เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด

อะไรคือการรวมบัญชีหุ้น?

เผยแพร่เมื่อ 2022-01-23

บทนำ

ราคาหุ้นช่วงขาขึ้น มักเป็นจังหวะที่หลายคนจับสัญญาณได้แล้ว พวกเขาจะรีบเข้าไปลงทุน เพราะสามารถทำกำไรจากส่วนต่างของราคาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ หรือถ้าหากเจอราคาหุ้นช่วงขาลง นักลงทุนหลาย ๆ คนก็รีบขายหุ้นไปเสียแต่เนิ่น ๆ เพราะหวังเก็บกำไรไว้ได้มากที่สุด และอาจจะรอซื้อเมื่อเห็นว่าระดับราคาของหุ้นไม่ลงไปอีกหรือคงที่ เพื่อหวังจะเก็งกำไรอีกครั้งเมื่อราคาหุ้นขยับขึ้นไปในอนาคต


อย่างไรก็ตาม หุ้นไม่ได้มีแค่ขาขึ้นกับขาลง แต่ยังมีช่วงเวลาที่มี “การรวมบัญชีหุ้น” ซึ่งคำนี้แปลตรงตัวมาจากศัพท์ทางเทคนิคในภาษาอังกฤษ คือ “Stock Consolidation” ซึ่งนักเทรดมือใหม่อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นการรวมมูลค่าของหุ้นใด ๆ ในพอร์ตฟอลิโอหรือเปล่า แต่แท้ที่จริงแล้ว การรวมบัญชีหุ้น คือการปรับเปลี่ยนราคาของหุ้นในลักษณะของ Sideway หรือภาวะที่ราคาเคลื่อนที่ในกรอบแคบ และตลาดมักมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างต่ำ



การรวมบัญชีหุ้นคืออะไร เกริ่นกันให้พอเห็นภาพบ้างแล้ว หลายท่านอาจจะข้องใจว่าหยุดอ่านได้ไหม เพราะเจ้า Sideway หรือการแกว่งของราคาแบบเรื่อย ๆ เป็นช่วงแคบนี้ ดูไม่มีประเด็นมากมาย แค่รู้อยู่แล้วว่าไม่ซื้อขายช่วงนี้จะดีกว่า แต่จริง ๆ แล้วมีสิ่งที่น่าสนใจให้ศึกษาต่อเนื่องในประเด็นนี้อยู่ด้วย เพื่อจะได้ไม่พลาดให้ต้องบ่นกับเพื่อนว่า “รู้อะไรไม่สู้รู้งี้ ว่า Stock Consolidation คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอะไร”

การรวมบัญชีหุ้นคืออะไร

หากลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น การรวมบัญชีหุ้นเป็นรูปแบบการปรับเปลี่ยนของราคาที่เกิดขึ้นได้ในตลาดสินทรัพย์ทุกประเภท ทั้งหุ้น คริปโทเคอร์เรนซี กองทุนดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ โดยการขยับราคานั้นจะขยับอยู่ภายในกรอบแคบ ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่หากจับตาดูให้ดี จะได้เห็นการปรับตัวของราคาสู่ระดับใหม่ในไม่ช้า ดังนั้น ถ้าสังเกตเห็นการรวมบัญชีหุ้นสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ควรที่จะเฝ้าสังเกตอย่างรอบคอบต่อไปอย่างใจเย็น


รูปแบบการรวมบัญชีหุ้น หรือการที่บัญชีหุ้นมีจุดรวมศูนย์ราคาอยู่ช่วงเดียว จะมีลักษณะต่อไปนี้

  • ระบุแนวรับและแนวต้านได้ชัดอย่างง่ายดาย พบราคาปรับขึ้นลงเป็นรูปแบบธงสามเหลี่ยมแนวตั้งและกลับหัวเรียงต่อสลับกันเรื่อย ๆ ในช่วงแนวรับและแนวต้าน

  • มีกรอบราคาที่ทำการเทรดได้เลยแคบ แต่จะแคบขนาดไหนขึ้นอยู่กับว่าเป็นหุ้นอะไรด้วย

  • ระดับการซื้อขายขณะมีการรวมบัญชีหุ้นค่อนข้างต่ำ ถึงต่ำมาก


การรวมบัญชีหุ้นนั้น เรียกว่าเป็นการรวมเพราะว่าราคาไม่มีการแกว่งแยกออกไปทางขาขึ้นหรือขาลงชัด ราคากวัดแกว่งแค่ในกรอบแคบ ๆ อยู่ที่ระดับหนึ่ง 


บางครั้งการรวมบัญชีหุ้นก็เกิดขึ้นหลังจากช่วงทำกำไรดี ๆ 


นักลงทุนซึ่งนิยมการจับตาดูสัญญาณปริมาณซื้อที่สูงมาก (Overbought) หรือปริมาณขายสูงมาก (Oversold) อันยืนยันช่วงเวลาทำกำไรดี ๆ ถ้าพบสัญญาณซื้อหรือขาย สัญญาณใดสัญญาณหนึ่งถดถอยไป ราคาอาจจะเข้าสู่การ Consolidation หรือ Sideway นักเทรดต้องใจเย็นลงและรอจนกว่าจะได้เห็นสัญญาณปริมาณซื้อที่สูงมากหรือปริมาณขายที่สูงมากอีกครั้ง

เกิดขึ้นตอนไหน

การรวมบัญชีหุ้น เกิดขึ้นบ่อยครั้งหลังราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมาก กล่าวคือไม่นานหลังจากนั้น จะยังมีผู้เสนอซื้อและผู้เสนอขายที่ส่งคำสั่งเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เพราะหวังว่าจะได้เห็นการขยับของราคาขึ้นอีก หรือกังวลใจว่าราคาจะกลับตัวและลงมาอีกในไม่ช้า พอเกิดแรงยื้อของทั้งผู้ซื้อและขาย จะทำให้แนวโน้มราคาไม่สามารถระบุทิศทางแน่นอนได้ ซึ่งปัจจัยร่วมด้วยที่สำคัญคือการซื้อขายไม่หวือหวาหรือปริมาณซื้อขายน้อยกว่าปกติ


หากซื้อขายตอนเกิดการรวมบัญชีหุ้น จะพบว่าไม่ต่างจากการซื้อของตอนสายในตลาดสด ไม่ค่อยจะได้อะไรติดมือกลับบ้านนัก (ถ้าได้ก็น้อยนิด ไม่คุ้มการจับจ่าย)


นอกจาก การรวมบัญชีหุ้นหลังการพุ่งขึ้นของราคาอย่างมาก พฤติกรรมทางเศรษฐกิจของบริษัทที่ใช้อ้างอิงราคาหุ้นก็มีผลที่จะสร้างรูปแบบกราฟรวมบัญชีหุ้นขึ้นมา เช่น 

  • ข่าวสารการเจรจาควบรวมกิจการที่ตลาดยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้น คะเนผลดีผลเสีย หรือคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะตามมาไม่ได้แน่นอน

  • การออกรายงานทางการเงินเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่สี่ซึ่งแผนการดำเนินงานของบริษัทในรอบการดำเนินงานที่ผ่านมา อาจจะทำให้ตลาดต้องการความแน่ใจในผลการดำเนินการในช่วงไตรมาสแรกที่ดำเนินไปว่าจะรุ่งหรือร่วง

ดูอย่างไรว่าเป็น Consolidation Stock

ไม่มีเครื่องมือทางเทคนิคที่จะชี้ได้ตรงตัวว่านักเทรดหรือนักลงทุนกำลังเจออยู่กับการรวมบัญชีหุ้น แต่ราคาหุ้นนั้นก็บอกตรงตัว ลองพิจารณาว่าราคาหุ้นที่ดูอยู่ ราคาทั้งวันหรือหลายวันมีความแตกต่างกันมากหรือน้อย ถ้าราคาที่ขยับอยู่เรื่อย ๆ นั้นยังวิ่งวนอยู่รอบ ๆ ระดับราคาหนึ่ง ไม่มีการปรับเปลี่ยนเยอะ ๆ เห็นได้ชัด น่าจะเป็นลักษณะราคาแบบรวมบัญชีหุ้น


เครื่องมือเทคนิคที่ช่วยในงานวิเคราะห์ได้ คือเครื่องมือที่เอาไว้ตรวจสอบความผันผวนของตลาด (Volatility Indicatior) อย่าง Average True Range (ATR) หรือเครื่องมืออื่นในกลุ่มเดียวกัน เพราะถ้าไม่เห็นถึงความผันผวน ก็เท่ากับว่าไม่มีช่วงจังหวะซื้อที่ดี สนับสนุนว่าหุ้นที่ใช้เครื่องมือเทคนิคตรวจสอบความผันผวนของราคานั้น น่าจะอยู่ในช่วงของการรวมบัญชีหรือ Consolidation



นักเทรดควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะใช้รูปแบบของกราฟตรวจสอบหา Stock Consolidation หรือยืนยัน เพราะกราฟระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะแสดงให้เห็นถึงการแปรปรวนของราคามากกว่ากราฟในระยะยาว เช่น ตั้งค่า Timeframe ไว้เป็นชั่วโมง และสลับไปดูการปรับเปลี่ยนราคารายวัน ตัวกราฟที่แสดงราคารายชั่วโมงจะมีความแปรปรวนสูงกว่า ทั้งนี้ควรอิงกราฟที่แสดงราคาในกรอบระยะเวลารายวันจะดีกว่า เพราะมีความแม่นยำกว่า ในการสนับสนุนว่าราคาอยู่ในช่วง Sideway 

นักเทรดควรทำอย่างไร

ถ้าระบุได้ว่ามีการ Consolidation ให้เฝ้าจับตาหาจุดแนวโน้มปรับเปลี่ยน (Breakout) ไปยังช่วงราคาที่สูงกว่า หรือต่ำกว่า โดยสัญญาณคือการเห็นปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น การเคลื่อนไหวของปลาตัวใหญ่เหมือนโยนหินให้น้ำกระเพื่อม บรรดานักเทรดอื่น ๆ มีแนวโน้มจะเข้ามาซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันให้ตลาดคึกคัก และทำให้เกิดการขยับเปลี่ยนทิศทางของราคาจริง ๆ


การปรับเปลี่ยนช่วงราคา (Breakout) เป็นสัญญาณถึงชัยชนะของฝ่ายผู้ซื้อ หรือไม่ก็ผู้ขาย เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เทคนิคการซื้อขายโดยทั่วไปในช่วง Breakout จะเป็นการเข้าซื้อพร้อมกับซื้อชอร์ตด้วย ซึ่งการซื้อชอร์ตคือการยืมหุ้นมาก่อนเพื่อหวังทำการขายเมื่อราคาสูง และรอให้ราคาลดลงก่อนค่อยทำการซื้อมาคืนเจ้าของ โดยหลังจากราคาเคลื่อนไหวตกลงมาต่ำกว่าแนวรับ ทางนักเทรดก็จะทำการซื้อหุ้นที่ยืมชอร์ตไปคืนจริง ๆ


ส่วนทางนักเทรดที่ใช้รูปแบบอนุรักษ์นิยมซึ่งเน้นความเสี่ยงต่ำกว่าแบบเร่งรัดทำกำไร จะรอจนเห็นการขยับปรับเปลี่ยนช่วงราคาที่ชัดเจน และยืนยันความเชื่อด้วยเครื่องมือทางเทคนิค พอแน่ใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นว่าไม่ใช่ Breakout หลอก ๆ จึงจะเริ่มการเทรด

กลยุทธ์ของการรวมหุ้น

กลยุทธ์หรือระบบการเทรดที่ใช้ความรู้เรือง Stock Consolidation เข้ามาประกอบ พบเห็นได้ดังนี้

กลยุทธ์ Breakout

ตามที่อธิบายไปข้างต้น ช่วงที่เป็น Consolidation เป็นเวลาที่แย่ที่สุดในการทำกำไร เพราะว่าราคาจะมีขอบเขตในการเคลื่อนไหว อาจจะเกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบริษัทอ้างอิงหลักทรัพย์เองที่ไม่มีแรงส่งราคาหรือกระชากราคาพอ เป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าจะขึ้นหรือลง


อย่างไรก็ตาม การที่แนวโน้มของราคาจะเกิดขึ้น ก็เป็นไปได้เพียงสองความเป็นไปได้ คือขาลง และขาขึ้น ซึ่งการดูกราฟทางเทคนิค หารูปแบบธงขาขึ้น (Bullish Flag) และธงขาลง (Bearish Flag หรือ Bullish Pennant) ชี้ภาพใหญ่ว่าการเคลื่อนไหวของระดับราคาก่อนหน้า ช่วง Consolidation ที่เกิดขึ้นเป็นพัก ๆ มีแนวโน้มภาพใหญ่เป็นการขยับระดับราคาขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือเป็นการขยับระดับราคาลงไปเรื่อย ๆ


หากสนใจจะใช้กลยุทธ์นี้ จำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่องการอ่านกราฟและตีเส้นกราฟเพื่อยืนยันแนวโน้มได้แม่นยำ ช่วงของการ Breakout จะเป็นเหมือนเสาธงที่ลากลงหรือขึ้น ส่วนช่วงเวลาที่ราคาวิ่งไป Sideway ถูกเปรียบเทียบให้เป็นผืนธง

กลยุทธ์คำสั่งตลาด (Market Orders)

สามารถทำได้ 2 รูปแบบด้วยกัน


ตั้ง Buy Stop (ตั้งซื้อล่วงหน้าเมื่อราคาเป็นขาขึ้น) ดักล่วงหน้าที่จุดซึ่งคาดว่าในอนาคตเมื่อมีการ Break Out และพ้นจากจุดนี้สูงขึ้นไปเพื่อเข้าสู่ระดับแนวโน้มใหม่ และจะทำกำไรที่คาดหวังได้สูงสุด


รอให้เห็นการ Break Out ที่แน่ชัดก่อน ค่อยเข้าซื้อ

การกั้นไม้หน้าหลัง (Bracket Order) 

กรณีซื้อขาย CFD หรือสัญญาส่วนต่างราคากับโบรกเกอร์ เมื่อเปิดสัญญาเก็งว่าราคาเป็นขาขึ้นหรือลง ใช้การตั้งค่าทั้ง Buy Stop (ตั้งซื้อล่วงหน้าเมื่อราคาเป็นขาขึ้น) และ Sell Stop (ตั้งขายล่วงหน้าเมื่อราคาเป็นขาลง) พร้อมกันในการซื้อขาย ยกตัวอย่าง เช่นถ้าราคาวิ่งอยู่ระดับ $10 นักเทรดสามารถกำหนด Buy Stop ที่ $11 ทำกำไรที่ $12 พร้อมกับมี Stop Loss ที่ $9 ขณะที่ในเวลาเดียวกัน สามารถกำหนด Sell Stop ที่ $9 ทำกำไรที่ $8 พร้อมกับมี Stop Loss ที่ $11

บทส่งท้าย

Stock Consolidation เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในทุกตลาดผลิตภัณฑ์การลงทุน นักเทรดหุ้นควรเรียนรู้ที่จะระบุได้ว่าระดับราคาของหุ้นที่สนใจอยู่ในแนวโน้มที่ไม่ใช่ทั้งขาขึ้นและขาลงหรือไม่ เพราะรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ต้องการจะอยู่หลังจากช่วงนี้ ซึ่งก็คือการ Breakout 


ข้อควรระมัดระวังคือ Breakout ที่คิดว่ากำลังจะเกิดขึ้น แท้ที่จริงอาจจะไม่เกิด สัญญาณที่จับได้แค่แสดงความแปรปรวนในช่วงสั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า Stock Consolidation เกิดขึ้นมานานก่อนหน้า เป็นผลให้การตัดสินใจลงทุนที่ทำไปเกิดการขาดทุนได้


อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงมาคู่กับผลตอบแทน ถ้านักเทรดกังวลและยอมรับผลตอบแทนที่ไม่ใช่ผลตอบตอบแทนสูงสุดที่เป็นไปได้ นักเทรดก็เพียงรอตลาดยืนยันสัญญาณขาขึ้นหรือขาลงให้แน่ใจก่อน และค่อยเริ่มการเทรดก็ยังไม่สายอย่างแน่นอน

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย