สารัชถ์ เจ้าของ GULF รวยที่สุดในไทยอันดับ 4 2565

เมื่อพูดถึงคนที่รวยที่สุดในไทย ในภาพจำของหลาย ๆ คนก็คงนึกถึงตระกูลเจียรวนนท์ เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่นับได้ว่าเวลานี้กินรวบตลาดค้าปลีกและการสื่อสารของไทย เพราะเขาเป็นทั้งเจ้าของร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น ที่อยู่ทุกตรอกซอกซอย และเมื่อไม่นานมานี้ก็เปลี่ยนมือกลับมาดูแลห้างโลตัสหลังจากขายให้เทสโก้ไปเมื่อปี พ.ศ. 2541 และแถมห้างค้าส่งขนาดใหญ่อย่างแม็คโคร ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งจะ IPO เปิดจองหุ้นสำหรับนักลงทุนรายย่อยไป

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจนักหากว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเจียรวนน์จะครองอันดับ 1 ของคนที่รวยที่สุดในไทย ด้วยทรัพย์สินสุทธิปี พ.ศ. 2565 ที่ 2.65 หมื่นล้านเหรียญ หรือประมาณ 9.33 แสนล้านบาท

แต่… คนที่น่าจับตามองในปีที่ผ่านมานี้คือหน้าใหม่ในอันดับที่ 4 ของรายการ 50 คนที่รวยที่สุดในไทยตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอบส์ อย่างสารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของบริษัทบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือที่เรารู้จักในชื่อย่อหุ้น GULF

ในบทความนี้ จึงขอพาทุกท่านมาสำรวจดูว่าอะไรกันที่ทำให้สารัชถ์ ก้าวขึ้นมาครองอันดับ 4 ใรายการคนที่รวยที่สุดในไทยในปี พ.ศ.2565 แล้ว เรา ในฐานะนักลงทุน จะใช้โอกาสนี้ในการเติมพอร์ตของเราอย่างไรบ้าง

คนที่รวยที่สุดในไทย

หลายท่านอาจเกิดคำถามว่า คนที่รวยที่สุดในไทยนี่เขาใช้วิธีการแบบไหนในการจัดอันดับกัน เพราะลำพังแต่เพียงข้อมูลการเงินที่รายงานผ่านงบการเงินของบริษัทที่เขาเป็นหุ้นส่วน หรือที่รับรู้ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์อาจจะไม่เพียงพอที่จะบอกว่าใครรวยที่สุด

นิตยสารฟอบส์ได้กล่าวถึงเกณฑ์การจัดอันดับคนที่รวยที่สุดว่า เขาตรวจสอบเชิงลึก ทั้งจากการสัมภาษณ์เจ้าตัวทั้งแบบต่อหน้าและโทรศัพท์ รวมถึงการค้นหาไปยังผู้เชี่ยวชาญที่ได้ทำงานร่วมกันกับเขา อัตราภาษีเงินได้ที่พวกเขาจ่าย ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล ที่จะช่วยสะท้อนให้เห็นถึงสุขภาวะทางการเงินของบุคคลผู้นั้นออกมา

ดูวิธีจัดอันดับคนที่รวยที่สุดจากฟอบส์ที่นี่

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมด้วยว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของบุคคลหรือกิจการใด ๆ ในปีที่ผ่านมา ยังได้รับอิทธิพลจากการอ่อนค่าของเงินบาทด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำธุรกิจด้านการส่งออก ที่จะรับค่าสินค้าในรูปแบบของ USD

ในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา บุคคลผู้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในไทยคือสารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของและ CEO ของ Gulf ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 13.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเปรียบเทียบได้เป็น 185,769 เท่าของรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยของสหรัฐอเมริกา อ้างอิงจากเว็บไซต์ของบลูมเบิร์ก

สารัชถ์ รัตนาวะดี คือใคร

ในปี พ.ศ.2537 บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อให้บริการพลังงานไฟฟ้า โดยมีสารัชถ์ รัตนาวะดี ที่ในวันนั้นอายุ 29 ปี ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 Gulf ได้เริ่มซื้อขายหุ้น IPO ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แม้จะเป็นเวลาเพียง 5 ปี Gulf ก็ได้รั้งอันดับในดัชนี SET50, SET100, SETCLMV, และ SETTHSI

ภาพแสดง New Worth ของสารัชถ์ รัตนาวะดี จากฟอบส์

ในขั้นแรกของเส้นทางสายธุรกิจพลังงาน สารัชถ์ได้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมถ่านหิน ด้วยการนำเสนอการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้ของประเทศไทย ในช่วงที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนด้านพลังงานของประเทศ การประท้วงตามมาและรัฐบาลระงับข้อตกลง 

สารัชถ์ได้เปลี่ยนเส้นทางโรงไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินไปเป็นแหล่งเชื้อเพลิงอื่น ๆ จนค่อย ๆ ต่อยอดกลายมาเป็น Gulf ดังที่เห็นในตลาดหุ้นปัจจุบัน พร้อมด้วยบริษัท Holding Company ที่ปัจจุบันได้จับมือร่วมทุนกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั้งบนดิน ใต้ดิน และในอากาศ และ

การลงทุนของ Gulf และสารัชถ์

ความร่ำรวยของ Gulf ไม่ได้เกิดจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมพลังงานเท่านั้น แต่ด้วยการที่ Gulf ลงทุนแบบเป็น Holding Company ทำให้มีรายได้จากการลงทุนถือหุ้นต่าง ๆ รวมถึงในหุ้นของ Gulf เองด้วย

รายชื่อผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรกของ Gulf 

การลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ของ Gulf ได้แก่ การเข้าไปถือหุ้นใน บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง บมจ. ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (ผู้ให้บริการ 3BB) รวมถึงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา ที่สารัชถ์ได้ขยายการลงทุนไปยังระบบโครงสร้างพื้นฐานของการขนส่งทางเรือที่ท่าเรือแหลมฉบังและมาบตาพุด เป็นต้น

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ New Worth ของสารัชถ์

ด้วยความที่ Gulf ซึ่งมีตัวเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ได้เข้าลงทุนในหุ้นต่าง ๆ จำนวนมาก จึงทำให้ชื่อของสารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นบุคคลผู้ร่ำรวยหุ้นที่สุดในไทยในการจัดอันดับเมื่อปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา

หากว่าสารัชถ์ยังคงเพิ่มการกระจายหุ้นในฐานะ Holding Company ออกไปพร้อม ๆ กับสร้างความแข็งแกร่งด้านการส่งมอบพลังงาน อาจทำให้ตลอดปี 2560 และอีกต่อ ๆ ไป ชื่อของเขาก็จะยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างมากในหมู่เศรษฐีที่รวยหุ้นที่สุดในไทยก็เป็นได้