คู่มือฉบับกลยุทธ์เซียนเต่า
Turtle Trading คืออะไร
กลยุทธ์เซียนเต่า ในอดีตคือตำนานแห่งการเทรดฟิวเจอร์สที่ประสบความสำเร็จ โดยเน้นหลัก ๆ คือการหาจังหวะเข้าและออก การบริหารความเสี่ยง และการบริหารต้นทุน โดยเป็นกลยุทธ์ภายใต้กฎปฏิบัติที่ควรต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ดังนั้นคนที่ถูกเรียกว่าเป็นเต่าหรือนักลงทุนนั้นจึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการสงสัยว่าตัวเองทำในสิ่งที่ผิดลงไปหรือไม่ในการลงทุน ตราบใดที่ทำตามกฎนักเทรดก็ควรจะได้กำไร
ระบบ Turtle Trading นี้พึ่งพาความรู้การซื้อขายทางเทคนิค การตัดสินใจเข้าหรือออกเป็นไปตามรูปแบบกราฟ เลือกที่จะไม่สนใจข้อมูลปัจจัยพื้นฐานหรือข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปอื่น ๆ ของหลักทรัพย์ ผู้ที่คิดค้นระบบการเทรดมุ่งหวังให้กฎของกลยุทธ์เซียนเต่าเป็นข้อปฏิบัติที่ครอบคลุมให้นำไปใช้ในทุกสภาวะตลาด ไม่คลุมเครือ แต่ดำเนินการได้อย่างตรงไปตรงมาและสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนักเทรดสายเต่าไม่ได้สมบูรณ์แบบ ระบบ Turtle Trading นี้อาจต้องอาศัยเวลาเพื่อทำกำไร กรณีที่จุดปิดสัญญาที่เหมาะสมยังไม่ปรากฎตามแผน นักเทรดสายเต่าจะปล่อยให้กราฟวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ อาจมีช่วงที่เห็นกำไรหายไป หรือพบกับการขาดทุนบ้างกว่าจะได้เห็นกำไรตามคาด
คนกลุ่มแรกที่นักเทรดเรียกกันว่าเซียนเต่า ใน 5 ปีแรกที่พวกเขาใช้ระบบ Turtle Trading พวกเขาได้ผลตอบแทนถึง 80% ต่อปี ซึ่งคือกำไรสูงกว่า 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประวัติของเซียนเต่า
ต้นกำเนิดของการเทรดสายเต่า เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากสองนักเทรด ริชาร์ต เดนนิส (Richard Dennis) และ บิล เอคฮาร์ต (Bill Eckhart) เดนนิสเชื่อว่าทุกคนเป็นนักเทรดได้ ถ้าพวกเขาได้รับการสอน ไม่ใช่เรื่องของพรสรรค์ แต่เอคฮาร์ตกลับไม่เชื่อแบบนั้น เอคฮาร์ตเชื่อว่านักเทรดที่ประสบความสำเร็จเป็นตรงกันข้าม การถกเถียงของพวกเขาประเด็นหลักคือบุคลิกภาพสร้างได้หรือถูกกำหนดมาโดยธรรมชาติ
เดนนิสอยากทดสอบความเชื่อของเขา เขาเปิดอบรมผู้คนทุกวันเพื่อให้ใช้ระบบการเทรดที่เขาคิดขึ้น โดยเขาเป็นผู้ออกเงินให้กับคนที่เข้าอบรม เขาปล่อยให้คนที่มาหาเขาได้รับประสบการณ์การเทรดแล้วขาดทุนด้วยตนเอง และนี่คือการเดิมพันระดับตำนานเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของตลาดซื้อขายในปี 1983 เดนนิสก้าวออกมาประกาศรับสมัครในวารสารของวอลล์สตรีทหาคนที่สนใจจะฝึกฝนกับเขา
ใบสมัครหลั่งไหลมาหาเดนนิสนับพัน แต่เดนนิสเลือกมาแค่ 13 คนเท่านั้น เขาเรียกคนเหล่านี้ว่าเต่าเพราะทำให้นึกถึงฟาร์มเต่าที่เคยไปเยี่ยมเยือนมาก่อนที่สิงคโปร์ โดยที่มาที่ไปของคนเข้าร่วมก็แตกต่างกัน และหลายคนไม่เคยมีประสบการณ์เทรดมาก่อน ตอนสิ้นปี 1983 พวกเขาใช้เวลา 2 สัปดาร์รับการอบรมโดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดฟิวเจอร์สหรือการซื้อขายที่กำหนดราคาล่วงหน้า โดยเดนนิสเพิ่มทุนให้ด้วยถ้าหากว่าคนไหนเทรดได้ถูกใจ
ระบบการเทรดแบบ Turtle Trading
กลยุทธ์เซียนเต่า เริ่มต้นให้ทำการคำนวณความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่คาดหวัง
Expectancy =(PW x AW) - (PL x AL)
โดย
PW=จำนวนครั้งเฉลี่ยจากร้อยครั้งที่จะได้ผลตอบแทนสูงกว่านักเทรดคนอื่น
AW=ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนที่ได้สูงกว่านักเทรดอื่น ๆ
PL=จำนวนครั้งเฉลี่ยจากร้อยครั้งที่จะได้ผลตอบแทนต่ำกว่านักเทรดคนอื่น
AL=ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนที่ได้ต่ำกว่านักเทรดอื่น ๆ
ค่าตัวเลขที่คำนวณมาได้จะบอกให้รู้ถึงกำไรเป้าหมายในการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งนี่ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายได้ตลอด จำนวนครั้งเฉลี่ยจากร้อยครั้งที่จะได้ผลตอบแทนสูงหรือต่ำกว่านักเทรดคนอื่นอาจจะให้จำนวนครั้งเฉลี่ยจากร้อยครั้งที่จะได้ผลตอบแทนสูงมีตัวเลขต่ำกว่ากรณีที่ได้ผลตอบแทนต่ำกว่านักเทรดคนอื่นก็ได้
อย่างที่กล่าวไปกลยุทธ์การเทรดอย่าง Turtle Trading เป็นการเทรดอย่างเป็นระบบ หลัก ๆ จะเป็นการทำตามกฎ หลัก ๆ ในแง่ปฏิบัตินั้นจะเป็นดังนี้
เปิดสัญญาตอนที่ราคามีการขยับครั้งใหญ่
ลงทุนได้ทั้งตอนขาขึ้นและขาลง
จะต้องเห็นว่าราคาที่ขยับไปนั้นเทียบกับข้อมูลสถิติของราคาจะต้องสูงกว่าราคาสูงสุดหรือต่ำสุดเมื่อ n หน่วยระยะเวลา (นับจำนวนแท่งเทียนใน Timeframe ที่กำหนดไว้ย้อนไป n แท่ง)
ระบบการเทรดกำหนดรายละเอียดไว้ 2 แบบ
แบบที่ 1 เป็นระบบสำหรับระยะสั้น จะเทียบราคาปัจจุบัน กับราคาสถิติย้อนหลังกลับไป 20 แท่งเทียนก่อนหน้า โดยถ้าจะเปิดสัญญาซื้อ ให้หาราคาที่สูงสุดใน 20 แท่งเทียนก่อนหน้า หรือถ้าจะเปิดสัญญาขาย ให้หาราคาที่ต่ำสุดใน 20 แท่งเทียนก่อนหน้า
ทั้งนี้ในระยะเวลา 20 แท่งเทียนก่อนหน้า ถ้าดูแล้ว breakout ไม่สำเร็จ ราคาสูงสุดหรือต่ำสุดก่อนหน้าไม่ใช่ราคาที่ขยับทะลุไปดำเนินต่อที่อีกระดับราคาได้สำเร็จ ควรจะเป็นโอกาสดี เนื่องจากถ้าก่อนหน้านี้ราคาขยับทะลุแนวรับหรือแนวต้านไปเป็นอีกช่วงราคาใหม่แล้ว ก็เป็นไปได้ที่การเทรดครั้งปัจจุบันจะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะหลังจากเพิ่ง breakout ไปได้ไม่นาน ราคาอาจจะยังไม่พร้อมสร้าง breakout อีกครั้ง
แบบที่ 2 เป็นระบบสำหรับระยะยาว จะเทียบกับราคาสถิติย้อนหลังกลับไปเมื่อ 55 หน่วยระยะเวลาก่อนหน้า โดยถ้าจะเปิดสัญญาซื้อ ให้หาราคาที่สูงสุดใน 55 หน่วยระยะเวลา หรือถ้าจะเปิดสัญญาขาย ให้หาราคาที่ต่ำสุดใน 55 หน่วยระยะเวลา ซึ่งระบบการเทรดแบบที่ 2 นี่ควรจะทำถ้าหากว่าได้สังเกตว่ามีจังหวะในแบบที่ 1 เกิดขึ้นแต่ว่าพลาดไปแล้ว
นอกจากนี้ จะมีการกำหนด %R เพื่อการจัดสรรความเสี่ยงในการเทรด ใน Turtle Trading กำหนดใช้งานที่ 2% ของต้นทุนเพื่อจะเป็นมูลค่าซึ่งยอมชำระต่อหน่วยลงทุน สิ่งต่อมาที่ Turtle Trading สนใจคือจะ Stop Loss ที่เท่าไร และจะกำหนด Position Size หรือจำนวนหน่วยลงทุนเท่าไร
หลายคนที่รู้เรื่อง Turtle Trading ไม่ได้ให้ความสนใจที่จะศึกษาเรื่อง Position Size แต่จริง ๆ แล้วมีความสำคัญเพราะ Position Size ควรจะสัมพันธ์กับความผันผวนของตลาด ยิ่งตลาดผันผวนมากค่า Position Size ควรจะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับในตลาดที่มีความผันผวนน้อยกว่า ยิ่งตลาดผันผวนมากโอกาสเสียเงินก็มากตามไปได้ การระบุ Position Size จะช่วยจำกัดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง
Position Size = (2% * Portfolio Value) / N * Dollar per point
ยกตัวอย่างกับการลงทุนในหุ้น
สมมติว่า ระบบการเทรดแบบที่ 1 ต้นทุน 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ %R = 2% คือ 300 ดอลลาร์สหรัฐ นี่คือเงินที่เรายอมเสียในแต่ละครั้ง เอามาหารด้วยจุด Stop Loss หรือคือ N อย่างถ้าหุ้นที่ต้องการซื้อคือ 10 ดอลลาร์สหรัฐ และเราจะ Cut Loss ที่ 9 ดอลลาร์สหรัฐ N = 1 ดอลลาร์สหรัฐ จะได้จำนวน Position Size อยู่ที่ 300 หุ้น จะต้องใช้เงินทั้งหมด 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น เท่ากับใช้เงินทั้งหมด 3,000 ดอลลาห์สหรัฐ
คำถามต่อมา จะออกอย่างไร? เมื่อไรที่จะปิดสัญญาหรือขาย
ในแบบที่ 1 สำหรับการลงทุนในอนุพันธ์จะปิดสัญญาขายเมื่อราคาต่ำกว่าราคาต่ำสุดใน 10 หน่วยเวลาก่อนหน้า (นับแท่งเทียนกลับไป 10 แท่ง) และในทางกลับกันทั้งอนุพันธ์และหุ้นจะปิดสัญญาหรือขายหุ้นออกไปเมื่อราคาสูงกว่าราคาสูงสุดใน 10 หน่วยเวลาก่อนหน้า ส่วนแบบที่ 2 ไม่ต่างกัน แค่เพียงขยายระยะเวลาออกไปเป็น 20 หน่วยเวลา
หลายคนคิดว่าจะปิดตำแหน่งซื้อขายได้เร็ว แต่หลายครั้งจะพบว่าราคาไม่ได้น้อยลงไปกว่าราคาต่ำสุด หรือสูงขึ้นไปเหนือราคาสูงสุดเมื่อเทียบดูจาก 10 แท่งเทียน หรือ 20 แท่งเทียน ซึ่งนักเทรดต้องถือหลักทรัพย์ต่อไปดังทีไ่ด้เขียนถึงไว้ในตอนแรก และกว่าจะถึงปิดสัญญา บางครั้งกำไรที่เห็นว่าได้มาแล้วก็จะลดลงไปบ้าง หรือจากที่มีกำไรก็อาจพบว่าตัวเองขาดทุนซะบ้างแล้ว แต่ถ้าทำตามกฎของกลยุทธ์อย่างเคร่งครัดก็ควรมีโอกาสทำกำไรได้มากในท้ายที่สุด
อ่านมาถึงตรงนี้ กลยุทธ์เซียนเต่าก็กระจ่างแล้วถึงวิธีใช้งาน ถ้าคุณอยากลองเทรดด้วยกลยุทธ์นี้บ้าง สามารถเปิดบัญชีทดลองซื้อขาย หรือแม้แต่เปิดบัญชีจริงเพื่อเริ่มต้นการเทรดและทำกำไรจาก CFDs หรืออนุพันธ์กับ Top1 Markets ที่
กฎเหล็กของ Turtle Trading
หนังสือ The Complete Turtletrader: The Legend, the Lessons, the Results เขียนโดย ไมเคิล โคเวล (Michael Covel) นำเสนอกฎของกลยุทธ์เซียนเต่าซึ่งต้องจำไว้ให้ดี ดังนี้
ดูที่ราคา และการเคลื่อนไหวของราคา มากกว่าจะวางใจในข้อมูลจากโทรทัศน์หรือสื่ออื่น ๆ ในการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์
วางแผนการปิดตำแหน่งการซื้อขายเช่นเดียวกับที่วางแผนการเปิดตำแหน่งการซื้อขาย รู้ว่าเมื่อไรควรจะรับเอากำไร เมื่อไรที่ต้องยอมขายขาดทุนไปเพื่อรักษาทุนในการเทรดไว้
หาค่า Position Size ในการเทรด เพราะว่าช่วยลดความเสี่ยงหรือโอกาสขาดทุนลงในเวลาที่ราคาตลาดผันผวน
อย่าเสี่ยงเกินกว่า 2% ของพอร์ตในการเทรดแต่ละครั้ง
ถ้าอยากได้รับผลตอบแทนที่มาก ต้องทำใจให้ได้และทำใจให้ชินกับการรอซึ่งบางครั้งกว่าจะถึงจุดที่วางแผนจะปิดสถานะขายก็ต้องเห็นตัวเลขขาดทุน หรือเสียสละกำไรที่ได้มาก่อนหน้าทิ้งไป
ทำไมต้องใช้กฎ Turtle Trading
เซียนเต่าผู้ใช้กฎ Turtle Trading อย่างเป็นทางการและรู้จักกันอย่างกว้างขวาง คือ รุซเซล แซนส์ (Russell Sands) เขาคือหนึ่งในกลุ่มคนซึ่งฝึกฝนกับเดนนิสที่เราเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าทำเงินได้มากกว่า 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในห้าปีเท่านั้น แซนส์ยืนยันว่าระบบการเทรดนี้ยังทำงานได้ดีและพูดสนับสนุนว่าถ้าเริ่มด้วยเงิน $10,000 ในปี 2017 ในปี 2021 นักลงทุนจะทำให้เงินงอกเงยเป็น $25,000 ได้
แม้ปราศจากการช่วยเหลือของเดนนิส นักเทรดก็สามารถใช้กฎพื้นฐานในการเทรดแบบเซียนเต่าเพื่อทำกำไรให้ตัวเอง แนวคิดนักเทรดสายเต่าแบบทั่วไปก็คือการซื้อเมื่อพบกับการ breakouts หรือการพุ่งขึ้นลงของราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านไป และปิดตำแหน่งซื้อขายเมื่อราคาเริ่มจะทรงตัวหรือว่าขยับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คาด
คนที่จะลงทุนด้วยการชอร์ตคือการยืมหุ้นคนอื่นมาทำการขายที่ราคาสูง และซื้อคืนเวลาราคาหลักทรัพย์ตกลงมาก็นำวิธี Turtle Trading ไปใช้ได้ด้วย สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมคือนักเทรดจะเลือกใช้กรอบระยะเวลา (Timeframe) ดูกราฟสั้นหรือยาวก็ได้ แต่ตอนหาสัญญาณออกให้เลือกกรอบระยะเวลาที่สั้นกว่าเสมอ ถ้าตั้งใจจะให้ได้กำไรเยอะ ๆ
สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือการพุ่งขึ้นลงของราคาที่ทะลุแนวรับหรือต้าน แต่เป็นแค่ปรากฎการณ์ชั่วคราว โดยเฉพาะขาลง ซึ่งจะทำให้ในการเทรดอนุพันธ์สามารถขาดทุนได้เยอะ คนที่นำกลยุทธ์เซียนเต่าไปใช้งานจริงได้แบ่งปันข้อมูลไว้ในอินเตอร์เน็ตว่า การคาดว่าราคาจะ breakout เดาให้ถูกแค่ 40-50% ก็พอแล้วเพื่อทำกำไร และนักเทรดต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อตอบสนองให้ทันควันต่อการปรับเปลี่ยนของราคาที่อาจดิ่งลงเหวแบบไม่ทันตั้งตัวในบางครั้งด้วย
บทส่งท้าย
กฎของกลยุทธ์เซียนเต่า เคยเป็นตำนานของคนกลุ่มหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าการมีแบบแผนที่ชัดเจนในการลงทุนสามารถนำกำไรมาให้ แต่การลงทุนเหมือนกับการทำอาหาร ไม่ได้มีสูตรเดียวเพื่อให้ได้อาหารหน้าตาแบบเดียวกันออกมา อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบร่วมของแผนการลงทุนหลาย ๆ แบบ คือต้องมีทั้งการจัดการความเสี่ยง และการบอกได้ถึงจุด Stop Loss
กลยุทธ์เซียนเต่ามีกฎเหล็กซึ่งน่าจะนำไปปรับประยุกต์ใช้ได้แน่ ๆ สำหรับนักเทรดสายเทคนิคดูกราฟ ถ้าหากได้ลองดูเองในการลงทุน นักเทรดคงจะบอกตัวเองได้ว่า สายเต่าคือเส้นทางพัฒนาตัวเองในการซื้อขายเพื่อทำกำไรหรือไม่ ถ้าทางนี้ใช่สำหรับคุณ ก็ลุยได้ แต่ถ้าไม่ใช่ การศึกษาเพิ่มเติมย่อมช่วยให้คุณได้พบกับวิธีการที่ทำเงินให้คุณได้
Top1 Markets โบรกเกอร์ชื่อดัง มากด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับนักลงทุน มี 27 คู่สกุลเงิน 13 สินค้าโภคภัณฑ์ 16 ดัชนีดัง 32 หุ้นเด่น และสินทรัพย์อื่น ๆ พร้อมกันให้คุณได้ใช้ทุกกลยุทธ์ที่คุณเรียนรู้มา เปิดบัญชีกับ Top1 Markets วันนี้ ที่ ลุ้นรับโบนัสในการเทรด และเงินสมนาคุณในกรณีที่คุณไม่ได้มาเทรดคนเดียว ทาง Top1 Markets จะอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนคุณให้ทำกำไรได้คล่องและต่อเนื่องอยู่เสมอ
บทความที่กำลังมาแรง
- รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร 2023-11-15
- 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023 2024-01-30
- ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024 2024-08-07
โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!