Gold Standard เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของค่าเงินดอลลาร์วันนี้

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะไม่ใช่ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก แต่ก็เป็นราชาแห่งสกุลเงินโลกที่ไม่มีใครโต้แย้ง เป็นสื่อกลางในการค้าระหว่างประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญของตลาดการเงินโลก แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าอะไรที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งแกร่งมากขนาดนี้ คำตอบอาจทำให้คุณประหลาดใจ มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับสินทรัพย์ที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ “ทองคำ” หรือ Gold Standard (มาตรฐานทองคำ) ที่ไม่เพียงแต่สหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลาย ๆ ประเทสก็ได้นำมาตราฐานทองคำมาเป็นตัวกำหนดทิศทางระบบเงินตราของตน

ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ฉบับนี้ เราจะเจาะลึกถึงความเชื่อมโยงที่น่าสนใจระหว่างมาตรฐานทองคำกับการเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เรื่องราวของมาตรฐานทองคำผ่าน Bretton Woods (เบรตตันวูดส์) ที่ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่เหนือเงินสกุลอื่น ๆ แม้จะยังมีอีกหลายสกุลเงินที่มีมูลค่าแพงกว่า สุดท้ายนี้ เราจะจัดเตรียมความรู้ให้กับคุณเพื่อสร้างผลกำไรจากยักษ์ใหญ่แห่งโลกการเงินทั้งสองนี้ ได้แก่ทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

เรื่องราวของการครองที่หนึ่งในระบบการเงินโลกของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ได้เริ่มต้นจากตัวมันเอง หากแต่ด้วยสัญลักษณ์แห่งมูลค่าเหนือกาลเวลา นั่นก็คือ “ทองคำ” Gold Standard หรือ มาตรฐานทองคำคือระบบการเงินชนิดหนึ่งที่ซึ่งสกุลเงินของประเทศใด ๆ เชื่อมโยงโดยตรงกับปริมาณทองคำที่คงที่ กล่าวอย่างง่ายก็คือ หนึ่งหน่วยของค่าเงินจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำตามปริมาณที่กำหนดไว้แบบ 1:1 และในทางกลับกัน ระบบนี้ ให้ความรู้สึกมั่นคงและคาดเดาได้สำหรับการค้าระหว่างประเทศ

บทความที่คุณอาจสนใจ

• เรียนรู้วิธีคิดอย่าง 5 เทรดเดอร์ระดับโลกที่คุณทำตามได้

• โอกาสเทรดทอง สร้างผลตอบแทนที่ดีปี 2567

• การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์: The Ultimate Guide

แล้ว Gold Standard นี้เชื่อมโยงกับต้นกำเนิดของค่าเงินดอลลาร์วันนี้ได้อย่างไร กล่าวคือ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯ ได้นำมาตรฐานทองคำมาใช้ ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของค่าเงินดอลลาร์วันนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับจำนวนทองคำที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองอยู่ สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจและความเชื่อมั่นในสกุลเงิน USD เนื่องจากมูลค่าของมันเชื่อมโยงกับทองคำซึ่งสินทรัพย์ที่จับต้องได้ 

ความเชื่อมโยงกับทองคำนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนและต่างประเทศรู้ดีว่าพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นจำนวนทองคำที่คาดการณ์ได้เสมอ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินที่เชื่อถือได้และปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ความไว้วางใจโดยธรรมชาตินี้ได้รับแรงหนุนจากมาตรฐานทองคำ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก้าวสู่สกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับในเวทีการค้าโลกเช่นในวันนี้

เป็นเวลานับพันปีแล้วที่มนุษย์ต้องต่อสู้กับแนวคิดของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange) ที่เชื่อถือได้ ตั้งแต่การใช้เปลือหอยหรือสิ่งของใด ๆ เป็นสัญลักษณ์ การแสวงหาการสะสมคุณค่าที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเป็นประเด็นสำคัญที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ในที่สุดก็ค้นพบว่า มาตรฐานทองคำ (Gold Standard) กลายเป็นโซลูชันที่ทรงพลัง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับ้องได้ ไม่เสื่อมค่า ไม่บุบสลาย และเป็นที่ยอมรับตรงกันในระดับสากล

ภายใต้มาตรฐานทองคำ สกุลเงินของประเทศหนึ่ง ๆ มีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่โดยมีปริมาณทองคำที่ระบุ ลองนึกภาพสิ่งนี้ หนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำในปริมาณที่กำหนด เช่น หนึ่งในสิบของออนซ์ และด้วยการใช้ Gold Standard เป็นเกณฑ์ มีข้อได้เปรียบหลายประการ ดังนี้

• ความมีเสถียรภาพ: มูลค่าโดยธรรมชาติของทองคำและอุปทานที่จำกัดทำให้เกิดความมั่นใจในระบบ ผู้คนต่างทราบว่าสกุลเงินของตนมีมูลค่าที่คาดเดาได้ซึ่งเชื่อมโยงกับโลหะมีค่าเช่นนี้

• ระเบียบวินัย: รัฐบาลจะถูกจำกัดการพิมพ์ธนบัตรไปโดยปริยาย การพิมพ์ธนบัตรที่มากขึ้นจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินนั้น ๆ ลดลงเมื่อเทียบกับทองคำสำรอง (Gold Reserve) คงที่

• การค้าระหว่างประเทศ: มาตรฐานทองคำช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนราบรื่นยิ่งขึ้น การทราบอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินนั้นตรงไปตรงมาเมื่อทั้งสองสกุลเงินเชื่อมโยงกับส่วนร่วมซึ่งก็คือทองคำ

Image source: Rachana Ranade

มาตรฐานทองคำ แม้จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและความต้องการในค่าเงิน USD ขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว ในขณะที่โลกหลุดพ้นจากการทำลายล้างของสงครามโลกครั้งที่สอง ก็จำเป็นต้องมีระบบการเงินระหว่างประเทศใหม่ขึ้นมา เข้าสู่ระบบ Bretton Woods ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) ที่การประชุม Bretton Woods

หลังจากการทำลายล้างของสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้นำโลกได้รวมตัวกันที่ Bretton Woods รัฐนิวแฮมป์เชียร์ในปี พ.ศ. 2487 ผลลัพธ์ของข้อตกลง Bretton Woods ได้เปิดศักราชใหม่  แม้ว่าจะยังคงรักษาองค์ประกอบบางอย่างของมาตรฐานทองคำไว้ แต่ก็ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลกเช่นวันนี้ จากนั้นสกุลเงินอื่น ๆ จะถูกตรึงไว้กับค่าเงิน USD ซึ่งในทางกลับกันก็ถูกตรึงไว้กับราคาทองคำคงที่ สิ่งนี้สร้างระบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้เกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในขณะที่ยังคงให้ระดับของความเสถียร

อย่างไรก็ดี ในที่สุดระบบ Bretton Woods ก็ล่มสลายลงในช่วงต้นทศวรรษ 1970 (ราวปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา) เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงสงครามเวียดนามและการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม มรดกของมันยังคงอยู่ต่อไปค่าเงิน USD ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองที่โดดเด่นของโลก แม้ว่าไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับทองคำอีกต่อไป การครอบงำนี้สะท้อนถึงขนาดและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ยังคงมีบทบาทสำคัญในการค้าและการเงินระหว่างประเทศ

ดังที่กล่าวมาข้างต้น ความสัมพันธ์ของทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้เป็นการเดินทางที่น่าสนใจ ต่าวแข่งขันขึ้นและลงตามภาวะเศรษฐกิจที่หมุนเวียนไปตามหน้าประวัติศาสตร์ มาตีกรอบความเข้าใจในการทำงานของคู่หูสองคนนี้ดีกว่า

การเพิ่มขึ้นของดอลลาร์และการล่มสลายของมาตรฐานทองคำ

สหรัฐอเมริกาผงาดขึ้นมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะผู้นำทางเศรษฐกิจ ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเงินดอลลาร์นำไปสู่ระบบที่เรียกว่ามาตรฐานการแลกเปลี่ยนทองคำ ภายใต้ระบบนี้ ประเทศอื่น ๆ ตรึงสกุลเงินของตนไว้ที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในทางกลับกันก็ยังมีทองคำหนุนอยู่  ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบการเงินโลกเช่นทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม มาตรฐานทองคำก็มีข้อจำกัด คือความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมปริมาณเงินของตนและตอบสนองต่อวิกฤติเศรษฐกิจ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930 ได้เผยให้เห็นข้อจำกัดเหล่านี้ ประเทศต่าง ๆ ละทิ้งมาตรฐานทองคำทีละคน ๆ ทำให้พวกเขาสามารถปรับสกุลเงินของตนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สหรัฐฯ ได้ตัดความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายระหว่างค่าเงินดอลลาร์ของตนและทองคำอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2514 ซึ่งนำไปสู่ยุคของสกุลเงินทั่วไป ซึ่งคำสั่งของรัฐบาลสนับสนุนสกุลเงินซึ่งไม่ใช่สินค้าทางกายภาพเช่นทองคำนี้

ยุคใหม่ของทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 

แม้ว่าการเชื่อมโยงอย่างเป็นทางการจะถูกตัดขาด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับดอลลาร์สหรัฐยังคงมีอยู่ กล่าวคือ การซื้อขายทองคำใช้เงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสื่อกลางชำระรายการ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้อุปสงค์และราคาลดลง ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าส่งผลให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับเทรดเดอร์ต่างชาติ ส่งผลให้อุปสงค์และราคาซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ทองคำยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือการลงทุนทางเลือกเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ เมื่ออัตราเงินเฟ้อกัดกร่อนอำนาจซื้อของสกุลเงิน ทองคำซึ่งไม่มีการบุบสลายได้กลายว่าเป็นสิ่งสะสมมูลค่าที่เพิ่มราคาสูงขึ้น

ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมเราไม่สร้างโอกาสการลงทุนจากการเปลี่ยนแปลงแบบผกผันนี้ล่ะ!

ทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยมานานหลายศตวรรษ โดยมีคุณค่าจากความมั่นคงและความสามารถในการรักษามูลค่าไว้ได้ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ราคาทองคำมีความผันผวนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนทั่วโลก โดยการเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ( CFDs) บนทองคำที่มีราคาเป็น USD (CFD Gold) คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเหล่านี้ และอาจได้กำไรจากราคาทองคำทั้งขาขึ้นและขาลง

TOPONE Markets โบรกเกอร์ CFD ที่มีรูปแบบการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้นการเทรด CFD ทองคำและค่าเงิน USD แพลตฟอร์มของเรายังมีคุณสมบัติ Copy Trading ซึ่งช่วยให้คุณสามารถคัดลอกการเทรดของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในชุมชนเทรดเดอร์ของเราได้โดยอัตโนมัติ นี่เป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้จากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และสะท้อนสู่กลยุทธ์ส่วนบุคคลได้

เปิดบัญชีเทรดทองกับโบรกเกอร์ TOPONE Markets วันนี้และเริ่มเทรด CFD Gold!

มาตรฐานทองคำถือเป็นเกณฑ์แรก เกณฑ์เดียวที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดมูลค่าของค่าเงินรอบโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ อเมริกาได้เคยตรึงค่าเงินของตนไว้กับมาตรฐานทองคำ จึงส่งผลให้มูลค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองคำกลายเป็นเรื่องเดียวกันจนแทบแยกไม่ออก 

ในฐานะเทรดเดอร์สมัยใหม่ เรามีเครื่องมือและวิธีการมากมายในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนและแปรผกผันกันนี้ของทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยการเทรด CFD ในสินค้า XAU/USD หรือ Gold CFD และอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์การลงทุนจากเรา

เทรด เช่น ทองคำ/น้ำมันดิบ/เงิน ฯลฯ แบบออนไลน์ โลหะมีค่าและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ติดเทรนด์ทั่วโลก

เริ่มการเทรดเลยตอนนี้ >

ลูกค้าใหม่สามารถรับรางวัลมูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ!

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะไม่ใช่ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก แต่ก็เป็นราชาแห่งสกุลเงินโลกที่ไม่มีใครโต้แย้ง เป็นสื่อกลางในการค้าระหว่างประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญของตลาดการเงินโลก แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าอะไรที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งแกร่งมากขนาดนี้ คำตอบอาจทำให้คุณประหลาดใจ มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับสินทรัพย์ที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ “ทองคำ” หรือ Gold Standard (มาตรฐานทองคำ) ที่ไม่เพียงแต่สหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลาย ๆ ประเทสก็ได้นำมาตราฐานทองคำมาเป็นตัวกำหนดทิศทางระบบเงินตราของตน

ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ฉบับนี้ เราจะเจาะลึกถึงความเชื่อมโยงที่น่าสนใจระหว่างมาตรฐานทองคำกับการเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เรื่องราวของมาตรฐานทองคำผ่าน Bretton Woods (เบรตตันวูดส์) ที่ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่เหนือเงินสกุลอื่น ๆ แม้จะยังมีอีกหลายสกุลเงินที่มีมูลค่าแพงกว่า สุดท้ายนี้ เราจะจัดเตรียมความรู้ให้กับคุณเพื่อสร้างผลกำไรจากยักษ์ใหญ่แห่งโลกการเงินทั้งสองนี้ ได้แก่ทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

เรื่องราวของการครองที่หนึ่งในระบบการเงินโลกของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ได้เริ่มต้นจากตัวมันเอง หากแต่ด้วยสัญลักษณ์แห่งมูลค่าเหนือกาลเวลา นั่นก็คือ “ทองคำ” Gold Standard หรือ มาตรฐานทองคำคือระบบการเงินชนิดหนึ่งที่ซึ่งสกุลเงินของประเทศใด ๆ เชื่อมโยงโดยตรงกับปริมาณทองคำที่คงที่ กล่าวอย่างง่ายก็คือ หนึ่งหน่วยของค่าเงินจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำตามปริมาณที่กำหนดไว้แบบ 1:1 และในทางกลับกัน ระบบนี้ ให้ความรู้สึกมั่นคงและคาดเดาได้สำหรับการค้าระหว่างประเทศ

บทความที่คุณอาจสนใจ

• เรียนรู้วิธีคิดอย่าง 5 เทรดเดอร์ระดับโลกที่คุณทำตามได้

• โอกาสเทรดทอง สร้างผลตอบแทนที่ดีปี 2567

• การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์: The Ultimate Guide

แล้ว Gold Standard นี้เชื่อมโยงกับต้นกำเนิดของค่าเงินดอลลาร์วันนี้ได้อย่างไร กล่าวคือ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯ ได้นำมาตรฐานทองคำมาใช้ ซึ่งหมายความว่ามูลค่าของค่าเงินดอลลาร์วันนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับจำนวนทองคำที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองอยู่ สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกไว้วางใจและความเชื่อมั่นในสกุลเงิน USD เนื่องจากมูลค่าของมันเชื่อมโยงกับทองคำซึ่งสินทรัพย์ที่จับต้องได้ 

ความเชื่อมโยงกับทองคำนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นักลงทุนและต่างประเทศรู้ดีว่าพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นจำนวนทองคำที่คาดการณ์ได้เสมอ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสกุลเงินที่เชื่อถือได้และปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ความไว้วางใจโดยธรรมชาตินี้ได้รับแรงหนุนจากมาตรฐานทองคำ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก้าวสู่สกุลเงินที่เป็นที่ยอมรับในเวทีการค้าโลกเช่นในวันนี้

เป็นเวลานับพันปีแล้วที่มนุษย์ต้องต่อสู้กับแนวคิดของสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange) ที่เชื่อถือได้ ตั้งแต่การใช้เปลือหอยหรือสิ่งของใด ๆ เป็นสัญลักษณ์ การแสวงหาการสะสมคุณค่าที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเป็นประเด็นสำคัญที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ในที่สุดก็ค้นพบว่า มาตรฐานทองคำ (Gold Standard) กลายเป็นโซลูชันที่ทรงพลัง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับ้องได้ ไม่เสื่อมค่า ไม่บุบสลาย และเป็นที่ยอมรับตรงกันในระดับสากล

ภายใต้มาตรฐานทองคำ สกุลเงินของประเทศหนึ่ง ๆ มีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่โดยมีปริมาณทองคำที่ระบุ ลองนึกภาพสิ่งนี้ หนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำในปริมาณที่กำหนด เช่น หนึ่งในสิบของออนซ์ และด้วยการใช้ Gold Standard เป็นเกณฑ์ มีข้อได้เปรียบหลายประการ ดังนี้

• ความมีเสถียรภาพ: มูลค่าโดยธรรมชาติของทองคำและอุปทานที่จำกัดทำให้เกิดความมั่นใจในระบบ ผู้คนต่างทราบว่าสกุลเงินของตนมีมูลค่าที่คาดเดาได้ซึ่งเชื่อมโยงกับโลหะมีค่าเช่นนี้

• ระเบียบวินัย: รัฐบาลจะถูกจำกัดการพิมพ์ธนบัตรไปโดยปริยาย การพิมพ์ธนบัตรที่มากขึ้นจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินนั้น ๆ ลดลงเมื่อเทียบกับทองคำสำรอง (Gold Reserve) คงที่

• การค้าระหว่างประเทศ: มาตรฐานทองคำช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนราบรื่นยิ่งขึ้น การทราบอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินนั้นตรงไปตรงมาเมื่อทั้งสองสกุลเงินเชื่อมโยงกับส่วนร่วมซึ่งก็คือทองคำ

Image source: Rachana Ranade

มาตรฐานทองคำ แม้จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและความต้องการในค่าเงิน USD ขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว ในขณะที่โลกหลุดพ้นจากการทำลายล้างของสงครามโลกครั้งที่สอง ก็จำเป็นต้องมีระบบการเงินระหว่างประเทศใหม่ขึ้นมา เข้าสู่ระบบ Bretton Woods ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) ที่การประชุม Bretton Woods

หลังจากการทำลายล้างของสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้นำโลกได้รวมตัวกันที่ Bretton Woods รัฐนิวแฮมป์เชียร์ในปี พ.ศ. 2487 ผลลัพธ์ของข้อตกลง Bretton Woods ได้เปิดศักราชใหม่  แม้ว่าจะยังคงรักษาองค์ประกอบบางอย่างของมาตรฐานทองคำไว้ แต่ก็ทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลกเช่นวันนี้ จากนั้นสกุลเงินอื่น ๆ จะถูกตรึงไว้กับค่าเงิน USD ซึ่งในทางกลับกันก็ถูกตรึงไว้กับราคาทองคำคงที่ สิ่งนี้สร้างระบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้เกิดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในขณะที่ยังคงให้ระดับของความเสถียร

อย่างไรก็ดี ในที่สุดระบบ Bretton Woods ก็ล่มสลายลงในช่วงต้นทศวรรษ 1970 (ราวปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา) เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงสงครามเวียดนามและการขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม มรดกของมันยังคงอยู่ต่อไปค่าเงิน USD ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองที่โดดเด่นของโลก แม้ว่าไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับทองคำอีกต่อไป การครอบงำนี้สะท้อนถึงขนาดและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ยังคงมีบทบาทสำคัญในการค้าและการเงินระหว่างประเทศ

ดังที่กล่าวมาข้างต้น ความสัมพันธ์ของทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้เป็นการเดินทางที่น่าสนใจ ต่าวแข่งขันขึ้นและลงตามภาวะเศรษฐกิจที่หมุนเวียนไปตามหน้าประวัติศาสตร์ มาตีกรอบความเข้าใจในการทำงานของคู่หูสองคนนี้ดีกว่า

การเพิ่มขึ้นของดอลลาร์และการล่มสลายของมาตรฐานทองคำ

สหรัฐอเมริกาผงาดขึ้นมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะผู้นำทางเศรษฐกิจ ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเงินดอลลาร์นำไปสู่ระบบที่เรียกว่ามาตรฐานการแลกเปลี่ยนทองคำ ภายใต้ระบบนี้ ประเทศอื่น ๆ ตรึงสกุลเงินของตนไว้ที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในทางกลับกันก็ยังมีทองคำหนุนอยู่  ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบการเงินโลกเช่นทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม มาตรฐานทองคำก็มีข้อจำกัด คือความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมปริมาณเงินของตนและตอบสนองต่อวิกฤติเศรษฐกิจ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930 ได้เผยให้เห็นข้อจำกัดเหล่านี้ ประเทศต่าง ๆ ละทิ้งมาตรฐานทองคำทีละคน ๆ ทำให้พวกเขาสามารถปรับสกุลเงินของตนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สหรัฐฯ ได้ตัดความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายระหว่างค่าเงินดอลลาร์ของตนและทองคำอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2514 ซึ่งนำไปสู่ยุคของสกุลเงินทั่วไป ซึ่งคำสั่งของรัฐบาลสนับสนุนสกุลเงินซึ่งไม่ใช่สินค้าทางกายภาพเช่นทองคำนี้

ยุคใหม่ของทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 

แม้ว่าการเชื่อมโยงอย่างเป็นทางการจะถูกตัดขาด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับดอลลาร์สหรัฐยังคงมีอยู่ กล่าวคือ การซื้อขายทองคำใช้เงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นสื่อกลางชำระรายการ เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้อุปสงค์และราคาลดลง ในทางกลับกัน ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าส่งผลให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับเทรดเดอร์ต่างชาติ ส่งผลให้อุปสงค์และราคาซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ทองคำยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือการลงทุนทางเลือกเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ เมื่ออัตราเงินเฟ้อกัดกร่อนอำนาจซื้อของสกุลเงิน ทองคำซึ่งไม่มีการบุบสลายได้กลายว่าเป็นสิ่งสะสมมูลค่าที่เพิ่มราคาสูงขึ้น

ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมเราไม่สร้างโอกาสการลงทุนจากการเปลี่ยนแปลงแบบผกผันนี้ล่ะ!

ทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยมานานหลายศตวรรษ โดยมีคุณค่าจากความมั่นคงและความสามารถในการรักษามูลค่าไว้ได้ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ ราคาทองคำมีความผันผวนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนทั่วโลก โดยการเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่าง ( CFDs) บนทองคำที่มีราคาเป็น USD (CFD Gold) คุณสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเหล่านี้ และอาจได้กำไรจากราคาทองคำทั้งขาขึ้นและขาลง

TOPONE Markets โบรกเกอร์ CFD ที่มีรูปแบบการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้นการเทรด CFD ทองคำและค่าเงิน USD แพลตฟอร์มของเรายังมีคุณสมบัติ Copy Trading ซึ่งช่วยให้คุณสามารถคัดลอกการเทรดของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในชุมชนเทรดเดอร์ของเราได้โดยอัตโนมัติ นี่เป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้จากเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และสะท้อนสู่กลยุทธ์ส่วนบุคคลได้

เปิดบัญชีเทรดทองกับโบรกเกอร์ TOPONE Markets วันนี้และเริ่มเทรด CFD Gold!

มาตรฐานทองคำถือเป็นเกณฑ์แรก เกณฑ์เดียวที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดมูลค่าของค่าเงินรอบโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ อเมริกาได้เคยตรึงค่าเงินของตนไว้กับมาตรฐานทองคำ จึงส่งผลให้มูลค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาทองคำกลายเป็นเรื่องเดียวกันจนแทบแยกไม่ออก 

ในฐานะเทรดเดอร์สมัยใหม่ เรามีเครื่องมือและวิธีการมากมายในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนและแปรผกผันกันนี้ของทองคำและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยการเทรด CFD ในสินค้า XAU/USD หรือ Gold CFD และอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์การลงทุนจากเรา

เทรด เช่น ทองคำ/น้ำมันดิบ/เงิน ฯลฯ แบบออนไลน์ โลหะมีค่าและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ติดเทรนด์ทั่วโลก

เริ่มการเทรดเลยตอนนี้ >

ลูกค้าใหม่สามารถรับรางวัลมูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ!