Money101: มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ Provident Fund คืออะไร
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund คือการรวมทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน และนายจ้างนำเงินจำนวนนั้นไปลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนและสัดส่วนต่าง ๆ
ประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีอัตราการออมของประชาชนในระดับที่ค่อนข้างสูง การออมส่วนบุคคล จะช่วยให้ประเทศนั้น ๆ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะประชาชนมีศักยภาพในการช่วยเหลือตนเอง โดยเฉพาะในยามที่ว่างงานหรือเกษียณอายุ
ประเทศไทยเอง ก็ได้พยายามส่งเสริมการออมของประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนประกันสังคม ที่จ่ายเบี้ยบำนญยามชราภาพ หรือกองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนการออมของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ Provident Fund ที่เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกันในวันนี้
Provident Fund คืออะไร
Provident Fund หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือูปแบบหนึ่งของกองทุนรวมที่เป็นการรวบรวมเงินของนายจ้างและลูกจ้างในองค์กรฝ่ายละ 1 ส่วน ตามอัตราส่วนที่แต่ละองค์วางไว้ เพื่อนำเงินจำนวนนี้เป็นลงทุนในกองทุนรวมที่องค์กรเลือก
Provident Fund คือหนึ่งสวัสดิการจูงใจจางองค์กรให้ลูกจ้างทำงานอยู่กับที่ตน เพราะเงินจำนวนดังกล่าว จะเป็นส่วนของลูกจ้างในวันที่เขาเกษียณอายุการทำงาน
เงินเดือนเท่าไหร่ แล้ว Provident Fund เท่าไหร่
สัดส่วนการหักเงินจากรายได้ประจำเดือนเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของแต่ละบริษัทอาจมีรายละเอียดต่างกัน เช่น นายจ้างจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากเงินเดือน หรือตามตำแหน่งงาน หรือตามอายุการทำงาน เช่น หัก 3% จากเงินเดือนพื้นฐาน (คือไม่รวมค่าตำแหน่ง ค่าล่วงเวลา และรายได้ผันแปรอื่น ๆ)
เมื่อคุณเข้าทำงานในบริษัทที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ายบุคคลจะแจ้งให้ทราบถึงเกณฑ์การหักเงินนี้ และอาจกำหนดด้วยว่า คุณจะสามารถสมัครเข้าเป้นสมาชิกกองทุนได้ เมื่อผ่านการทดลองงานแล้ว เป็นต้น
บางบริษัท ก็ยังมีแผนการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ยืดหยุ่นมาก โดยที่ให้ลูกจ้างเลือกสัดส่วนการลงทุนได้ว่าต้องการลงทุนในสินทรัพย์ใด เท่าไร แล้วนายจ้างก็หักเงินของตนเข้าสมทบอีก 1 เท่า
เช่น คุณเลือกลงทุนในหุ้นไทย 40 เปอร์เซ็นต์ + เงินฝากในประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ + หุ้นต่างประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ และสถานะของคุณเวลานี้คือหัก 5% จากเงินเดือน ในฝั่งนายจ้างก็จะจัดสรรเงินของตนมาสมทบให้ในส่วนของคุณแบบเดียวกัน
กบ่าวโดยสรุป คุณควรตรวจสอบกับฝ่ายบุคคลผู้มีหน้าที่ดูแลเรื่องกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทว่าในเงื่อนไขสภาพของคุณ จะมีแผนการลงทุนให้เลือกหรือไม่ สามารถปรับได้ตามต้องการหรือไม่ ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะหักมากหรือหักน้อย เงินจำนวนนี้ จะเป็นของคุณแน่ ๆ ในวันที่คุณเกษียณอายุแน่นอน
ใช้เงินจาก Provident Fund ได้เมื่อไร
วัตถุประสงค์ของ Provident Fund คือ การสร้างหลักประกันทางการเงินให้แก่คุณในยามเกษียณ ดังนั้น จึงจูงใจด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากว่าคุณถือหน่วยลงทุนจนอายุครบ 55 ปี
ดังนั้น เราไม่แนะนำเลย หากคุณคิดว่าจะลาออกจากกองทุนเพื่อนำเงินทุนมาทำกิจกรรมต่าง ๆ
ประโยชน์ของ Provident Fund มีอะไรบ้าง
หากคุณคิดว่า การที่เงินเดือนถูกหักออกจากสลิปเงินเดือนในแต่ละเดือนนั้นเป็นภาระ เราขอให้คิดได้ทบทวนใหม่ เพราะจริง ๆ แล้วกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีข้อดีมากมายต่อตัวคุณในอนาคต
ลดความเสี่ยงจากต้นทุนของการลงทุน
เพราะการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะเป็นการหักเงินจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือนหรือ DCA (Dollar Cost Average) โดยไม่สนใจว่าราคาต้นทุนของหน่วยลงทุนจะสูงหรือต่ำ นั่นหมายความว่า ราคาต้นทุนจะถูกเฉลี่ยไป มีถูกบ้างแพงบ้าง ซึ่งดีกว่าการถือเงินก้อนไปลงทุนทีเดียวตอนที่ต้องการ เพราะในเวลานั้นราคาต้นทุนอาจปรับสูงขึ้นก็ได้
เป็นการลงทุนระยะยาว
เงื่อนไขกองทุน เอื้อประโยชน์ต่อการลดหย่อนภาษี ดังนั้น หากคุณยังอายุไม่ครบ 55 ปี คุณก็ไม่สามารถนำเงินนี้มาใช้จ่ายได้ เท่ากับว่าจะเป็นการบังคับให้คุณออมเงินเพื่อวันที่ไม่มีแรงทำงานอย่างแน่นอน
มีเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
ดังที่ทราบ นายจ้างจะสมทบเงินให้อีก 1 เท่าของสัดส่วนการลงทุนของคุณ เช่น ปีนี้คุณหัก 3% จากเงินเดือนพื้นฐานเข้ากองทุน บริาัทก็จ่ายสมทบให้ 3% ในปีถัดมาคุณมีฐานเงินเดือนเพิ่มขึ้น และต้องหัก 5% บริษัทก็เพิ่มสัดส่วนการสมบทให้เช่นเดิม เท่ากับว่า เงินทุนของคุณจะมีเป็น 2 เท่า ดีกว่าการลงทุนในกองทุนรวมหรือกองทุน SSF, RMF ด้วย
ตัวช่วยลดหย่อนภาษี
คุณสามารถนำยอดเงินสะสมที่จ่ายไปในแต่ละไปไปกรอกที่รายการลดหย่อน ในตอนคำนวณภาษีเงินได้บุคลธรรมดา ประมาณเดือนมกราคม บริษัทของคุณจะจัดส่งรายงานยอดหน่วยลงทุนในทราบ เพียงนำยอดเงินที่ระบุในส่วนที่เป้นการจ่ายของคุณลงไปเท่านั้น
ลาออกจาก Provident Fund ได้หรือไม่
การลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นสามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจลาออกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เราขอให้คุณทบทวนเหตุผลที่ไม่ต้องการเป็นสมาชิกกองทุนอีกสักครั้ง เพราะถึงอย่างไร เราก็มองว่า การออมเงินเพื่อเกษียณ เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ที่คนไทยทุกคนควรให้ความสำคัญ นับตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มต้นทำงาน
นอกจากนี้ คุณจะต้องตรวจสอบกับเงื่อนไขของบริษัทนายจ้างด้วยว่า หากลาออกจากกองทุนรสำรองเลี้ยงชีพแล้ว จะสมัครกลับเข้ามาเป็นสมาชิกได้หรือไม่ และหากลาออกจากการกองทุนสำรองเลี้ยวชีพ แต่ไม่ได้ลาออกจากงาน คุณอาจไม่ได้รับเงินลงทุนในส่วนที่นายจ้างจ่ายไป
ลาออกจากกองทุนแล้ว จะได้เงินลงทุนคืนอย่างไร
เนื่องจากจำนวนเงินสะสมที่จ่ายไปเมื่อครั้งเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีความผูกพันทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น ไม่เพียงแต่คิดคำนวณว่าคุณจะได้รับเงินกลับมาเท่าไร ต้องคิดถึงเงินภาษีที่อาจต้องจ่ายย้อนหลังตามสัดส่วนด้วย
กรณีที่ 1 ออกจากงานก่อนอายุ 55 ปี และอายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพน้อยกว่า 5 ปี
กรณีนี้จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยต้องนำเงินที่ได้ทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ ผลประโยชน์จากเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์จากเงินสมทบ (ส่วนที่นายจ้างออกให้) ไปคำนวณภาษีประจำปีนั้น ๆ
เงินสะสม = 500,000 บาท
ผลประโยชน์จากเงินสะสม = 50,000 บาท
เงินสมทบ = 500,000 บาท
ผลประโยชน์จากเงินสมทบ = 50,000 บาท
นำส่วนที่ 2+3+4 = 50,000 + 500,000 + 50,000 = 600,000 บาท ไปรวมกับเงินได้พึงประเมินชนิดอื่น ๆ ของปีนั้นเพื่อคำนวณภาษี
กรณีที่ 2 ออกจากงานก่อนอายุ 55 ปี และอายุสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
สามารถเลือกได้ว่า จะนำไปรวมกับรายได้อื่นเพื่อยื่นภาษีหรือจะแยกคำนวณภาษีต่างหาก โดยการแยกคำนวณภาษีจะหักค่าใช้จ่ายแบบพิเศษ มี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 นำ 7,000 คูณจำนวนปีที่ทำงาน ขณะที่ ส่วนที่ 2 ให้นำเงินได้หักด้วยส่วนที่ 1 เหลือเท่าไหร่ให้คูณ 50% แล้วนำเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 2 ส่วนนี้ไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สุทธิขั้นแรก 150,000 บาท)
เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมา 10 ปี เงินที่ได้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้แก่ ผลประโยชน์จากเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์จากเงินสมทบ ซึ่งต้องนำไปรวมเพื่อเสียภาษี เท่ากับ 600,000 บาท (ใช้ตัวเลขตัวอย่างเดียวกับกรณีที่ 1)
ค่าใช้จ่ายส่วนที่ 1 : 7,000 x 10 = 70,000 บาท
ค่าใช้จ่ายส่วนที่ 2 : (600,000 – 70,000) x 50% = 265,000 บาท
เงินได้สุทธิ = 600,000 – 70,000 – 265,000 = 265,000 บาท นำไปรวมกับเงินได้พึงประคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
กรณีที่ 3 : อายุครบ 55 ปี และเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีทั้งจำนวน นี่คือวัตถุประสงค์หลักที่จูงใจให้คุณถือครอบเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนถึงอายุ 55 ปี
สำหรับผู้ที่ออกจากงานก่อนอายุ 55 ปี (กรณีที่ 1 และกรณีที่ 2) มีทางเลือกให้อีก 3 วิธี เพื่อลงทุนต่อจนกว่าอายุจะครบ 55 ปี เพื่อเข้าเงื่อนไขของการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
คงเงินไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิม ซึ่งจะเสียค่าธรรมเนียมการคงเงินไว้ที่ 500 บาทต่อปี ข้อนี้ คุณอาจลองคำนวณดูเองว่า การที่จะจ่ายออกทุก ๆ 500 บาทต่อปีจนถึงอายุ 55 (ตามเกณฑ์) กับการจ่ายภาษีย้อนหลัง กรณีใดคุ้มกว่า จากนั้นอาจนำเงินก้อนดังกล่าวไปลงทุนต่อทางอื่น
โอนย้ายไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของที่ทำงานใหม่ ทั้งนี้ต้องตรวจสอบกับกองทุนต้นทางและปลายทางด้วยว่า มีเงื่อนไขปลีกย่อยอย่างไรให้ต้องพิจารณาร่วมด้วยบ้างหรือไม่
โอนย้ายไปยังกองทุนรวม RMF for PVD
หนึ่งทางเลือกของการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา
ดังที่เราได้เน้นย้ำมาตลอดบทความว่า คุณสามารถนำยอดเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรายปี ไปคำนวณเป็นรายการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้
มาดูกันว่า ถ้าจะใช้สิทธิ์นั้น คุณต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ยอดเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยวชีพ จัดอยู่ในหมวดค่าลดหย่อน “การออมเพื่อการเกษียณ”
หมวดค่าลดหย่อนของมนุษย์เงินเดือน จะมีเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป เงินสมทบประกันสังคม (ได้สูงสุด 9,000 บาท) และเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม SSF และ/หรือ RMF
เมื่อรวมค่าลดหย่อนในหมวดนี้แล้ว จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท หรือ 30% ของเเงินได้พึงประเมิน (รายได้รวมตลอดปี ที่ยังไม่หักค่าลดหย่อยรายการต่าง ๆ)
จะสังเกตได้ว่ารายการค่าลดหย่อนในหมวดนี้ มีสองสิ่งที่คุณสามารถปรับได้ตามใจคือกองทุนรวม SSF และ RMF ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณเพิ่มสัดส่วนการลงทุนไปยัง 2 ที่นี้ เพิ่มเติมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย เพราะในที่สุด เงินทั้ง 3 ส่วนที่ได้ลงทุนไปในกองทุนเหล่านี้ จะเป็นของคุณอย่างแน่นอน (าหกม่ทำอะไรผิดเงื่อนไข)
บทส่งท้าย
ไม่ว่าฐานเงินเดือนของคุณจะมากน้อยเท่าไร การออมเป็นประจำใน Provident Fund คือเครื่องมือทางการเงินที่น่าสนใจ เพราะมีคนช่วยสมทบให้อีกถึง 1 เท่า แม้รายได้สุทธิของคุณไม่อยู่ในเกณฑ์เสียภาษี แต่การออมใน Provident Fund เป็นประจำจนอายุครบ 55 ปี ก็ช่วยสร้างดอกผลให้คุณได้มาก หากรู้จักหา รู้จักออม รู้จักใช้อย่างมีสติ ไม่มีทางที่เงินจะขาดมือไปได้แน่ ๆ
บทความที่กำลังมาแรง
- รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร 2023-11-15
- 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023 2024-01-30
- ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024 2024-08-07
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!