Lot FOREX คืออะไร คำนวณเป็น มองเห็นกำไร

บทนำ

การซื้อขายจะต้องมีหน่วยนับสิ่งที่ได้มาครอบครอง ในตลาด FOREX หรืออนุพันธ์ CFD หรือ Futures อ้างอิงราคาสินทรัพย์อื่น ๆ ก็เช่นกัน มีหน่วยลงทุนที่ซื้อขายเป็น Lot (ล็อต) ซึ่งกำหนดไปให้มีค่ามากหรือน้อยเมื่อเปิดออเดอร์ ก็จะมีผลต่อกำไรและขาดทุนในการเทรด

สำหรับสัญญาอ้างอิงราคาสินทรัพย์ที่ไม่ใช่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FOREX) อาจมีจำนวน Lot (ล็อต) ขั้นต่ำในการเปิดออเดอร์แตกต่างออกไปจากการเทรด FOREX อีกด้วย ซึ่งเทรดเดอร์ควรตรวจสอบหน้าต่างคำสั่งสำหรับป้อนคำสั่งเปิดออเดอร์ทุกครั้งที่สนใจเทรดผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ต่างออกไป

Lot การเทรดหมายถึงอะไร

Lot การเทรด คือปริมาณของหน่วยลงทุนที่ซื้อขายในตลาด CFD (Contrct for Difference) ซึ่งคือสัญญาอ้างอิงราคาของเงินตราต่างประเทศ สินทรัพย์โภคภัณฑ์ หุ้น ดัชนีหุ้น หรือเงินดิจิทัล ที่เทรดเดอร์จะเก็งทิศทางราคาว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง และทำการเปิดออเดอร์

โบรกเกอร์อาจกำหนด Lot การเทรดขั้นต่ำ เป็นตัวเลขอย่าง 0.1 ได้ แต่ก่อนจะกำหนด Lot การเทรด ควรศึกษาและทำความเข้าใจประเภทหน่วย Lot พื้นฐาน ที่กำหนดในการเปิดออเดอร์สัญญาอ้างอิงสินทรัพย์ที่พิจารณาอยู่ หรือที่นิยามว่า Contract Size เพราะหน่วยย่อยที่กำหนดตัวเลขเองได้เมื่อจะเปิดออเดอร์ จะต้องอ้างอิงเป็นสัดส่วนกับ Contract Size ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1. Standard Lot Size มีค่าเท่ากับ 100,000 หน่วย

2. Mini Lot Size มีค่าเท่ากับ 10,000 หน่วย

เมื่อเปิดออเดอร์หรือสัญญา 1 Lot จะทราบต้นทุนที่ต้องใช้ในการเปิดสัญญา และเมื่อราคาขยับต่อ Pips จะเกิดต้นทุนหรือได้กำไร ซึ่งเมื่อเข้าใจเรื่อง Lot แล้วสามารถใช้สูตรเพื่อคำนวณมูลค่าต้นทุนหรือกำไรได้ชัดเจน เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการลงทุน หรือการควบคุมความเสี่ยงในการเปิดแต่ละออเดอร์ เพื่อกำหนดจุดที่จะ Cut Loss (ปิดสัญญาที่มูลค่าขาดทุนที่รับได้) หรือ Profit Take (ปิดสัญญาที่กำไรเป้าหมาย)

การคำนวณต้นทุนการเทรดจาก Lot

กรณีที่ 1 จำเป็นต้องพิจารณาก่อนว่า มีการเทียบคู่กับสกุลเงิน USD หรือไม่ โดยหากคู่สุกลเงินหลักที่พิจารณาคือ USD เช่น USDCAD, USDCHF, USDCNH, USDJPY, USDEUR หรืออื่น ๆ ตามแต่ผลิตภัณฑ์ที่โบรกเกอร์ได้นำเสนอ จะใช้สูตรคำนวนที่ 1 ดังนี้

สูตรคำนวณที่ 1:

ต้นทุนของออเดอร์ หรือราคาต่อ Pip = (ทศนิยมของคู่เงิน/ ราคา ณ ปัจจุบัน) x Contract Size

การพิจารณาเรื่อง ทศนิยมของมูลค่าคู่เงิน หากพบว่าการเปิดออเดอร์ USDCAD ซึ่งราคา Bid อยู่ที่ $1.2936 ใช้ตัวเลขทศนิยม 4 ตำแหน่ง เราจะเขียนมูลค่าของทศนิยมของคู่เงินในสูตรว่าเท่ากับ 0.0001 แต่โปรดจำว่า หากการเปิดสัญญาใด ๆ ราคาอ้างอิงปรากฏเป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง มูลค่าของทศนิยมของคู่เงินในสูตรว่าเท่ากับ 0.01 หรือก็คือกำหนดมูลค่าทศนิยมตามแต่จำนวนตำแหน่งทศนิยม 

กรณีตั้งคำสั่ง ใช้เปิด Position เก็งกำไรคู่เงิน USDCAD และราคาอยู่ที่ $1.2936 เมื่อแทนตัวเลขเข้าไปในสูตรคำนวณ จะได้ 

ต้นทุนของออเดอร์ หรือราคาต่อ Pip  =(0.0001 / 1.2936) x 100,000

= $ 0.7730 ต่อการเคลื่อนไหวของราคา 1 Pip 

กำหนดบัญชีเป็นแบบ Standard ซึ่งค่ากำหนดของ Contract Size จะเท่ากับ 100,000 หน่วยเสมอ และตัวเลขที่ได้นี้เป็นต้นทุนการเปิดออเดอร์เมื่อส่งคำสั่งสำหรับ 1 Lot (1.0 Lot) 

กรณีที่ต้องการทราบต้นทุนเปิดออเดอร์ หรือต้นทุนการเคลื่อนไหวของราคา 1 Pip เมื่อกำหนดจำนวนหน่วยลงทุนเป็น Lot ต่อสัญญาที่ไม่ใช่ 1 Lot สามารถนำตัวเลขต้นทุนการเปิดออเดอร์ที่คำนวณได้จากมูลค่า 1 Lot ตามสูตรข้างต้นไปคูณกับจำนวน Lot ที่ต้องการเทรดจริง ๆ เช่น 

กรณีต้องการเปิดออเดอร์ล็อตเล็ก 0.1 อ้างอิงต้นทุนการเปิดออเดอร์ของ AUD/USD ที่ได้คำนวณไว้แล้ว จะได้ต้นทุนการเปิดออเดอร์ล็อตเล็ก 0.1 เท่ากับ 0.7730 x 0.1 = $0.0773

กรณีต้องการเปิดออเดอร์ที่ 2.0 Lots ต้นทุนเท่ากับ 0.7730 x 2.0 = $1.546

กรณีที่ 2 หากการเทียบอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ได้นำ USD มาเป็นสกุลเงินหลัก เช่น พิจารณาเปิดออเดอร์ AUDUSD, EURUSD, GBPUSD, NZDUSD และอื่น ๆ

กรณีตั้งใช้เปิดสัญญาเก็งกำไรคู่เงิน AUDUSD และราคาอยู่ที่ 0.68524 

สูตรคำนวณที่ 2: 

ต้นทุนของออเดอร์ หรือราคาต่อ Pip 

= ทศนิยมของคู่เงิน x Contract Size x ราคาปัจจุบัน

ต้นทุนของออเดอร์ หรือราคาต่อ Pip 

=0.0001 x 100,000 x 0.6852

= $6.852 ต่อการเคลื่อนไหวของราคา 1 Pip 

กำหนดบัญชีเป็นแบบ Standard ซึ่งค่ากำหนดของ Contract Size จะเท่ากับ 100,000 หน่วยเสมอ และตัวเลขที่ได้นี้เป็นต้นทุนการเปิดออเดอร์เมื่อส่งคำสั่งสำหรับ 1 Lot (1.0 Lot) 

กรณีต้องการเปิดออเดอร์ล็อตเล็ก 0.1 อ้างอิงต้นทุนการเปิดออเดอร์ของ AUD/USD ที่ได้คำนวณไว้แล้ว จะได้ต้นทุนการเปิดออเดอร์ล็อตเล็ก 0.1 เท่ากับ 6.852 x 0.1 = $0.06852

กรณีต้องการเปิดออเดอร์ที่ 2.0 Lots ต้นทุนเท่ากับ 6.852 x 2.0 = $13.704

ตัวอย่างการคำนวณ PnL จาก Lot การเทรด

PnL ย่อมาจาก Profit and Loss จะนำมากล่าวถึงเงินที่เราลงทุนไปว่าสร้างกำไรหรือส่งผลขาดทุนอย่างไร โดยเมื่อเปิดออเดอร์ เท่ากับเทรดเดอร์มี Position ที่เปิดอยู่ในตลาด หากยังไม่มีการปิดออเดอร์ ค่า PnL ก็ยังไม่ได้ถือว่าเกิดขึ้นจริง แต่สามารถตรวจสอบได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงของราคา หรือการขึ้นลงแต่ละ Pip ที่แสดงในกราฟราคา จะเปลี่ยนแปลงค่า PnL และสะท้อนไปยัง Equity ของพอร์ตลงทุน และส่งผลต่อความสามารถในการเปิด Position ใหม่ รวมไปถึงทำให้เล็งเห็นได้ว่าต้องมีการเพิ่มเงินในพอร์ตหรือไม่ กรณีมูลค่า Leverage ที่กำหนดไว้ดูเหมือนไม่เพียงพอต่อการผันผวนของราคา

Leverage สัมพันธ์กับ Equity ที่บ่งบอกความสามารถในการลงทุน ตามปกติแล้วผู้ที่ลงทุนใน CFD มีสิทธิจะใช้ Leverage ที่เสมือนการยืมเงินจากโบรกเกอร์มาก่อน ในการเปิดออเดอร์ที่มีมูลค่าใหญ่กว่า Equity ที่แท้จริง หรือการปล่อยให้การขาดทุนเพิ่มสูงมากกว่าเงินต้น ถ้ากรณีของการ Leverage ไม่ครอบคลุมมูลค่าขาดทุน หรือในบัญชีของเทรดเดอร์ที่กำหนดไม่ให้มีการใช้ Leverage เลย (ซึ่งไม่แนะนำหากไม่สามารถนั่งเฝ้าจดเทรดได้) จะเกิดผลเสียคือ บัญชีจะถูก Stop Out ซึ่งคือการขายปิด Position ทั้งหมด และนักลงทุนสูญเสียเงินต้นทั้งหมดในพอร์ตลงทุนไป

การคำนวณ PnL (เลเวอเรจ) ของพอร์ตมีสูตร คือ

PnL (เลเวอเรจ) =กำไรเฉลี่ยทั้งหมด/ขาดทุนเฉลี่ยทั้งหมด

กล่าวคือ เมื่อคำนวณเฉพาะ Position ที่มีกำไรคาดหวัง จะได้ค่ากำไรเฉลี่ยทั้งหมด นำมาเปรียบเทียบกับ ค่าขาดทุนเฉลี่ยทั้งหมดจาก Position ที่พบว่ากำลังขาดทุนอยู่ ซึ่งค่า PnL ที่เหมาะสมควรมีค่า 1 ขึ้นไป 

ค่า PnL จัดเป็นสัดส่วนผลตอบแทนประเภทหนึ่งที่บ่งชี้ความเสี่ยงของการจะถูก Stop Out ยิ่งเข้าใกล้ 1 ก็ยิ่งมีความเสี่ยงจะถูก Stop Out สูงขึ้น

Pip คืออะไร

Pip ย่อมาจาก Price Interest Point คือการนับค่าจุดทศนิยมตัวสุดท้าย ซึ่งในตัวอย่างที่กล่าวไปในการคำนวณอาจจะใช้ทศนิยมของราคาถึง 5 ตำแหน่ง แต่หลาย ๆ โบรกเกอร์จะแสดงราคาที่ 2 ตำแหน่งหรือ 4 ตำแหน่ง ซึ่งสมมติราคาของคู่เงิน AUDUSD แสดงผลแค่ 0.6852 ถ้าราคาเปลี่ยนเป็น 0.6853 ถือว่าราคาเปลี่ยนไป 1 Pip หรือถ้าเราเปลี่ยนเป็น 0.6862  เท่ากับราคาได้เคลื่อนไป 10 Pip

Point คืออะไร

นี่คือ “จุด” ที่ได้นับทศนิยมตำแหน่งที่ 3 สำหรับราคาแบบ 2 หลัก และนับทศนิยมตำแหน่งที่ 5 สำหรับราคาแบบ 4 หลัก อย่างการคำนวณที่ยกไปแล้ว ราคา USDCAD ที่ $1.2936 อาจแสดงราคาในกระดานที่ $1.29360 ถ้าราคาปรับเป็น $1.29369 แสดงว่าราคาขยับไป 9 Point โดยปกติการคำนวณต้นทุนของออเดอร์ จะนิยมใช้ค่า Pip มากกว่า Point

บทส่งท้าย

การเทรด CFD หรือ Future เปิดโอกาสให้ลงทุนด้วยงบประมาณที่น้อยกว่ามูลค่าซื้อขายจริงบนกระดาน หรือให้ลงทุนแบบหวังกำไรสูงกว่าหลายเท่าของเงินต้น โดยมี Leverage หรือสิทธิการทวีมูลค่าเป็นบริการจากโบรกเกอร์ ซึ่งเป็นตามธรรมชาติของการลงทุนว่าโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วย ในที่นี้คือการขาดทุนสูงสุด เกิดขึ้นเมื่อถูก Stop Out ที่จะทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด 

การเรียนรู้ที่จะคำนวณ PnL รวมไปถึงการขาดทุนและกำไรต่อ Position หรือโดยเฉลี่ยในพอร์ตลงทุน จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้วางแผนปิดบาง Position เพื่อทำกำไร หรือจำกัดการขาดทุนได้อย่างเหมาะสม อันเป็นผลดีให้ประสบความสำเร็จในการเทรดระยะยาว