EMA คืออะไรในกราฟเทคนิค คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้เริ่มต้น

คำว่า Exponential Moving Average (EMA) คืออะไร

EMA (Exponential Moving Average - ema) เป็นเครื่องมือบอกแนวโน้มของราคาในอดีตที่ผ่านมาโดยคำนวณค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคาปิดแบบ exponential ภายใต้เงื่อนไขจำนวนวันที่นักลงทุนสนใจศึกษาแนวโน้มของราคา เส้นกราฟ EMA ที่สร้างออกมาจากค่าเฉลี่ยจะเคลื่อนที่สอดคล้องกับแท่งเทียนหรือกราฟการเคลื่อนไหวของราคาอีกทีหนึ่ง

เส้นวัดค่าเฉลี่ย EMA เป็นเส้นที่มีความไวที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหรือแนวโน้ม เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคาอื่น ๆ คือ SMA (simple moving average หรือ MA) และ WMA  (weight moving averages) ซึ่งบทความนี้จะอธิบายเส้น SMA และ WMA ไว้โดยสังเขปด้วย

EMA ต่างจาก SMA (Simple Moving Averages) และ WMA (weight moving averages) อย่างไร 

นอกจาก EMA ในกราฟเทคนิกแล้ว ที่ตัวกราฟเองยังสามารถใช้เส้นค่าเฉลี่ย แบบ SMA หรือบางท่านก็เรียก MA กับอีกเส้นคือ WMA เพื่อพิจารณาดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือตลาดได้เช่นกัน แต่ใจของนักลงทุนมักจะเทไปที่ EMA เพราะจะพบจากการใช้งานเอง ว่ามักมีการเกาะกับลักษณะขึ้นลงของเส้นกราฟราคาที่ดีกว่า แสดงถึงความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาแต่ไม่ถูกกระทบจากการผันผวนจนแสดงแนวโน้มเพี้ยนไปได้

เส้นค่าเฉลี่ย SMA หรือที่หลายคนเรียกแค่ MA เป็นผลจากการคำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ยของราคาตามจำนวนวันที่กำหนด  ซึ่งโดยธรรมชาติที่ราคาหลักทรัพย์หลาย ๆ ตัวจะผันผวนบ่อย ๆ เป็นเหตุทำให้มีค่าแปรปรวนสูงในระดับราคา ส่งอิทธิพลให้ค่าเฉลี่ยบนเส้น SMA ห่างไกลจากค่าจริง ๆ ของราคาที่วิ่งไปแต่ละจุด ทำให้ SMA สะท้อนแนวโน้มของราคาไม่แม่นยำ 

และเส้นค่าเฉลี่ย WMA เป็นการถ่วงน้ำหนักของเส้น SMA อีกที ให้น้ำหนักค่าราคาปิดแรกที่นำมาคำนวณเป็นตัวเลขเท่ากับกรอบจำนวนวันที่ใช้คำนวณร่วมกับจุดราคาที่เราสนใจ เช่น คำนวณ WMA 20 นั้น ราคาปิดแรกที่นำมาคำนวณคือราคาปิดเมื่อ 20 วันก่อน น้ำหนักของราคาปิดนี้เท่ากับ 20 และอย่างราคาปิดที่สองคือเมื่อ 19 วันก่อน น้ำหนักของราคาปิดนี้เท่ากับ 19 กำหนดเลขราคาจับคู่กับน้ำหนักไปเช่นนี้เรียงกันไป จับคูณกันเป็นคู่ ๆ แล้วนำผลคูณแต่ละคู่มาบวกรวมกัน และหารด้วยผลรวมของตัวเลขน้ำหนักรวม ถ้าเป็นที่ 20 วัน ก็จาก 20+19+18+...+1 จะได้ตัวหารคือ 210 แล้วเราใช้ค่าที่ได้สร้างเส้นเฉลี่ยราคาขึ้นมา โดยเส้นค่าเฉลี่ย WMA มีการปรับเปลี่ยนอ่อนไหวกับราคา ไม่เร็วเท่า EMA แต่เร็วกว่า SMA มีโอกาสแตะเส้นกราฟราคาบ้าง

การเลือกใช้งานนั้น แน่นอนว่าถ้าต้องการเห็นแนวโน้มที่ไวต่อราคา ต้องเป็น EMA แต่เส้น WMS ก็เป็นประโยคในการเอามาดูเพื่อให้เกิดความมั่นใจในแนวโน้มขาลง หรือขาขึ้น เมื่อมองหาแนวรับที่แข็งแกร่ง และเป็นประโยชน์ในการพิจารณากำหนดจุด Stop-loss ร่วมกันได้อีกด้วย 

วิธีการคำนวณหา EMA

การคำนวณหา EMA ต้องเข้าใจพื้นฐานการคำนวณค่า SMA มาก่อน 

ในการคำนวณหา EMA  ถ้าคำนวณโดยใช้โปรแกรม Excel สำหรับกราฟแท่งอันแรกนั้นจะประมาณการ EMA จุดแรกด้วยวิธีเดียวกับ SMA และต่อจากนั้น เราเริ่มต้นหาค่าตัวคูณก่อน หรือที่เรียกว่ามายติพายเออร์ (multiplier) ซึ่งค่าที่เทรดเดอร์นิยมใช้กันคือ 2/(จำนวนวันที่ต้องการนำมาหาค่าเฉลี่ย+1) แล้วในกราฟแท่งเทียนต่อ ๆ ไป เราจะต้องเอาค่าตัว EMA ของแท่งก่อนหน้า เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ EMAn-1  ไปบวกกับ ค่าที่มาจากการคูณมายติพายเออร์กับค่าส่วนต่างระหว่างราคาปิดของแท่งเทียนนั้น ๆ กับค่า EMA ของแท่งก่อนหน้า เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ [{Pn – EMAn-1} x ตัวคูณ]

สามารถสรุปเป็นสูตรได้ คือ

EMAn = EMAn-1+[{Pn – EMAn-1} x ตัวคูณ]

เนื่องจากค่าตัวคูณ คำนวณมาจาก “2/(จำนวนวันที่ต้องการนำมาหาค่าเฉลี่ย+1)” จะเห็นว่าส่งผลให้เมื่อเลือกใช้กรอบช่วงเวลายาวนานในการกำหนดเส้นค่าเฉลี่ย EMA ค่าตัวคูณจะค่อนข้างน้อย ราคาจะเปลี่ยนแปลงช้า ส่วนการใช้กรอบช่วงเวลาที่น้อย เปรียบเทียบกันแล้วค่าตัวคูณจะเยอะ ซึ่งก็บ่งบอกว่าระดับความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคานั้นมาก หรือว่าสะท้อนความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้ดีนั่นเอง

ตัวอย่างของเส้น EMA

ด้วยการที่ใช้ตัวคูณในการคำนวณ ไม่ได้ใช้ราคาในจุดอื่นนอกเหนือจากจุดปัจจุบันร่วมกับค่า EMA ในจุดก่อนหน้าเพื่ออ้างอิง ทำให้ค่าเฉลี่ย EMA ที่เป็นที่มาของเส้นค่าเฉลี่ย EMA ได้ตัดปัจจัยเรื่องความแปรปรวนที่เกิดขึ้นข้ามเวลาซึ่งแฝงมากับราคาในจุดอื่น ๆ ซึ่งต่างกับที่ยังปรากฎอยู่ในการคำนวณแบบ SMA หรือ WMA นี่เองที่เป็นเหตุผลให้เส้นค่าเฉลี่ย EMA อยู่ใกล้กับจุดราคาในกราฟแต่ละจุดมากกว่า 

อย่างการดูจุดเปลี่ยนแปลงของราคาโดยเปรียบเทียบเส้น EMA, SMA และ WMA สำหรับสินทรัพย์เดียวกัน ก็จะเห็นว่าทิศทางของเส้นค่าเฉลี่ย EMA นั้นปรับเปลี่ยนก่อนเส้นค่าเฉลี่ย SMA และ WMA เสมอ ให้สัญญาณแก่นักลงทุนได้ก่อน

ใช้ประโยชน์จาก EMA ได้อย่างไรบ้าง

ถ้าหลักทรัพย์มีความผันผวนมากและเก็งกำไรระยะสั้นก็อาจจะใช้เส้น EMA คำนวณที่ 25 วัน หรือ 10 วัน เพื่อให้เห็นภาพของแนวโน้มราคาระยะสั้นได้ดี แต่ถ้าดูองค์รวม หรือหลักทรัพย์ไม่ผันผวนมากแนะนำให้ใช้เส้น EMA 50 เทียบกับ EMA 200 โดยใช้อย่างน้อย 2 เส้นราคาเฉลี่ยดูร่วมกันเสมอ ประกอบกับกราฟแสดงราคาที่กำหนดให้แสดงในช่วงเวลาที่แตกต่างกันได้ เช่น 1 สัปดาห์, 1 วัน, หรือ 15 นาที ตามแต่ต้องการ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักลงทุน ดังนี้

แนวโน้มของกราฟที่ชัดเจน สามารถใช้เส้น EMA 50 และ EMA 200 แสดงเปรียบเทียบกัน

• ในช่วงที่ EMA วิ่งไปทางแนวนอน ดูเรียบ ๆ ชี้ว่าตลาดยังอยู่ในช่วงไม่มีแนวโน้ม นักลงทุนควรชะลอการตัดสินใจไว้ก่อน

• ช่วงขาลง: เส้น EMA ลากเคลื่อนที่ต่อเนื่อง ทิ้งตัวต่ำลง EMA 50 ตัด EMA 200 เพื่อลงไปอยู่ต่ำกว่า หรือกรณีพบเห็น EMA 50 ลงไปต่ำกว่าทั้ง EMA 200 และกราฟราคา นั่นจะเป็นเครื่องยืนยันว่าตลาดอยู่ในภาวะขาลง

• ช่วงขาขึ้น: เส้น EMA ลากเคลื่อนที่ต่อเนื่อง พุ่งสูงขึ้น EMA 50 ตัดผ่าน EMA 200 เพื่อขึ้นไปอยู่เหนือกว่า หรือกรณีพบเห็น EMA 50 ขึ้นไปสูงกว่าทั้ง EMA 200 และกราฟราคาจะเป็นเครื่องยืนยันว่าตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้น

หาจุดเข้าและจุดออก 

• ช่วงขาขึ้น: ให้มองหาช่วงราคาซื้อขายที่ไส้แท่งเทียนลากยาวด้านล่างแตะเส้น EMA ที่อยู่ด้านล่างหรือยาวทะลุเส้น EMA ลงมา ให้ตั้ง Stop-loss ใต้เส้น EMA ที่จุดเข้าซื้อ

• ช่วงขาลง: ให้มองหาช่วงราคาซื้อขายที่ไส้แท่งเทียนลากยาวด้านบนแตะเส้น EMA ที่อยู่ด้านบนหรือยาวทะลุ EMA ขึ้นไป ให้ตั้ง Stop-loss เหนือเส้น EMA

การปล่อยกราฟวิ่งเพื่อทำกำไร 

หลังเปิดสัญญาซื้อหรือขายแล้ว พิจารณาเส้น EMA ว่ากำลังบอกแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือขาลงอยู่ เส้นกราฟจะวิ่งไปเรื่อย ๆ เมื่อกราฟราคาเริ่มทิ้งตัวลงหรือพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ออกห่างเส้น EMA เป็นไปได้ว่านั่นเป็นจุดกลับตัวของราคา หรือเป็นสัญญาณของช่วงกำไรที่ทำได้น้อยลง ดังนั้นจึงเป็นสัญญาณให้นักลงทุนขายหรือออกได้ 

บางครั้งกราฟวิ่งขึ้นหรือลงก็ทิ้งช่วงยาวกว่าจะถึงจุดออกที่เหมาะสมดังกล่าว กำไรตอนออกเมื่อขายหรือปิดสัญญาซื้อขายก็จะมากตามไปด้วย

ข้อได้เปรียบของ EMA

• ใช้ตัวคูณในการคำนวณ จะไม่มีการสะสมผลกระทบข้ามช่วงเวลาในการกำหนดค่า EMA แต่ละจุด ทำให้เส้นค่าเฉลี่ยมีค่าแต่ละจุดไม่แตกต่างจากราคามากเกินไป และวางตัวเป็นแนวโน้มที่ไม่แปรปรวนเกินไปด้วยในกรณีที่ราคาผันผวนหนัก ทำให้นักลงทุนดูแล้วยังจับทิศทางแนวโน้มได้อยู่

• การคำนวณคำนึงถึงราคาปัจจุบันเป็นสำคัญดังนั้นจึงแสดงการตอบสนองต่อตลาดที่รวดเร็วสัมพันธ์กับราคามากกว่าเส้นค่าเฉลี่ยอื่น

• มีการอ้างอิงค่า EMA ของราคาปิดก่อนหน้าในการคำนวณ ทำให้การสร้างเส้นแนวโน้มมีความสม่ำเสมอ แม้ตลาดผันผวนก็วิ่งไปโดยการผันผวนตามราคาตลาดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยอื่น

ข้อด้อยของ EMA

เป็นที่ถกเถียงกันว่า EMA อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการกำหนดจุดเข้าหรือจุดออก เนื่องจากไม่ได้มีการดูอิทธิพลของราคาปิดในจุดอื่น ๆ ก่อนหน้ามากนักซึ่งเชื่อว่ามักจะส่งอิทธิพลจนทำให้เกิดแนวโน้มขึ้นมา ซึ่งเรื่องของแนวโน้มสมควรเป็นการดูทิศทางราคาต่อเนื่องระยะหนึ่ง ไม่ใช่การดูรายจุดโดยอิงกับค่าเฉลี่ยที่ได้ก่อนหน้าเพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องการหาจุดเข้าออก บทความนี้ได้นำเสนอกลวิธีหนึ่งที่มีการใช้จริงในบรรดานักลงทุน คือไม่ใช้เพียงแค่เส้นค่าเฉลี่ย EMA เพียงอย่างเดียว แต่ดูร่วมกับกราฟแท่งเทียน มองหาส่วนหางของกราฟ เพื่อเป็นสัญญาณในการเข้า และมองหาการขยับของแท่งเทียนที่กระดกขึ้นหรือลงสะดุดตาเมื่อเทียบกับเส้นแนวโน้ม เพื่อเป็นสัญญาณในการขายหรือการออกเพื่อทำกำไร

คำถามที่พบบ่อย

จะสามารถหาเส้นเฉลี่ยแนวโน้มราคา EMA ได้จากที่ไหน

ตอบ EMA ในกราฟเทคนิค นักลงทุนสามารถเปิดการใช้งานได้โดยเลือกชุดเครื่องมือ Indicators บนหน้าแสดงราคาซื้อขายของแพลทฟอร์ม หรือสามารถคำนวณด้วยตาราง Excel โดยต้องใช้ราคาย้อนหลังซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซด์สถิติราคาหลักทรัพย์ต่าง ๆ 

กรณีที่นักลงทุนใช้โปรแกรม MT4 หรือ MT5 ในการเทรด ให้เลือก Insert แล้วเลือก Indicators ในกลุ่มการแสดงแนวโน้ม (Trend) เลือก Moving Average และตั้งค่าโดยเลือกใช้วิธีการ Exponential พร้อมทั้งระบุช่วงระยะเวลา (Period) ที่กำหนดในการคำนวณค่าเฉลี่ย ซึ่งกำหนดสีให้แก่เส้น EMA ได้ด้วย

ตั้งค่า EMA เท่าไรดี

ตอบ ปกติค่าที่นิยมใช้กัน คือ 10, 25, 50, 75 และ 200 วัน ค่าระยะเวลาที่น้อย เหมาะสำหรับสะท้อนการเคลื่อนไหวของหุ้นในระยะสั้น ส่วน 50 และ 75 วัน เหมาะใช้สะท้อนการเคลื่อนไหวของหุ้นในระยะกลาง และ 200 วัน ใช้สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะยาวหรือเพื่อให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มราคาหุ้น 

ไม่มีนักลงทุนท่านใดบอกได้ว่า EMA เส้นไหนจะดีที่สุด ราคาที่สะท้อนมานั้นจะเหมาะสมกับสไตส์การเทรดที่แตกต่างกันไป นักลงทุนควรทดลองตั้งค่าและลองเทรดดู เพื่อจะได้รู้ว่าการอ่านค่าจากเส้นไหนที่ตนเองรู้สึกถนัดและจับทิศทางตลาดทำกำไรได้สม่ำเสมอ

EMA ช่วยทำกำไรได้จริงหรือ?

ตอบ EMA ในกราฟเทคนิคเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน วัตถุประสงค์ของการใช้งานคือเพื่อให้มั่นใจแนวโน้มของราคา ในเรื่องการทำกำไรนั้น ขึ้นอยู่กับการหาจังหวะที่เหมาะสมเพื่อเข้าซื้อขายเป็นหลัก ซึ่ง EMA เครื่องมือเดียวไม่สามารถช่วยทำกำไรได้ทันที จะต้องดูกราฟแท่งเทียนประกอบดังที่ได้นำเสนอไปข้างต้นแล้ว ผสมผสานกับการใช้เครื่องมือทางเทคนิคอย่างอื่นร่วมด้วย ตามแต่เทคนิคส่วนตัวของนักลงทุน 

บทส่งท้าย

EMA ในกราฟเทคนิคคืออะไร คำถามนี้นักลงทุนพลาดไม่ได้ที่จะหาคำตอบเมื่อเพิ่งเข้ามายังตลาดลงทุน เพราะเป็นเครื่องมือทางเทคนิคอย่างหนึ่งที่ใช้ในกราฟเทคนิคอย่างกราฟแท่งเทียนได้อย่างสะดวก การจะเข้าหรือออก จะทิ้งออเดอร์ที่เปิดไว้ให้วิ่งไปก็ทำได้ เพราะ EMA จะช่วยให้เห็นจุดที่สามารถทำกำไรได้

ลองศึกษา EMA และลองใช้ดูเลยวันนี้ เส้น EMA ในกราฟเทคนิค การปรับค่าที่เหมาะสมกับสไตส์การลงทุนของนักลงทุนจะช่วยพัฒนาประสิทธิผลในการทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ