินไทยเริ่มพิจารณาเทรนด์คริปโตอยู่ตลอด (เช่น บางแห่งลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโตต่างประเทศหรือสร้างผลิตภัณฑ์เทียบเท่า) สัญญาณเหล่านี้ชี้ว่าคริปโตจะเติบโตต่อแม้อาจมีความผันผวน เทรดเดอร์จึงควรติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยีและกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเทรดคริปโต

ข้อผิดพลาดยอดฮิตที่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงคือ ไล่ตาม Pump-and-Dump (เห็นคนโพสต์ชวนซื้อเหรียญที่ราคาปรับขึ้นเร็วแล้วตามไปซื้อทันที) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ฉวยโอกาสของมิจฉาชีพที่จะพุ่งราคาชั่วคราวแล้วพังทลายตามมาด้วย นอกจากนี้ควรระวังแอปปลอมหรือเว็บไซต์หลอกลวง ที่มักแอบอ้างให้โหลดแอปพลิเคชันบิดเบือนหรือให้ข้อมูลเท็จ และโฆษณารับประกันผลตอบแทนสูงเกินจริง ที่มักใช้ภาพลักษณ์คนดังมาโน้มน้าวความน่าเชื่อถือ จนทำให้บางคนหลงเชื่อลงทุนแล้วสูญเงินง่าย ๆ
อีกข้อผิดพลาดสำคัญคือ ลงทุนน้อยหรือละเลยการทำวิจัย เทรดเดอร์ใหม่ควรศึกษาโปรเจคให้ละเอียด อ่าน Whitepaper หาข้อมูลผู้พัฒนา และติดตามประกาศโครงการอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรรีบลงทุนเพียงเพราะเห็นเพื่อน/คนดังพูดถึง หรือเชื่อข้อมูลบนโซเชียลทันที หลักการง่าย ๆ คือ ถ้าได้ผลตอบแทนสูงเกินกว่าปกติและฟังดู “ง่ายเกินจริง” ก็มักจะมีความเสี่ยงซ่อนอยู่สูง ดังนั้น ควรทำการบ้านเสมอและลงทุนเฉพาะสิ่งที่เข้าใจจริงเพื่อความปลอดภัย
ชวนคิด: การเทรดคริปโตเหมาะกับฉันหรือไม่
การเทรดคริปโตให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูด แต่ก็มีความเสี่ยงสูง การวิเคราะห์ข้างต้นสรุปได้ว่า หากคุณรับความเสี่ยงได้และพร้อมศึกษาข้อมูล ตลาดคริปโตก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในไทยปี 2025 (มีข้อได้เปรียบเรื่องภาษี) แต่หากความเสี่ยงจากความผันผวนยังน่ากังวล ก็ควรรอเรียนรู้เพิ่มเติมก่อน สรุปคือ คริปโตเหมาะกับผู้ที่มีความเข้าใจดี และพร้อมจะลงทุนอย่างรับผิดชอบ เช่น การกระจายพอร์ต จัดสรรเงินลงทุนเฉพาะส่วนที่ไม่กระทบชีวิตประจำวัน และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ แม้ตลาดคริปโตอาจให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ไม่ควรตั้งความหวังว่าจะ “รวยเร็ว” โดยไม่ทำการบ้าน เราขอแนะนำให้เริ่มด้วยบัญชีทดลองและค่อย ๆ เพิ่มวอลลุมการเทรดตามความชำนาญเพื่อให้การเทรดคริปโตของคุณปลอดภัยในระยะยาว
TOPONE Markets คือโบรกเกอร์เทรด CFD ที่เราแนะนำสำหรับมือใหม่ที่สนใจเทรด Bitcoin และคริปโตโตกว่าเพราะ:
ฝากขั้นต่ำเพียง $10 USD พร้อมบัญชีทดลอง (Demo) ให้ฝึกใช้แอปได้จริง รับโบนัสต้อนรับเพื่อเพิ่มทุนเริ่มต้น
ค่าคอมมิชชัน 0% และสเปรดแคบ
สภาพคล่องสูง ซื้อขายได้เร็วและแม่นยำ ไม่พลาดโอกาส
ระบบความปลอดภัยหนาแน่น (แยกเก็บเงินทุนลูกค้า กำกับโดยหน่วยงานการเงินชั้นนำ)
แพลตฟอร์ม MT5 มีกราฟและอินดิเคเตอร์วิเคราะห์ขั้นสูงครบทุกรูปแบบ ช่วยวิเคราะห์ตลาด Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ถอนเงินได้ทันทีทุกเวลา พร้อมทีมบริการลูกค้า 24/7 สนับสนุนทุกปัญหา
ด้วยข้อดีเหล่านี้ คุณสามารถเก็งกำไรด้วยสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) บนสินทรัพย์คริปโตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องถือเหรียญจริง เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเข้า-ออกตลาด เพียงเปิดบัญชีใน TOPONE Markets คำแนะนำของเรา เชื่อได้ว่าการเทรดคริปโตในปี 2025 ของคุณจะเริ่มต้นได้อย่างคุ้มค่าและมั่นคงยิ่งขึ้น
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 PolitiFi Coins น่าซื้อปี 2567
ท่องโลกสกุลเงินดิจิทัลไปกับเหรียญมีมล้อการเมือง PolitiFi Coin เกาะกระแสการเมืองระดับโลก เอาความฮามาเป็นจุดต่างในการสร้างผลตอบแทนแบบเร็ว ๆ ด้วยการเทรด CFD เหรียญมีมทางเลือก
2024-08-19
TOPONE Markets Analyst - ท็อป 5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2567
ส่อง 5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน เติบโตไปตามการเปลี่ยนแปลงและความนิยมของโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ด้วยเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวในปี 2567 นี้
2024-07-19
TOPONE Markets Analyst - สุดยอดคู่มือ วิธีลงทุนซื้อ Dogecoin ในไทย
อนาคตเหรียญ Doge เหรียญคริปโตสุดสนุนอันดับที่ 9 ของโลก กับการวางแผนซื้อ Doge เก็งกำไร ฉบับมือใหม่ในโลกคริปโตที่กำลังมองหาการดำเนินการที่สะดวกต่อการจัดการ
2024-07-09
TOPONE Markets Analyst - ภาษีคริปโตคืออะไร 2567 เทรดคริปโตแบบไหนต้องเสียภาษี
รอบรู้ภาษีคริปโตที่สำคัญก่อนเทรด จัดการ คำนวณ อย่างไรให้เสียภาษีคริปโตถูกต้องไม่โดนค่าปรับ และอีกวิธีในการเทรดคริปโตด้วย CFD ที่ไม่ต้องนำรายได้ไปคิดภาษีบุคคลธรรมดาประจำปี อัปเดท พ.ศ. 2567
2024-06-20
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!