
- บทนำ
- การเทรดฟิวเจอร์ (Futures) คืออะไร
- ตลาดฟิวเจอร์ทำงานอย่างไร
- ทำไมต้องเทรดฟิวเจอร์
- ทำความเข้าใจกับสัญญาฟิวเจอร์
- ประเภทต่าง ๆ ของสัญญาฟิวเจอร์
- 7 ข้อต้องรู้ก่อนเทรดฟิวเจอร์
- การเทรดฟิวเจอร์สินทรัพย์ต่าง ๆ
- กลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์ระดับโปร
- เทรดฟิวเจอร์ตอนไหนดี
- เทรดฟิวเจอร์ได้อะไร
- การจัดการความเสี่ยงการเทรดฟิวเจอร์
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคการเทรดฟิวเจอร์
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานการเทรดฟิวเจอร์
- ข้อผิดพลาดทั่วไปของการเทรดฟิวเจอร์
- เรื่องภาษีต้องรู้ของการเทรดฟิวเจอร์
- กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของการเทรดฟิวเจอร์
- จิตวิทยาและทัศนคติการเทรดฟิวเจอร์
- ฉันควรเทรดฟิวเจอร์หรือไม่
Trade Future 101: คู่มือฉบับสมบูรณ์การเทรดฟิวเจอร์
การตกลงราคาสินค้าอ้างอิง เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินต่างประเทศ หรือแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล โดยเป็นการประกันกันว่าเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต ผู้ซื้อและผู้ขายจะส่งมอบสินค้าภายใต้ราคาที่ตกลงไว้ในเวลานี้ และนี่คู่มือสำหรับผู้เริ่มต้นที่ให้ภาพรวมเชิงลึกซึ่งเป็นพื้นฐานของการเทรดฟิวเจอร์ รวมถึงการออกแบบกลยุทธ์และบริหารความเสี่ยง
- บทนำ
- การเทรดฟิวเจอร์ (Futures) คืออะไร
- ตลาดฟิวเจอร์ทำงานอย่างไร
- ทำไมต้องเทรดฟิวเจอร์
- ทำความเข้าใจกับสัญญาฟิวเจอร์
- ประเภทต่าง ๆ ของสัญญาฟิวเจอร์
- 7 ข้อต้องรู้ก่อนเทรดฟิวเจอร์
- การเทรดฟิวเจอร์สินทรัพย์ต่าง ๆ
- กลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์ระดับโปร
- เทรดฟิวเจอร์ตอนไหนดี
- เทรดฟิวเจอร์ได้อะไร
- การจัดการความเสี่ยงการเทรดฟิวเจอร์
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคการเทรดฟิวเจอร์
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานการเทรดฟิวเจอร์
- ข้อผิดพลาดทั่วไปของการเทรดฟิวเจอร์
- เรื่องภาษีต้องรู้ของการเทรดฟิวเจอร์
- กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของการเทรดฟิวเจอร์
- จิตวิทยาและทัศนคติการเทรดฟิวเจอร์
- ฉันควรเทรดฟิวเจอร์หรือไม่
บทนำ
หากพูดการทำเงินในตลาดการลงทุน มีวิธีที่เป็นไปได้มากมายแต่อาจถูกจำกัดให้ทำเงินได้เฉพาะที่เป็นตลาดขาขึ้น (Bullish Trend) เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้หลายคนเสียโอกาสในการลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่การเทรดอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า “สัญญาฟิวเจอร์” หรือการเทรดฟิวเจอร์จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถทำเงินจากตลาดได้อย่างหลากหลายและได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (Bearish Trend)
ท่ามกลางตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเทรดฟิวเจอร์คือตัวเลือกที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูง (แต่ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน) สามารถใช้ในการเก็งกำไรและกระจายความเสี่ยงในการลงทุนระยะสั้น (ไม่ใช่การสะสมมูลค่า) ได้
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ คุณต้องมีความเข้าใจตลาดของสินค้าอ้างอิงว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนราคาของมัน ตัวสัญญาฟิวเจอร์เองที่มีทั้งเรื่องของค่าธรรมเนียม ขนาดของสัญญา และกลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์อย่างลึกซึ้ง
ในคู่มือการเทรดฟิวเจอร์ฉบับสมบูรณ์นี้ เราจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการลงทุนที่ซับซ้อนนี้ และมาค้นหากันว่า การเทรดด้วยสัญญาฟิวเจอร์จะแตกต่างกับการเก็งกำไรในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมได้อย่างไรบ้าง
การเทรดฟิวเจอร์ (Futures) คืออะไร
ฟิวเจอร์เป็นสัญญาทางการเงินที่เทรดเดอร์ซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlaying Asset) ในราคาและวันที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต สินทรัพย์เหล่านี้อาจเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบ ทองคำ แร่เงิน หรือข้าวสาลี เครื่องมือทางการเงิน เช่น หุ้นหรือพันธบัตร ดัชนีหุ้นต่าง ๆ เช่น ดัชนี Dow Jones ดัชนี S&P 500 หรือการเทรดฟิวเจอร์ที่อ้างอิงสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) และยังรวมไปถึงการเทรดฟิวเจอร์คริปโตที่มี Binance เป็นผู้นำในการเทรดดังกล่าวด้วย
หากคุณคิดว่าราคาทองคำจะสูงขึ้นภายในเวลา 3 เดือนข้างหน้า คุณอาจเปิดสถานะ Long (ซื้อ) ในสัญญาฟิวเจอร์ทองคำในวันนี้ โดยมีข้อตกลงที่จะส่งมอบเมื่อครบกำหนด ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงเวลาส่งมอบ คุณจะได้รับทองคำตามสัญญาตามอัตราที่จัดไว้ล่วงหน้าในวันนี้ แทนที่จะเป็นราคาตลาด ณ ขณะนั้น
ในอดีต การเทรดฟิวเจอร์เกิดขึ้นกับสินค้าจำพวกพืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเหล่านั้นได้ เมื่อเวลาผ่านไป ผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ เช่น โลหะและพลังงานได้เพิ่มเข้าไปในรายการสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายได้ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าทั่วโลก
การถือกำเนิดของระบบการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Globex ในปี พ.ศ. 2535 ได้ปฏิวัติวิธีที่ผู้คนซื้อและขายสัญญาฟิวเจอร์อย่างมาก ทำให้ทุกคนทั่วโลกที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดได้แบบเรียลไทม์
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในปัจจุบันเปิดทางให้มีเครื่องมือวิเคราะห์การวิจัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องที่สามารถศึกษาข้อมูลการวิเคราะห์ปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ให้คำแนะนำเมื่อทำกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว ตรวจสอบพารามิเตอร์ต่าง ๆ รวมถึงผลงานในอดีตเพื่อระบุข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับสิ่งที่ได้ผลดีที่สุดในประวัติศาสตร์ควบคู่กันไป
ลักษณะสำคัญของการเทรดฟิวเจอร์อยู่ที่ความสามารถในการใช้พลังของ Leverage ที่เทรดเดอร์สามารถควบคุมสินทรัพย์จำนวนมากได้ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สำคัญเช่นกัน กล่าวคือ หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะที่ถือ (เช่น เปิดสถานะ Long ไว้อยู่ แต่ราคาดิ่งลง) การขาดทุนอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าการลงทุนเริ่มต้นได้
จะเห็นได้ว่า การเทรดฟิวเจอร์นั้น สินค้าอ้างอิงสามารถเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่ตลาดที่แต่ละคนสนใจหรือมีความช่ำชอง และข้อสำคัญประการหนึ่งคือการฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ซับซ้อนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและมีความรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน การทำความเข้าใจวิธีการทำงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนที่น่าตื่นเต้นนี้
ตลาดฟิวเจอร์ทำงานอย่างไร
การเทรดฟิวเจอร์เป็นหนึ่งในรูปแบบของการเทรดอนุพันธ์ (Derivatives) ที่รวมถึงฟิวเจอร์ ออปชัน ฟอร์เวิร์ด และสวอป การเทรดฟิวเจอร์เป็นการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่บุคคลทั่วไปในฐานะเทรดเดอรืหรือลูกค้าทำสัญญามาตรฐานสำหรับการส่งมอบสินค้าหรือตราสารทางการเงิน ณ จุดใดจุดหนึ่งในอนาคตกับโบรกเกอร์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ
การเทรดฟิวเจอร์มีข้อแตกต่างจากตลาดสปอตที่ทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นทันทีที่ส่งคำสั่ง การใช้ฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือช่วยให้คุณสามารถป้องกันความผันผวนของราคาและใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดการณ์ไว้ได้
ตลาดการเทรดฟิวเจอร์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการเงินสมัยใหม่ เนื่องจากช่วยให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถจัดการความเสี่ยงได้โดยการล็อคราคาสำหรับการส่งมอบในอนาคต เช่น เกษตรกรสามารถขายข้าวโพดโดยอาศัยการสัญญาการซื้อขายฟิวเจอร์นี้เพื่อล็อคราคาที่เหมาะสมก่อนที่ฤดูกาลเพาะปลูกจะเริ่มต้นขึ้น ในขณะที่บริษัทที่พึ่งพาวัตถุดิบสามารถซื้อสัญญาฟิวเจอร์เพื่อรับประกันอุปทานในราคาที่คงที่ สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย
ปัจจุบันในโลกการเงิน ตลาดการเทรดฟิวเจอร์ดำเนินการภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม และมีเสถียรภาพ ในกรณีส่วนใหญ่ การเทรดเกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่จับคู่ผู้ซื้อกับผู้ขายตามการเสนอราคาและข้อเสนอ เนื่องจากอัตราส่วน Leverage สูงที่มีอยู่ในตลาดฟิวเจอร์ เทรดเดอร์จึงต้องได้รับข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะนำเงินไปลงทุน
ทำไมต้องเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และด้วยเหตุผลที่ดี มอบสิทธิประโยชน์มากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของตน
ข้อได้เปรียบหลักประการหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์คือสภาพคล่องสูงที่นำเสนอโดยตลาด สัญญาฟิวเจอร์มีมาตรฐานสูง ทำให้ง่ายต่อการซื้อหรือขายมากกว่าการลงทุนอื่น ๆ เช่น หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์
ข้อดีอีกอย่างคือ Leverage ฟิวเจอร์ช่วยให้คุณควบคุมสินทรัพย์อ้างอิงจำนวนมากด้วยการลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย หมายความว่าคุณอาจได้รับผลกำไรจำนวนมากในขณะที่เสี่ยงน้อยลง
ฟิวเจอร์ยังมอบความยืดหยุ่นเนื่องจากครอบคลุมประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน ดัชนี ฯลฯ สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่หลากหลายโดยไม่ต้องผูกติดกับประเภทการลงทุนใดประเภทหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดฟิวเจอร์เปิดทำการตลอดเวลา ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงโซนเวลาที่หลากหลายได้ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสทำกำไรได้เสมอไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก
สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด; การเทรดฟิวเจอร์ต้องใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นแบบดั้งเดิม และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าเนื่องจาก Leverage
ทำความเข้าใจกับสัญญาฟิวเจอร์
สัญญาฟิวเจอร์เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์เฉพาะ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หรือดัชนีหุ้น ณ ราคาและวันที่ที่ตกลงกันในอนาคต โดยพื้นฐานแล้ว การเทรดฟิวเจอร์เป็นวิธีสำหรับเทรดเดอร์ในการป้องกันความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์อ้างอิง
โปรดทราบว่าสัญญาฟิวเจอร์แตกต่างจากสัญญาออปชันตรงที่กำหนดให้ผู้ซื้อ/ผู้ขายดำเนินการเทรดในวันที่กำหนด นอกจากนี้ เทรดเดอร์ฟิวเจอร์ต้องการเพียงเศษเสี้ยวของมูลค่ารวมของสัญญา (เรียกว่า Margin ) เพื่อเข้าสู่สถานะ
ราคาเทรดล่วงหน้าถูกกำหนดโดยปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ราคาสามารถได้รับผลกระทบจากสิ่งใดๆ ตั้งแต่รูปแบบสภาพอากาศที่ส่งผลต่อผลผลิตพืชผล ไปจนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
การทำความเข้าใจวิธีการทำงานของสัญญาฟิวเจอร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเริ่มต้นการเทรดประเภทนี้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะทำการวิจัยอย่างละเอียดก่อนที่จะเข้าสู่สถานะใด ๆ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่
ประเภทต่าง ๆ ของสัญญาฟิวเจอร์
สัญญาฟิวเจอร์มีไว้สำหรับเทรดสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่สินค้าโภคภัณฑ์ไปจนถึงเครื่องมือทางการเงิน
ฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์เป็นสัญญาฟิวเจอร์ประเภทที่มีการเทรดกันมากที่สุด ซึ่งรวมถึงโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน ผลิตภัณฑ์พลังงาน เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพดและข้าวสาลี และปศุสัตว์ เช่น วัวและหมู
สัญญาฟิวเจอร์ทางการเงินเกี่ยวข้องกับการเทรดดัชนีหุ้น สกุลเงิน หรืออัตราดอกเบี้ย ฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรในทิศทางของตลาดหุ้นโดยไม่ต้องซื้อหุ้นแต่ละตัว ฟิวเจอร์กุลเงินช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรับตำแหน่งในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงินต่าง ๆ ในขณะที่ฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยให้โอกาสในการเทรดตราสารหนี้ตามการเปลี่ยนแปลงที่คาดไว้ในอัตราดอกเบี้ยในตลาด
อนุพันธ์สภาพอากาศเป็นสัญญาฟิวเจอร์อีกประเภทหนึ่งที่ใช้โดยธุรกิจที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพอากาศ เช่น เกษตรกรที่อาจประสบความสูญเสียเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งส่งผลกระทบต่อพืชผล
โดยสรุป มีความหลากหลายไม่ขาดตอนเมื่อพูดถึงประเภทของสัญญาฟิวเจอร์ำหรับการเทรด เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจสินทรัพย์อ้างอิงที่พวกเขาต้องการเทรดก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ
7 ข้อต้องรู้ก่อนเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์มีคำศัพท์เฉพาะและวิะีการดำเนินการที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับการเทรดสินค้าทางการลงทุนอื่น ๆ ดังนั้น การเรียนรู้ศัพท์เฉพาะและแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้การเทรดราบรื่น แม้ในขั้นต้นอาจทำให้ผู้เริ่มต้นสับสน แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ตลาด
ประเภทของสินค้าอ้างอิง (Underlaying Asset)
สินค้าอ้างอิงในสัญญาฟิวเจอร์ามารถเป็นสิ่งใด ๆ ก็ได้ แต่เดิมเป็นพืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ แต่ในปัจจุบันนี้ คุณสามารถทำสัญญาฟิวเจอร์กับทอง น้ำมัน แร่เงิน สกุลเงินดิจิทัลได้ง่าย ๆ เพียงมีความเข้าใจว่าอะไรคือตัวขับเคลื่อนราคาของสินค้าอ้างอิงเหล่านั้น เพื่อให้สามารถเลือกการ Long หรือ Short ได้อย่างถูกต้องตามแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
Margin (Margin)
Margin คือ จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องวางเพื่อเปิดสัญญาฟิวเจอร์หนึ่ง ๆ ทำหน้าที่เป็นหลักประกันและช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของตนได้
กล่าวอย่างง่ายคือ Margin คือจำนวนเงินหรือหลักประกันที่นักลงทุนต้องจัดสรรเมื่อเปิดสถานะในตลาดฟิวเจอร์ ทำหน้าที่เป็นเงินประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของมูลค่าสินทรัพย์อ้างอิง โดยพื้นฐานแล้วมันทำหน้าที่เป็นเงินทุนสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดด้วย Leverage สูง ๆ โดยพยายามให้มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่น้อยที่สุด
สมมติว่าคุณสนใจที่จะซื้อสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันดิบ 5 ฉบับ โดยแต่ละสัญญามีราคา 60 เหรียญต่อบาร์เรล มูลค่ารวมทั้งหมดจะเป็น $300 (5 x 60) อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์อาจกำหนดให้คุณจัดสรรเพียง 10% ($30) ของมูลค่าเล็กน้อยทั้งหมดเป็น Margin ก่อนที่จะเข้าสู่การซื้อขายนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โดยการลงทุนเพียง $30 ล่วงหน้าในการซื้อขายที่มีเลเวอเรจสูงนี้ คุณสามารถควบคุมมูลค่า $300 ของ ฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ โดยพื้นฐานแล้วจะเพิ่มกำไรหรือขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคาแบบทวีคูณ
ข้อน่าสังเกตคือในขณะที่ Margin ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่การซื้อขายที่มีเดิมพันสูงด้วยการลงทุนที่ค่อนข้างน้อยและอาจได้รับผลกำไรจำนวนมากอย่างรวดเร็ว รวมถึงมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สำคัญหากไม่จัดการอย่างระมัดระวัง เนื่องจากหากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับความต้องการอย่างรุนแรงเกินกว่าระดับ Margin ที่จัดสรรไว้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ง่ายเนื่องจากการประกาศข่าวที่ไม่เอื้ออำนวย
อายุของสัญญา
สัญญาฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีกำหนดวันหมดอายุ ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์จำเป็นต้องปิดสถานะหรือทบยอดก่อนกำหนดนี้ การโรลโอเวอร์เกี่ยวข้องกับการปิดตำแหน่งที่มีอยู่และเปิดตำแหน่งใหม่ที่มีวันหมดอายุในภายหลัง
เรื่องอายุของสัญญาเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่บังคับกลาย ๆ ให้คุณต้องขายหรือซื้อในวันที่ที่ระบุ ซึ่งต่างจากการลงทุนแบบเก็งกำไร ที่คุณอาจพักเงินไว้ในสินทรัพย์นั้นช่วงที่มีการปรับตัวของราคาลงแล้วจึงขายเพื่อทำกำไรเมื่อราคากลับมาเป็นบวก
ขนาดของสัญญา
เป็นอีกหัวข้อสำคัญที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจและใช้ในการคำนวณต้นทุน ผลกำไร ขนาดของสัญญาหมายถึงปริมาณมาตรฐานของสินทรัพย์อ้างอิงที่ระบุในแต่ละสัญญา เช่น น้ำมันหนึ่งแกลลอน หรือข้าวสาลีหนึ่งถัง เป็นต้น
สถานะ Long หรือ Short
สถานะของการเปิดสัญญาการเทรดฟิวเจอร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดนี้ การเปิดสถานะ Long หมายถึงการซื้อสัญญาฟิวเจอร์ด้วยความคาดหวังว่าราคาของสัญญาจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่การเปิดสถานะ Short หมายถึงการขายสัญญาด้วยความหวังว่าราคาจะลดลง
Stop Loss
Stop Loss เป็นคำสั่งทรกเกอร์ที่คุณตั้งค่าไว้ล่วงหน้าเพื่อขายหรือซื้อสินทรัพย์เฉพาะเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เทคนิคนี้ช่วยให้เทรดเดอร์จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติก่อนที่จะเสียเงินมากเกินไป
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากตลาดเคลื่อนตัวสวนทางกับที่คาดการณ์ เครื่องมือนี้จะช่วยปกป้องการลงทุนโดยการเปิดขายสินทรัพย์อัตโนมัติ ณ จุดราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
Limit Order
Limit Order มีประโยชน์อย่างยิ่งในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วซึ่งราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วย Limit Order เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเพียงแค่ตั้งค่าพารามิเตอร์และรอการดำเนินการ สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขามีระเบียบวินัยและจดจ่อกับกลยุทธ์โดยไม่หลงทาง
ข้อดีอีกอย่างของการใช้ Limit Order ในการเทรดฟิวเจอร์คือช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมจุดเข้าและออกได้มากขึ้น การระบุให้ชัดเจนว่าต้องการเข้าหรือออกจากตลาดที่ราคาใด เป็นการขจัดความคลุมเครือใด ๆ ออกจากกระบวนการและขจัดการตัดสินใจด้วยอารมณ์
คำศัพท์สำคัญเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเริ่มต้นการเทรดฟิวเจอร์ให้ประสบความสำเร็จ
การเทรดฟิวเจอร์สินทรัพย์ต่าง ๆ
สัญญาฟิวเจอร์มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไปตามธรรมชาติของสินค้าอ้างอิง ส่วนใหญ่คนมักเทรดฟิวเจอร์สินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง รวมถึงสินค้าพลังงาน เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สัญญาฟิวเจอร์ทางการเงินก็เป็นที่นิยมเช่นกัน รวมถึงสัญญาที่อิงตามดัชนีหุ้น สกุลเงิน และอัตราดอกเบี้ย
สัญญาฟิวเจอร์แต่ละสัญญามีข้อกำหนดเฉพาะของตัวเอง รวมถึงสินทรัพย์อ้างอิง ขนาดสัญญา และวันหมดอายุ การทำความเข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดฟิวเจอร์ที่ประสบความสำเร็จ
หากคุณสนใจเทรดฟิวเจอร์ไม่ว่าจะเป็นการเทรดเป็นรายได้หลักหรือรองจากการเทรดอื่น ๆ หรือแม้แต่การเทรดตามช่วงเวลา (Seasonality Trade) การเทรดฟิวเจอร์เป็นรูปแบบการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงพร้อมกับโอกาสของผลตอบแทนสูงขึ้นซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างเหลือเชื่อหากทำอย่างถูกต้องและมีหลักการ
ในย่อหน้านี้ เราจะสำรวจวิธีการต่าง ๆ สำหรับการเทรดฟิวเจอร์ รวมถึง Leverage และ Margin ที่สำคัญในการเทรดฟิวเจอร์ ตลอดจนแนวคิดของวิธีการ Stop Loss ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการขาดทุนมากเกินไปได้ ไม่ว่าคุณจะยังใหม่ต่อการเทรดฟิวเจอร์หรือผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ ต้องไม่พลาดอ่านย่อหน้านี้
เทรดฟิวเจอร์ด้วย Leverage อย่างไร
เมื่อพูดถึงการเทรดฟิวเจอร์ เรื่องของ Leverage จะมาคู่กันเสมอ เพราะ Leverage สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังได้และถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ของการเทรดฟิวเจอร์ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง ซึ่งจะนำไปสู่ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น กระนั้น สิ่งสำคัญคือต้องใช้ Leverage อย่างมีความรับผิดชอบและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
การเทรดฟิวเจอร์ด้วย Leverage คุณจะต้องเปิดบัญชี Margin กับโบรกเกอร์ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มอำนาจการซื้อ
จำนวน Leverage ที่คุณสามารถใช้ได้จะขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และสัญญาเทรดล่วงหน้าที่มีการเทรด สัญญาบางฉบับอาจมีข้อกำหนดด้านหลักประกันที่สูงกว่าสัญญาอื่น ๆ
สิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ Leverage จะต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเทคนิคการจัดการความเสี่ยง เช่น การ Stop Loss และขนาดตำแหน่ง การใช้ Leverage มากเกินไปหรือไม่จัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนอย่างมาก
การเทรดฟิวเจอร์ด้วย Leverage เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในการเพิ่มผลตอบแทน สำหรับเมื่อใหม่เริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์ เป้นการดีที่จะฝึกฝนฝีมือด้วยบัญชีทกลองที่เรามีให้เสียก่อน
เทรดฟิวเจอร์ด้วย Margin อย่างไร
การเทรดฟิวเจอร์ด้วย Margin เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากวิธีหนึ่งในการขยายผลตอบแทน โดยพื้นฐานแล้ว การเทรดโดยใช้ Margin ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์และลงทุนในสัญญาเทรดล่วงหน้าด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่น้อยลง
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าในขณะที่การเทรดโดยใช้ Margin สามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วย หากมูลค่าของการลงทุนในบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด ซึ่งเรียกว่าข้อกำหนดหลักประกันการรักษา คุณอาจต้องฝากเงินเพิ่มเติมหรือเผชิญกับการชำระสถานะ
เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ไม่พึงประสงค์นี้ เทรดเดอร์ที่ใช้ Margin ในการเทรดฟิวเจอร์ต้องวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวังและตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่า ผลการทำงานเป้นไปตามกลยุทธ์และเป้าหมายที่ต้องการ และสอดคล้องกับความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้นที่คุณจะรับได้
เทรดฟิวเจอร์ของสินค้าโภคภัณฑ์
เมื่อกล่าวถึงสินค้าทางการเงินที่เป็นที่นิยมในการเทรดฟิวเจอร์ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) เป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ที่ผู้คนนึงถึงเสมอ การเทรดฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์เป็นการซื้อและขายสัญญาสำหรับสินค้าที่จับต้องได้ เช่น โลหะ พลังงาน สินค้าเกษตร ฯลฯ สัญญาประเภทนี้มีการเทรดในการแลกเปลี่ยนทั่วโลกและเป็นต้นฉบับของการเทรดฟิวเจอร์
ในการซื้อขายล่วงหน้าในยุคปัจจุบันเริ่มขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยมีการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ในชิคาโก ในเวลานั้น เกษตรกรและผู้ผลิตอื่น ๆ กำลังเผชิญกับความยากลำบากเนื่องจากราคาพืชผลหรือผลิตภัณฑ์ของพวกเขาตกต่ำ เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ พวกเขาได้ทำข้อตกลงกับผู้ซื้อก่อนฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อขายพืชผลในราคาที่กำหนดไว้โดยไม่ต้องกังวลถึงความผันผวนของราคาตลาดในภายหลัง
ข้อดีประการหนึ่งของการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าคือสภาพคล่องสูง เนื่องจากตลาดเหล่านี้เทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในปริมาณมากทุกวัน จึงมีผู้ซื้อและผู้ขายที่เต็มใจที่จะเทรดในอีกด้านหนึ่งเสมอ
ข้อดีอีกอย่างคือศักยภาพในการกระจายความเสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์สามารถป้องกันเงินเฟ้อหรือความผันผวนของตลาดได้ เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มักจะเคลื่อนไหวโดยอิสระจากหุ้นและพันธบัตร
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก่อนที่จะมีส่วนร่วมในการเทรดฟิวเจอร์ประเภทนี้ เช่น รูปแบบของสภาพอากาศอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลผลิตทางการเกษตร ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลกระทบต่อโลหะมีค่า เช่น ทองคำหรือเงิน
การเทรดฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์มอบโอกาสสำหรับทั้งเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งมองหาการกระจายพอร์ตโฟลิโอ เช่นเดียวกับผู้เริ่มต้นที่แสวงหาโอกาสในตลาดใหม่
Gold Online Futures อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.5%
Gold Futures อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5%
Japanese Rubber Futures อ้างอิงยางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่เทรดในตลาดสัญญาฟิวเจอร์ประเทศญี่ปุ่น
Silver Online Futures อ้างอิงโลหะเงินที่มีความบริสุทธิ์ 99.9%
RSS3 Futures อ้างอิงยางแผ่นรมควันชั้น 3 ตามมาตรฐาน Green Book
เทรดฟิวเจอร์ Forex
การเทรดสกุลเงินฟิวเจอร์เป็นการเทรดฟิวเจอร์ประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือขายสัญญาสกุลเงินในราคาและเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า รูปแบบการเทรดนี้สามารถใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสกุลเงินที่อาจเกิดขึ้นหรือใช้เป็นกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเก็งกำไร
ข้อดีประการหนึ่งของการเทรดสกุลเงินฟิวเจอร์คือช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมความเสี่ยงทางการเงินในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ด้วยการใช้ฟิวเจอร์กุลเงิน เทรดเดอร์สามารถล็อคอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกรรมในอนาคต ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินที่ผันผวน
ข้อดีอีกประการของการเทรดประเภทนี้คือสภาพคล่องสูง ฟิวเจอร์ของสกุลเงินมีการเทรดบนการแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุม เช่น Chicago Mercantile Exchange (CME) และเสนอสเปรดราคาเสนอซื้อที่เข้มงวด ทำให้ง่ายต่อการซื้อและขายอย่างรวดเร็ว
เมื่อต้องเลือกสกุลเงินที่จะเทรด ตัวเลือกยอดนิยมบางตัวเลือก ได้แก่ คู่เงินหลัก เช่น USD/EUR หรือ USD/JPY อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสสำหรับการเทรดเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่อีกด้วย
การเทรดสกุลเงินฟิวเจอร์ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงความเสี่ยงในตลาดโลกได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง
EUR/USD Futures อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD
USD/JPY Futures อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน USD/JPY
USD Futures อ่านเพิ่มเติม
เทรดฟิวเจอร์ดัชนีหุ้น
การเทรดหรือลงทุนในหุ้นรายตัวหรือดัชนีหุ้นผ่าน ETF แม้จะเป็นการกระจายความเสี่ยงวิธีการหนึ่ง แต่ก็อาจจะทำกำไรได้ในยามขาขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับการเทรดฟิวเจอร์ที่คือโอกาสในการลงทุนทั้งสองทาง
หากคุณมองว่าดัชนีหุ้นหรือหุ้นนั้น ๆ จะปรับตัวขึ้นในระยะเวลาที่กำหนดในอนาคต คุณอาจเปิดสถานะ Long ของสัญญาฟิวเจอร์ และในทางกลับกัน คุณอาจเปิดสถานะ Short หากมองว่าดัชนีหุ้นอ้างอิงจะปรับตัวลง
การเทรดฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการเก็งกำไรเกี่ยวกับประสิทธิภาพของดัชนีตลาดหุ้นหนึ่งๆ แทนที่จะลงทุนในหุ้นแต่ละตัว เทรดเดอร์สามารถใช้สัญญาฟิวเจอร์ของดัชนีเพื่อเดิมพันทิศทางโดยรวมของดัชนีตลาดหุ้นทั้งหมด
ข้อดีประการหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นคือหนึ่งวิธีความเสี่ยงต่อตลาดหรืออุตสาหกรรมทั้งหมดมากกว่าบริษัทใด ๆ เพียงบริษัทเดียว ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นรายตัวลงได้
ตัวอย่างบางส่วนของดัชนีหุ้นไทยและดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เปิดให้เทรดกับสัญญาฟิวเจอร์
SET50 Index Futures อ้างอิงหุ้นไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 และเป็นสัญญาฟิวเจอร์แรกที่เปิดให้เทรดในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 อ่านเพิ่มเติม
Single Stock Futures (การเทรดฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับหุ้น (ไทย) รายตัว) ปัจจุบันมีหุ้นไทย 127 หุ้นที่เปิดให้เทรดด้วยสัญญาฟิวเจอร์ ข้อมูล ณ 27 เม.ย. 2565
FTSE 100 Futures สัญญาฟิวเจอร์อ้างอิงดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักร
Dow Jones Futures สัญญาฟิวเจอร์อ้างอิงดัชนี Dow Jones ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
คุณสามารถดูรายชื่อสัญญาฟิวเจอร์อ้างอิงดัชนีหุ้นรอบโลกได้จาก Investing.com
การ Hedging ในการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์มีบทบาทสำคัญในการป้องกันความผันผวนของราคา การป้องกันความเสี่ยงเป็นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับตำแหน่งเพื่อชดเชยผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนอื่น
เช่น หากคุณถือหุ้น คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงจากการตกต่ำของตลาดได้โดยการซื้อสัญญาเทรดล่วงหน้าในดัชนีหุ้น หากราคาหุ้นตกลง ผลกำไรจากการขายสัญญาเทรดล่วงหน้าสามารถชดเชยการขาดทุนบางส่วนได้
ในการเทรดสินค้า ผู้ผลิตและผู้บริโภคใช้สัญญาเทรดล่วงหน้าเพื่อล็อคราคาสินค้าหรือบริการของตน เช่น ชาวนาอาจขายข้าวโพดล่วงหน้าเพื่อล็อคราคาพืชผลของเขาก่อนที่จะเก็บเกี่ยวด้วยซ้ำ สิ่งนี้ช่วยลดความไม่แน่นอนและช่วยให้เขาวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ในทำนองเดียวกัน สายการบินอาจซื้อน้ำมันล่วงหน้าเพื่อป้องกันต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น การล็อคราคาในอนาคตทำให้สามารถเลี่ยงผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันอย่างไม่คาดคิดในภายหลัง
ข้อดีของการป้องกันความเสี่ยงด้วยฟิวเจอร์คือการช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้ในขณะที่ยังคงมีส่วนร่วมในตลาด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาความผันผวนของตลาดและปกป้องการลงทุนจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจนำไปสู่การสูญเสียที่สำคัญ
เทรดตามฤดูกาล (Seasonality Trade)
การเทรดตามฤดูกาลเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการเทรดฟิวเจอร์ที่หมายถึงการเทรดตามแนวโน้มของราคาที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งในช่วงเวลาเฉพาะของปี รูปแบบของฤดูกาลสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ ความผันผวนของอุปสงค์และอุปทาน เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นต้น
ราคาสินค้าเกษตร อาจได้รับอิทธิพลจากแนวโน้มของฤดูกาล เนื่องจากขึ้นอยู่กับวัฏจักรการเพาะปลูกและฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในทำนองเดียวกัน สัญญาเทรดล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวเมื่อความต้องการใช้ความร้อนเพิ่มขึ้น
เทรดเดอร์ที่เข้าใจรูปแบบตามฤดูกาลนี้สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้โดยการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม เช่น หากข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นและความต้องการเชื้อเพลิงทำความร้อนที่ลดลง เขาอาจเลือกเปิดสถานะ Short ในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคืออย่าพึ่งพาฤดูกาลหรือเหตุการณ์ใด ๆ เพียงอย่างเดียวเนื่องจากอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาเช่นกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ตลาดอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะเข้าสู่ตำแหน่งใด ๆ
เทรดฟิวเจอร์ด้วยออปชันส์
การเทรดฟิวเจอร์โดยใช้ออปชันเป็นกลยุทธ์ยอดนิยมในหมู่เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้ ออปชันให้สิทธิ์แก่ผู้เทรด แต่ไม่มีข้อผูกมัดในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงเฉพาะเจาะจงในราคาที่กำหนดไว้ในหรือก่อนวันที่กำหนด
ลักษณะเด่นของการเทรดฟิวเจอร์ด้วยออปชันคือช่วยให้คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงด้านขาลงในขณะที่ยังคงเปิดรับผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หากคุณถือสัญญาเทรดล่วงหน้าสำหรับน้ำมันดิบและราคาตกลงอย่างกระทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ข่าวที่ไม่คาดคิด การซื้อตัวเลือกการขายสามารถช่วยบรรเทาการขาดทุนได้
ข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งของการใช้ออปชันในการเทรดฟิวเจอร์คือให้ความยืดหยุ่นในแง่ของการดำเนินการเทรด คุณสามารถใช้กลยุทธ์ออปชั่นประเภทต่าง ๆ เช่น “Cross & Spread” ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและความชอบส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าการเทรดฟิวเจอร์ด้วยออปชันนั้นมีความเสี่ยงและความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเทรดฟิวเจอร์แบบดั้งเดิม เพื่อให้ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้จำเป็นต้องมีความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาดทั้งสองและเทคนิคการจัดการที่มีทักษะเมื่อดำเนินการเทรด
การเทรดฟิวเจอร์โดยใช้ออปชั่นเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่เชี่ยวชาญซึ่งยินดีรับความเสี่ยงที่คำนวณได้ในขณะที่จำกัดการขาดทุน ด้วยการวิจัยที่เหมาะสมควบคู่ไปกับกลยุทธ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและแนวทางต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในตลาดนั้นเพื่อรับผลตอบแทนสูงสุดตามกาลเวลา
ขั้นตอนการ Stop Loss ในการเทรดฟิวเจอร์
ในฐานะนักเทรดฟิวเจอร์ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ นี่คือที่มาของบทบาทของการ Stop Loss คำสั่ง Stop Loss คือคำสั่งที่มอบให้กับนายหน้าเพื่อขายหรือซื้อหลักทรัพย์เมื่อถึงจุดราคาหนึ่งที่คุณตั้งไว้ล่วงหน้า
การ Stop Loss สามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยการปิดสถานะโดยอัตโนมัติหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ ป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคำสั่ง Stop Loss ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรด
การเทรดฟิวเจอร์มอบโอกาสมากมายสำหรับบุคคลที่ต้องการหาเลี้ยงชีพผ่านตลาดการเงิน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการเทรดรูปแบบอื่น ๆ จำเป็นต้องมีการวางแผนและการวิจัยอย่างรอบคอบก่อนที่จะดำดิ่งสู่ตลาด
เมื่อทำความเข้าใจว่า Leverage และ Margin ทำงานอย่างไร รวมถึงประเภทต่าง ๆ ของสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน และดัชนีฟิวเจอร์ที่มีให้เทรด เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับการเทรดตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ความสำเร็จในการเทรดในอนาคตจะขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การรวมออปชันเข้ากับการเทรดหรือการใช้คำสั่ง Stop Loss ที่วางอย่างระมัดระวัง ณ จุดราคาวิกฤต ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าสำหรับการจำกัดความเสี่ยงด้านขาลงในขณะที่เพิ่มศักยภาพด้านขาขึ้นสูงสุด!
กลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์ระดับโปร
กลยุทธ์การเทรดระดับโปร ไม่ได้จำกัดที่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย การยอมรับความเสี่ยง และธรรมชาติของตลาดสินค้าอ้างอิงของสัญญา
กลยุทธ์ยอดนิยมบางอย่าง ได้แก่ การติดตามแนวโน้ม การกลับตัวของราคา และการเทรดฝ่าวงล้อม
การติดตามแนวโน้ม คือการระบุและติดตามทิศทางของแนวโน้มตลาด การศึกษารูปแบบของตลาดและระบุจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ตามระดับแนวรับและแนวต้าน เทรดเดอร์ยังสามารถใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ MACD RSI และอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงราคา
ในขณะที่การกลับตัวของราคาคือการการเดิมพันว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ยในที่สุด ส่วนการเทรดฝ่าวงล้อมคือการระบุระดับสำคัญของแนวรับและแนวต้าน และการเดิมพันการฝ่าวงล้อมในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
นอกจากนี้ การจัดการความเสี่ยงของการเทรดยังมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss ในระดับที่เหมาะสมในขณะที่รักษาอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการเทรดแต่ละครั้ง
นอกเหนือสิ่งอื่นใด คุณควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อตลาดสินค้านั้น ๆ มองเทรนด์ให้ออก เทรดตามเทรนด์ ห้ามเทรดสวนเทรนด์ เช่น ราคาน้ำมันดิบโลก และกรเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในแวดวงผู้ผลิตน้ำมันดิบมีอิทธิพลอย่างมากต่อสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงสินค้าน้ำมันดิบ ในขณะที่รูปแบบสภาพอากาศมีอิทธิพลต่อแนวโน้มการกำหนดราคาสินค้าเกษตร และอย่าลืมว่า อาจมีมากกว่าหนึ่งปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเด็นหนึ่ง ๆ ใด
การรักษาระเบียบวินัยและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้กลยุทธ์การชนะ เนื่องจากความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ต้องการความสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป มากกว่าการชนะแบบประปราย และการจะเลือกกลยุทธ์การเทรดที่ดีได้นั้น ต้องทำการบ้านก่อนเข้าสู่ตลาด มีการจดบันทึกผลการทำงาน และนำข้อผิดพลาดมาวิเคราะ์เพื่อปรับปรุงการเทรดของตัวเอง
เทรดฟิวเจอร์ตอนไหนดี
ในฐานะเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ เวลาคือทุกสิ่ง การรู้เวลาที่ดีที่สุดในการเทรดฟิวเจอร์ามารถช่วยให้คุณเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือตลาดต่าง ๆ มีชั่วโมงการเทรดที่แตกต่างกันตามเขตเวลาของตน
เช่น หากคุณเทรดสัญญาฟิวเจอร์ E-mini S&P 500 สัญญาฟิวเจอร์จะเปิดเกือบ 24/5 ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์จนถึงบ่ายวันศุกร์ (เวลากลางของสหรัฐอเมริกา) ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสมากมายในการเทรดในตลาดนี้ในช่วงวันธรรมดา
อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าบางตลาดอาจมีความเคลื่อนไหวและผันผวนมากขึ้นในบางช่วงเวลาเนื่องจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการประกาศต่าง ๆ เช่น ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงเช้าของสหรัฐฯ เมื่อกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อมูลสินค้าคงคลังรายสัปดาห์
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรคำนึงถึงปฏิทินเศรษฐกิจโลกและข่าวสารต่าง ๆ เช่น รายงาน GDP หรือใบแจ้งยอดของธนาคารกลาง ซึ่งอาจส่งผลต่อสกุลเงินและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก
โดยทั่วไป เวลาที่ดีที่สุดในการเทรดฟิวเจอร์คือช่วงที่มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนสูงในตลาด สิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์คือการตื่นตัวเสมอกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสินค้าจำเพาะที่คุณสนใจในการเทรด
เทรดฟิวเจอร์ได้อะไร
การเทรดฟิวเจอร์ให้ประโยชน์มากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของตน
ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์คือ Leverage สัญญาฟิวเจอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสินทรัพย์อ้างอิงจำนวนมากด้วยเงินทุนจำนวนค่อนข้างน้อย ทำให้สามารถเพิ่มผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อดีอีกอย่างคือสภาพคล่อง ตลาดฟิวเจอร์มีสภาพคล่องสูง หมายความว่ามักจะมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากในเวลาใดก็ตาม ทำให้สามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้ง่าย
ฟิวเจอร์ยังมีความสามารถในการป้องกันการเคลื่อนไหวของราคาในสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถใช้สัญญาฟิวเจอร์เป็นวิธีการจัดการความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนและป้องกันตนเองจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
นอกจากนี้ การเทรดสัญญาฟิวเจอร์ในการแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุม ให้ความโปร่งใสและรับประกันราคาที่ยุติธรรมสำหรับผู้เข้าร่วมทั้งหมด นอกจากนี้ โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอเครื่องมือการเทรดขั้นสูง เช่น ซอฟต์แวร์สร้างกราฟและฟีดข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่าเมื่อใดควรเข้าหรือออกจากการเทรด
ประโยชน์ของการเทรดฟิวเจอร์รวมถึงการเข้าถึง Leverage สภาพคล่อง ความสามารถในการจัดการความเสี่ยง ความโปร่งใส และเครื่องมือการเทรดขั้นสูง – ปัจจัยทั้งหมดที่อาจดึงดูดเทรดเดอร์ที่แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในภูมิทัศน์ทางการเงินในปัจจุบัน
การจัดการความเสี่ยงการเทรดฟิวเจอร์
เช่นเดียวกับการลงทุนใด ๆ การเทรดฟิวเจอร์มีทั้งความเสี่ยงและผลประโยชน์ ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์คือศักยภาพในการได้รับผลตอบแทนสูง เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสินทรัพย์จำนวนมากได้ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย
วิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่งในการจัดการความเสี่ยงในการเทรดฟิวเจอร์คือการตั้งคำสั่ง Stop Loss คำสั่งเหล่านี้จะปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
อีกวิธีในการจัดการความเสี่ยงคือการกระจายพอร์ตการลงทุน อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวและเทรดสินค้าโภคภัณฑ์หรือประเภทสินทรัพย์เพียงประเภทเดียว ให้กระจายการลงทุนในตลาดและสัญญาต่าง ๆ
สิ่งสำคัญคือต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสภาวะตลาดและเหตุการณ์ข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง การติดตามรายงานทางเศรษฐกิจและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองหรือรูปแบบสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้นว่าเมื่อใดควรเข้าหรือออกจากการเทรด
มีกลยุทธ์การออกเสมอก่อนที่จะเข้าสู่การเทรดใด ๆ การรู้ว่าเมื่อใดควรตัดขาดทุนและทำกำไรจะจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุด
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้และขยันหมั่นเพียรในการบริหารความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคการเทรดฟิวเจอร์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ เนื่องจากช่วยให้พวกเขาระบุทิศทางที่เป็นไปได้มากที่สุดของการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลราคาและปริมาณในอดีตโดยใช้กราฟ ตัวบ่งชี้ และรูปแบบเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของตลาดในอนาคต เทรดเดอร์สามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อกำหนดเวลาเข้าหรือออกจากการเทรดตามสัญญาณเฉพาะที่สร้างโดยเครื่องมือทางเทคนิคที่เลือก
หนึ่งในเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้บ่อยที่สุดในการเทรดฟิวเจอร์คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คำนวณโดยใช้ราคาปิดเฉลี่ยของหลักทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนดและวางแผนบนกราฟ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุแนวโน้มของราคาและระบุจุดเข้าหรือออกที่เป็นไปได้โดยอิงจากการตัดกันระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ต่าง ๆ
เครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกอย่างคือออสซิลเลเตอร์ เช่น Relative Strength Index (RSI) และ Stochastic Oscillator ซึ่งวัดตัวบ่งชี้โมเมนตัมที่แสดงว่าสินทรัพย์อาจมีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคยังพึ่งพารูปแบบกราฟอย่างมาก เช่น หัวและไหล่ คู่บน/ล่าง สามเหลี่ยม ธง/ชายธง ที่สามารถช่วยทำนายการกลับตัวของแนวโน้มในอนาคตหรือการดำเนินการต่อ
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะไม่พึ่งพาตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมเข้ากับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเมื่อทำการตัดสินใจเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิคควรได้รับการสนับสนุนจากหลักการบริหารการเงินที่ดีเสมอ เช่น เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เพราะแม้แต่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้หากไม่มีแนวทางปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยงที่ดี
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานการเทรดฟิวเจอร์
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีการประเมินมูลค่าของตราสารทางการเงินโดยการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเงิน และเชิงปริมาณและคุณภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาของมัน สำหรับผู้เทรดล่วงหน้า นี่หมายถึงการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทานสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์หรือสินทรัพย์อ้างอิง
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการทำความเข้าใจสถานะปัจจุบันของตลาด เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์สำคัญใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานสำหรับสินค้าเฉพาะ ซึ่งรวมถึงการติดตามรูปแบบสภาพอากาศ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของรัฐบาล และอื่นๆ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่าง ๆ สินค้าจำนวนมากเชื่อมโยงถึงกัน เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและอัตราดอกเบี้ย ด้วยการวิเคราะห์การเชื่อมต่อเหล่านี้ เทรดเดอร์สามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เทรดเดอร์ยังต้องให้ความสนใจกับระดับการผลิตเมื่อทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการเทรดฟิวเจอร์ การผลิตส่งผลกระทบต่ออุปทานซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามรายงานพืชผลจากเกษตรกรหรือผลผลิตจากการขุดจากบริษัทใหญ่ ๆ เมื่อดูสัญญาการเกษตรหรือแร่
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราการเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในแนวโน้มการเทรดฟิวเจอร์ในทุกตลาด รวมถึงดัชนีหุ้น เช่น Dow Jones Industrial Average (DJIA) ดัชนี S&P 500 (S&P) เป็นต้น นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์พลังงาน เช่น น้ำมันดิบ สัญญาน้ำมัน - WTI & Brent Crude Oil Futures เป็นต้น
ข้อผิดพลาดทั่วไปของการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลกำไร แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าหาด้วยความระมัดระวังและเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งคือการไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดหรือสัญญาฟิวเจอร์ที่มีการเทรด สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและการสูญเสียเงิน
ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งคือการไม่มีแผนการเทรดที่มั่นคง หากไม่มีการวางแผน เทรดเดอร์อาจทำการเทรดแบบหุนหันพลันแล่นตามอารมณ์มากกว่ากลยุทธ์ สิ่งสำคัญคือต้องยึดตามแผนเมื่อได้กำหนดไว้แล้วและไม่เบี่ยงเบนไปจากแผนโดยไม่มีเหตุผลที่ดี
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดฟิวเจอร์ แต่เทรดเดอร์จำนวนมากกลับล้มเหลวในการใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss และการทำกำไรในระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
การเทรดมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ เนื่องจากการเทรดมากเกินไปจะเพิ่มต้นทุนการทำธุรกรรมและลดผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การเทรดมากเกินไปมักจะทำให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น ซึ่งแทบจะไม่ได้ผลลัพธ์ในเชิงบวกเลย
การไม่รู้ถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหรือสัญญาเฉพาะที่มีการเทรดสามารถนำไปสู่การสูญเสียที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับอุตสาหกรรม
การเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปเหล่านี้ต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรและมีระเบียบวินัย แต่การทำเช่นนั้นจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาวในฐานะเทรดเดอร์ฟิวเจอร์
เรื่องภาษีต้องรู้ของการเทรดฟิวเจอร์
ผลกระทบทางภาษีเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเมื่อเทรดฟิวเจอร์ กฎภาษีสำหรับการเทรดฟิวเจอร์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของสัญญา ระยะเวลาที่ถือครอง และจำนวนกำไรหรือขาดทุนที่รับรู้
โดยทั่วไป การเทรดฟิวเจอร์จะต้องเสียภาษีกำไรจากการขายหุ้น ซึ่งหมายความว่ากำไรใด ๆ ที่ได้จากการขายสัญญาฟิวเจอร์จะต้องเสียภาษีในอัตราที่ใช้บังคับสำหรับกลุ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม การสูญเสียยังสามารถใช้เพื่อหักล้างภาษีที่เป็นหนี้จากการลงทุนอื่นๆ
สิ่งสำคัญคือต้องเก็บบันทึกการค้าและธุรกรรมทั้งหมดอย่างถูกต้องเพื่อคำนวณภาษีที่ค้างชำระอย่างแม่นยำ โบรกเกอร์หลายรายจัดทำคำชี้แจงโดยละเอียดซึ่งรวมถึงข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานภาษี
เทรดเดอร์อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจมีผลทางภาษีเพิ่มเติม
การปรึกษากับนักบัญชีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือที่ปรึกษาทางการเงินที่คุ้นเคยกับการเทรดฟิวเจอร์ามารถช่วยให้มั่นใจว่าปฏิบัติตามกฎหมายภาษีและได้รับประโยชน์สูงสุดในขณะที่ลดภาระหนี้สิน
กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์เป็นกิจกรรมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด และเทรดเดอร์ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด Commodity Futures Trading Commission (CFTC) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักในสหรัฐอเมริกาสำหรับการเทรดฟิวเจอร์
เทรดเดอร์ต้องลงทะเบียนกับ CFTC ก่อนที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเทรดฟิวเจอร์ หากไม่ทำเช่นนั้นอาจส่งผลให้ได้รับโทษหนักและมีผลทางกฎหมาย นอกจากนี้ โบรกเกอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเทรดฟิวเจอร์จะต้องลงทะเบียนกับ CFTC ด้วย
National Futures Association (NFA) ทำงานร่วมกับ CFTC เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมตลาดปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแล NFA กำหนดมาตรฐานสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ความโปร่งใสทางการเงิน และการคุ้มครองลูกค้า
เทรดเดอร์ฟิวเจอร์ควรตระหนักถึงข้อกำหนดด้าน Margin ที่กำหนดโดยการแลกเปลี่ยนที่พวกเขาเทรด ข้อกำหนดเหล่านี้กำหนดว่าเทรดเดอร์ต้องมีเงินทุนเท่าใดในบัญชีเพื่อเป็นหลักประกันต่อการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงหรือการปรับปรุงกฎระเบียบหรือมาตรการการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเทรดฟิวเจอร์ ซึ่งรวมถึงการรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายใหม่ ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเข้าร่วมในบางตลาดหรือใช้กลยุทธ์บางอย่าง
ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการการปฏิบัติตาม เทรดเดอร์สามารถช่วยให้แน่ใจว่าตลาดยุติธรรมและโปร่งใส ในขณะเดียวกันก็ปกป้องตนเองจากผลกระทบทางกฎหมาย
จิตวิทยาและทัศนคติการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นความพยายามที่ท้าทาย และต้องใช้ทั้งความรู้ด้านเทคนิคและความอดทนทางจิตใจ เทรดเดอร์ฟิวเจอร์ที่ประสบความสำเร็จเข้าใจถึงความสำคัญของการมีกรอบความคิดที่ถูกต้องเพื่อให้จดจ่ออยู่กับเป้าหมายแม้ตลาดจะผันผวนก็ตาม
ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของจิตวิทยาการเทรดฟิวเจอร์คือวินัย เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกครอบงำด้วยอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความกลัวหรือความโลภ เมื่อคุณเห็นว่าการเทรดมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าพวกเขาต้องยึดมั่นในกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและกฎการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมแต่มีความยืดหยุ่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของจิตวิทยาการเทรดฟิวเจอร์คือความอดทน ตลาดฟิวเจอร์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่การเร่งเข้าสู่การเทรดโดยอิงจากการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นอาจนำไปสู่ความผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง เทรดเดอร์ที่มีความสามารถในการรอโอกาสที่เหมาะสมมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าผู้ที่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น
นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นยังมีความสำคัญในด้านจิตวิทยาการเทรดฟิวเจอร์ เนื่องจากจะต้องมีช่วงเวลาที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผนอย่างไม่ต้องสงสัย ความสามารถในการฟื้นตัวจากความสูญเสียและเรียนรู้จากการสูญเสียแทนที่จะจมอยู่กับความสูญเสียเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาวในอุตสาหกรรมนี้
การรักษาทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญในการเทรดฟิวเจอร์ให้เชี่ยวชาญ ตลาดการเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเทรดเดอร์จึงต้องศึกษากลยุทธ์และเทคนิคใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในขณะที่ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนมากพอที่จะไม่เพิกเฉยต่อความผิดพลาดในอดีต
การพัฒนาความคิดในการเทรดฟิวเจอร์ที่แข็งแกร่งนั้นต้องใช้เวลาและความพยายาม อย่างไรก็ตาม การเทรดฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเพราะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเสมอในสภาวะที่ไม่แน่นอน ในขณะเดียวกันก็รักษาเงินทุนไว้ได้ดีกว่าเครื่องมือการลงทุนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ฉันควรเทรดฟิวเจอร์หรือไม่
ท้ายที่สุดแล้ว การเทรดฟิวเจอร์นั้นจะเข้ากับสไตล์การเทรดหรือการลงทุนหรือไม่ มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างถ่องแท้ อันดับแรก ให้พิจารณาถึงความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง สถานการณ์ทางการเงิน และความเข้าใจตลาดของสินค้าอ้างอิงนั้น ๆ
การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นเครื่องมือทางการลงทุนที่ช่วยให้คุณทำเงินได้ทั้งสองเทรนด์ตลาด ทั้งขาขึ้นและขาลง แต่หากคาดการณ์ราคาผิดพลาดหรือมีปัจจัยภายนอกใด ๆ เข้ามากระทบโดยกระทันหัน ก็อาจส่งผลให้การเคลื่อนที่ของราคาสินค้าอ้างอิงพลิกพันและนำไปสู่การขาดทุนได้ และยิ่งโดยเฉพาะท่านที่ใช้อัตรา Leverage สูง ๆ ผลการขาดทุนก็จะเป็นเท่านั้นของอัตรา Leverage ที่เลือกด้วย
ถ้าต้องการเริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์ สละเวลาและความพยายามในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดและจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ อาจเป็นทางเลือกที่ใช้ได้สำหรับการกระจายพอร์ตโฟลิโอหรือสร้างรายได้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หากความเสี่ยงมีมากกว่าผลตอบแทนที่เป็นไปได้สำหรับคุณเป็นการส่วนตัว การสำรวจตัวเลือกการลงทุนอื่นๆ อาจเป็นการดีที่สุด
โปรดจำไว้ว่า เช่นเดียวกับโอกาสในการลงทุนอื่นๆ ไม่มีการรับประกันความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ แต่ด้วยการทำความเข้าใจตลาดและพัฒนากลยุทธ์ที่แข็งแกร่งจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิจัยพื้นฐาน คุณมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในโลกแห่งการเทรดฟิวเจอร์อันน่าตื่นเต้นนี้
บทนำ
หากพูดการทำเงินในตลาดการลงทุน มีวิธีที่เป็นไปได้มากมายแต่อาจถูกจำกัดให้ทำเงินได้เฉพาะที่เป็นตลาดขาขึ้น (Bullish Trend) เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้หลายคนเสียโอกาสในการลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย ในขณะที่การเทรดอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า “สัญญาฟิวเจอร์” หรือการเทรดฟิวเจอร์จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถทำเงินจากตลาดได้อย่างหลากหลายและได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (Bearish Trend)
ท่ามกลางตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเทรดฟิวเจอร์คือตัวเลือกที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูง (แต่ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน) สามารถใช้ในการเก็งกำไรและกระจายความเสี่ยงในการลงทุนระยะสั้น (ไม่ใช่การสะสมมูลค่า) ได้
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ คุณต้องมีความเข้าใจตลาดของสินค้าอ้างอิงว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนราคาของมัน ตัวสัญญาฟิวเจอร์เองที่มีทั้งเรื่องของค่าธรรมเนียม ขนาดของสัญญา และกลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์อย่างลึกซึ้ง
ในคู่มือการเทรดฟิวเจอร์ฉบับสมบูรณ์นี้ เราจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการลงทุนที่ซับซ้อนนี้ และมาค้นหากันว่า การเทรดด้วยสัญญาฟิวเจอร์จะแตกต่างกับการเก็งกำไรในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมได้อย่างไรบ้าง
การเทรดฟิวเจอร์ (Futures) คืออะไร
ฟิวเจอร์เป็นสัญญาทางการเงินที่เทรดเดอร์ซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง (Underlaying Asset) ในราคาและวันที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต สินทรัพย์เหล่านี้อาจเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบ ทองคำ แร่เงิน หรือข้าวสาลี เครื่องมือทางการเงิน เช่น หุ้นหรือพันธบัตร ดัชนีหุ้นต่าง ๆ เช่น ดัชนี Dow Jones ดัชนี S&P 500 หรือการเทรดฟิวเจอร์ที่อ้างอิงสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) และยังรวมไปถึงการเทรดฟิวเจอร์คริปโตที่มี Binance เป็นผู้นำในการเทรดดังกล่าวด้วย
หากคุณคิดว่าราคาทองคำจะสูงขึ้นภายในเวลา 3 เดือนข้างหน้า คุณอาจเปิดสถานะ Long (ซื้อ) ในสัญญาฟิวเจอร์ทองคำในวันนี้ โดยมีข้อตกลงที่จะส่งมอบเมื่อครบกำหนด ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงเวลาส่งมอบ คุณจะได้รับทองคำตามสัญญาตามอัตราที่จัดไว้ล่วงหน้าในวันนี้ แทนที่จะเป็นราคาตลาด ณ ขณะนั้น
ในอดีต การเทรดฟิวเจอร์เกิดขึ้นกับสินค้าจำพวกพืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าเหล่านั้นได้ เมื่อเวลาผ่านไป ผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ เช่น โลหะและพลังงานได้เพิ่มเข้าไปในรายการสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายได้ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าทั่วโลก
การถือกำเนิดของระบบการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Globex ในปี พ.ศ. 2535 ได้ปฏิวัติวิธีที่ผู้คนซื้อและขายสัญญาฟิวเจอร์อย่างมาก ทำให้ทุกคนทั่วโลกที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดได้แบบเรียลไทม์
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในปัจจุบันเปิดทางให้มีเครื่องมือวิเคราะห์การวิจัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องที่สามารถศึกษาข้อมูลการวิเคราะห์ปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ให้คำแนะนำเมื่อทำกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว ตรวจสอบพารามิเตอร์ต่าง ๆ รวมถึงผลงานในอดีตเพื่อระบุข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับสิ่งที่ได้ผลดีที่สุดในประวัติศาสตร์ควบคู่กันไป
ลักษณะสำคัญของการเทรดฟิวเจอร์อยู่ที่ความสามารถในการใช้พลังของ Leverage ที่เทรดเดอร์สามารถควบคุมสินทรัพย์จำนวนมากได้ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สำคัญเช่นกัน กล่าวคือ หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะที่ถือ (เช่น เปิดสถานะ Long ไว้อยู่ แต่ราคาดิ่งลง) การขาดทุนอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าการลงทุนเริ่มต้นได้
จะเห็นได้ว่า การเทรดฟิวเจอร์นั้น สินค้าอ้างอิงสามารถเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่ตลาดที่แต่ละคนสนใจหรือมีความช่ำชอง และข้อสำคัญประการหนึ่งคือการฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ซับซ้อนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและมีความรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน การทำความเข้าใจวิธีการทำงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเข้าสู่โลกแห่งการลงทุนที่น่าตื่นเต้นนี้
ตลาดฟิวเจอร์ทำงานอย่างไร
การเทรดฟิวเจอร์เป็นหนึ่งในรูปแบบของการเทรดอนุพันธ์ (Derivatives) ที่รวมถึงฟิวเจอร์ ออปชัน ฟอร์เวิร์ด และสวอป การเทรดฟิวเจอร์เป็นการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่บุคคลทั่วไปในฐานะเทรดเดอรืหรือลูกค้าทำสัญญามาตรฐานสำหรับการส่งมอบสินค้าหรือตราสารทางการเงิน ณ จุดใดจุดหนึ่งในอนาคตกับโบรกเกอร์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ
การเทรดฟิวเจอร์มีข้อแตกต่างจากตลาดสปอตที่ทำธุรกรรมจะเกิดขึ้นทันทีที่ส่งคำสั่ง การใช้ฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือช่วยให้คุณสามารถป้องกันความผันผวนของราคาและใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดการณ์ไว้ได้
ตลาดการเทรดฟิวเจอร์เป็นองค์ประกอบสำคัญของการเงินสมัยใหม่ เนื่องจากช่วยให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถจัดการความเสี่ยงได้โดยการล็อคราคาสำหรับการส่งมอบในอนาคต เช่น เกษตรกรสามารถขายข้าวโพดโดยอาศัยการสัญญาการซื้อขายฟิวเจอร์นี้เพื่อล็อคราคาที่เหมาะสมก่อนที่ฤดูกาลเพาะปลูกจะเริ่มต้นขึ้น ในขณะที่บริษัทที่พึ่งพาวัตถุดิบสามารถซื้อสัญญาฟิวเจอร์เพื่อรับประกันอุปทานในราคาที่คงที่ สร้างความเท่าเทียมกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย
ปัจจุบันในโลกการเงิน ตลาดการเทรดฟิวเจอร์ดำเนินการภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ยุติธรรม และมีเสถียรภาพ ในกรณีส่วนใหญ่ การเทรดเกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่จับคู่ผู้ซื้อกับผู้ขายตามการเสนอราคาและข้อเสนอ เนื่องจากอัตราส่วน Leverage สูงที่มีอยู่ในตลาดฟิวเจอร์ เทรดเดอร์จึงต้องได้รับข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะนำเงินไปลงทุน
ทำไมต้องเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และด้วยเหตุผลที่ดี มอบสิทธิประโยชน์มากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของตน
ข้อได้เปรียบหลักประการหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์คือสภาพคล่องสูงที่นำเสนอโดยตลาด สัญญาฟิวเจอร์มีมาตรฐานสูง ทำให้ง่ายต่อการซื้อหรือขายมากกว่าการลงทุนอื่น ๆ เช่น หุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์
ข้อดีอีกอย่างคือ Leverage ฟิวเจอร์ช่วยให้คุณควบคุมสินทรัพย์อ้างอิงจำนวนมากด้วยการลงทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย หมายความว่าคุณอาจได้รับผลกำไรจำนวนมากในขณะที่เสี่ยงน้อยลง
ฟิวเจอร์ยังมอบความยืดหยุ่นเนื่องจากครอบคลุมประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน ดัชนี ฯลฯ สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากสภาวะตลาดที่หลากหลายโดยไม่ต้องผูกติดกับประเภทการลงทุนใดประเภทหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดฟิวเจอร์เปิดทำการตลอดเวลา ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงโซนเวลาที่หลากหลายได้ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสทำกำไรได้เสมอไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลก
สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด; การเทรดฟิวเจอร์ต้องใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นแบบดั้งเดิม และให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าเนื่องจาก Leverage
ทำความเข้าใจกับสัญญาฟิวเจอร์
สัญญาฟิวเจอร์เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายในการซื้อหรือขายสินทรัพย์เฉพาะ เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หรือดัชนีหุ้น ณ ราคาและวันที่ที่ตกลงกันในอนาคต โดยพื้นฐานแล้ว การเทรดฟิวเจอร์เป็นวิธีสำหรับเทรดเดอร์ในการป้องกันความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์อ้างอิง
โปรดทราบว่าสัญญาฟิวเจอร์แตกต่างจากสัญญาออปชันตรงที่กำหนดให้ผู้ซื้อ/ผู้ขายดำเนินการเทรดในวันที่กำหนด นอกจากนี้ เทรดเดอร์ฟิวเจอร์ต้องการเพียงเศษเสี้ยวของมูลค่ารวมของสัญญา (เรียกว่า Margin ) เพื่อเข้าสู่สถานะ
ราคาเทรดล่วงหน้าถูกกำหนดโดยปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ราคาสามารถได้รับผลกระทบจากสิ่งใดๆ ตั้งแต่รูปแบบสภาพอากาศที่ส่งผลต่อผลผลิตพืชผล ไปจนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
การทำความเข้าใจวิธีการทำงานของสัญญาฟิวเจอร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ต้องการเริ่มต้นการเทรดประเภทนี้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะทำการวิจัยอย่างละเอียดก่อนที่จะเข้าสู่สถานะใด ๆ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่
ประเภทต่าง ๆ ของสัญญาฟิวเจอร์
สัญญาฟิวเจอร์มีไว้สำหรับเทรดสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่สินค้าโภคภัณฑ์ไปจนถึงเครื่องมือทางการเงิน
ฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์เป็นสัญญาฟิวเจอร์ประเภทที่มีการเทรดกันมากที่สุด ซึ่งรวมถึงโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน ผลิตภัณฑ์พลังงาน เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพดและข้าวสาลี และปศุสัตว์ เช่น วัวและหมู
สัญญาฟิวเจอร์ทางการเงินเกี่ยวข้องกับการเทรดดัชนีหุ้น สกุลเงิน หรืออัตราดอกเบี้ย ฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรในทิศทางของตลาดหุ้นโดยไม่ต้องซื้อหุ้นแต่ละตัว ฟิวเจอร์กุลเงินช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรับตำแหน่งในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงินต่าง ๆ ในขณะที่ฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยให้โอกาสในการเทรดตราสารหนี้ตามการเปลี่ยนแปลงที่คาดไว้ในอัตราดอกเบี้ยในตลาด
อนุพันธ์สภาพอากาศเป็นสัญญาฟิวเจอร์อีกประเภทหนึ่งที่ใช้โดยธุรกิจที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพอากาศ เช่น เกษตรกรที่อาจประสบความสูญเสียเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งส่งผลกระทบต่อพืชผล
โดยสรุป มีความหลากหลายไม่ขาดตอนเมื่อพูดถึงประเภทของสัญญาฟิวเจอร์ำหรับการเทรด เทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจสินทรัพย์อ้างอิงที่พวกเขาต้องการเทรดก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ
7 ข้อต้องรู้ก่อนเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์มีคำศัพท์เฉพาะและวิะีการดำเนินการที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับการเทรดสินค้าทางการลงทุนอื่น ๆ ดังนั้น การเรียนรู้ศัพท์เฉพาะและแนวคิดเหล่านี้จะช่วยให้การเทรดราบรื่น แม้ในขั้นต้นอาจทำให้ผู้เริ่มต้นสับสน แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ตลาด
ประเภทของสินค้าอ้างอิง (Underlaying Asset)
สินค้าอ้างอิงในสัญญาฟิวเจอร์ามารถเป็นสิ่งใด ๆ ก็ได้ แต่เดิมเป็นพืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ แต่ในปัจจุบันนี้ คุณสามารถทำสัญญาฟิวเจอร์กับทอง น้ำมัน แร่เงิน สกุลเงินดิจิทัลได้ง่าย ๆ เพียงมีความเข้าใจว่าอะไรคือตัวขับเคลื่อนราคาของสินค้าอ้างอิงเหล่านั้น เพื่อให้สามารถเลือกการ Long หรือ Short ได้อย่างถูกต้องตามแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
Margin (Margin)
Margin คือ จำนวนเงินที่เทรดเดอร์ต้องวางเพื่อเปิดสัญญาฟิวเจอร์หนึ่ง ๆ ทำหน้าที่เป็นหลักประกันและช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของตนได้
กล่าวอย่างง่ายคือ Margin คือจำนวนเงินหรือหลักประกันที่นักลงทุนต้องจัดสรรเมื่อเปิดสถานะในตลาดฟิวเจอร์ ทำหน้าที่เป็นเงินประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของมูลค่าสินทรัพย์อ้างอิง โดยพื้นฐานแล้วมันทำหน้าที่เป็นเงินทุนสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดด้วย Leverage สูง ๆ โดยพยายามให้มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่น้อยที่สุด
สมมติว่าคุณสนใจที่จะซื้อสัญญาฟิวเจอร์น้ำมันดิบ 5 ฉบับ โดยแต่ละสัญญามีราคา 60 เหรียญต่อบาร์เรล มูลค่ารวมทั้งหมดจะเป็น $300 (5 x 60) อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์อาจกำหนดให้คุณจัดสรรเพียง 10% ($30) ของมูลค่าเล็กน้อยทั้งหมดเป็น Margin ก่อนที่จะเข้าสู่การซื้อขายนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โดยการลงทุนเพียง $30 ล่วงหน้าในการซื้อขายที่มีเลเวอเรจสูงนี้ คุณสามารถควบคุมมูลค่า $300 ของ ฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ โดยพื้นฐานแล้วจะเพิ่มกำไรหรือขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคาแบบทวีคูณ
ข้อน่าสังเกตคือในขณะที่ Margin ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่การซื้อขายที่มีเดิมพันสูงด้วยการลงทุนที่ค่อนข้างน้อยและอาจได้รับผลกำไรจำนวนมากอย่างรวดเร็ว รวมถึงมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สำคัญหากไม่จัดการอย่างระมัดระวัง เนื่องจากหากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับความต้องการอย่างรุนแรงเกินกว่าระดับ Margin ที่จัดสรรไว้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ง่ายเนื่องจากการประกาศข่าวที่ไม่เอื้ออำนวย
อายุของสัญญา
สัญญาฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีกำหนดวันหมดอายุ ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์จำเป็นต้องปิดสถานะหรือทบยอดก่อนกำหนดนี้ การโรลโอเวอร์เกี่ยวข้องกับการปิดตำแหน่งที่มีอยู่และเปิดตำแหน่งใหม่ที่มีวันหมดอายุในภายหลัง
เรื่องอายุของสัญญาเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่บังคับกลาย ๆ ให้คุณต้องขายหรือซื้อในวันที่ที่ระบุ ซึ่งต่างจากการลงทุนแบบเก็งกำไร ที่คุณอาจพักเงินไว้ในสินทรัพย์นั้นช่วงที่มีการปรับตัวของราคาลงแล้วจึงขายเพื่อทำกำไรเมื่อราคากลับมาเป็นบวก
ขนาดของสัญญา
เป็นอีกหัวข้อสำคัญที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจและใช้ในการคำนวณต้นทุน ผลกำไร ขนาดของสัญญาหมายถึงปริมาณมาตรฐานของสินทรัพย์อ้างอิงที่ระบุในแต่ละสัญญา เช่น น้ำมันหนึ่งแกลลอน หรือข้าวสาลีหนึ่งถัง เป็นต้น
สถานะ Long หรือ Short
สถานะของการเปิดสัญญาการเทรดฟิวเจอร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดนี้ การเปิดสถานะ Long หมายถึงการซื้อสัญญาฟิวเจอร์ด้วยความคาดหวังว่าราคาของสัญญาจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่การเปิดสถานะ Short หมายถึงการขายสัญญาด้วยความหวังว่าราคาจะลดลง
Stop Loss
Stop Loss เป็นคำสั่งทรกเกอร์ที่คุณตั้งค่าไว้ล่วงหน้าเพื่อขายหรือซื้อสินทรัพย์เฉพาะเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เทคนิคนี้ช่วยให้เทรดเดอร์จำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการปิดตำแหน่งโดยอัตโนมัติก่อนที่จะเสียเงินมากเกินไป
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากตลาดเคลื่อนตัวสวนทางกับที่คาดการณ์ เครื่องมือนี้จะช่วยปกป้องการลงทุนโดยการเปิดขายสินทรัพย์อัตโนมัติ ณ จุดราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
Limit Order
Limit Order มีประโยชน์อย่างยิ่งในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วซึ่งราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วย Limit Order เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเพียงแค่ตั้งค่าพารามิเตอร์และรอการดำเนินการ สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขามีระเบียบวินัยและจดจ่อกับกลยุทธ์โดยไม่หลงทาง
ข้อดีอีกอย่างของการใช้ Limit Order ในการเทรดฟิวเจอร์คือช่วยให้เทรดเดอร์ควบคุมจุดเข้าและออกได้มากขึ้น การระบุให้ชัดเจนว่าต้องการเข้าหรือออกจากตลาดที่ราคาใด เป็นการขจัดความคลุมเครือใด ๆ ออกจากกระบวนการและขจัดการตัดสินใจด้วยอารมณ์
คำศัพท์สำคัญเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเริ่มต้นการเทรดฟิวเจอร์ให้ประสบความสำเร็จ
การเทรดฟิวเจอร์สินทรัพย์ต่าง ๆ
สัญญาฟิวเจอร์มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไปตามธรรมชาติของสินค้าอ้างอิง ส่วนใหญ่คนมักเทรดฟิวเจอร์สินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลือง รวมถึงสินค้าพลังงาน เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สัญญาฟิวเจอร์ทางการเงินก็เป็นที่นิยมเช่นกัน รวมถึงสัญญาที่อิงตามดัชนีหุ้น สกุลเงิน และอัตราดอกเบี้ย
สัญญาฟิวเจอร์แต่ละสัญญามีข้อกำหนดเฉพาะของตัวเอง รวมถึงสินทรัพย์อ้างอิง ขนาดสัญญา และวันหมดอายุ การทำความเข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดฟิวเจอร์ที่ประสบความสำเร็จ
หากคุณสนใจเทรดฟิวเจอร์ไม่ว่าจะเป็นการเทรดเป็นรายได้หลักหรือรองจากการเทรดอื่น ๆ หรือแม้แต่การเทรดตามช่วงเวลา (Seasonality Trade) การเทรดฟิวเจอร์เป็นรูปแบบการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงพร้อมกับโอกาสของผลตอบแทนสูงขึ้นซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างเหลือเชื่อหากทำอย่างถูกต้องและมีหลักการ
ในย่อหน้านี้ เราจะสำรวจวิธีการต่าง ๆ สำหรับการเทรดฟิวเจอร์ รวมถึง Leverage และ Margin ที่สำคัญในการเทรดฟิวเจอร์ ตลอดจนแนวคิดของวิธีการ Stop Loss ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการขาดทุนมากเกินไปได้ ไม่ว่าคุณจะยังใหม่ต่อการเทรดฟิวเจอร์หรือผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ ต้องไม่พลาดอ่านย่อหน้านี้
เทรดฟิวเจอร์ด้วย Leverage อย่างไร
เมื่อพูดถึงการเทรดฟิวเจอร์ เรื่องของ Leverage จะมาคู่กันเสมอ เพราะ Leverage สามารถเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังได้และถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ของการเทรดฟิวเจอร์ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง ซึ่งจะนำไปสู่ผลกำไรที่เพิ่มขึ้น กระนั้น สิ่งสำคัญคือต้องใช้ Leverage อย่างมีความรับผิดชอบและเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
การเทรดฟิวเจอร์ด้วย Leverage คุณจะต้องเปิดบัญชี Margin กับโบรกเกอร์ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มอำนาจการซื้อ
จำนวน Leverage ที่คุณสามารถใช้ได้จะขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และสัญญาเทรดล่วงหน้าที่มีการเทรด สัญญาบางฉบับอาจมีข้อกำหนดด้านหลักประกันที่สูงกว่าสัญญาอื่น ๆ
สิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ Leverage จะต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเทคนิคการจัดการความเสี่ยง เช่น การ Stop Loss และขนาดตำแหน่ง การใช้ Leverage มากเกินไปหรือไม่จัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพอาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนอย่างมาก
การเทรดฟิวเจอร์ด้วย Leverage เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ในการเพิ่มผลตอบแทน สำหรับเมื่อใหม่เริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์ เป้นการดีที่จะฝึกฝนฝีมือด้วยบัญชีทกลองที่เรามีให้เสียก่อน
เทรดฟิวเจอร์ด้วย Margin อย่างไร
การเทรดฟิวเจอร์ด้วย Margin เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากวิธีหนึ่งในการขยายผลตอบแทน โดยพื้นฐานแล้ว การเทรดโดยใช้ Margin ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์และลงทุนในสัญญาเทรดล่วงหน้าด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่น้อยลง
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าในขณะที่การเทรดโดยใช้ Margin สามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้วย หากมูลค่าของการลงทุนในบัญชีลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด ซึ่งเรียกว่าข้อกำหนดหลักประกันการรักษา คุณอาจต้องฝากเงินเพิ่มเติมหรือเผชิญกับการชำระสถานะ
เพื่อเลี่ยงสถานการณ์ไม่พึงประสงค์นี้ เทรดเดอร์ที่ใช้ Margin ในการเทรดฟิวเจอร์ต้องวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวังและตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่า ผลการทำงานเป้นไปตามกลยุทธ์และเป้าหมายที่ต้องการ และสอดคล้องกับความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้นที่คุณจะรับได้
เทรดฟิวเจอร์ของสินค้าโภคภัณฑ์
เมื่อกล่าวถึงสินค้าทางการเงินที่เป็นที่นิยมในการเทรดฟิวเจอร์ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) เป็นผลิตภัณฑ์แรก ๆ ที่ผู้คนนึงถึงเสมอ การเทรดฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์เป็นการซื้อและขายสัญญาสำหรับสินค้าที่จับต้องได้ เช่น โลหะ พลังงาน สินค้าเกษตร ฯลฯ สัญญาประเภทนี้มีการเทรดในการแลกเปลี่ยนทั่วโลกและเป็นต้นฉบับของการเทรดฟิวเจอร์
ในการซื้อขายล่วงหน้าในยุคปัจจุบันเริ่มขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยมีการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนสินค้าโภคภัณฑ์ในชิคาโก ในเวลานั้น เกษตรกรและผู้ผลิตอื่น ๆ กำลังเผชิญกับความยากลำบากเนื่องจากราคาพืชผลหรือผลิตภัณฑ์ของพวกเขาตกต่ำ เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ พวกเขาได้ทำข้อตกลงกับผู้ซื้อก่อนฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อขายพืชผลในราคาที่กำหนดไว้โดยไม่ต้องกังวลถึงความผันผวนของราคาตลาดในภายหลัง
ข้อดีประการหนึ่งของการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าคือสภาพคล่องสูง เนื่องจากตลาดเหล่านี้เทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในปริมาณมากทุกวัน จึงมีผู้ซื้อและผู้ขายที่เต็มใจที่จะเทรดในอีกด้านหนึ่งเสมอ
ข้อดีอีกอย่างคือศักยภาพในการกระจายความเสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์สามารถป้องกันเงินเฟ้อหรือความผันผวนของตลาดได้ เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มักจะเคลื่อนไหวโดยอิสระจากหุ้นและพันธบัตร
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก่อนที่จะมีส่วนร่วมในการเทรดฟิวเจอร์ประเภทนี้ เช่น รูปแบบของสภาพอากาศอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลผลิตทางการเกษตร ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลกระทบต่อโลหะมีค่า เช่น ทองคำหรือเงิน
การเทรดฟิวเจอร์สินค้าโภคภัณฑ์มอบโอกาสสำหรับทั้งเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ซึ่งมองหาการกระจายพอร์ตโฟลิโอ เช่นเดียวกับผู้เริ่มต้นที่แสวงหาโอกาสในตลาดใหม่
Gold Online Futures อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.5%
Gold Futures อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5%
Japanese Rubber Futures อ้างอิงยางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่เทรดในตลาดสัญญาฟิวเจอร์ประเทศญี่ปุ่น
Silver Online Futures อ้างอิงโลหะเงินที่มีความบริสุทธิ์ 99.9%
RSS3 Futures อ้างอิงยางแผ่นรมควันชั้น 3 ตามมาตรฐาน Green Book
เทรดฟิวเจอร์ Forex
การเทรดสกุลเงินฟิวเจอร์เป็นการเทรดฟิวเจอร์ประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือขายสัญญาสกุลเงินในราคาและเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า รูปแบบการเทรดนี้สามารถใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากสกุลเงินที่อาจเกิดขึ้นหรือใช้เป็นกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเก็งกำไร
ข้อดีประการหนึ่งของการเทรดสกุลเงินฟิวเจอร์คือช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมความเสี่ยงทางการเงินในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ด้วยการใช้ฟิวเจอร์กุลเงิน เทรดเดอร์สามารถล็อคอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกรรมในอนาคต ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินที่ผันผวน
ข้อดีอีกประการของการเทรดประเภทนี้คือสภาพคล่องสูง ฟิวเจอร์ของสกุลเงินมีการเทรดบนการแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุม เช่น Chicago Mercantile Exchange (CME) และเสนอสเปรดราคาเสนอซื้อที่เข้มงวด ทำให้ง่ายต่อการซื้อและขายอย่างรวดเร็ว
เมื่อต้องเลือกสกุลเงินที่จะเทรด ตัวเลือกยอดนิยมบางตัวเลือก ได้แก่ คู่เงินหลัก เช่น USD/EUR หรือ USD/JPY อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสสำหรับการเทรดเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่อีกด้วย
การเทรดสกุลเงินฟิวเจอร์ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงความเสี่ยงในตลาดโลกได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง
EUR/USD Futures อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD
USD/JPY Futures อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน USD/JPY
USD Futures อ่านเพิ่มเติม
เทรดฟิวเจอร์ดัชนีหุ้น
การเทรดหรือลงทุนในหุ้นรายตัวหรือดัชนีหุ้นผ่าน ETF แม้จะเป็นการกระจายความเสี่ยงวิธีการหนึ่ง แต่ก็อาจจะทำกำไรได้ในยามขาขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับการเทรดฟิวเจอร์ที่คือโอกาสในการลงทุนทั้งสองทาง
หากคุณมองว่าดัชนีหุ้นหรือหุ้นนั้น ๆ จะปรับตัวขึ้นในระยะเวลาที่กำหนดในอนาคต คุณอาจเปิดสถานะ Long ของสัญญาฟิวเจอร์ และในทางกลับกัน คุณอาจเปิดสถานะ Short หากมองว่าดัชนีหุ้นอ้างอิงจะปรับตัวลง
การเทรดฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการเก็งกำไรเกี่ยวกับประสิทธิภาพของดัชนีตลาดหุ้นหนึ่งๆ แทนที่จะลงทุนในหุ้นแต่ละตัว เทรดเดอร์สามารถใช้สัญญาฟิวเจอร์ของดัชนีเพื่อเดิมพันทิศทางโดยรวมของดัชนีตลาดหุ้นทั้งหมด
ข้อดีประการหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์ดัชนีหุ้นคือหนึ่งวิธีความเสี่ยงต่อตลาดหรืออุตสาหกรรมทั้งหมดมากกว่าบริษัทใด ๆ เพียงบริษัทเดียว ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นรายตัวลงได้
ตัวอย่างบางส่วนของดัชนีหุ้นไทยและดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เปิดให้เทรดกับสัญญาฟิวเจอร์
SET50 Index Futures อ้างอิงหุ้นไทยที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 และเป็นสัญญาฟิวเจอร์แรกที่เปิดให้เทรดในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 อ่านเพิ่มเติม
Single Stock Futures (การเทรดฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับหุ้น (ไทย) รายตัว) ปัจจุบันมีหุ้นไทย 127 หุ้นที่เปิดให้เทรดด้วยสัญญาฟิวเจอร์ ข้อมูล ณ 27 เม.ย. 2565
FTSE 100 Futures สัญญาฟิวเจอร์อ้างอิงดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักร
Dow Jones Futures สัญญาฟิวเจอร์อ้างอิงดัชนี Dow Jones ของสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
คุณสามารถดูรายชื่อสัญญาฟิวเจอร์อ้างอิงดัชนีหุ้นรอบโลกได้จาก Investing.com
การ Hedging ในการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์มีบทบาทสำคัญในการป้องกันความผันผวนของราคา การป้องกันความเสี่ยงเป็นกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารับตำแหน่งเพื่อชดเชยผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนอื่น
เช่น หากคุณถือหุ้น คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงจากการตกต่ำของตลาดได้โดยการซื้อสัญญาเทรดล่วงหน้าในดัชนีหุ้น หากราคาหุ้นตกลง ผลกำไรจากการขายสัญญาเทรดล่วงหน้าสามารถชดเชยการขาดทุนบางส่วนได้
ในการเทรดสินค้า ผู้ผลิตและผู้บริโภคใช้สัญญาเทรดล่วงหน้าเพื่อล็อคราคาสินค้าหรือบริการของตน เช่น ชาวนาอาจขายข้าวโพดล่วงหน้าเพื่อล็อคราคาพืชผลของเขาก่อนที่จะเก็บเกี่ยวด้วยซ้ำ สิ่งนี้ช่วยลดความไม่แน่นอนและช่วยให้เขาวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ในทำนองเดียวกัน สายการบินอาจซื้อน้ำมันล่วงหน้าเพื่อป้องกันต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น การล็อคราคาในอนาคตทำให้สามารถเลี่ยงผลกระทบทางการเงินที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันอย่างไม่คาดคิดในภายหลัง
ข้อดีของการป้องกันความเสี่ยงด้วยฟิวเจอร์คือการช่วยให้คุณสามารถจัดการความเสี่ยงได้ในขณะที่ยังคงมีส่วนร่วมในตลาด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาความผันผวนของตลาดและปกป้องการลงทุนจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจนำไปสู่การสูญเสียที่สำคัญ
เทรดตามฤดูกาล (Seasonality Trade)
การเทรดตามฤดูกาลเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการเทรดฟิวเจอร์ที่หมายถึงการเทรดตามแนวโน้มของราคาที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งในช่วงเวลาเฉพาะของปี รูปแบบของฤดูกาลสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ ความผันผวนของอุปสงค์และอุปทาน เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นต้น
ราคาสินค้าเกษตร อาจได้รับอิทธิพลจากแนวโน้มของฤดูกาล เนื่องจากขึ้นอยู่กับวัฏจักรการเพาะปลูกและฤดูกาลเก็บเกี่ยว ในทำนองเดียวกัน สัญญาเทรดล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวเมื่อความต้องการใช้ความร้อนเพิ่มขึ้น
เทรดเดอร์ที่เข้าใจรูปแบบตามฤดูกาลนี้สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้โดยการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม เช่น หากข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นและความต้องการเชื้อเพลิงทำความร้อนที่ลดลง เขาอาจเลือกเปิดสถานะ Short ในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคืออย่าพึ่งพาฤดูกาลหรือเหตุการณ์ใด ๆ เพียงอย่างเดียวเนื่องจากอาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาเช่นกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ตลาดอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะเข้าสู่ตำแหน่งใด ๆ
เทรดฟิวเจอร์ด้วยออปชันส์
การเทรดฟิวเจอร์โดยใช้ออปชันเป็นกลยุทธ์ยอดนิยมในหมู่เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้ ออปชันให้สิทธิ์แก่ผู้เทรด แต่ไม่มีข้อผูกมัดในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงเฉพาะเจาะจงในราคาที่กำหนดไว้ในหรือก่อนวันที่กำหนด
ลักษณะเด่นของการเทรดฟิวเจอร์ด้วยออปชันคือช่วยให้คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงด้านขาลงในขณะที่ยังคงเปิดรับผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หากคุณถือสัญญาเทรดล่วงหน้าสำหรับน้ำมันดิบและราคาตกลงอย่างกระทันหันเนื่องจากเหตุการณ์ข่าวที่ไม่คาดคิด การซื้อตัวเลือกการขายสามารถช่วยบรรเทาการขาดทุนได้
ข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งของการใช้ออปชันในการเทรดฟิวเจอร์คือให้ความยืดหยุ่นในแง่ของการดำเนินการเทรด คุณสามารถใช้กลยุทธ์ออปชั่นประเภทต่าง ๆ เช่น “Cross & Spread” ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและความชอบส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าการเทรดฟิวเจอร์ด้วยออปชันนั้นมีความเสี่ยงและความซับซ้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเทรดฟิวเจอร์แบบดั้งเดิม เพื่อให้ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้จำเป็นต้องมีความรู้ที่สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาดทั้งสองและเทคนิคการจัดการที่มีทักษะเมื่อดำเนินการเทรด
การเทรดฟิวเจอร์โดยใช้ออปชั่นเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนที่เชี่ยวชาญซึ่งยินดีรับความเสี่ยงที่คำนวณได้ในขณะที่จำกัดการขาดทุน ด้วยการวิจัยที่เหมาะสมควบคู่ไปกับกลยุทธ์การใช้งานที่มีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและแนวทางต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายในตลาดนั้นเพื่อรับผลตอบแทนสูงสุดตามกาลเวลา
ขั้นตอนการ Stop Loss ในการเทรดฟิวเจอร์
ในฐานะนักเทรดฟิวเจอร์ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอยู่เสมอ นี่คือที่มาของบทบาทของการ Stop Loss คำสั่ง Stop Loss คือคำสั่งที่มอบให้กับนายหน้าเพื่อขายหรือซื้อหลักทรัพย์เมื่อถึงจุดราคาหนึ่งที่คุณตั้งไว้ล่วงหน้า
การ Stop Loss สามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยการปิดสถานะโดยอัตโนมัติหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ ป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคำสั่ง Stop Loss ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรด
การเทรดฟิวเจอร์มอบโอกาสมากมายสำหรับบุคคลที่ต้องการหาเลี้ยงชีพผ่านตลาดการเงิน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการเทรดรูปแบบอื่น ๆ จำเป็นต้องมีการวางแผนและการวิจัยอย่างรอบคอบก่อนที่จะดำดิ่งสู่ตลาด
เมื่อทำความเข้าใจว่า Leverage และ Margin ทำงานอย่างไร รวมถึงประเภทต่าง ๆ ของสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน และดัชนีฟิวเจอร์ที่มีให้เทรด เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจอย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับการเทรดตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ความสำเร็จในการเทรดในอนาคตจะขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยและการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การรวมออปชันเข้ากับการเทรดหรือการใช้คำสั่ง Stop Loss ที่วางอย่างระมัดระวัง ณ จุดราคาวิกฤต ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทรงคุณค่าสำหรับการจำกัดความเสี่ยงด้านขาลงในขณะที่เพิ่มศักยภาพด้านขาขึ้นสูงสุด!
กลยุทธ์การเทรดฟิวเจอร์ระดับโปร
กลยุทธ์การเทรดระดับโปร ไม่ได้จำกัดที่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย การยอมรับความเสี่ยง และธรรมชาติของตลาดสินค้าอ้างอิงของสัญญา
กลยุทธ์ยอดนิยมบางอย่าง ได้แก่ การติดตามแนวโน้ม การกลับตัวของราคา และการเทรดฝ่าวงล้อม
การติดตามแนวโน้ม คือการระบุและติดตามทิศทางของแนวโน้มตลาด การศึกษารูปแบบของตลาดและระบุจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ตามระดับแนวรับและแนวต้าน เทรดเดอร์ยังสามารถใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ MACD RSI และอื่น ๆ เพื่อยืนยันสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงราคา
ในขณะที่การกลับตัวของราคาคือการการเดิมพันว่าราคาจะกลับสู่ค่าเฉลี่ยในที่สุด ส่วนการเทรดฝ่าวงล้อมคือการระบุระดับสำคัญของแนวรับและแนวต้าน และการเดิมพันการฝ่าวงล้อมในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
นอกจากนี้ การจัดการความเสี่ยงของการเทรดยังมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss ในระดับที่เหมาะสมในขณะที่รักษาอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการเทรดแต่ละครั้ง
นอกเหนือสิ่งอื่นใด คุณควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อตลาดสินค้านั้น ๆ มองเทรนด์ให้ออก เทรดตามเทรนด์ ห้ามเทรดสวนเทรนด์ เช่น ราคาน้ำมันดิบโลก และกรเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในแวดวงผู้ผลิตน้ำมันดิบมีอิทธิพลอย่างมากต่อสัญญาฟิวเจอร์ที่อ้างอิงสินค้าน้ำมันดิบ ในขณะที่รูปแบบสภาพอากาศมีอิทธิพลต่อแนวโน้มการกำหนดราคาสินค้าเกษตร และอย่าลืมว่า อาจมีมากกว่าหนึ่งปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเด็นหนึ่ง ๆ ใด
การรักษาระเบียบวินัยและความอดทนเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้กลยุทธ์การชนะ เนื่องจากความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ต้องการความสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป มากกว่าการชนะแบบประปราย และการจะเลือกกลยุทธ์การเทรดที่ดีได้นั้น ต้องทำการบ้านก่อนเข้าสู่ตลาด มีการจดบันทึกผลการทำงาน และนำข้อผิดพลาดมาวิเคราะ์เพื่อปรับปรุงการเทรดของตัวเอง
เทรดฟิวเจอร์ตอนไหนดี
ในฐานะเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ เวลาคือทุกสิ่ง การรู้เวลาที่ดีที่สุดในการเทรดฟิวเจอร์ามารถช่วยให้คุณเพิ่มผลกำไรที่เป็นไปได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือตลาดต่าง ๆ มีชั่วโมงการเทรดที่แตกต่างกันตามเขตเวลาของตน
เช่น หากคุณเทรดสัญญาฟิวเจอร์ E-mini S&P 500 สัญญาฟิวเจอร์จะเปิดเกือบ 24/5 ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์จนถึงบ่ายวันศุกร์ (เวลากลางของสหรัฐอเมริกา) ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสมากมายในการเทรดในตลาดนี้ในช่วงวันธรรมดา
อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าบางตลาดอาจมีความเคลื่อนไหวและผันผวนมากขึ้นในบางช่วงเวลาเนื่องจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการประกาศต่าง ๆ เช่น ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นในช่วงเช้าของสหรัฐฯ เมื่อกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ เผยแพร่ข้อมูลสินค้าคงคลังรายสัปดาห์
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรคำนึงถึงปฏิทินเศรษฐกิจโลกและข่าวสารต่าง ๆ เช่น รายงาน GDP หรือใบแจ้งยอดของธนาคารกลาง ซึ่งอาจส่งผลต่อสกุลเงินและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก
โดยทั่วไป เวลาที่ดีที่สุดในการเทรดฟิวเจอร์คือช่วงที่มีสภาพคล่องสูงและความผันผวนสูงในตลาด สิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์คือการตื่นตัวเสมอกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสินค้าจำเพาะที่คุณสนใจในการเทรด
เทรดฟิวเจอร์ได้อะไร
การเทรดฟิวเจอร์ให้ประโยชน์มากมายที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของตน
ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์คือ Leverage สัญญาฟิวเจอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสินทรัพย์อ้างอิงจำนวนมากด้วยเงินทุนจำนวนค่อนข้างน้อย ทำให้สามารถเพิ่มผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นได้
ข้อดีอีกอย่างคือสภาพคล่อง ตลาดฟิวเจอร์มีสภาพคล่องสูง หมายความว่ามักจะมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากในเวลาใดก็ตาม ทำให้สามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้ง่าย
ฟิวเจอร์ยังมีความสามารถในการป้องกันการเคลื่อนไหวของราคาในสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งหมายความว่าเทรดเดอร์สามารถใช้สัญญาฟิวเจอร์เป็นวิธีการจัดการความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนและป้องกันตนเองจากสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
นอกจากนี้ การเทรดสัญญาฟิวเจอร์ในการแลกเปลี่ยนที่มีการควบคุม ให้ความโปร่งใสและรับประกันราคาที่ยุติธรรมสำหรับผู้เข้าร่วมทั้งหมด นอกจากนี้ โบรกเกอร์หลายแห่งเสนอเครื่องมือการเทรดขั้นสูง เช่น ซอฟต์แวร์สร้างกราฟและฟีดข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างมีข้อมูลว่าเมื่อใดควรเข้าหรือออกจากการเทรด
ประโยชน์ของการเทรดฟิวเจอร์รวมถึงการเข้าถึง Leverage สภาพคล่อง ความสามารถในการจัดการความเสี่ยง ความโปร่งใส และเครื่องมือการเทรดขั้นสูง – ปัจจัยทั้งหมดที่อาจดึงดูดเทรดเดอร์ที่แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในภูมิทัศน์ทางการเงินในปัจจุบัน
การจัดการความเสี่ยงการเทรดฟิวเจอร์
เช่นเดียวกับการลงทุนใด ๆ การเทรดฟิวเจอร์มีทั้งความเสี่ยงและผลประโยชน์ ประโยชน์หลักประการหนึ่งของการเทรดฟิวเจอร์คือศักยภาพในการได้รับผลตอบแทนสูง เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมสินทรัพย์จำนวนมากได้ด้วยการลงทุนเพียงเล็กน้อย
วิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่งในการจัดการความเสี่ยงในการเทรดฟิวเจอร์คือการตั้งคำสั่ง Stop Loss คำสั่งเหล่านี้จะปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น
อีกวิธีในการจัดการความเสี่ยงคือการกระจายพอร์ตการลงทุน อย่าใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าใบเดียวและเทรดสินค้าโภคภัณฑ์หรือประเภทสินทรัพย์เพียงประเภทเดียว ให้กระจายการลงทุนในตลาดและสัญญาต่าง ๆ
สิ่งสำคัญคือต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสภาวะตลาดและเหตุการณ์ข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อ้างอิง การติดตามรายงานทางเศรษฐกิจและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองหรือรูปแบบสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้นว่าเมื่อใดควรเข้าหรือออกจากการเทรด
มีกลยุทธ์การออกเสมอก่อนที่จะเข้าสู่การเทรดใด ๆ การรู้ว่าเมื่อใดควรตัดขาดทุนและทำกำไรจะจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่เพิ่มผลกำไรสูงสุด
ทำตามขั้นตอนเหล่านี้และขยันหมั่นเพียรในการบริหารความเสี่ยง เทรดเดอร์สามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคการเทรดฟิวเจอร์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ เนื่องจากช่วยให้พวกเขาระบุทิศทางที่เป็นไปได้มากที่สุดของการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลราคาและปริมาณในอดีตโดยใช้กราฟ ตัวบ่งชี้ และรูปแบบเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของตลาดในอนาคต เทรดเดอร์สามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อกำหนดเวลาเข้าหรือออกจากการเทรดตามสัญญาณเฉพาะที่สร้างโดยเครื่องมือทางเทคนิคที่เลือก
หนึ่งในเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้บ่อยที่สุดในการเทรดฟิวเจอร์คือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คำนวณโดยใช้ราคาปิดเฉลี่ยของหลักทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนดและวางแผนบนกราฟ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุแนวโน้มของราคาและระบุจุดเข้าหรือออกที่เป็นไปได้โดยอิงจากการตัดกันระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ต่าง ๆ
เครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกอย่างคือออสซิลเลเตอร์ เช่น Relative Strength Index (RSI) และ Stochastic Oscillator ซึ่งวัดตัวบ่งชี้โมเมนตัมที่แสดงว่าสินทรัพย์อาจมีการซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคยังพึ่งพารูปแบบกราฟอย่างมาก เช่น หัวและไหล่ คู่บน/ล่าง สามเหลี่ยม ธง/ชายธง ที่สามารถช่วยทำนายการกลับตัวของแนวโน้มในอนาคตหรือการดำเนินการต่อ
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะไม่พึ่งพาตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมเข้ากับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเมื่อทำการตัดสินใจเทรด การวิเคราะห์ทางเทคนิคควรได้รับการสนับสนุนจากหลักการบริหารการเงินที่ดีเสมอ เช่น เทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เพราะแม้แต่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้หากไม่มีแนวทางปฏิบัติในการจัดการความเสี่ยงที่ดี
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานการเทรดฟิวเจอร์
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีการประเมินมูลค่าของตราสารทางการเงินโดยการวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเงิน และเชิงปริมาณและคุณภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาของมัน สำหรับผู้เทรดล่วงหน้า นี่หมายถึงการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์และอุปทานสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์หรือสินทรัพย์อ้างอิง
ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการทำความเข้าใจสถานะปัจจุบันของตลาด เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์สำคัญใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานสำหรับสินค้าเฉพาะ ซึ่งรวมถึงการติดตามรูปแบบสภาพอากาศ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของรัฐบาล และอื่นๆ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตลาดต่าง ๆ สินค้าจำนวนมากเชื่อมโยงถึงกัน เช่นเดียวกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและอัตราดอกเบี้ย ด้วยการวิเคราะห์การเชื่อมต่อเหล่านี้ เทรดเดอร์สามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เทรดเดอร์ยังต้องให้ความสนใจกับระดับการผลิตเมื่อทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการเทรดฟิวเจอร์ การผลิตส่งผลกระทบต่ออุปทานซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคา ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตามรายงานพืชผลจากเกษตรกรหรือผลผลิตจากการขุดจากบริษัทใหญ่ ๆ เมื่อดูสัญญาการเกษตรหรือแร่
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาค เช่น อัตราการเติบโตของ GDP อัตราเงินเฟ้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในแนวโน้มการเทรดฟิวเจอร์ในทุกตลาด รวมถึงดัชนีหุ้น เช่น Dow Jones Industrial Average (DJIA) ดัชนี S&P 500 (S&P) เป็นต้น นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์พลังงาน เช่น น้ำมันดิบ สัญญาน้ำมัน - WTI & Brent Crude Oil Futures เป็นต้น
ข้อผิดพลาดทั่วไปของการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลกำไร แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าหาด้วยความระมัดระวังและเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไป ข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งคือการไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับตลาดหรือสัญญาฟิวเจอร์ที่มีการเทรด สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและการสูญเสียเงิน
ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งคือการไม่มีแผนการเทรดที่มั่นคง หากไม่มีการวางแผน เทรดเดอร์อาจทำการเทรดแบบหุนหันพลันแล่นตามอารมณ์มากกว่ากลยุทธ์ สิ่งสำคัญคือต้องยึดตามแผนเมื่อได้กำหนดไว้แล้วและไม่เบี่ยงเบนไปจากแผนโดยไม่มีเหตุผลที่ดี
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดฟิวเจอร์ แต่เทรดเดอร์จำนวนมากกลับล้มเหลวในการใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss และการทำกำไรในระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
การเทรดมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ เนื่องจากการเทรดมากเกินไปจะเพิ่มต้นทุนการทำธุรกรรมและลดผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การเทรดมากเกินไปมักจะทำให้เทรดเดอร์ตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น ซึ่งแทบจะไม่ได้ผลลัพธ์ในเชิงบวกเลย
การไม่รู้ถึงเหตุการณ์ปัจจุบันที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหรือสัญญาเฉพาะที่มีการเทรดสามารถนำไปสู่การสูญเสียที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ฟิวเจอร์ที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับอุตสาหกรรม
การเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปเหล่านี้ต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรและมีระเบียบวินัย แต่การทำเช่นนั้นจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาวในฐานะเทรดเดอร์ฟิวเจอร์
เรื่องภาษีต้องรู้ของการเทรดฟิวเจอร์
ผลกระทบทางภาษีเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเมื่อเทรดฟิวเจอร์ กฎภาษีสำหรับการเทรดฟิวเจอร์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของสัญญา ระยะเวลาที่ถือครอง และจำนวนกำไรหรือขาดทุนที่รับรู้
โดยทั่วไป การเทรดฟิวเจอร์จะต้องเสียภาษีกำไรจากการขายหุ้น ซึ่งหมายความว่ากำไรใด ๆ ที่ได้จากการขายสัญญาฟิวเจอร์จะต้องเสียภาษีในอัตราที่ใช้บังคับสำหรับกลุ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม การสูญเสียยังสามารถใช้เพื่อหักล้างภาษีที่เป็นหนี้จากการลงทุนอื่นๆ
สิ่งสำคัญคือต้องเก็บบันทึกการค้าและธุรกรรมทั้งหมดอย่างถูกต้องเพื่อคำนวณภาษีที่ค้างชำระอย่างแม่นยำ โบรกเกอร์หลายรายจัดทำคำชี้แจงโดยละเอียดซึ่งรวมถึงข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อวัตถุประสงค์ในการรายงานภาษี
เทรดเดอร์อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมหรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจมีผลทางภาษีเพิ่มเติม
การปรึกษากับนักบัญชีที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือที่ปรึกษาทางการเงินที่คุ้นเคยกับการเทรดฟิวเจอร์ามารถช่วยให้มั่นใจว่าปฏิบัติตามกฎหมายภาษีและได้รับประโยชน์สูงสุดในขณะที่ลดภาระหนี้สิน
กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์เป็นกิจกรรมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด และเทรดเดอร์ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด Commodity Futures Trading Commission (CFTC) เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลักในสหรัฐอเมริกาสำหรับการเทรดฟิวเจอร์
เทรดเดอร์ต้องลงทะเบียนกับ CFTC ก่อนที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเทรดฟิวเจอร์ หากไม่ทำเช่นนั้นอาจส่งผลให้ได้รับโทษหนักและมีผลทางกฎหมาย นอกจากนี้ โบรกเกอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเทรดฟิวเจอร์จะต้องลงทะเบียนกับ CFTC ด้วย
National Futures Association (NFA) ทำงานร่วมกับ CFTC เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมตลาดปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแล NFA กำหนดมาตรฐานสำหรับการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ความโปร่งใสทางการเงิน และการคุ้มครองลูกค้า
เทรดเดอร์ฟิวเจอร์ควรตระหนักถึงข้อกำหนดด้าน Margin ที่กำหนดโดยการแลกเปลี่ยนที่พวกเขาเทรด ข้อกำหนดเหล่านี้กำหนดว่าเทรดเดอร์ต้องมีเงินทุนเท่าใดในบัญชีเพื่อเป็นหลักประกันต่อการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในการติดตามการเปลี่ยนแปลงหรือการปรับปรุงกฎระเบียบหรือมาตรการการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเทรดฟิวเจอร์ ซึ่งรวมถึงการรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายใหม่ ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเข้าร่วมในบางตลาดหรือใช้กลยุทธ์บางอย่าง
ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการการปฏิบัติตาม เทรดเดอร์สามารถช่วยให้แน่ใจว่าตลาดยุติธรรมและโปร่งใส ในขณะเดียวกันก็ปกป้องตนเองจากผลกระทบทางกฎหมาย
จิตวิทยาและทัศนคติการเทรดฟิวเจอร์
การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นความพยายามที่ท้าทาย และต้องใช้ทั้งความรู้ด้านเทคนิคและความอดทนทางจิตใจ เทรดเดอร์ฟิวเจอร์ที่ประสบความสำเร็จเข้าใจถึงความสำคัญของการมีกรอบความคิดที่ถูกต้องเพื่อให้จดจ่ออยู่กับเป้าหมายแม้ตลาดจะผันผวนก็ตาม
ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของจิตวิทยาการเทรดฟิวเจอร์คือวินัย เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกครอบงำด้วยอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความกลัวหรือความโลภ เมื่อคุณเห็นว่าการเทรดมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จรู้ว่าพวกเขาต้องยึดมั่นในกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและกฎการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมแต่มีความยืดหยุ่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
องค์ประกอบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของจิตวิทยาการเทรดฟิวเจอร์คือความอดทน ตลาดฟิวเจอร์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่การเร่งเข้าสู่การเทรดโดยอิงจากการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นอาจนำไปสู่ความผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง เทรดเดอร์ที่มีความสามารถในการรอโอกาสที่เหมาะสมมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าผู้ที่ทำอะไรหุนหันพลันแล่น
นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นยังมีความสำคัญในด้านจิตวิทยาการเทรดฟิวเจอร์ เนื่องจากจะต้องมีช่วงเวลาที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผนอย่างไม่ต้องสงสัย ความสามารถในการฟื้นตัวจากความสูญเสียและเรียนรู้จากการสูญเสียแทนที่จะจมอยู่กับความสูญเสียเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาวในอุตสาหกรรมนี้
การรักษาทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญในการเทรดฟิวเจอร์ให้เชี่ยวชาญ ตลาดการเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเทรดเดอร์จึงต้องศึกษากลยุทธ์และเทคนิคใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในขณะที่ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนมากพอที่จะไม่เพิกเฉยต่อความผิดพลาดในอดีต
การพัฒนาความคิดในการเทรดฟิวเจอร์ที่แข็งแกร่งนั้นต้องใช้เวลาและความพยายาม อย่างไรก็ตาม การเทรดฟิวเจอร์เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเพราะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเสมอในสภาวะที่ไม่แน่นอน ในขณะเดียวกันก็รักษาเงินทุนไว้ได้ดีกว่าเครื่องมือการลงทุนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ฉันควรเทรดฟิวเจอร์หรือไม่
ท้ายที่สุดแล้ว การเทรดฟิวเจอร์นั้นจะเข้ากับสไตล์การเทรดหรือการลงทุนหรือไม่ มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างถ่องแท้ อันดับแรก ให้พิจารณาถึงความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง สถานการณ์ทางการเงิน และความเข้าใจตลาดของสินค้าอ้างอิงนั้น ๆ
การเทรดฟิวเจอร์อาจเป็นเครื่องมือทางการลงทุนที่ช่วยให้คุณทำเงินได้ทั้งสองเทรนด์ตลาด ทั้งขาขึ้นและขาลง แต่หากคาดการณ์ราคาผิดพลาดหรือมีปัจจัยภายนอกใด ๆ เข้ามากระทบโดยกระทันหัน ก็อาจส่งผลให้การเคลื่อนที่ของราคาสินค้าอ้างอิงพลิกพันและนำไปสู่การขาดทุนได้ และยิ่งโดยเฉพาะท่านที่ใช้อัตรา Leverage สูง ๆ ผลการขาดทุนก็จะเป็นเท่านั้นของอัตรา Leverage ที่เลือกด้วย
ถ้าต้องการเริ่มต้นเทรดฟิวเจอร์ สละเวลาและความพยายามในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรดและจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ อาจเป็นทางเลือกที่ใช้ได้สำหรับการกระจายพอร์ตโฟลิโอหรือสร้างรายได้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หากความเสี่ยงมีมากกว่าผลตอบแทนที่เป็นไปได้สำหรับคุณเป็นการส่วนตัว การสำรวจตัวเลือกการลงทุนอื่นๆ อาจเป็นการดีที่สุด
โปรดจำไว้ว่า เช่นเดียวกับโอกาสในการลงทุนอื่นๆ ไม่มีการรับประกันความสำเร็จในการเทรดฟิวเจอร์ แต่ด้วยการทำความเข้าใจตลาดและพัฒนากลยุทธ์ที่แข็งแกร่งจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิจัยพื้นฐาน คุณมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จในโลกแห่งการเทรดฟิวเจอร์อันน่าตื่นเต้นนี้
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก
ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ
2024-10-29
TOPONE Markets Analyst - ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024
เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD
2024-08-07
TOPONE Markets Analyst - 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
2024-01-30
TOPONE Markets Analyst - รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร
รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น
2023-11-15
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!