
รอบรู้เงินเฟ้อ เงินฝืด รู้ไว้ได้เปรียบการเทรด
รอบรู้เรื่องเงินเฟ้อและเงินฝืดอย่างมาสเตอร์ เข้าใจผลกระทบต่อการเทรด พร้อมกลยุทธ์การเทรดในตลาด CFD ที่ได้เปรียบทุกสภาวการณ์
ในโลกของเศรษฐกิจมหภาค การเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) และเงินฝืด (Deflation) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์การเทรดและการตัดสินใจของเทรดเดอร์อย่างมาก การเข้าใจถึงธรรมชาติของเงินเฟ้อและเงินฝืด รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรคำนึงถึงเพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การเทรดได้เหมาะสมที่สุด เพิ่มผลตอบแทนได้สูงที่สุด
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ เราจะอธิบายถึงความหมายของเงินเฟ้อและเงินฝืด ปัจจัยที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ วิธีการจัดการหรือสร้างสมดุลผ่านนโยบายการเงิน และการค้นหากลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมเพื่อสร้างความได้เปรียบในโลกการเงินมากกว่าที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยการใช้ตราสาร CFD (Contract for Difference) ในฐานะเครื่องมือเก็งกำไรสินทรัพย์ในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้
เงินเฟ้อ (Inflation) ภาพฉายสถานการณ์ของราคาที่เพิ่มสูงขึ้น

เงินเฟ้อคือสถานการณ์ที่ระดับราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลง
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ
อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น: ความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าที่จะผลิตได้
ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น: ราคาวัตถุดิบหรือแรงงานที่สูงขึ้น
นโยบายการเงินและการคลัง: การพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบจำนวนมากเกินไป
ผลกระทบจากเงินเฟ้อ
ผู้ที่ถือสินทรัพย์เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือหุ้น จะได้เปรียบเพราะมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น
ผู้ที่มีรายได้คงที่ เช่น พนักงานประจำ จะเสียเปรียบเพราะกำลังซื้อของเงินของพวกเขาลดลง
เทรดอะไรดีในช่วงเงินเฟ้อ
การเทรดในช่วงเงินเฟ้อเป็นความท้าทายสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากมูลค่าของเงินลดลงและต้นทุนสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเลือกสินทรัพย์เทรดอย่างเหมาะสม คุณสามารถรักษามูลค่าและสร้างผลกำไรได้ในสภาวะที่เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ทองคำ (Gold)
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงเงินเฟ้อ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการรักษามูลค่า ไม่ว่าราคาสินค้าหรือบริการจะเพิ่มสูงขึ้น ทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับมูลค่าของเงินอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
อสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมูลค่าของทรัพย์สินเหล่านี้มักเพิ่มขึ้นพร้อมกับระดับเงินเฟ้อ และรายได้จากค่าเช่าก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาสินค้าและบริการหุ้นในกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ (Energy and Commodities Stocks)
หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เช่น น้ำมัน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองแดง และข้าวสาลี มักจะได้ประโยชน์ในช่วงเงินเฟ้อ เพราะราคาสินค้าเหล่านี้มักจะปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกองทุนรวมดัชนีที่ปรับตัวตามเงินเฟ้อ (Inflation-Protected Funds)
กองทุนรวมที่เทรดในพันธบัตรที่มีการปรับมูลค่าตามเงินเฟ้อ (เช่น TIPS - Treasury Inflation-Protected Securities) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการป้องกันผลกระทบจากการลดค่าของเงินการเก็งกำไรผ่าน CFD (CFD Speculation)
CFD (Contract for Difference) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ให้คุณสามารถเก็งกำไรในตลาดขาขึ้นและขาลงได้ ในช่วงเงินเฟ้อ เทรดเดอร์สามารถเลือกเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่ได้รับผลบวกจากเงินเฟ้อ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ หรือหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ในการพิจารณาทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนในช่วงเงินเฟ้อจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดและเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าการลงทุนให้มากที่สุด
เงินฝืด (Deflation) อำนาจพ่อค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง

เงินฝืดคือสถานการณ์ที่ระดับราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดจากความต้องการในตลาดที่ลดลงหรือการผลิตที่มีมากเกินไป
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเงินฝืด
อุปสงค์ที่ลดลง: การใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือภาคธุรกิจที่ลดลง
การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย: การกู้ยืมเงินมีต้นทุนสูงขึ้น
การลดลงของต้นทุนการผลิต: เช่น เทคโนโลยีที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย
ผลกระทบ
ผู้ที่ถือครองเงินสดจะได้เปรียบเพราะมูลค่าของเงินเพิ่มขึ้น
ผู้ที่มีหนี้สินจะเสียเปรียบเพราะต้นทุนในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้
เทรดอะไรดีในช่วงเงินฝืด
เงินฝืดเป็นสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเทรดในสินทรัพย์บางประเภทอาจไม่เหมาะสมหรือมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ยังมีสินทรัพย์บางประเภทที่สามารถสร้างผลตอบแทนหรือรักษามูลค่าได้ในช่วงเงินฝืด หากเลือกเทรดอย่างถูกต้อง
พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds)
พันธบัตรรัฐบาลเป็นตัวอย่างที่ดีของสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเงินฝืด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในช่วงนี้มักทำให้ราคาของพันธบัตรเพิ่มขึ้น (มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น) และผลตอบแทนจากดอกเบี้ยยังคงได้รับการจ่ายอย่างสม่ำเสมอเงินสดและตราสารหนี้ระยะสั้น (Cash and Short-Term Debt Instruments)
ในช่วงที่ราคาสินค้าลดลง มูลค่าของเงินสดจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าและบริการ การถือเงินสดหรือการเทรดในตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยรักษามูลค่าเงินเทรดได้หุ้นบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง (Stocks of Strong Cash Flow Companies)
หุ้นของบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและไม่มีหนี้สินมากเกินไป เช่น บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน (Consumer Staples) มักได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมอื่นในช่วงเงินฝืดสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Assets)
นอกเหนือจากพันธบัตรรัฐบาล ทองคำอาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก แม้ว่าเงินฝืดจะไม่ใช่สภาวะที่ส่งเสริมราคาทองคำโดยตรง แต่ในสถานการณ์ที่เกิดความไม่แน่นอน เทรดเดอร์มักหันไปเทรดในสินทรัพย์ปลอดภัยการเก็งกำไรผ่าน CFD (CFD Speculation)
CFD (Contract for Difference) เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงได้ การใช้ CFD เพื่อ Short สินทรัพย์ที่ราคามีแนวโน้มลดลง เช่น หุ้นบางกลุ่ม หรือสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด เป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยสร้างผลตอบแทนได้ในช่วงเงินฝืด
การเทรดในช่วงเงินฝืดต้องใช้ความระมัดระวังและการวิเคราะห์ที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าสินทรัพย์ที่เลือกเทรดสามารถรักษามูลค่าและสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
นโยบายการเงินและวิธีจัดการกับสถานการณ์

ธนาคารกลางเป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินเพื่อลดผลกระทบของเงินเฟ้อหรือเงินฝืด โดยสามารถใช้เครื่องมือ เช่น
ปรับอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ธนาคารกลางใช้ในการควบคุมสภาพเศรษฐกิจ โดยการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค เทรดเดอร์ และธุรกิจในระบบเศรษฐกิจได้อย่างกว้างขวาง
ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเงินฝืด ดังเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ลดอัตราดอกเบี้ยลงจนใกล้ระดับ 0% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และต่อมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ
หรือการเพิ่มดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ในปี 2022-2023 FED ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี โดยการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงนี้ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้นทั่วโลก และสร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจ
การอัดฉีดเงิน
ใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE เพื่อเพิ่มเงินในระบบ เป็นหนึ่งในนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เผชิญกับภาวะชะลอตัวหรือเงินฝืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุด (Near Zero) ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายและการเทรดในระบบเศรษฐกิจ
Quantitative Easing คือกระบวนการที่ธนาคารกลางเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรบริษัท จากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน
การซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ช่วยเพิ่มปริมาณเงินในระบบ และส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมต่ำลง ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเทรดและการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ
จากตัวอย่างในวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้นำ QE มาใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตซับไพรม์ (Subprime Mortgage Crisis) โดย FED ได้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกัน (Mortgage-Backed Securities) จำนวนมหาศาล
การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Management)
อีกหนึ่งนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางของประเทศใช้ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมกระแสเงินตราต่างประเทศเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าและส่งออกในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเผชิญกับความผันผวน โดยการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Exchange Rate) หรือ อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว (Floating Exchange Rate) หรืออัตราแลกเปลี่ยนกึ่งลอยตัว (Managed Float) ที่รับกับสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ
กลยุทธ์การเทรดในตลาดการเงินในช่วงเงินเฟ้อและเงินฝืด

ในสภาวะที่เงินเฟ้อหรือเงินฝืดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์สามารถใช้ CFD (Contract for Difference) เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างผลกำไรได้ เนื่องจาก CFD อนุญาตให้ผู้เทรดเก็งกำไรทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดเพื่อสร้งความได้เปรียบในแต่ละสภาพการณ์
กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบช่วงเงินเฟ้อ
เทรดในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือหุ้นกลุ่มพลังงาน
ใช้ CFD เพื่อเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด
กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบช่วงเงินฝื
เก็งกำไรในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
ใช้ CFD เพื่อ Short สินทรัพย์ที่คาดว่าราคาจะลดลง
TOPONE Markets โบรกเกอร์พันธมิตรที่เทรดเดอร์วางใจในการเทรด CFD
สำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ TOPONE Markets เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ด้วยแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัย บริการลูกค้าที่เป็นเลิศ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบถ้วน คุณสามารถเริ่มต้นเทรดใน CFD ได้อย่างมั่นใจ
เริ่มต้นกับ TOPONE Markets วันนี้:
สร้างพอร์ตการเทรดที่หลากหลาย
เก็งกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงด้วยตราสาร CFD ที่เป็นเครื่องมือเฉพาะสำหรับการเก็งกำไรราคา
รับคำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพ ติตดามผลงานของเทรดเดเอร์ผู้เชี่ยวชาญในชุมชนเทรดเดอร์ของเรา
สมัครฟรีกับเรา และเปิดโลกการเงินกับ TOPONE Markets!
การเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับเงินเฟ้อและเงินฝืด ไม่เพียงช่วยปกป้องความมั่งคั่งของคุณ แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณสร้างผลกำไรในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในโลกของเศรษฐกิจมหภาค การเปลี่ยนแปลงของอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) และเงินฝืด (Deflation) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์การเทรดและการตัดสินใจของเทรดเดอร์อย่างมาก การเข้าใจถึงธรรมชาติของเงินเฟ้อและเงินฝืด รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนควรคำนึงถึงเพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การเทรดได้เหมาะสมที่สุด เพิ่มผลตอบแทนได้สูงที่สุด
ในบทความการเงินการลงทุนของ TOPONE Markets ครั้งนี้ เราจะอธิบายถึงความหมายของเงินเฟ้อและเงินฝืด ปัจจัยที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ วิธีการจัดการหรือสร้างสมดุลผ่านนโยบายการเงิน และการค้นหากลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมเพื่อสร้างความได้เปรียบในโลกการเงินมากกว่าที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยการใช้ตราสาร CFD (Contract for Difference) ในฐานะเครื่องมือเก็งกำไรสินทรัพย์ในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้
เงินเฟ้อ (Inflation) ภาพฉายสถานการณ์ของราคาที่เพิ่มสูงขึ้น

เงินเฟ้อคือสถานการณ์ที่ระดับราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลง
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ
อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น: ความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าที่จะผลิตได้
ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น: ราคาวัตถุดิบหรือแรงงานที่สูงขึ้น
นโยบายการเงินและการคลัง: การพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบจำนวนมากเกินไป
ผลกระทบจากเงินเฟ้อ
ผู้ที่ถือสินทรัพย์เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือหุ้น จะได้เปรียบเพราะมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น
ผู้ที่มีรายได้คงที่ เช่น พนักงานประจำ จะเสียเปรียบเพราะกำลังซื้อของเงินของพวกเขาลดลง
เทรดอะไรดีในช่วงเงินเฟ้อ
การเทรดในช่วงเงินเฟ้อเป็นความท้าทายสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากมูลค่าของเงินลดลงและต้นทุนสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเลือกสินทรัพย์เทรดอย่างเหมาะสม คุณสามารถรักษามูลค่าและสร้างผลกำไรได้ในสภาวะที่เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ทองคำ (Gold)
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงเงินเฟ้อ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการรักษามูลค่า ไม่ว่าราคาสินค้าหรือบริการจะเพิ่มสูงขึ้น ทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับมูลค่าของเงินอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
อสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมูลค่าของทรัพย์สินเหล่านี้มักเพิ่มขึ้นพร้อมกับระดับเงินเฟ้อ และรายได้จากค่าเช่าก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาสินค้าและบริการหุ้นในกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ (Energy and Commodities Stocks)
หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เช่น น้ำมัน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองแดง และข้าวสาลี มักจะได้ประโยชน์ในช่วงเงินเฟ้อ เพราะราคาสินค้าเหล่านี้มักจะปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกองทุนรวมดัชนีที่ปรับตัวตามเงินเฟ้อ (Inflation-Protected Funds)
กองทุนรวมที่เทรดในพันธบัตรที่มีการปรับมูลค่าตามเงินเฟ้อ (เช่น TIPS - Treasury Inflation-Protected Securities) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการป้องกันผลกระทบจากการลดค่าของเงินการเก็งกำไรผ่าน CFD (CFD Speculation)
CFD (Contract for Difference) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ให้คุณสามารถเก็งกำไรในตลาดขาขึ้นและขาลงได้ ในช่วงเงินเฟ้อ เทรดเดอร์สามารถเลือกเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่ได้รับผลบวกจากเงินเฟ้อ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ หรือหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ในการพิจารณาทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนในช่วงเงินเฟ้อจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดและเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล เพื่อรักษาและเพิ่มมูลค่าการลงทุนให้มากที่สุด
เงินฝืด (Deflation) อำนาจพ่อค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง

เงินฝืดคือสถานการณ์ที่ระดับราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดจากความต้องการในตลาดที่ลดลงหรือการผลิตที่มีมากเกินไป
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดเงินฝืด
อุปสงค์ที่ลดลง: การใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือภาคธุรกิจที่ลดลง
การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย: การกู้ยืมเงินมีต้นทุนสูงขึ้น
การลดลงของต้นทุนการผลิต: เช่น เทคโนโลยีที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย
ผลกระทบ
ผู้ที่ถือครองเงินสดจะได้เปรียบเพราะมูลค่าของเงินเพิ่มขึ้น
ผู้ที่มีหนี้สินจะเสียเปรียบเพราะต้นทุนในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้
เทรดอะไรดีในช่วงเงินฝืด
เงินฝืดเป็นสถานการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเทรดในสินทรัพย์บางประเภทอาจไม่เหมาะสมหรือมีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ยังมีสินทรัพย์บางประเภทที่สามารถสร้างผลตอบแทนหรือรักษามูลค่าได้ในช่วงเงินฝืด หากเลือกเทรดอย่างถูกต้อง
พันธบัตรรัฐบาล (Government Bonds)
พันธบัตรรัฐบาลเป็นตัวอย่างที่ดีของสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเงินฝืด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในช่วงนี้มักทำให้ราคาของพันธบัตรเพิ่มขึ้น (มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น) และผลตอบแทนจากดอกเบี้ยยังคงได้รับการจ่ายอย่างสม่ำเสมอเงินสดและตราสารหนี้ระยะสั้น (Cash and Short-Term Debt Instruments)
ในช่วงที่ราคาสินค้าลดลง มูลค่าของเงินสดจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าและบริการ การถือเงินสดหรือการเทรดในตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยรักษามูลค่าเงินเทรดได้หุ้นบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง (Stocks of Strong Cash Flow Companies)
หุ้นของบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งและไม่มีหนี้สินมากเกินไป เช่น บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน (Consumer Staples) มักได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมอื่นในช่วงเงินฝืดสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Assets)
นอกเหนือจากพันธบัตรรัฐบาล ทองคำอาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก แม้ว่าเงินฝืดจะไม่ใช่สภาวะที่ส่งเสริมราคาทองคำโดยตรง แต่ในสถานการณ์ที่เกิดความไม่แน่นอน เทรดเดอร์มักหันไปเทรดในสินทรัพย์ปลอดภัยการเก็งกำไรผ่าน CFD (CFD Speculation)
CFD (Contract for Difference) เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงได้ การใช้ CFD เพื่อ Short สินทรัพย์ที่ราคามีแนวโน้มลดลง เช่น หุ้นบางกลุ่ม หรือสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิด เป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยสร้างผลตอบแทนได้ในช่วงเงินฝืด
การเทรดในช่วงเงินฝืดต้องใช้ความระมัดระวังและการวิเคราะห์ที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าสินทรัพย์ที่เลือกเทรดสามารถรักษามูลค่าและสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
นโยบายการเงินและวิธีจัดการกับสถานการณ์

ธนาคารกลางเป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินเพื่อลดผลกระทบของเงินเฟ้อหรือเงินฝืด โดยสามารถใช้เครื่องมือ เช่น
ปรับอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ธนาคารกลางใช้ในการควบคุมสภาพเศรษฐกิจ โดยการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค เทรดเดอร์ และธุรกิจในระบบเศรษฐกิจได้อย่างกว้างขวาง
ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเงินฝืด ดังเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ลดอัตราดอกเบี้ยลงจนใกล้ระดับ 0% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และต่อมาใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ
หรือการเพิ่มดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ในปี 2022-2023 FED ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี โดยการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงนี้ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้นทั่วโลก และสร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจ
การอัดฉีดเงิน
ใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE เพื่อเพิ่มเงินในระบบ เป็นหนึ่งในนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เผชิญกับภาวะชะลอตัวหรือเงินฝืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุด (Near Zero) ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายและการเทรดในระบบเศรษฐกิจ
Quantitative Easing คือกระบวนการที่ธนาคารกลางเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการซื้อสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรบริษัท จากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน
การซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ช่วยเพิ่มปริมาณเงินในระบบ และส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมต่ำลง ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเทรดและการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ
จากตัวอย่างในวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้นำ QE มาใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตซับไพรม์ (Subprime Mortgage Crisis) โดย FED ได้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกัน (Mortgage-Backed Securities) จำนวนมหาศาล
การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Management)
อีกหนึ่งนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางของประเทศใช้ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมกระแสเงินตราต่างประเทศเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าและส่งออกในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเผชิญกับความผันผวน โดยการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (Fixed Exchange Rate) หรือ อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว (Floating Exchange Rate) หรืออัตราแลกเปลี่ยนกึ่งลอยตัว (Managed Float) ที่รับกับสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ
กลยุทธ์การเทรดในตลาดการเงินในช่วงเงินเฟ้อและเงินฝืด

ในสภาวะที่เงินเฟ้อหรือเงินฝืดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์สามารถใช้ CFD (Contract for Difference) เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างผลกำไรได้ เนื่องจาก CFD อนุญาตให้ผู้เทรดเก็งกำไรทั้งในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง
ตัวอย่างกลยุทธ์การเทรดเพื่อสร้งความได้เปรียบในแต่ละสภาพการณ์
กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบช่วงเงินเฟ้อ
เทรดในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือหุ้นกลุ่มพลังงาน
ใช้ CFD เพื่อเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามราคาตลาด
กลยุทธ์สร้างความได้เปรียบช่วงเงินฝื
เก็งกำไรในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นบริษัทที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
ใช้ CFD เพื่อ Short สินทรัพย์ที่คาดว่าราคาจะลดลง
TOPONE Markets โบรกเกอร์พันธมิตรที่เทรดเดอร์วางใจในการเทรด CFD
สำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ TOPONE Markets เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ด้วยแพลตฟอร์มการเทรดที่ทันสมัย บริการลูกค้าที่เป็นเลิศ และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ครบถ้วน คุณสามารถเริ่มต้นเทรดใน CFD ได้อย่างมั่นใจ
เริ่มต้นกับ TOPONE Markets วันนี้:
สร้างพอร์ตการเทรดที่หลากหลาย
เก็งกำไรทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงด้วยตราสาร CFD ที่เป็นเครื่องมือเฉพาะสำหรับการเก็งกำไรราคา
รับคำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้การเทรดมีประสิทธิภาพ ติตดามผลงานของเทรดเดเอร์ผู้เชี่ยวชาญในชุมชนเทรดเดอร์ของเรา
สมัครฟรีกับเรา และเปิดโลกการเงินกับ TOPONE Markets!
การเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับเงินเฟ้อและเงินฝืด ไม่เพียงช่วยปกป้องความมั่งคั่งของคุณ แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณสร้างผลกำไรในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความที่กำลังมาแรง
- “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก
"ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "
2025-01-10
TOPONE Markets Analyst - 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น
อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท
2024-07-03
TOPONE Markets Analyst - 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด
ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน
2024-06-07
TOPONE Markets Analyst - Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง
ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์
2024-03-01
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!