The Wheel Strategy 101 คู่มือกลยุทธ์เทรดออปชัน
บทนำ
Wheel Strategy แห่งออปชัน หรือกลยุทธ์กงล้อออปชัน เป็นกลยุทธ์ซึ่งลงมือได้ง่ายเน้นความสม่ำเสมอในลักษณะของการขายสัญญาซื้อ (Call Option) ที่ผูกมัดนักลงทุนให้ต้องรับซื้อหุ้นตามเงื่อนไขกับคนที่ซื้อสัญญาออปชันไป สลับกับขายสัญญาขาย (Put Option) ซึ่งจะผูกมัดในทางกลับกัน คือนักลงทุนต้องขายหุ้นให้แก่คนที่ซื้อสัญญาไป
โดยกลยุทธ์ Wheel Strategy สัมพันธ์กับการเก็งราคาหุ้นล่วงหน้าในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือเงินในบัญชีเพียงพอเพื่อลงทุนในหุ้น ในภาษาอังกฤษสำหรับสัญญาขายเมื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอ คือ Cash Secured Put หรือสำหรับสัญญาซื้อเมื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอ คือ Covered Call
นักลงทุนที่เลือกกลยุทธ์ออปชัน Wheel Strategy นี้ จะคาดการณ์มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นในความสนใจว่าสูงกว่าราคาของตลาด ซึ่งหมายความว่าราคาที่เป็นอยู่ในขณะหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วจะต้องปรับสูงขึ้นมาถึงราคาที่คาดการณ์ โดยตอนที่ราคายังไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงตามที่คาดการณ์นั่นเอง นักลงทุนสามารถหาประโยชน์จากการขายสัญญาซื้อและสัญญาขายออปชันได้เรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มรายรับอย่างต่อเนื่อง
ทำความรู้จักกับ Wheel Strategy
เริ่มต้น Wheel Strategy ด้วยการขายสัญญาขายแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Cash Secured Put) โดยกำหนดระยะเวลามีผลของสัญญาที่ขายไปแต่ละฉบับคือหนึ่งสัปดาห์ สิ่งที่ได้จากการขายสัญญาทันทีคือค่าพรีเมียม (Premium) หมายถึงค่าธรรมเนียมตอบแทนการขาย คนที่จะซื้อ Cash Secured Put คือกลุ่มนักลงทุนที่เชื่อว่าราคาตลาดจะเป็นขาลงในช่วงเวลา (Time Frame) ที่กำหนด
หากราคาหุ้นไม่ลง คนซื้อ Cash Secured Put จะไม่ใช้สิทธิ ทางคนขายไม่ต้องดำเนินการอื่นใด ต่อจากนั้น เมื่อสัญญาออปชันหนึ่งหมดอายุ สามารถขาย Cash Secured Put ต่อเนื่องได้อีก ทำไปเรื่อย ๆ สัปดาห์ละหนึ่งสัญญา ค่าพรีเมียมที่จะได้สะสมไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่น้อยทีเดียว
โดยหลักแล้ว Wheel Strategy เน้นความถี่และการขาย Cash Secured Put เป็นการเล่นกับความเชื่อของกลุ่มคนที่คิดว่าตลาดจะเป็นขาลง ซึ่งราคาที่ผูกพันว่าผู้ซื้อจะใช้สิทธิได้ เรียกว่า Strike Price คนที่ใช้ Wheel Strategy จะต้องคาดหวังว่าราคาของหุ้นจะไม่ลงไปต่ำกว่า Strike Price หรือประเมินเองว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นควรจะขึ้นนั่นเอง
หากฝั่งที่ประเมินการเคลื่อนไหวว่าราคาจะถูกลง กลับกลายเป็นผู้ซื้อละก็ Cash Secured Put คือราคาตลาดเป็นขาลง ทางนักลงทุนที่ขายออปชันจะต้องทำการซื้อหุ้นตามปริมาณและราคาที่กำหนดในออปชันซึ่งสูงกว่าราคาตลาดจากผู้ใช้สิทธิออปชัน และถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปบนหุ้นตัวเดียวกัน คือการขายสัญญาซื้อ Cover Called แทน สืบเนื่องจากนักลงทุนยังคงยึดว่าราคาที่แท้จริงของหุ้นสูงกว่าราคาตลาด ไม่ว่าอย่างไร ราคาหุ้นจะต้องเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ซื้อ Cover Called ก็คือคนที่เชื่อเช่นเดียวกัน
หากสัญญา Option แต่ละฉบับที่มีอายุหนึ่งอาทิตย์หมดอายุไปก่อนราคาจะเพิ่มถึงระดับ Strike Price ทางนักลงทุนก็จะขาย Cover Called ได้เรื่อย ๆ กระทั่งราคาหุ้นไปแตะที่ระดับ Strike Price ทางนักลงทุนก็ต้องขายหุ้นตามปริมาณและราคาที่กำหนดในออปชันแก่ผู้ใช้สิทธิออปชัน ซึ่งราคาขายหุ้นดังกล่าวจะต่ำกว่าราคาตลาด
Wheel Strategy ทำงานอย่างไร
ดังที่อธิบายไปแล้วข้างต้น Wheel Strategy เป็นวิธีการลงทุนอย่างเป็นระบบ และมุ่งหวังการทำกำไรได้เรื่อย ๆ โดยใช้ Cash Secured Put และ Covered Call สลับไปมาเพื่อทำกำไรในระยะยาว ทำให้เกิดรายรับรายสัปดาห์หรือรายเดือน
พื้นฐานอย่างตรงไปตรงมา
ขายออปชัน Cash Secured Put ให้กับคนที่คาดการณ์ว่าราคาของหุ้นจะต่ำลง กรณีที่นักลงทุนเชื่อว่ามูลค่าที่แท้จริงควรจะเพิ่มสูงขึ้น และให้ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีออปชันฉบับใดที่ถูกใช้สิทธิเพราะราคาหุ้นเกิดต่ำลงกว่าระดับ Strike Price จริง
เมื่อมีการใช้สิทธิ ต้องยอมรับซื้อหุ้นมาในราคา Strike Price คือสูงกว่าราคาตลาด
ขายออปชัน Covered Call ของหุ้นที่ถืออยู่ ให้กับผู้ที่คาดการณ์ว่าราคาของหุ้นจะสูงขึ้น ถ้าราคาจริงพุ่งไปถึง Strike Price ที่ผู้ซื้อใช้สิทธิได้ ก็ให้นักลงทุนส่งมอบหุ้นที่ถือ ณ ราคา Strike Price ซึ่งคือราคาต่ำกว่าราคาตลาด
ทำซ้ำแบบเดิมใหม่ 1 กับ 2 วนลูป
การทำตามลำดับ 1 และ 2 แล้ววนซ้ำแบบนี้ อาจจะเป็นที่สงสัยถึงการขาดทุนเมื่อต้องยอมซื้อหุ้นที่ราคาสูงกว่าราคาตลาด และขายที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาด แต่เนื่องจากการขาย Cash Secured Put เกิดขึ้นหลายครั้งเช่นเดียวกับ Covered Call ทำให้ได้รับค่าพรีเมียมที่คุ้มค่า อีกทั้งในช่วงเวลาที่ได้หุ้นมา นักลงทุนยังมีสิทธิได้รับเงินปันผลจากหุ้น รวมถึงหากราคาของหุ้นพุ่งขึ้นสูงในช่วงที่ยังไม่ได้มีการขายออปชัน Covered Call ให้กับผู้อื่น ทางนักลงทุนสามารถที่จะขายหุ้นในราคาตลาดเองก็ย่อมได้
ตัวอย่างของ Wheel Strategy
กลยุทธ์นี้ เริ่มต้นจากการเลือกหุ้นมา 1 ตัว หรืออาจจะเลือกมาหลาย ๆ ตัวพร้อมกันก็ได้ เป็นการกระจายความเสี่ยงแบบหนึ่ง การยกตัวอย่างต่อไปนี้ จะนำเสนอข้อมูลสมมติการเสนอขายออปชัน Cash Secured Put และ Covered Call สำหรับหุ้น 1 ตัว เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นพฤติกรรมการขายเป็นรูปธรรม และคำนวณผลตอบแทนที่จะได้รับเป็น
ต่อไปนี้คือการทำรายการตามลำดับใน Wheel Strategy ที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวหนึ่ง
ขาย Cash Secured Put ซึ่งหมดอายุในวันที่ 10 เม.ย. 2021 กำหนด Strike Price (ราคาใช้สิทธิ) ที่ $72.50 โดยมีราคาพรีเมียมหน่วยละ $0.70 ซึ่งการขายออปชันแต่ละครั้ง โปรดเข้าใจว่าคือการทำธุรกรรมโดยมีสัญญาเป็นหุ้น 100 หน่วยเสมอ ดังนั้นนักลงทุนจะได้พรีเมียมที่ $70 และวันที่ออปชันหมดอายุ เมื่อราคาหุ้นอยู่ที่ $75 เหนือกว่า Strike Price เท่ากับไม่มีการใช้สิทธิ นักลงทุนก็ดำเนินการขาย Cash Secured Put ต่อได้
ขาย Cash Secured Put เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งหมดอายุในวันที่ 17 เม.ย. 2021 กำหนด Strike Price ที่ $76 โดยมีราคาพรีเมียมหน่วยละ $0.80 ดังนั้นจะได้พรีเมียม $80 และถ้าวันที่ออปชันหมดอายุ ราคาหุ้นอยู่ที่ $79 เหนือกว่า Strike Price เท่ากับไม่มีการใช้สิทธิจากผู้ซื้อ
ขาย Cash Secured Put เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งหมดอายุในวันที่ 24 เม.ย. 2021 กำหนด Strike Price ที่ $81 โดยมีราคาพรีเมียมหน่วยละ $0.60 ดังนั้นจะได้พรีเมียม $60 และถ้าวันที่ออปชันหมดอายุ ราคาหุ้นอยู่ที่ $82 เหนือกว่า Strike Price เท่ากับไม่มีการใช้สิทธิจากผู้ซื้อ
ขาย Cash Secured Put เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งหมดอายุในวันที่ 1 พฤษภาคม 2021 กำหนด Strike Price ที่ $89 โดยมีราคาพรีเมียมหน่วยละ $0.80 ดังนั้นจะได้พรีเมียม $80 และถ้าวันที่ออปชันหมดอายุ ราคาหุ้นอยู่ที่ $86 ต่ำกว่า Strike Price เท่ากับผู้ถือออปชันสามารถใช้สิทธิ
นักลงทุน ยอมซื้อหุ้น 100 หน่วย ที่ราคา Strike Price มูลค่า $89 ชำระเงิน $8,900
ขาย Covered Call ซึ่งหมดอายุในวันที่ 8 พฤษภาคม 2021 กำหนด Strike Price ที่ $108 โดยมีราคาพรีเมียมหน่วยละ $1.30 ดังนั้นจะได้พรีเมียม $130 และถ้าวันที่ออปชันหมดอายุ ราคาหุ้นอยู่ที่ $110 สูงกว่า Strike Price เท่ากับผู้ถือออปชันใช้สิทธิได้
นักลงทุน ขายหุ้นให้ผู้ใช้สิทธิ $108 x 100 = $10,800
ทำการขาย Cash Secured Put อีกครั้ง การลงทุนวนซ้ำในระบบ Wheel Strategy
สรุป ตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึง 7 ค่าพรีเมียมที่ได้ทั้งหมด คิดเป็น $70+$80+$60+$80+$130 = $420 และเงินกำไรจากซื้อขายหุ้นจริง $10,800 - $8,900 = $1,900
ความเสี่ยงจาก Wheel Strategy
การลงทุนมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ การลงทุนในออปชันด้วยกลยุทธ์ Wheel Strategy สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงในระยะยาว แฝงนัยยะว่ากลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินก้อนใหญ่เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าใจความเสี่ยงที่มากับกลยุทธ์นี้และยอมรับความเสี่ยงได้ก่อนจะตัดสินใจนำไปใช้
ความเสี่ยงที่ 1: ความผันผวน
เมื่อขาย Covered Call หากราคาหุ้นที่รับมาลดต่ำลงมาก สมมติว่าขาย Cash Secured Put ของหุ้นตัวหนึ่ง หมดอายุวันที่ 9 มีนาคม 2021 ที่ Strike Price $100 แต่ในวันหมดอายุนั่นเองราคาหุ้นตกไปอยู่ที่ $95 หมายความว่านักลงทุนจะต้องซื้อหุ้นที่ราคา $100 และยอมขาดทุน $5 แก่ผู้ถือออปชัน ซึ่งในสัปดาห์ต่อมา หากราคาหุ้นตกลงไปเป็น $80 หรือลดลงคิดเป็น 20% เมื่อคำนวณว่าจะขาย Covered Call ที่กำหนด Strike Price ไว้ $85 เป็นไปได้ที่ราคาจะเกิดพุ่งตัวกลับ จากนั้นก็ทะลุระดับ $85 ไป ทำให้ต้องขายหุ้นไปและขาดทุนสมบูรณ์ ชดเชยด้วยค่าตอบแทนเป็นพรีเมียมไม่เพียงพอ หรือถ้าตั้งขาย Covered Call ที่กำหนด Strike Price ไว้ที่ $100 ตามราคาที่รับซื้อมา ผลตอบแทนมากที่สุดที่จะได้ ก็คือแค่เท่าทุน
ถ้าต้องการเลี่ยงความเสี่ยงลักษณะเช่นนี้ เมื่อใช้ Wheel Strategy อยู่ แล้วเห็นราคาขยับลดลงมาก ๆ ไม่ควรเปิดขาย Covered Call ทันที แต่ให้รอจนระดับราคาของหุ้นกลับมายังระดับราคาที่รับซื้อมา จึงจะใช้ Wheel Strategy ขาย Covered Call ต่อไปได้
ความเสี่ยงที่ 2: ราคาที่เสียมูลค่าไป
หุ้นบางตัวอาจสูญเสียมูลค่าไปอย่างถาวรด้วยปัจจัยบางอย่าง เช่น การควบรวมกิจการที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นดูแย่ และต่อให้จะถือไปนานเป็นเดือน หรือปี นักลงทุนก็อาจไม่สามารถใช้ Wheel Strategy เพื่อชดเชยการขาดทุนจากการต้องรับซื้อหุ้นที่ราคายากจะกลับขึ้นไปเท่ากับราคารับซื้อได้
ความเสี่ยงที่ 3: ค่าเสียโอกาส
จากการที่ไม่ได้ทำกำไรจากหุ้นเสียเองตอนที่หุ้นเป็นขาขึ้น ทั้งนี้แทนที่จะขาย Cash Secured Put ก็สู้ไปซื้อหุ้นเองจำนวน 100 หุ้น และขาย Covered Call เลยดีกว่า เป็นการทำข้ามขั้นไปเลย เพราะว่าเมื่อผู้ซื้อใช้สิทธิ ราคาที่นักลงทุนขายไปให้ผู้ใช้สิทธิอาจจะต่ำกว่าราคาตลาด แต่ก็อาจจะสูงกว่าราคาตอนที่ซื้อมา ถือว่าลดความเสี่ยงจะเจอการขาดทุนอันเกิดจากการเลือกเริ่มต้นกลยุทธ์ด้วย Cash Secured Put ดังได้กล่าวไปแล้วในความเสี่ยงที่ 1 และ 2
ตัวเลือกกลยุทธ์อื่น ๆ
หลัก ๆ แล้ว แนะนำการเข้าซื้อหุ้น และจึงขายเฉพาะ Covered Call เพราะสามารถทำกำไรโดยมีความเสี่ยงน้อยลง
การจัดพอร์ตฟอร์ลิโอ ถือออปชันของหุ้นหลายตัว เป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องมีการถือหุ้นบางตัวในระยะยาว เพื่อรอให้ราคาปรับสู่ระดับที่เหมาะสมสำหรับทำ Wheel Strategy ต่อ การมีพอร์ตฟอลิโอที่มีประสิทธิภาพจะช่วยบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ดี อย่าลืมการทำกำไรจากส่วนต่างราคาโดยไม่พึ่งออปชัน การรับเงินปันผล และรับผลประโยชน์อื่นที่บริษัทซึ่งออกหุ้นอาจจะมอบให้แก่ผู้ถือหุ้น
เทคนิกและทิปสำหรับ Wheel Strategy
สิ่งสำคัญที่ควรทำเพื่อบริหารความเสี่ยงในการลงทุนออปชันแบบ Wheel Strategy คือเลือกหุ้นที่เห็นว่าจะเติบโตในระยะยาว หุ้นพวกนี้มักจะเป็นหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าสูง (Blue Chip Stock) ซึ่งไม่ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจหรืออื่น ๆ จนระดับราคาลดลง สุดท้ายแล้วราคาก็จะกลับมาเป็นขาขึ้น หรือปรับตัวสูงขึ้นเสมอ
ข้อจำกัดของหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าสูง คือผันผวนน้อยในเวลาปกติ ค่าพรีเมียมที่จะได้แต่ละครั้งเมื่อทำ Wheel Strategy ก็อาจจะไม่เยอะนัก นักลงทุนต้องเน้นพึ่งพาการกระทำซ้ำ ๆ อย่างเป็นระบบในการขาย Cash Secured Put และ Covered Call เพื่อสะสมเงินไปเรื่อย ๆ
เนื่องจากนักลงทุนอาจขายออปชันของหุ้นหลายตัว ควรดำเนินการอย่างรอบคอบในการขาย ด้วยการติดตามราคาของหุ้น และพฤติกรรมการลงทุนของคุณอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจจะใช้โปรแกรมที่คุ้นเคยกันดีอย่าง Microsoft Excel เพื่อบันทึกธุรกรรมตามแผนอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ตรวจสอบมูลค่าของพรีเมียมที่คุณได้รับไปทั้งหมดแล้ว เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นที่ถืออยู่ รวมถึงมองหาสัญญาณความเสี่ยงที่ส่งผลให้มูลค่าหุ้นเสื่อมลงโดยยากจะฟื้นตัว
บทส่งท้าย
กลยุทธ์ออปชัน Wheel Strategy เป็นหนึ่งวิธีที่ทำให้สามารถทำรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ แก่นักลงทุน โดยอาจสร้างผลประโยชน์เป็นเวลายาวนานนับปี เป็นกลยุทธ์ที่ถ้าเลือกใช้ในหุ้นที่มีพื้นฐานดี จะมีความเสี่ยงที่ต่ำ จะลดต้นทุนการถือหุ้น ทำให้ผลตอบแทนต่อหุ้นสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการถือหุ้นเอาไว้เฉย ๆ เพื่อกินเงินปันผล
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ก็ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน และมีความเสี่ยงอยู่บ้าง นักลงทุนต้องระมัดระวังในการลงทุน ไม่ลืมทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานของหุ้น และศึกษารูปแบบการปรับเปลี่ยนของราคา เพื่อให้มั่นใจว่าเลือกหุ้นที่มีโอกาสเติบโต
การบริหารพอร์ตออปชันเพื่อทำ Wheel Strategy ต้องมีวินัยในการบันทึกการทำรายการ ปฏิบัติตามเงื่อนไขการขายออปชัน รวมถึงรู้จักวางแผน Cut-Loss หรือยอมขายหุ้นที่รับซื้อในราคาขาดทุนได้ด้วย เพราะอาจจะได้พบกับกรณีที่หุ้นเสื่อมมูลค่าระยะยาวหรือถาวรเช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้ก็ต้องคัดหุ้นนั้นทิ้งจากพอร์ตฟอลิโอ เพราะไม่เหมาะกับการใช้ Wheel Strategy เพื่อทำกำไรต่อไป
บทความที่กำลังมาแรง
- รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร 2023-11-15
- 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023 2024-01-30
- ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024 2024-08-07
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!