
Ethereum คืออะไร รู้จักยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของวงการคริปโต
Ethereum คือเหรีญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดเป็นอันดับที่สองรองจาก Bitcoin มีสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อต่อกรและอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Bitcoin อย่างสิ้นเชิง มาดูกันว่า Ethereum สามารถขับเคลื่อนวงการการเงินแบบไร้คนกลางได้อย่างไรบ้าง
Ethereum คืออะไร
Ethereum เป็นทั้งชื่อแพลตฟอร์มที่มีสกุลเงินดิจิทัล หรือเหรียญคริปโตในสกุล “อีเธอร์” (Ether) สำหรับการชำระค่าธรรมเนียม (ค่าแก๊ส) ดำเนินการต่าง ๆ แต่เนื่องจากผู้คนมักติดปากเรียกเหรียญ Ether ตามชื่อของแพลตฟอร์มคือ Ethereum จึงมักถูกเรียกกันจนติดปากไปแล้วว่าเหรียญ Ethereum
เหรียญ Ethereum หรือ Ether มีมูลค่าซื้อขายแลกเปลี่ยน เพราะมีจำนวนจำกัดในตลาด และมีความต้องการใช้งาน โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งอยู่เบื้องหลังระบบการดำเนินงานของเหรียญคริปโตหรือสกุลเงินดิจิทัล จะกำหนดให้ผู้ที่มีหน้าที่อนุมัติรายงานการค้า (Transaction) ได้รับเหรียญ Ether เป็นผลตอบแทนทั้งเป็นรางวัลในการเปิดบล็อกที่จะบันทึกรายการซึ่งไม่สามารถแก้ไขปลอมแปลงได้ และค่าธรรมเนียม (ค่าแก๊ส) ที่ทางผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มต้องชำระ
ปัจจุบัน ความผันผวนของเหรียญ Ether เป็นผลให้เหรียญคริปโตสกุลนี้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการลงทุน นักลงทุนจะเข้าครอบครองเหรียญ Ether ในระยะยาวหวังผลเติบโตของราคาโดยมีพื้นฐานจากความต้องการใช้งาน ขณะที่นักเทรดเข้าครอบครองถือระยะสั้นเพื่อขายเอาส่วนต่างราคา หรืออาจดำเนินการผ่านตลาดฟิวเจอร์สทำการซื้อขายสัญญาส่วนต่างราคา
Ethereum ทำงานกับสิ่งที่เรียกว่า Smart Contract
Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ เป็นกลไกหนึ่งบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำงานเบื้องหลังแพลตฟอร์ม Ethereum อยู่ในรูปของชุดคำสั่งทางคอมพิวเตอร์ หรือ “โปรแกรม” ที่ทำงานด้วยตัวเองอัตโนมัติเมื่อมีธุรกรรมเกิดขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีคนมาเกี่ยวข้องกับธุรกรรม มีความโปร่งใส และยากต่อการทุจริตใด ๆ
กลไกของ Smart Contract คือจะเริ่มทำงานเมื่อมีคำสั่งให้สินทรัพย์ดิจิทัลเคลื่อนย้าย Smart Contract จะตรวจสอบเงื่อนไขว่าสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างคริปโต มีจำนวนถูกต้องและควรส่งต่อไปยังบัญชีปลายทาง หรือถูกโอนกลับไปยังเจ้าของ ซึ่งบล็อกเชนจะบันทึกรายการการจ่ายเงินไว้
ในอนาคต Smart Contract และ บล็อกเชน คาดว่าจะถูกนำไปใช้ในแง่อื่นได้เช่นกัน อาทิ การซื้อสิ่งของโดยทั่วไป โปรแกรมอัตโนมัติที่ทำงานกับบล็อกเชนและมี Smart Contract จะตรวจสอบว่าเงินที่โอนถูกต้อง แล้วดำเนินการส่งมอบสินค้าดิจิทัลหรือสินค้าจริงไปยังผู้รับปลายทาง หรือการชำระค่าเข้าใช้บริการต่าง ๆ เช่น ค่าเช่า หรือค่าตั๋วงานคอนเสิร์ต เมื่อโอนเหรียญคริปโตเป็นการชำระค่าบริการ ทาง Smart Contract จะมอบสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นกุญแจ ทำให้เปิดประตูหรือช่องกั้นได้ ขณะที่บล็อกเชนบันทึกการชำระเงิน และการที่ Smart Contract สามารถมอบสิ่งต่าง ๆ ตอบแทนตามเงื่อนไขเมื่อเกิดการโอน ล้วนต่อยอดไปสู่ทุกบริการที่ต้องใช้บัตรผ่านเช่นกัน อย่างการทำใบขับขี่ หรือการเช่ารถ Tesla ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจที่จับต้องได้ในการติดเครื่องอีกต่อไป
การมี Smart Contract ในแพลตฟอร์ม Ethereum ทำให้เชื่อได้ว่าธุรกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างปลอดภัย และไม่ติดขัด มีความรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม Smart Contract ถูกกำหนดคำสั่งโปรแกรมโดยมนุษย์ ทางผู้ใช้งานอาจศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจการทำงานของเงื่อนไขต่าง ๆ บน Smart Contract ของแพลตฟอร์มโดยละเอียด หากต้องการเพิ่มความมั่นใจในการใช้บริการแพลตฟอร์ม Ethereum ในการทำธุรกรรมใด ๆ
Bitcoin VS Ethereum
ความแตกต่างในด้าน PoW และ PoS ในแต่ละเหรียญ
PoW ย่อมาจาก Proof-of-Work เป็นกลไกตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมแบบฉันทามติก่อนจะบันทึกในบล็อกเชนใน Ethereum 1.0 หรือ Ethereum Classic คือระบบที่ต้องพึ่งพานักขุดที่ใช้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เพื่อเข้าร่วมการถอดสมการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเพื่อเปิดบล็อกสำหรับบันทึกข้อมูลและตรวจสอบธุรกรรมใหม่ การทำให้ธุรกรรมในแต่ละครั้งสมบูรณ์ นักขุดจะได้รับอีเธอร์เป็นรางวัลด้วย ซึ่งการใช้ฮาร์ดแวร์เพื่อเข้าร่วมการขุดทำให้เกิดการสิ้นเปลืองไฟฟ้าจำนวนมหาศาล และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำลายสิ่งแวดล้อม
PoS ย่อมาจาก Proof-of-Stake เป็นกลไกที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ใน Ethereum 2.0 ที่เป็นระบบอัพเกรด โดยมุ่งหวังการทำรายการรวดเร็วขึ้นถึง 100,000 รายการต่อวินาที จากแต่เดิมใน Ethereum 1.0 ทำรายการได้เพียง 30 รายการต่อวินาที ซึ่งการทำรายการได้รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ในเวลาที่ธุรกรรมหนาแน่น ค่าแก๊สจะถูกกว่า
Proof of Stake จะพึ่งพาการขุดน้อยลง เพราะระบบจะเน้นการเปิดให้นำ Ether มาฝากไว้กับทางแพลตฟอร์มซึ่งในภาษาของผู้ถือเหรียญคริปโตคือ “การ Stake” ซึ่งจะให้ผลประโยชน์เช่นเดียวกับการฝากเงินคือดอกเบี้ย และผู้ที่มีการ Stake มากกว่าจะได้สิทธิในการอนุมัติเปิดบล็อกก่อน ไม่ใช่เฉพาะนักขุด ซึ่งการที่ต้องเอา Ether มา Stake จะควบคุมปริมาณเหรียญในตลาด และทำให้ราคาของ Ether มีเสถียรภาพมากขึ้นเพราะผลประโยชน์ของการ Stake สามารถส่งอิทธิพลของการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของเหรียญในตลาด
เหรียญ Bitcoin ต่างจาก Ethereum ตรงที่ระบบยังใช้แบบเดียวกับ Ethereum 1.0 การเพิ่มเหรียญเข้าสู่ระบบมาจากการขุด ทำให้มีความชักช้าในการอนุมัติรายการ และการขาดแคลนผู้อนุมัติรายการได้ในช่วงเวลาธุรกรรมหนาแน่น ทำให้ค่าแก๊สแพงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่เหมาะกับการใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียม
จุดที่ทำให้ Bitcoin ไม่สามารถแข่งกับ Ethereum ได้
Bitcoin เหมือนทอง แต่ Ethereum เหมือนหุ้น ดังนั้นในแง่ของการซื้อขายเพื่อทำกำไร Ether จะเหมาะมีไว้ในครอบครองมากกว่า เพราะราคาจะสามารถเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งที่เป็นแบบนั้นเพราะ Ethereum เน้นการให้คนคิดโครงการขึ้นมาเปิดบนเครือข่ายของตนเอง และกระตุ้นให้มีการใช้งาน Ether อย่างกว้างขวาง การเติบโตของการใช้งาน Ether ทำให้มีการออกเหรียญเพิ่มขึ้น และมูลค่าของเหรียญมีความน่าเชื่อถือในกลุ่มนักเทรดหรือนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม Bitcoin มีความจำกัดในเรื่องปริมาณซึ่งทำให้ถูกมองเหมือนทองที่เหมาะถือเอาไว้เพื่อรักษามูลค่าของเงินมากกว่า หากเป็นในเรื่องของแนวคิด แต่จากสถานการณ์ซื้อขายที่เกิดขึ้นจริง จะพบว่า Bitcoin สามารถมีราคาผันผวนได้มาก ขณะที่ไม่มีแนวคิดเรื่องการใช้งานเพื่อรักษามูลค่าที่ชัดเจนเหมือนทอง เป็นที่ถกเถียงว่าเมื่อไม่เป็นที่ต้องการใช้งานจริงในโลกความเป็นจริง มูลค่าของ Bitcoin ก็เปราะบางมาก
เมื่อเทียบระหว่าง Bitcoin และ Ethereum พบประเด็นว่าเงิน Ether มีความต้องการในตลาดที่ชัดเจน มูลค่าจึงไม่เสื่อมสลายไปสมบูรณ์ได้ง่าย ๆ และทำให้ความน่าเชื่อถือของ Ethereum แข็งแกร่งกว่า Bitcoin และสามารถแข่งขันกับ Bitcoin ได้
DeFi ใน Ethereum Ecosystem
DeFi เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ Ethereum ที่ใช้เงิน Ether เป็นศูนย์กลาง โดยย่อมาจากคำว่า Decentralized Finance หรือระบบการเงินที่ไม่มีคนกลางหรือสถาบันเป็นผู้ควบคุม ซึ่งเกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำงานโดยมี Smart Contract ทำให้เกิดการดำเนินการอย่างปลอดภัยและมีเสถียรภาพ
การที่โลกของการเงินถูกสร้างขึ้นมาในระบบนิเวศ Ethereum ทำให้สามารถพบเห็นการใช้ Ether ในรูปแบบดังตัวอย่างต่อไปนี้
การทำธุรกรรมระหว่าง Blockchain แต่ละ Blockchain มีการใช้สกุลเงินดิจิทัลของตนเอง ทั้งนี้การทำธุรกรรมระหว่างกัน (Cross-Chain) จะกลายเป็น Infrastructure เพื่อเพิ่มการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลหนึ่ง ๆ ไม่ต่างจากประเทศต่าง ๆ ที่มีธนาคารกลางและเป็นตลาดไว้สนับสนุนการซื้อขายและเก็งกำไรส่วนต่างราคาเมื่อแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ ระหว่างกัน โดย Infrastructure สำคัญที่สามารถทำ Cross-Chain กับ Ethereum ได้ อาทิ Polygon, Aztec, Connext เป็นต้น
การ Swap เป็นบริการให้แลกเปลี่ยนคู่สกุลเงินดิจิทัล ลองจินตนาการถึงร้านค้าที่ให้แลกเปลี่ยนค่าเงิน ซึ่งปกติแล้วอัตราแลกเปลี่ยนจะถูกกำหนดโดยตลาด ในจังหวะที่ดีก็สามารถทำกำไรได้เมื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงิน การมี Infrastruture ที่เหมือนประเทศหนึ่ง ๆ แล้ว ไม่ใช่จะสามารถนำเงินไปใช้ได้ทันที แต่จะต้องนำไป Swap เปลี่ยนเป็นอีกสกุลก่อน
การชำระค่าบริการและการโอน (Payments & Transfers)
การให้ยืมและการปล่อยกู้ (Lending & Borrowing) สามารถนำเงินคริปโตสกุลหนึ่งไปค้ำเพื่อกู้อีกสกุลหนึ่ง หรือทำการ Stake เพื่อเป็นการปล่อยกู้กับผู้ให้บริการในเครือข่าย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เป็นการนำเหรียญคริปโตที่มี ไปใช้ในการชำระค่าสัญญาซื้อขายแบบกำหนดราคาล่วงหน้าในตลาดสินทรัพย์ ทั้งที่เป็นคริปโตเองและไม่ใช่คริปโต
Non-Fungible Token (NFTs) เป็นการกำหนดให้สินทรัพย์ทางปัญญาเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนได้ในระบบนิเวศ ซึ่งการแลกเปลี่ยนต้องมีการกำหนดมูลค่า โดยมูลค่านี้จะเป็นในสกุล Ether และการทำธุรกรรมต้องชำระค่าธรรมเนียมโดยใช้เงินสกุล Ether เช่นกัน
รับฝากเพื่อแสวงหากำไร (Yield & Farming) มีผู้ให้บริการเมื่อต้องการทำ Stake และจะสามารถได้รับผลตอบแทนในลักษณะของดอกเบี้ย โดยอาจจะชำระเงินดอกเบี้ยเป็นเงินดิจิทัลสกุลเดียวกัน หรือต่างสกุลก็ได้ ทั้งนี้อาจจะต้องมีการทำ Liquidity ด้วย คือการลงทุนแบบมีคู่เงินดิจิทัลก่อนจะฝากเข้าไปในโครงการที่ทางผู้ให้บริการกำหนด
กระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallets)
ลงทุนกับ Ethereum ได้อย่างไรบ้าง
สำหรับบุคคลธรรมดา หากต้องการลงทุนใน Ethereum สามารถทำได้สองแบบ
การซื้อมาครอบครอง
เป็นการเข้าซื้อโดยตรงจากตลาดซื้อขายเหรียญ และให้ถือไว้เพื่อทำกำไรเมื่อเหรียญ Ether มีมูลค่าสูงขึ้น
Staking
หากไม่ต้องการถือไว้เฉย ๆ แพลตฟอร์ม Ethereum มีการให้บริการ Stake โดยตรง แต่มีผู้ให้บริการ DeFi อื่น ๆ บนเน็ตเวิร์คเดียวกันที่เปิดให้นำเงินไป Stake ได้ โดยผู้ลงทุนควรศึกษาถึงนโยบายการดำเนินการกับเงินที่นำไป Stake เพราะการ Stake มีการจัดการแบบเดียวกับธนาคาร ดังนั้นจริง ๆ แล้วเงินดิจิทัลที่นำฝากจะถูกนำไปแสวงหาประโยชน์ ซึ่งการนำไป Stake ผลประโยชน์ตอบแทนในรูปดอกเบี้ยไม่จำเป็นต้องมีอัตราคงที่ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอัตราลอยตัวที่เปลี่ยนไปมา
นอกจากการลงทุนบนบล็อกเชนของ Ethereum เอง นักลงทุนสามารถมองหาทางเลือกลงทุนภายนอก Ethereum เช่นการลงทุนกับตลาดฟิวเจอร์ส ที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยเงินสกุลในตลาดจริง ทำการเปิดซื้อขายสัญญากำหนดราคาคริปโตสกุลต่าง ๆ ล่วงหน้า เป็นการเก็งกำไรแนวโน้มราคาว่าจะปรับเปลี่ยนจากราคาเมื่อเปิดสัญญามากหรือน้อย ซึ่งการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สจะไม่มีการใช้เงินสกุลดิจิทัลจริง ไม่มีเหรียญคริปโตในครอบครองก็สามารถแสวงหากำไรได้เช่นกัน
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 PolitiFi Coins น่าซื้อปี 2567
ท่องโลกสกุลเงินดิจิทัลไปกับเหรียญมีมล้อการเมือง PolitiFi Coin เกาะกระแสการเมืองระดับโลก เอาความฮามาเป็นจุดต่างในการสร้างผลตอบแทนแบบเร็ว ๆ ด้วยการเทรด CFD เหรียญมีมทางเลือก
2024-08-19
TOPONE Markets Analyst - ท็อป 5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุนปี 2567
ส่อง 5 เหรียญคริปโตที่น่าลงทุน เติบโตไปตามการเปลี่ยนแปลงและความนิยมของโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ด้วยเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวในปี 2567 นี้
2024-07-19
TOPONE Markets Analyst - สุดยอดคู่มือ วิธีลงทุนซื้อ Dogecoin ในไทย
อนาคตเหรียญ Doge เหรียญคริปโตสุดสนุนอันดับที่ 9 ของโลก กับการวางแผนซื้อ Doge เก็งกำไร ฉบับมือใหม่ในโลกคริปโตที่กำลังมองหาการดำเนินการที่สะดวกต่อการจัดการ
2024-07-09
TOPONE Markets Analyst - ภาษีคริปโตคืออะไร 2567 เทรดคริปโตแบบไหนต้องเสียภาษี
รอบรู้ภาษีคริปโตที่สำคัญก่อนเทรด จัดการ คำนวณ อย่างไรให้เสียภาษีคริปโตถูกต้องไม่โดนค่าปรับ และอีกวิธีในการเทรดคริปโตด้วย CFD ที่ไม่ต้องนำรายได้ไปคิดภาษีบุคคลธรรมดาประจำปี อัปเดท พ.ศ. 2567
2024-06-20
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!