ค่า Swap คืออะไรในการเทรด FOREX

ค่า Swap คืออะไร

Swap (สวอป) คือ ค่าธรรมเนียมประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเก็งกำไรในการเทรด FOREX ค่าเงิน หรือสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์เปิดสัญญาและถือข้ามคืน ซึ่งเทียบแล้วจุดแบ่งเวลาคือ 17:00 นาฬิกาวันศุกร์ ในตลาดสหรัฐอเมริกา หรือประมาณตี 5 ของวันเสาร์ ถ้าเทียบเป็นเวลาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามควรจะตรวจสอบเวลาที่แน่นอนของเซิร์ฟเวอร์กับทางโบรกเกอร์เพื่อยืนยัน

ฝ่ายที่ต้องชำระค่าสวอป อาจเป็นโบรกเกอร์หรืออาจเป็นเทรดเดอร์ก็ได้

• กรณีที่โบรกเกอร์จะเป็นคนชำระค่าสวอปให้เทรดเดอร์ เนื่องจากสัญญากำหนดสกุลเงินหรือสินทรัพย์หลักที่ถือ มีผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ย สูงกว่า สกุลเงินหรือสินทรัพย์คู่สัญญาโดยเปรียบเทียบ 

• กรณีเทรดเดอร์คือผู้จ่ายค่าสวอปให้กับทางโบรกเกอร์ เพราะสัญญากำหนดสกุลเงินหรือสินทรัพย์หลักที่ถือ มีผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ย ต่ำกว่า สกุลเงินหรือสินทรัพย์คู่สัญญาโดยเปรียบเทียบ

เทรดเดอร์ควรจะตรวจสอบอัตราค่า Swap ก่อนตัดสินใจเลือกใช้โบรกเกอร์ และเริ่มเทรด เพราะเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งในการลงทุน ปกติถ้าใช้แพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 สามารถตรวจสอบข้อมูลได้โดยคลิกดูรายละเอียดของแต่ละคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ 

การเรียกเก็บค่า Swap จะไม่เกิดขึ้นในคืนวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ถ้าคุณถือสถานะเทรดไปต่อเนื่องจนถึงวันพุธ จะต้องระวังค่า Swap ที่มีค่าเป็นลบต่อยอดเงินในบัญชีเทรด เพราะจะเป็นผลลบที่ทบทวีเข้าไป เพราะค่า Swap ในคืนวันพุธคิดที่ 3 เท่าของอัตรา Swap ปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าฝ่ายที่ได้รับชำระเป็นเทรดเดอร์ ก็จะถือว่าเป็นผลพลอยได้ตอบแทนจากค่า Swap ไป

การเก็บค่า Swap ไม่ได้เกิดขึ้นกับการเปิดบัญชีเทรดในทุกโบรกเกอร์ บางเจ้าไม่มีการเรียกเก็บสำหรับคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ขณะที่บางโบรกเกอร์ก็เลือกดูปริมาณการซื้อขายและให้อภิสิทธิ์ลูกค้าที่มีปริมาณซื้อขายสูงตามเงื่อนไขของโบรกเกอร์ให้ได้รับการยกเว้นค่า Swap สำหรับการลงทุนบางประเภทหรือทุกประเภท

ความรู้เบื้องต้นของตลาดฟอเร็กซ์

ตลาดฟอเร็กซ์ หรือ FOREX เป็นคำเรียกสั้น ๆ ย่อมาจากคำศัพท์ว่า Foreign Exchange Market หรือตลาดแลกเปลี่ยนโอนเงินต่างประเทศ โดยผู้ซื้อขายเงินต่างประเทศโดยตรงจะเป็นภาคธนาคารหรือสถาบันทางเงินขนาดใหญ่ ใช้สกุลเงินจริงแลกเปลี่ยนกับเงินอีกสกุลที่ราคาคงที่ ณ เวลาหนึ่ง (Spot Price) ในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และในภายหลังจึงทำการส่งมอบเงินในสกุลตามที่ตกลงกันไว้เพื่อแลกเปลี่ยน

ในตลาดหลัก Spot ไม่มีนักลงทุนทั่วไปที่เป็นรายย่อย การเทรดของรายย่อยนี้เกิดขึ้นเพราะราคาที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินได้ถูกส่งข้อมูลให้กับโบรกเกอร์ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับเก็งกำไรอย่าง Future (ฟิวเจอร์ส) หรือ Contract for Difference (CFD) ขึ้นมา ซึ่งนักลงทุนจะเก็งทิศทางราคา จะเป็ดสัญญาซื้อถ้าเก็งราคาว่าขึ้น และเปิดสัญญาขายถ้าเก็งราคาว่าลดลง โดยนักเก็งไรไม่จำเป็นจะต้องครอบครองเงินสกุลต่างประเทศเพื่อมาแลกเปลี่ยนจริง ๆ

ในกลุ่มเทรดเดอร์รายย่อย ติดปากพูดถึงตลาดฟอเร็กซ์ในความหมายของตลาดสำหรับเก็งกำไร Future หรือ CFD ซึ่งตลาดฟอเร็กซ์เปิดตอนไหนนั้น คำตอบคือเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วัน เสาร์และอาทิตย์ปิดทำการ การเปิดได้ 24 ชั่วโมงนี้เป็นการดำเนินงานตามเวลาทำการของธนาคาร ซึ่งธนาคารมีอยู่ทั่วโลกที่ให้ดำเนินการซื้อขายคู่สกุลเงิน โบรกเกอร์จะปรับใช้ราคาตามธนาคารที่เปิดอยู่ โดยเทียบเวลาทำการเป็นเวลาประเทศไทยได้ ดังนี้

• ธนาคารนิวซีแลนด์, 2:00 - 11:00 น.

• ธนาคารญี่ปุ่น, 5:00 - 14:00 น.

• ธนาคารเยอรมัน, 14:00 - 23:00 น.

• ธนาคารสหรัฐอเมริกา, 20:00 - 05:00 น.

การเทรดถึง 24 ชั่วโมง เทรดเดอร์คงไม่ทำ เพราะเราต้องพักผ่อน หรือออกไปไหนมาไหน จริง ๆ แล้วมีช่วงเวลาที่ดีและไม่ดีในการเทรดด้วย ช่วงเวลาที่ไม่ดีสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทยคือช่วงเวลาเที่ยงคืนขึ้นไปจนถึงตอนช่วงสาย ๆ เพราะธนาคารในต่างประเทศปิด โบรกเกอร์หลายเจ้าใช้สเปรดแบบอัตราลอยตัว และในช่วงเวลาดังกล่าวมีสภาพคล่องค่อนข้างน้อย สเปรดจะห่างมาก ทำให้ต้นทุนการเปิดสัญญาซื้อขายสูงได้ ส่วนช่วงเวลาที่ดีอาจจะเป็นช่วงบ่ายไปจนถึงเกือบ ๆ เที่ยงคืน เป็นช่วงที่ตลาดมีความคึกคัก สเปรดจะแคบลงมา

อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสกุลเงินที่เทรดเดอร์เก็งกำไรด้วย อย่างกรณีคู่สกุลเงินที่เล่นเป็นดอลลาร์สหรัฐ ช่วงเวลาที่นิยมเทรดสำหรับหลายท่านคือเวลาประมาณตี 3 ของประเทศไทย เพราะตลาดจะมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น

นอกจากพิจารณาเรื่องเวลาในกลยุทธ์การเทรด จะต้องพิจารณาอิทธิพลของข่าวด้วย การเทรดตามข่าวเป็นที่นิยม เพราะข่าวจะทำให้ราคาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ถ้าคาดเดาทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาถูก จะได้กำไรจากการกระชากเปลี่ยนทิศของราคา แต่ในภาวะที่สามารถทำกำไรสูงได้เช่นนี้ มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เพราะว่าสเปรตมักจะห่าง หากคาดการณ์ผิดจะขาดทุนได้มาก และต้องล้างพอร์ตได้ เทรดเดอร์ควรจะมีการตั้ง Stop Loss ถ้าหากคิดจะเทรดตามข่าว

การเทรดฟอเร็กซ์กับค่า Swap

ในการเทรดฟอเร็กซ์ อัตราค่าธรรมเนียม Swap คือ ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของคู่เงินที่กำลังเก็งกำไรอยู่ ยกตัวอย่างเช่นการถือสัญญาของคู่สกุลเงิน GBP/USD (ปอนด์และดอลลาร์สหรัฐ) หากอัตราดอกเบี้ยนำฝากปอนด์เท่ากับ 1.25% ต่อปี ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ คิดอยู่ที่  0.50% ต่อปี คำนวณค่า Swapสำหรับการถือสัญญาซื้อ (Buy) ได้เท่ากับ 1.25 - 0.50 = 0.75% แต่ในทางกลับกัน สำหรับสัญญาขาย (Sell) ได้เท่ากับการสลับตัวตั้งและตัวลบ 0.50 - 1.25 = - 0.75% ถ้าอัตราดอกเบี้ยต่อปีดังว่า การถือสัญญา Sell ข้ามคืนจะทำให้เรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ถ้านำอัตราค่าธรรมเนียมที่พบ มาลบหาส่วนต่าง Swap ระหว่างสกุลเงิน แล้วเจอค่าเป็นบวก จะได้กำไรเพิ่มจากการถือข้ามคืน แต่ถ้าพบส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นลบจะพบกับค่าธรรมเนียมซึ่งลบกำไรให้ลดน้อยลง

ค่า Swap กับการเทรดอื่น ๆ 

นอกจากการเทรดฟอเร็กซ์ การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ก็มีการคิดค่า Swap ด้วย ซึ่งจะเห็นว่าคุณสมบัติร่วมกันระหว่างสกุลเงินต่างประเทศ และสินค้าโภคภัณฑ์ คือราคาที่ปรับเปลี่ยนไปมาได้ตามปริมาณอุปสงค์และอุปทานของตลาด ซึ่งการกำหนดให้มีค่า Swap ก็เพื่อให้มั่นใจว่าหากราคามีการปรับเปลี่ยนและแตกต่างไปจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญาแลกเปลี่ยน จะมีผู้ที่รับผิดชอบชำระส่วนต่างราคาเกิดขึ้น

เหตุการณ์ในตลาดโภคภัณฑ์ สมมติเป็นการซื้อขายน้ำมันดิบหนึ่งล้านบาร์เรล คู่สัญญาที่หนึ่งและสองตกลงกัน คู่สัญญาที่หนึ่งจะได้รับกระแสเงินสดส่วนต่างจากการผันผวนของราคาหากราคาน้ำมันดิบลอยตัวสูงขึ้น หรือจะต้องเป็นผู้จ่ายให้กับคู่สัญญาที่สองแทน หากราคาน้ำมันดิบลดต่ำลงจากราคาที่ตกลงกันไว้กับคู่สัญญาที่สอง  

กล่าวคือ ถ้าหากว่าราคาน้ำมันดิบต่อบาร์เรลตามที่ตกลงกันคือ $50 ขึ้นมาเป็น $53 เมื่อครบกำหนดเวลาตามสัญญา ที่ปริมาณตกลงซื้อขายหนึ่งล้านบาร์เรล คู่สัญญาที่หนึ่งได้รับเงินส่วนต่างมา 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐจากคู่สัญญาที่สอง แต่ถ้าราคาตกลงเป็น $47 ต่อบาร์เรล คู่สัญญาที่หนึ่งจะชำระ 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐให้แก่คู่สัญญาที่สอง

กระบวนการที่คำนวณหา Swap นี่เอง เป็นเบื้องหลังของการออกแบบการเรียกเก็บค่า Swap สำหรับการลงทุนในตลาดรายย่อยซึ่งดำเนินการโดยโบรกเกอร์

คำนวณต้นทุนค่า Swap ยังไง ไม่ให้เจ็บตัว

Swap FOREX คืออะไร เมื่อทราบความหมายอย่างคร่าว ๆ แล้ว การพิจารณาต้นทุนค่า Swap  ในลำดับถัดไป จำเป็นที่จะต้องรู้จักปัจจัยในการคำนวณ ก่อนจะนำไปลองคำนวณดู ปัจจัยคำนวณประกอบด้วย

• ล็อต คือ ปริมาณหรือขนาดของการซื้อขายในตลาด โดย 1 ล็อตจะมีขนาดมูลค่าเท่ากับ 100,000 หนวยของสกุลเงิน อย่างกรณีของฟอร์เร็ก ถ้าต้องการซื้อขายคู่เงิน เช่น GBPUSD จำนวน 1 ล็อต เงินสกุลหลักคือ GBP เทรดเดอร์จะต้องมีเงิน 100,000 ปอนด์ถึงจะสามารถเปิดสัญญา 1 ล็อต 

• ขนาดปี๊ป คือ หน่วยของการเปลี่ยนแปลงของราคา ในตลาดฟอร์เร็กทุกหนึ่งปี๊บคือการเปลี่ยนแปลงของราคาในทศนิยมในหลักที่ 4 ยกเว้นแต่ในสกุลเงินเยน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคาในทศนิยมหลักที่สอง

ในการคำนวณหนึ่งปี๊บ ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD ขนาดหนึ่งปี๊บเท่ากับการเปลี่ยนแปลงที่ 0.0001 (การเปลี่ยนแปลงในระดับทศนิยมหลักที่ 4) หากเปิดสัญญาซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.15320 และขายออกที่ราคา 1.15330 การเปลี่ยนแปลงของราคาหรือจำนวนปี๊บเท่ากับ 0.00010 ซึ่งเท่ากับหนึ่งปี๊บ 

• สว็อปสั้น (Short) หรือสว็อปยาว (Long) ตรวจสอบข้อมูลกับทางโบรกเกอร์ หรือผ่านแพลตฟอร์ม กรณีเปิดสัญญาซื้อ Buy เพราะเก็งราคาว่าจะใช้เงินสกุลหลักเท่าเดิม แลกเปลี่ยนได้เยอะขึ้น หรือว่าสกุลเงินแข็งค่าขึ้น จะใช้สว็อปยาว แต่กรณีเปิดสัญญา Sell เพราะเก็งราคาว่าสกุลเงินหลักจะอ่อนค่าลง จะใช้สว็อปสั้น

• จำนวนวัน นับเฉพาะวันที่มีการคิดค่า Swap นั่นคือวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่อย่าลืมว่าวันพุธจะเรียกเก็บค่า Swap 3 เท่า ดังนั้นอาจจะนับว่าวันพุธมีค่าเท่ากับสามวัน 

นำมาเข้าสูตรคำนวณหาค่า Swap:

สว็อป = ล็อต x ขนาดของสัญญา x ขนาดปิ๊ป x สว็อปสั้นหรือสว็อปยาว x จำนวนวัน

สมมติ เปิดสถานะ Buy จำนวน 1 ล็อต เมื่อวันจันทร์ เวลา 13:00 คู่สกุลเงิน EUR/USD และปิดสถานะสัญญาในวันศุกร์ เวลา 23:00 น. เมื่อเวลาของเซิร์ฟเวอร์กำหนดการคิดค่า Swap ต่อสัญญาที่เวลา 22:00 น. อัตราค่า Swap สำหรับสัญญา Buy เท่ากับ  -0.85000

สว็อป = 1 x 100,000 x 0.0001 x (-0.85000) x 7 = -64.05 ดอลลาร์

ในการเทรด เทรดเดอร์ควรต้องมีพื้นฐานการดูกราฟอยู่บ้าง โดยหากมั่นใจว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้น หรือลดลงต่อเนื่องในระยะยาวแล้วจึงทำการถือยาวข้ามวัน โดยคิดเสมอถึงมูลค่าการขาดทุนที่รวมค่า Swap แล้วในระดับที่ยอมรับได้

ทุกครั้งที่จะทำการถือสถานะข้ามวัน ไม่ควรมองข้ามการตรวจสอบค่า Swap และคำนวณออกมาเพื่อประกอบการตัดสินใจตั้งจุด Stop Loss

เริ่มต้นเทรด FOREX อย่างไรดี

การเทรด FOREX ให้ประสบความสำเร็จ ขั้นแรกนั้นเหมือนการลงมือทำงานทุกอย่าง นั่นคือ เทรดเดอร์ควรจะศึกษาอย่างรอบคอบในสิ่งที่เป็นความรู้พื้นฐาน ซึ่งบทความนี้ได้นำเสนอบันไดก้าวแรกเอาไว้ให้แก่ทุกท่าน นั่นคือการเรียนรู้ต้นทุนการเทรดคือ Swap แต่ความรู้อื่น ๆ ประกอบ ได้แก่ สเปรด และรูปแบบของกราฟ รวมถึงการใช้เลเวอเรจเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงในช่วงเวลาที่ราคามีความผันผวนหรือสเปรดกว้างเกินความคาดหมาย และการใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ เพื่อระบุแนวโน้มของสกุลเงินในความสนใจว่าจะแข็งค่าขึ้น หรืออ่อนค่าลง เป็นเรื่องที่จะขาดไปเสียไม่ได้ เพื่อให้เทรดโดยมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้น

นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์เลือกได้ และเป็นปัจจัยในการส่งเสริมการลงทุนที่ดีคือโบรกเกอร์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขาย ซึ่งการกำหนดสเปรดมาจากโบรกเกอร์ตามปริมาณการเปิดสัญญาซื้อและขายในตลาด โดยแต่ละโบรกเกอร์จะกำหนดระดับสเปรดที่ไม่เท่ากัน เป็นต้นทุนในการเข้าเทรด ทุกครั้งที่เปิดสัญญา เงินลงทุนในบัญชีก็จะลดลงเพราะสเปรด นักลงทุนเมื่อทำกำไรได้ก็จะไม่เสียสเปรดเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าคาดการณ์ผิด การติดลบของกำไรก็จะเพิ่มขึ้นตามมา ดังนั้นเพื่อควบคุมต้นทุนให้ต่ำ ควรเปรียบเทียบสเปรดระหว่างโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ยังสามารถกำหนดเลเวอเรจซึ่งเป็นอภิสิทธิ์ทำให้เทรดได้ในมูลค่าหลายเท่าตัว ซึ่งโดยทั่วไปพวกมืออาชีพที่ทำกำไรก็จะไม่เน้นการเทรดด้วยเลเวอเรจที่สูงนัก เพราะจะทำให้การขาดทุนทวีมูลค่ามากขึ้นและล้างพอร์ตเร็ว แต่การมีเลเวอเรจนั้นสำคัญคือในช่วงตลาดผันผวนจะช่วยให้ไม่ต้องล้างพอร์ตเร็ว 

จากการที่โบรกเกอร์จะเป็นตัวช่วยให้บริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะอิทธิพลต่อการเก็บ Swap หรือขนาดสเปรด และยังมีเครื่องมือทางเทคนิคให้เลือกใช้ได้มากมาย หลากหลายหรือแตกต่างกันไป อีกทั้งเซิร์ฟเวอร์ยังให้ความคล่องตัวในการเทรดโดยไม่กระตุกต่างกันอีกด้วย สำหรับนักลงทุนในปัจจุบันมีโบรกเกอร์มากมายเป็นตัวเลือก ผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ดังนั้น เทรด FOREX เทรดที่ไหน โบรกเกอร์อะไรเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ 

หนึ่งในโบรกเกอร์ที่ให้บริการอย่างมีคุณภาพ คือ  Top1 Markets มีตัวเลือก CFD คู่สกุลเงินที่หลากหลายถึง 27 สกุล พร้อมทั้งตัวเลือกเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น หุ้น และคริปโตเคอร์เรนซี ให้บริการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มทันสมัยและส่งออเดอร์ได้ง่าย รวดเร็ว คล่องตัวและเสถียรด้วย MT5 สนับสนุนการเทรดด้วยสเปรดต่ำที่ระดับ 0.6-1.0 ปี๊บ เลเวอเรจ 1:1000 และสนับสนุนการเทรดคู่สกุลเงินด้วยสเปรดสำหรับค่าเงินยอดนิยมอย่าง EURUSD เพียง 18 เท่านั้น 

นอกเหนือจาก Top1 Market ยังมีโบรกเกอร์อื่นให้เลือกอีกมากมาย เทรดเดอร์ควรสืบค้นข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซด์ รวมทั้งอ่านรีวิวของผู้ใช้งาน รวมถึงมองหาคู่สกุลเงินที่สะดวกในการติดตามข่าวสารเพื่อเทรดด้วย ในแต่ละโบรกเกอร์จะมีให้บริการปฏิทินเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยบอกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ช่วยให้มีเป้าหมายในการตรวจสอบข่าวที่มีผลของราคาเพิ่มเติม 

บทส่งท้าย

การเทรดฟอเร็กซ์เป็นการเก็งกำไร ในหลายครั้งเทรดเดอร์เพียงถือข้ามคืนเพียงเพราะหวังให้ระดับราคากลับตัวหลังจากคาดเดาแนวโน้มผิดไป ซึ่งมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเปลี่ยนทิศทางจริง ๆ แต่หลายครั้งผลลัพธ์ก็ไม่เป็นเช่นนั้น 

การเทรดโดยถือสัญญาไว้ระยะยาว อาจถูกโบรกเกอร์เรียกเก็บค่า Swap หรือไม่ก็ได้ อย่างที่ได้นำเสนอกันไว้ในบทความนี้ แล้วแต่นโยบายของทางโบรกเกอร์ แต่ในการลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ยิ่งถือยาวยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่งขึ้น ดังนั้นควรจะมีปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจเทรด คือการสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาและวิเคราะห์ทางเทคนิคจนกระทั่งเทรดเดอร์มั่นใจในแนวโน้มราคาที่ตนเองเก็ง

โบรกเกอร์ที่ไม่มีการเรียกเก็บค่า Swap อาจไม่ได้มองได้เพียงมุมเดียวว่าสนับสนุนให้มีต้นทุนการเทรดที่ต่ำลงเสมอไป แต่อาจจะมองเป็นโอกาสที่เสียไปก็ได้ เพราะค่า Swap สามารถเป็นกำไรให้ได้ในการเทรดบางสกุลเงิน