ที่สุดแห่งคู่มือการเทรดโลหะมีค่าสำหรับนักเทรดทุกท่าน

โลหะมีค่า แตกต่างจากโลหะทั่วไปอย่างไร

โลหะซึ่งเหมาะเป็นตัวเลือกในการลงทุนมีอยู่หลากหลายชนิด หากแบ่งประเภทใหญ่ ๆ สามารถจัดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ “โลหะมีค่า (Precious Metals)” ซึ่งคนรู้จักกันกว้างขวาง เช่น ทอง เงิน แพลทินัม และแพลเลเดียม กับ “โลหะพื้นฐานสำหรับการผลิต (Base Metals)”  อย่างทองแดง ตะกั่ว นิกเกิล และสังกะสี 

หากนักเทรดตั้งใจเทรดโลหะมีค่า บทความนี้ช่วยชี้ให้เห็นข้อแตกต่างระหว่างโลหะมีค่า และโลหะพื้นฐานสำหรับการผลิต และสร้างความเข้าใจเรื่องการลงทุนในโลหะมีค่า

โลหะมีค่า (Precious Metals) 

โลหะมีค่าหาได้ยากในธรรมชาติ เป็นธาตุโลหะที่เกิดขึ้นเอง โดยโลหะมีค่ามักไม่เกิดสนิมหรือยากจะถูกกัดกร่อนจากสภาพอากาศ ไม่เสื่อมคุณสมบัติไปเองตามธรรมชาติเมื่อทิ้งเอาไว้ ดังที่กล่าวไปข้างต้นกลุ่มโลหะมีค่ารวมถึงทอง เงิน แพลทินัม และแพลเลเดียมซึ่งมักเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับมีราคา โดยนำไปขึ้นรูปตามแต่ที่ต้องการ

โลหะมีค่าถูกใช้เพื่ออ้างอิงมูลค่าสกุลเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยน และใช้เป็นเครื่องประดับตั้งแต่ครั้งอดีตถึงปัจจุบัน นอกจากนี้โลหะอย่างทองยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในไอโฟนและคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ โลหะมีค่าโดยเฉพาะทองถูกมองว่าเป็นเครื่องรักษาความมั่งคั่งที่แข็งแกร่งในช่วงที่ตลาดผันผวน หลายคนให้สมญานามว่า “ที่หลบภัยแสนวิเศษ”

โลหะพื้นฐานสำหรับการผลิต (Base Metals)

โลหะพื้นฐานนี้สามารถเกิดสนิมและถูกกัดกร่อนจากสภาพอากาศ ดังนั้น วางไว้เฉย ๆ ก็เสื่อมราคาลงได้ อย่างทองแดง ตะกั่ว นิกเกิล และสังกะสี โลหะเหล่านี้นำไปใช้ผลิตสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย อาทิ ท่อทองแดง หรือทำโลหะผสม เช่น นิโครม ซึ่งเป็นโลหะผสมของนิกเกิลและโครเมียม

ทองแดงเป็นโลหะที่นิยมนำมาทำรูปเคารพ หรืองานประติมากรรมที่เป็นอนุสรณ์ต่าง ๆ เวลาที่ผ่านไปจะเปลี่ยนสีของทองแดงเป็นสีเขียว อย่างที่เราเห็นได้จากเทพีเสรีภาพที่สหรัฐอเมริกา

จุดสำคัญที่ทำให้โลหะมีค่าแตกต่างจากโลหะทั่วไปในสายตาของนักเทรดโลหะมีค่า คือความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามหรือได้รับอิทธิพลไม่มากจากสินทรัพย์อย่างอื่นอย่างหุ้นหรือพันธบัตร แต่คงไม่ถึงกับไม่ได้รับอิทธิพลเลย เพราะจริง ๆ แล้วเมื่อคนรู้สึกไม่มั่นใจกับสินทรัพย์อื่น จะหันมาหาโลหะมีค่าทำให้มูลค่าโลหะมีค่าสูงขึ้นเพราะมีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน แต่อย่างไรก็ตาม ราคาที่เพิ่มขึ้นยืนยันว่าทองจะไม่เสื่อมมูลค่าลงตามอัตราเงินเฟ้อ หรือราคาจะไม่ถดถอยจนด้อยมูลค่าลงมากเหมือนหุ้นบางตัว

Top1 Markets รู้ถึงความสนใจลงทุนของนักเทรดโลหะมีค่า หรือผู้ที่สนใจจะเข้ามาทดลองซื้อขายกันก่อน สามารถเปิดบัญชีซื้อขายได้ที่ https://www.top1markets.com/  ด้วยเงินฝากขั้นต่ำ 50 ดอลลาร์สหรัฐ มีโบนัสสูงสุดสำหรับการเทรด 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ รับ Leverage สูงสุดที่ 1:1000 เพิ่มอำนาจการลงทุนแต่ละหน่วยของนักลงทุนสูงสุด 1,000 เท่า โลหะมีค่าที่สามารถเทรดได้มี 4 ตัว คือ ทองคำ เงิน แพลเลเดียม และแพลทินัม 

นอกจากนี้ Top1 Markets ยังเสนอโลหะพื้นฐานสำหรับการผลิตอีก 2 ตัว คือ ทองแดง นิกเกิล เป็นตัวเลือกการลงทุนจากกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ 13 รายการ ชวนเพื่อนมาเทรดด้วยกันวันนี้ เพื่อนเทรดครบ 1 lot นักลงทุนจะได้รับการสมนาคุณกลับมูลค่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ

โลหะมีค่าที่เป็นที่นิยม

ความนิยมต่อโลหะมีค่าซึ่งพบได้ในการลงทุนและซื้อมาไว้ในครอบครอง พุ่งไปยังสี่โลหะต่อไปนี้ คือ ทอง เงิน แพลทินัม และแพลเลเดียม โลหะเหล่านี้ใช้ในวงกว้างทั้งในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ และการทำโลหะผสม เพื่อนำไปใช้ต่อในการผลิต

ทอง

ทองใช้ในการผลิตสินค้าราคาสูง และทุกวันนี้ทองรูปพรรณยังได้รับความนิยมในฐานะเครื่องประดับร่างกาย บางคนก็ใช้ในการประดับตกแต่งสถานที่หรือสิ่งของ ด้วยความสามารถในการนำไฟฟ้า โทรศัพท์สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์มีส่วนประกอบที่มีการใช้ทองเข้ามาด้วย นอกจากนี้ ทองยังเป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนเวลาที่มีความไม่แน่นอนซึ่งนำความเสี่ยงมาให้แก่ผลตอบแทนการลงทุน หรือสถานภาพความมั่งคั่ง ทองเป็นเกราะคุ้มภัยแสนวิเศษที่ปกป้องมูลค่าความมั่งคั่งไม่ได้เสื่อมลงง่าย ๆ

เงิน

เงินเป็นโลหะที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรม มีคุณสมบัตินำไฟฟ้าเช่นกัน เชื้อแบคทีเรียไม่สามารถอาศัยอยู่กับโลหะชนิดนี้และมันยังมีความยืดหยุ่นสูง หากขึ้นรูปอย่างเหมาะสมก็สามารถบิดงอได้ สามารถหลอมเพื่อขึ้นรูปตามต้องการ สมัยก่อนโลหะเงินใช้เป็นเครื่องครัวราคาแพง ปัจจุบันพบการใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ อุปกรณ์ทางทันตกรรม และการกลั่นน้ำให้บริสุทธิ์

แพลทินัม

แพลทินัมบริสุทธิ์จะใช้เพื่อทำเครื่องประดับ หรืออุปกรณ์ทางทันตกรรม  แต่ก็ได้รับความนิยมในการนำไปผลิตโลหะผสมด้วย ยกตัวอย่าง โลหะผสมจากแพลทินัมและโคบอลต์ใช้ในการผลิตแม่เหล็ก และใช้ในการทำเวชภัณฑ์สำหรับเคมีบำบัดเพื่อรักษามะเร็งอัณฑะและมะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

แพลเลเดียม

โลหะชนิดที่มีแพลทินัมผสมอยู่ ซึ่งหมายถึงแพลทินัมและแพลเลเดียมมีองค์ประกอบ และคุณสมบัติร่วมกัน แพลเลเดียมถูกจัดหามาส่วนใหญ่เพื่อใช้ในการผลิตเครื่องฟอกไอเสียของรถยนต์ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการปรับเปลี่ยนก๊าซที่เป็นอันตราย เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ให้เป็นไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ หรือไอน้ำ

ที่ Top1 Markets มีครบ จบได้ที่เดียว ให้นักเทรดโลหะมีค่าเลือก เห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์มีความหลากหลายครอบคลุม ตลาดทองแดง และนิกเกิลเป็นตัวเลือกรอง ซึ่งในช่วง 3 ปีนี้ทองแดงเป็นโลหะที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนักเทรดโลหะทางเลือก

สนใจศึกษาข้อมูลการลงทุนโลหะมีค่าได้ที่ Top1 Markets โบรกเกอร์จัดทำการวิเคราะห์แนวโน้ม ให้ข้อมูลข่าวสารและสถิติการเคลื่อนไหวราคาของโลหะมีค่าในตลาด ทั้งสำหรับผู้ริเริ่มความคิดจะลงทุนในโลหะมีค่าและมือเทรดผู้มีประสบการณ์ลงทุนใน CFDs มานาน 

เทรดโลหะมีค่าอย่างไร

การซื้อขายโลหะมีค่า

การซื้อขาย หมายถึง นักเทรดตั้งใจจะเก็งกำไรว่าจะขึ้นหรือลงแล้วเก็งกำไรผ่านอนุพันธ์หรือตราสารที่เกี่ยวพันกับราคาล่วงหน้าของโลหะมีค่า อาทิ 

• การเก็งกำไรผ่านส่วนต่างระหว่างราคาซื้อเงินสดกับราคาในสัญญาฟิวเจอร์สที่เป็นการกำหนดราคาซื้อไว้ล่วงหน้า 

• การใข้ CFDs ที่เป็นสัญญาส่วนต่างซึ่งอ้างอิงราคาทองคำที่ราคาซื้อเงินสดอีกทีหนึ่ง ทำการเก็งกำไรระยะสั้นเลือกราคาล่วงหน้าว่าราคาจะขึ้นหรือลงซึ่งสามารถลงทุนผ่านโบรคเกอร์ที่มีผลิตภัณฑ์ CFDs ให้บริการ 

Top1 Markets เมื่อเปิดบัญชีแล้ว สามารถเริ่มเทรดทำกำไรผ่าน CFDs ในกลุ่มโลหะมีค่ายอดนิยม 4 รายการ คือ ทองคำ เงิน แพลเลเดียม และแพลทินัม ได้ทันที สำหรับมือใหม่ทุนพอตัวไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐเริ่มต้นได้กับบัญชีประเภท High Leverage Account รับเลเวอเรจที่ 1:1000 สิทธิ Spread ในการเทรดต่ำสุด 1.0 pip

ส่วนคนมีทุนเยอะ ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋า เลือกเปิดบัญชี ECN (บัญชีการเทรดที่ทำให้ทำการซื้อขายโดยตรงได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง มีความเป็นส่วนตัว ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องตลาดที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค) ได้ แม้เงินเริ่มต้นเยอะอยู่แล้ว ทาง Top1 Markets มอบเลเวอเรจที่ 1:100 / 1:200 เพิ่มอำนาจการซื้อขายให้คล่องตัว และพิเศษสิทธิ Spread ในการเทรดต่ำสุด 0.6 pip รับกำไรรวดเร็วยิ่งขึ้น

การลงทุนในโลหะมีค่า

ถ้าการเทรดระยะสั้นไม่ใช่สิ่งที่มองหาอยู่ การลงทุนในโลหะมีค่าสามารถทำได้ผ่านการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ และกองทุนรวมดัชนี (Exchange Traded Funds หรือ ETF) ซึ่งทางกองทุนรวมดัชนี ETF บางกองทุนนอกจากจะถือสินทรัพย์ประเภทอนุพันธ์ที่ราคาอ้างอิงกับโลหะมีค่าแล้วอาจจะถือโลหะมีค่าจริง ๆ เพื่อรักษามูลค่าหรือเก็งกำไรเอาไว้ด้วย

การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์โดยการซื้อขายหุ้นบริษัทต่าง ๆ ทางนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาโลหะมีค่าทางอ้อมจากการที่บริษัทนำมาขายหรือใช้ในการผลิตสินค้าอื่นเพื่อขาย ขณะที่กองทุน ETF มักจะเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่หลากหลายอยู่แล้วผ่านการถือหน่วยลงทุน  และมีบางกองทุน ETF ซึ่งเจาะจงลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ETF ทองคำ ซึ่งจะติดตามราคาของทองคำในตลาดอย่างใกล้ชิด

Top1 Markets รู้ใจและเข้าใจสไตส์ลงทุนของนักเทรด นอกจาก CFDs ในกลุ่มโลหะมีค่าทางโบรกเกอร์นำเสนอดัชนีถึง 16 ตัว และหุ้นเด่นถึง 32 ตัว ซึ่งความรู้เกี่ยวกับโลหะมีค่าเข้ามาใช้จัดกลยุทธ์การลงทุนเพิ่มเติมได้ และทาง Top1 Markets ยังนำเสนอข้อมูล Gold ETF ซึ่งหากกองทุนถือทองเพิ่มจะสนับสนุนราคาให้เพิ่มขึ้น ชี้ทิศทางการเปิดสัญญาว่าควรซื้อ

คนแบบไหนเหมาะกับการเทรดโลหะมีค่า

ทองคำและโลหะมีค่าเปิดโอกาสในการทำกำไรให้แก่นักเทรดทุกประเภทไม่ว่าจะมองหาโอกาสเก็งกำไรระยะสั้นหรือลงทุนในระยะยาว ด้วยตัวโลหะมีค่ามีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว แน่นอนว่าเรื่องหลักที่คน,มักรู้เกี่ยวกับโลหะมีค่าคือคุณสมบัติในการเป็นสินทรัพย์ที่ถือไว้แล้วช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตโฟลิโอเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม การถือครองเพื่อลงทุนแปลว่าจะต้องหาที่เก็บโลหะมีค่าเอาไว้ให้ดี หากเป็นนักลงทุนที่มีมูลค่าซื้อขายสูง ๆ เน้นปริมาณมาก ๆ แล้วไม่ต้องการเก็บเอาไว้กับตัว หรือไม่ต้องการถือไว้แม้ในระยะสั้น การถือเป็นสัญญาอ้างอิงราคา หรืออนุพันธ์ต่าง ๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

คุณลักษณะสำคัญของนักเทรดโลหะมีค่า 

ติดตามข่าวสารรอบตัว

เหตุการณ์ซึ่งสร้างความเสี่ยงต่อผลตอบแทนในการลงทุนประเภทอื่น จะกระตุ้นให้คนหันมาซื้อโลหะหายาก อย่างเช่นทอง ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นในระยะสั้น การสังเกตเห็นข่าวทั่วโลกที่ทำให้คนกังวลเกี่ยวกับมูลค่าความมั่งคั่ง ทำให้คาดเดาการขยับขึ้นของราคาโลหะหายากได้

ถ้านักเทรดดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็น จะทำให้เก็งกำไรจากการเปิดตำแหน่งเข้าซื้อหรือขาย ณ จุดราคาหนึ่งได้อย่างเหมาะสมในการลงทุน CFDs ซึ่งอ้างอิงราคาซื้อขายเงินสดของโลหะมีค่าในตลาดจริง หรือเก็งกำไรส่วนต่างระหว่างราคาซื้อเงินสดกับราคาในสัญญาฟิวเจอร์สที่กำหนดไว้ล่วงหน้าได้สำเร็จ

มองความผันผวนเป็นมิตร

โลหะมีค่าจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งราคาสินค้ากลุ่มนี้ผันผวนอยู่ไม่น้อย ถ้าหากว่าลงทุนใน CFDs จะมีช่วงเวลาที่สามารถทำกำไรได้มาก หรือบ่อยครั้ง เพียงแค่หนึ่งวันก็สามารถทำกำไรได้เป็นสัดส่วนที่สูงต่อปริมาณเงินลงทุนที่ใช้ไปเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น

รู้จักการ Cut Loss

ราคาต่อหน่วยของโลหะมีค่านั้น เมื่อเทียบเป็นเงินบาทแล้ว ไม่ใช่น้อย แต่สำหรับนักเทรดแล้ว จะสามารถซื้อขายหน่วยลงทุน หรือแม้แต่จำนวนหุ้นไม่ได้ ถ้างบหรือต้นทุนการลงทุนไม่เยอะพอ ซึ่งถ้าเป็นการลงทุนใน CFDs จะพบว่าสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อให้เสมือนมีเงินในมือมากขึ้นในการเริ่มต้นเทรดหรือเปิดสัญญาจำนวนมาก 

อย่างไรก็ตาม การเทรดเหนือกว่าระดับเงินทุนที่มีหลายเท่าด้วยการใช้เครดิตจากโบรคเกอร์ (เลเวอร์เรจ) เท่ากับกำลังเสี่ยงมากขึ้นด้วย เวลาขาดทุนต่อหน่วย ก็จะเป็นมูลค่าไม่น้อย และอาจจะทำให้สูญเสียเงินทุนทั้งหมด ดังนั้นการวางแผนแต่แรกถึงการ Cut Loss หรือปิดสัญญาทิ้งแบบขาดทุนให้เป็น เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้

รักษาวินัย

การปิดสัญญาโดยยอมขาดทุน หรือ Cut Loss เป็นการฝืนตนเองที่มักจะยึดติดกับคำว่าเสียดาย หรือความรู้สึกซึ่งหวังว่าจะเอาเงินทุนหรือกำไรที่เสียไปคืนมาได้ ซึ่งการเทรดโดยอาศัยความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากการเล่นพนัน การเทรดที่ดีจะต้องมีการวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ต้องบอกได้ถึง กำไรที่ต้องการ การขาดทุนในแต่ละสัญญาแต่ละครั้งที่รับได้ บริหารผลตอบแทนกับความเสี่ยงด้วยการควบคุมพฤติกรรมของตนให้เป็นไปตามแผนที่วางขึ้นมา

มีความรักในการเทรดโลหะมีค่า

นักเทรดส่วนใหญ่จะสนใจกำไรอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเทรดได้สำเร็จสม่ำเสมอก็จะรู้สึกพึงพอใจและเทรดอีกเรื่อย ๆ สม่ำเสมอ แต่ในโลกของการเทรด มีกำไรก็ต้องมีขาดทุน เมื่อประสบกับการขาดทุนต้องไม่ท้อใจโดยง่าย

ก่อนการเทรดโลหะมีค่าควรศึกษาข้อมูลสถิติด้านราคาและปัจจัยที่มีผลต่อราคาโลหะมีค่าแต่ละตัวให้ดี ถ้ามีความสุขกับการติดตามข่าว ศึกษาการเคลื่อนไหวของราคา และพัฒนาเรียนรู้เพิ่มเติม ประยุกต์ความรู้ทางเทคนิคเพื่อเข้าใจแนวโน้มและเก็งกำไรโลหะมีค่าบ่อย ๆ จะทำให้เกิดความสำเร็จในการเทรดตามมาไม่ช้าก็เร็ว

ความเสี่ยงในการเทรดโลหะมีค่า

ความเสี่ยงคือผลพวงจากความไม่แน่นอน หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ถ้าจะเข้าใจเรื่องความเสี่ยงในการเทรดโลหะมีค่า จะต้องเข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลต่อราคาของโลหะมีค่าซะก่อน

อุปทานและอุปสงค์

โลหะมีค่าไม่ต่างจากสินค้าหรือบริการที่มีอยู่ในตลาด หากมีการขาดแคลนหรืออุปทานน้อยกว่าอุปสงค์ จะทำให้มูลค่าต่อหน่วยสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนงานเหมืองโลหะมีค่าประท้วงหยุดงาน ราคาของโลหะนั้น ๆ จะเพิ่มขึ้นขณะที่ปริมาณความต้องการไม่ได้ลดลง เพราะมีปริมาณขายในตลาดลดลง แต่ถ้ามีอุปทานเพิ่มขึ้นเพราะเครื่องมือที่ดีขึ้น การค้นพบสายแร่ใหม่ ๆ ก็จะส่งผลให้ราคาลดลงด้วย

นอกจากความไม่แน่นอนที่เกิดในหุ้นและสินทรัพย์ลงทุนอย่างอื่นที่จะกระตุ้นความต้องการซื้อให้มากกว่าปริมาณขาย นักเทรดควรสนใจข่าวสารในวงอุตสาหกรรมการผลิตว่าจะมีผลกับปริมาณโลหะมีค่าในตลาดมากขึ้นหรือน้อยลง

ผลผลิตทางอุตสาหกรรม

โลหะมีค่าใช้เพื่อการผลิตสินค้าในหลายอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และเครื่องประดับ ฯลฯ ซึ่งหากอุตสาหกรรมเหล่านี้เติบโตจะทำให้ความต้องการโลหะมีค่าเพิ่มสูงขึ้นด้วย และจะทำให้ราคาของโลหะมีค่าในระยะยาวปรับตัวสูงขึ้นไปพร้อมกับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตและใช้โลหะมีค่าเป็นวัตถุดิบ

ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมที่ต้องลดปริมาณการผลิตลงเพราะตลาดไม่นิยม หรือมาตรการของภาครัฐที่ไม่ส่งเสริมการผลิต รวมถึงต้นทุนที่สูงเกินไปทั้งจากราคาโลหะมีค่าเองและปัจจัยอย่างอื่น จะทำให้ความต้องการโลหะมีค่าลดลง และอาจส่งผลให้ราคาลดลงได้เช่นกัน

การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ

โลหะมีค่ามักกำหนดราคาอิงกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ถ้าหากดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง นักลงทุนที่ไม่ได้ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินพื้นฐานจะมีอำนาจในการซื้อโลหะมีค่าอย่างทองมากขึ้น เพราะใช้เงินสกุลตัวเองไปแลกดอลลาร์สหรัฐได้มากขึ้น ในทางกลับกันถ้าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น นักลงทุนที่ไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินพื้นฐาน จะต้องใช้เงินสกุลตัวเองมากขึ้นไปแลกดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อโลหะมีค่าหรือทองได้เท่าเดิม โดยทั่วไปแล้วในส่วนของราคาทองคำถือว่าเคลื่อนไหวผกผันกับดอลลาร์สหรัฐ

สรุปความสัมพันธ์ของดอลลาร์สหรัฐกับทองคำ จากตัวอย่างนโยบายที่สร้างความเสี่ยงในการลงทุน เช่น Quantitative Easing (QE) ที่พิมพ์เงินเพิ่มสู่ระบบจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง มีผลถีบให้ราคาทองสูงขึ้นได้

สำหรับโลหะมีค่าอื่น ๆ นอกเหนือจากทองคำ นโยบายใด ๆ ของสหรัฐอเมริกาที่มีผลต่อการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐก็มีผลกับราคาเช่นเดียวกัน แต่โลหะอื่น ๆ จะมีความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความจำเป็นพื้นฐานที่ต้องใช้โลหะมีค่านั้น ๆ ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต

อัตราดอกเบี้ย

เวลาธนาคารกลางสหรัฐ ฯ ประกาศดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้น ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งขึ้น ทำให้ราคาทองและโลหะมีค่าอื่น ๆ ลดลง และในทางกลับกัน การประกาศดอกเบี้ยนโยบายต่ำลง แสดงว่าเศรษฐกิจเริ่มแย่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนลง ทำให้ราคาทองเพิ่มขึ้น

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผลตอบแทนการลงทุนดังที่กล่าวมา จะแสดงผลเป็นความผันผวนของราคาในกลุ่มสินค้าโลหะมีค่าด้วยกันทั้งสิ้น โดยทองมีแนวโน้มที่จะแสดงผลการผันผวนออกมามากที่สุดในกลุ่มเพราะเป็นโลหะมีค่าซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในการบริหารความเสี่ยงพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์เพื่อการลงทุน

รูปต่อไปนี้แสดงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงราคาของทอง แพลทินัม และเงิน ถึงแม้ว่าระดับราคาและขนาดการเปลี่ยนแปลงเมื่อได้รับผลจากข่าวสารต่าง ๆ จะไม่เท่ากันก็ตาม แต่ถ้าดูให้ดีแล้ว โลหะมีค่าเหล่านี้ผันผวนในช่วงเวลาเดียวกัน แสดงว่าปัจจัยเดียวกันมีผลไม่มากก็น้อย

บทส่งท้าย

โลหะมีค่าจัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทหนึ่ง มีการซื้อขายที่สามารถกำหนดราคาล่วงหน้าได้ ประเภทโลหะมีค่าที่นิยมมากในการเก็งกำไรระยะสั้นและลงทุนระยะยาวไม่พ้นทอง โดยทองช่วยรักษามูลค่าความมั่งคั่ง ใช้บริหารความเสี่ยงในการถือสินทรัพย์เวลามีเหตุการณ์ไม่แน่นอนเกิดขึ้น

ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงต่อการผันผวนในราคาทองและโลหะมีค่าอื่น ๆ ได้แก่ อุปทานและอุปสงค์ที่กำหนดราคาสินค้า แนวโน้มผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรม การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ หรืออัตราดอกเบี้ย 

การเทรดโลหะมีค่า นักเทรดโลหะมีค่าทำได้ผ่านการซื้อขายอนุพันธ์ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบกำหนดราคา การทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างสินค้าในต่างสถานที่ หรือส่วนต่างระหว่างราคาสินค้าซื้อเงินสดกับราคาในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือลงทุนผ่านหุ้นโดยเลือกกิจการที่เกี่ยวข้อง มีกองทุน ETF ให้เลือกซื้อหน่วยลงทุน

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการลงทุนใดจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดตลอดไป คุณจะต้องรู้จักการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย และไม่นำเงินสดที่มีทั้งหมด มาใช้เพื่อการลงทุนโดยเด็ดขาด