เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด หุ้น 25 คำคมเทรดจากเจสซี่ ลิเวอร์มอร์

25 คำคมเทรดจากเจสซี่ ลิเวอร์มอร์

เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ปรมาจารย์หุ้นระดับโลกฝาก Quote ดี ๆ เตือนใตนักเทรดทุกคน โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นให้ได้เรียนรู้หลักคิดและวิธีการอย่างชาญฉลาด

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2021-12-09
ไอคอนรูปตา 1864

เจสซี่ ลิเวอร์มอร์คือใคร

“เจสซี่ ลิเวอร์มอร์” (Jesse Livermore) สร้างระบบการเทรดของเขาขึ้นจากการจดบันทึกราคาหุ้น สืบเนื่องจากเขาเคยเป็นพนักงานเคาะราคาหุ้นซึ่งทำให้เขาศึกษาเรื่องราคาของหุ้นและการเคลื่อนไหวอย่างลึกซึ้ง เขามักนำราคาที่บันทึกมาคำนวณทางสถิติ ศึกษารูปแบบ จนกระทั่งเข้าใจพฤิตกรรมของราคาหุ้น และทำกำไรไปได้อย่างมาก ในประวัติศาสตร์การเทรดของเขา เขาทำเงินได้หลายล้านดอลลาร์ในตลาดหลักทรัพย์หลายต่อหลายครั้ง 


เจสซี่ ได้รับฉายาว่าว่า “หมีใหญ่แห่งวอลล์สตรีท” จากพฤติกรรมการเก็งกำไรในช่วงตลาดขาลงของเขา เขาจะทำการยืมหุ้นหรือที่เรียกกันว่า “การชอร์ต” เพื่อให้ได้หุ้นมาในมือขณะที่ราคาอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งเท่ากับต้นทุนในการครอบครองหุ้นของเขาต่ำกว่าคนอื่นโดยเปรียบเทียบ และเขาก็จะขายหุ้นทั้งหมดที่มีรวมถึงที่ชอร์ตมานั้นเพื่อให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นทำให้เขาสามารถทำกำไรได้มหาศาล การชอร์ตของเขานั้นประสบความสำเร็จ กล่าวได้ว่าเพราะระบบการเทรดหุ้นที่เขาพัฒนาขึ้นมาอย่างน่าสนใจ


อย่างไรก็ตาม เจสซี่ไม่ได้เพียงประสบความสำเร็จเพียงอย่างเดียว เซียนหุ้นอย่างเขาก็เคยผิดพลาด ล้มเหลวจนกระทั่งล้มละลายมาแล้ว แต่เขาก็อาศัยความล้มเหลวเป็นประสบการณ์พัฒนาตัวเองและรูปแบบพฤติกรรมการวางแผนการเทรด หลายครั้งที่เขาได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้และคำพูดของเขาในโอกาสต่าง ๆ ก็ปรากฎว่าแฝงคำคมเตือนใจสายเทรดไว้มากมาย


นักลงทุนรุ่นหลังสามารถเรียนรู้แง่มุมชีวิตและการลงทุนของเขาได้ได้ผ่านคำคมเจสซี่ ลิเวอร์มอร์ แต่ละคำคมในบทความนี้สั้น ๆ ได้ใจความ แต่เรายังขยายรายละเอียดให้ไว้ด้วย เหมือนนำแว่นขยายมาส่องดูความคิดของเจสซี่อีกทีหนึ่งเพื่อว่าจะได้เชื่อมโยงสภาพแวดล้อมในยุคที่เจสซี่ได้เอ่ยคำคมเหล่านี้และสภาพแวดล้อมปัจจุบัน 


สายเทรดจะพบว่า 25 คำคมเตือนใจสายเทรดจาก เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ต่อไปนี้ ล้วนคุ้มค่าที่จะนำไปขบคิดต่อและประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตและรูปแบบการลงทุน

ยอด 25 คำคมจากเจสซี่ ลิเวอร์มอร์

1. “There is nothing new in Wall Street. There can’t be because speculation is as old as the hills. Whatever happens in the stock market today has happened before and will happen again.” – ไม่มีสิ่งใดใหม่ในวอลล์สตรีท ไม่มีก็เพราะการเก็งกำไรนั้นเหมือนกับภูเขาที่ตระหง่านอยู่นาน เหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ก่อนแล้ว จะเกิดขึ้นอีกในภายหลัง

ตลาดหลักทรัพย์เป็นสถานที่มาให้ซื้อและขาย เป็นสถานที่ที่อุปสงค์และอุปทานของนักลงทุนมาเจอกัน กล่าวได้ว่าผู้ที่สร้างตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมาคือนักลงทุนนั่นเอง และขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้ว ธรรมชาติในการตอบสนองต่อหลักทรัพย์หรือการซื้อขายมักจะเป็นไปในรูปแบบซ้ำ ๆ หรือไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เช่น ซื้อถูกขายแพง อ่อนไหวต่อข่าว กลัวการสูญเสียมูลค่าสินทรัพย์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวันนี้หรืออดีตที่ผ่านมา พอเปรียบเทียบกันแล้วสภาพแวดล้อมเหมือนมีสิ่งใหม่ ๆ อย่างเช่นเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกในการซื้อขาย แต่ผู้คนก็ยังตอบสนองต่อการซื้อขายด้วยรูปแบบที่ไม่เคยเปลี่ยน


2. “Buy rising stocks and sell falling stocks” “ – ซื้อหุ้นขาขึ้น และขายหุ้นขาลง

มองกระแสตลาด และยอมที่จะไปตามกระแสนั้น เวลาที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นหมายถึงนักลงทุนจำนวนมากมีความคิดแบบเดียวกันคือหุ้นจะขึ้น และพวกเขาถึงได้ซื้อ และนั่นคือเหตุผลที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นและทำให้ทำกำไรได้ เวลาเลือกหลักทรัพย์หรือหุ้น เลือกตัวที่มีปริมาณการซื้อขายสูง ๆ เพราะจะรู้ได้ว่ามีจำนวนนักลงทุนไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับราคานั้น และสามารถเชื่อได้ว่าราคาหุ้นกำลังอยู่ในภาวะขาขึ้นซึ่งเหมือนกับน้ำขึ้นทำให้มือเทรดตักตวงเอากำไรได้อย่างราบรื่น 


การสวนกระแสทำให้ทำกำไรได้ยาก แต่ที่ควรทำคือการเรียนรู้ที่จะหาสัญญาณว่าราคากำลังเปลี่ยนแปลงและรีบเข้าทำการเทรดตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อฉวยโอกาสทำกำไรก่อนคนอื่น และอาจได้รับกำไรมากกว่าตามไปด้วย

3. “Do not trade every day of every year.” – ไม่เทรดทุกวันของทุกปี

การเทรดต้องใช้เวลาอย่างมากในการเตรียมการ และตอนที่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อเข้าเทรดจะต้องพบกับความเครียดอีกด้วย การเทรดทุกวันหรือตลอดเวลาจะทำให้คุณเสียเวลาและมักไม่ทำเงินก้อนใหญ่ให้ด้วย ถ้าจะให้ดี ให้เลือกที่จะเทรดเมื่อมีจังหวะที่จะทำเงินก้อนใหญ่

4. “Trade only when the market is clearly bullish or bearish” – เทรดเมื่อตลาดมีแนวโน้มชัดว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง

การตามกระแสตลาดเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่จำเป็นต้องทำให้การเรียนรู้เรื่องหุ้นเป็นเรื่องที่ยากหรือซับซ้อนเกินไป แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องศึกษาหุ้นก่อนที่จะทำการซื้อขาย สิ่งที่ควรเรียนรู้เบื้องต้นคือไม่ควรเข้าเทรดตอนที่ตลาดหลักทรัพย์ไม่แสดงแนวโน้มการซื้อขายหรือราคาไม่มีการผันผวน ถ้าเจอแบบนั้นให้รอจนกระทั่งตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้น (Bullish) หรือขาลง (Bearish) ราคาของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ใช้บอกแนวโน้มตลาดเป็นราคาโดยเฉลี่ยของการซื้อขายทั้งหมดในตลาด เมื่อแนวโน้มชัดเจนก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณที่จะเริ่มเข้าซื้อขายหุ้นที่สนใจเพื่อทำกำไร แต่หากแนวโน้มตลาดไม่ชัดเจนก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจพูดได้แน่ชัดว่าหุ้นแค่ตัวเดียวกำลังจะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลงกันแน่

5. “Only enter a trade after the action of the market confirms your opinion and then enter promptly” – เข้าเทรดหลังตลาดยืนยันว่าความคิดของคุณถูกต้อง เข้าเทรดหลังจากนั้นทันที

ก่อนจะทำการซื้อขายคุณจำเป็นต้องมีแผนเอาไว้ก่อน ราคาที่คุณจะเข้าซื้อและปิดการขาย ดังนั้นให้ทำการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นและซื้อขายตามกลยุทธ์ที่คุณวางเอาไว้ และไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงมือเทรดทันทีที่ตลาดเปิด หรือหลังจากคุณวางแผนเสร็จ ควรใช้เวลากับตลาดเพื่อดูสัญญาณยืนยันกับคุณก่อนถึงสิ่งที่คุณคิดว่ากำลังจะเกิดขึ้น

6. “Continue with trades that show you a profit, end trades that show a loss” – เทรดต่อไปตราบที่คุณมีกำไร และจบการเทรดเมื่อคุณขาดทุน

หุ้นที่ถืออาจจะกำลังมีราคาขึ้นอยู่พร้อมกันหลายตัว เป็นเรื่องปกติ และนักเทรดก็มักจะให้เวลาหุ้นตัวนั้นในการปรับเปลี่ยนราคาไปจนกว่าจะถึงจุดที่พอใจเพื่อขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคนที่จะตัดใจขายหุ้นที่กำลังติดลบ หลายคนหวังว่าราคาของมันจะดีดตัวสูงขึ้น แต่หุ้นไม่ใช่เรื่องของความหวัง และความหวังไม่ใช่กลยุทธ์ในการลงทุนในหุ้น ดังนั้นอย่าพยายามปล้ำสู้กับตลาด ถ้าคุณเห็นว่ากำลังสูญเสียกำไรที่ได้รับมาเพราะหุ้นตัวใด ก็ให้ตัดสินใจขาดหุ้นนั้นเพื่อจะรักษากำไรส่วนใหญ่ไว้

7. “End trades when it is clear that the trend you are profiting from is over” – จบการเทรดเมื่อเห็นชัดว่าทิศทางแนวโน้มที่คุณกำลังทำกำไรอยู่กำลังจบลง

เมื่อคุณวางแผนการเทรดไว้แล้ว หลังตลาดให้สัญญาณกับคุณให้คุณตัดสินใจทำการเทรดทันที แต่ที่สำคัญคุณต้องรู้ไว้ด้วยว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามที่จะมากระทบกับแผนการลงทุนของคุณ ดังนั้นให้เตรียมที่จะปิดการเทรดเมื่อตลาดมีทิศทางแนวโน้มเปลี่ยนไป 

8. “In any sector, trade the leading stock – the one showing the strongest trend” – ในภาคอุตสาหกรรมใดก็ตาม เทรดหุ้นที่เป็นตัวแนวหน้าในตลาด ตัวที่แสดงทิศทางแนวโน้มแข็งแกร่งที่สุด

ถ้าหากว่าพบอุตสาหกรรมหรือบริษัทไหนที่ราคาทำกำไรได้ดีที่สุด อย่าวอกแว่กเลือกบริษัทอื่น ๆ ซึ่งอาจจะดึงดูดความสนใจของคุณด้วย ให้เลือกที่จะลงทุนในหุ้นตัวที่โดดเด่นที่สุดเพื่อทำให้การเทรดของคุณเป็นเรื่องง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แก่ตัวคุณเอง หุ้นที่นำตลาดอยู่จะให้โอกาสที่ดีที่สุดแก่คุณ

9. “Never average losses by, for example, buying more of a stock that has fallen” ไม่เฉลี่ยผลขาดทุน ตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นหลาย ๆ ตัวที่อยู่ในช่วงขาลง

เมื่อหุ้นที่คุณถืออยู่เริ่มขาดทุน คุณอาจจะคิดว่าเป็นไปได้ที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอีก และราคาขาดทุนนั้นเป็นราคาที่ทำให้หุ้นดูถูกลงมาอีก คุณก็เลยอยากซื้อหุ้นตัวเดิมเพิ่มเพราะคิดว่ามันเป็นการลงราคา ไม่นะ! อย่าทำแบบนั้น! นั่นเป็นเกมของผู้แพ้ หุ้นที่ขาดทุนให้เห็นบอกให้คุณรู้ว่าคุณเข้าไปซื้อผิดเวลา แล้วมันไม่มีเหตุุผลเลยที่คุณจะมาซื้อเพิ่มอีกในสิ่งที่คุณเห็นชัดอยู่ว่าคุณได้เลือกมาผิด

10. “Go long when stocks reach a new high. Sell short when they reach a new low” – ถือต่อตอนหุ้นไปถึงจุดที่ราคาสูงสุด และขายชอร์ตเมื่อหุ้นไปตกที่ราคาต่ำสุด

เมื่อหุ้นขึ้นไปแตะจุดที่ราคาสูงสุดแบบที่ไม่เคยมาก่อน แสดงให้เห็นถึงอนาคตซึ่งถูกมองไปแล้วว่าน่าจะสดใส ควรจะถือหุ้นนั้นเอาไว้และรอทำกำไรให้มากที่สุด ส่วนหุ้นลงไปแตะจุดที่ราคาต่ำสุดก็เช่นกัน มันเป็นช่วงเวลาที่จะทำการชอร์ต อาจจะเป็นไปได้ว่ามีเหตุผลดี ๆ ที่หุ้นนั้นมีมูลค่าต่ำลงไปได้แบบนั้น อย่างไรก็ตาม ลองศึกษาข้อมูลดูก่อน

11. “Don’t become an involuntary investor by holding onto stocks whose price has fallen” – อย่าเป็นนักลงทุนที่ถือแต่หุ้นซึ่งราคาตกโดยไม่สมัครใจ

ถ้าหากว่าตั้งใจเก็งกำไรแล้วหุ้นไม่ได้ให้กำไร มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าคุณเลือกผิด อย่าคิดที่จะถือหุ้นนั้นเอาไว้ต่อด้วยการบอกว่ามันคือการลงทุน ถ้าคุณต้องการถือยาวเพื่อหวังลงทุน ตั้งแต่แรกแล้วที่คุณจะคิดแบบนั้น และลงทุนเข้าซื้อขายด้วยความคิดแบบนั้น แต่เมื่อคุณตั้งใจว่าจะเก็งกำไร แล้วเห็นว่าหุ้นที่ถือไม่ได้ตอบสนองจุดประสงค์การทำกำไร คุณต้องขายหุ้นตัวนั้น และมองหาโอกาสทำกำไรจากหุ้นตัวอื่นแทน

12. “Markets are never wrong – opinions often are” – ตลาดไม่เคยผิดพลาด แต่ความคิดเห็นนั้นผิดพลาดได้บ่อย ๆ 

แม้ว่าคุณจะทำการศึกษาหุ้นมาอยางดี หรือละเอียดรอบคอบแล้วก็ตาม ถ้าหากว่าพบหุ้นกำลังปรับราคาในทิศทางที่คุณอาจจะขาดทุนได้ อย่ามัวคิดโต้แย้งกับตลาดที่ทำงานอยู่ตรงหน้า ให้รีบออกจากตำแหน่งการซื้อขายทันที ผลการศึกษาของคุณอาจจะถูกจริงและพิสูจน์ได้ทีหลัง แต่ขณะที่คุณเทรดอยู่แล้วตลาดไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคิด อย่าเอาแต่ยึดติดกับความคิดของคุณ


13. “The highest profits are made in trades that show a profit right from the start” – กำไรสูงที่สุดจะเกิดขึ้นในการเทรดที่ทำกำไรให้ตั้งแต่เริ่มต้น

กฎที่สำคัญข้อหนึ่งคือ การเทรดที่ดีที่สุดจะให้ผลเป็นกำไรทันทีเมื่อคุณตัดสินใจซื้อหุ้นมาไว้ในมือ การได้กำไรนั้นเป็นการยืนยันว่าความคิดของคุณเกี่ยวกับตัวหุ้นและราคาของมันถูกต้อง เมื่อได้หุ้นแบบนั้นมาก็ปล่อยให้มันทำกำไรให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้

14. “No trading rules will deliver a profit 100 percent of the time” – ไม่มีกฎของการเทรดข้อใดบอกว่าการเทรดจะนำกำไรมาให้ทุกครั้ง

ตลาดหุ้นไม่รับประกันผลตอบแทน ขณะที่เหนือสิ่งอื่นใดคุณต้องการกำไร ความขัดแย้งกันนี้ทำให้คุณต้องยอมรับความจริงไว้ก่อนว่าคุณไม่มีทางจะพยากรณ์ถูกต้องสมบูรณ์ มันต้องมีบ้างที่จะขาดทุน คุณต้องยอมรับให้ได้ ลองคิดถึงการเล่นในระยะยาวว่าคุณจะทำกำไรได้อย่างแน่นอน แม้ว่าโอกาสที่คุณจะชนะตลาด ทำกำไรได้มากกว่าผลตอบแทนเฉลี่ย จะมีน้อยกว่า 50% แต่คุณยังสามารถทำกำไรได้ในระยะยาวแน่ ๆ คุณเพียงแต่จะต้องรู้จักการจัดการเงินและความเสี่ยงของคุณให้ดี

15. “As long as a stock is acting right, and the market is right, do not be in a hurry to take profits” – ตราบใดที่หุ้นเคลื่อนไหวอย่างที่คิด ตลาดดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่ต้องรีบขายทำกำไร

ไม่ต้องรีบที่จะขายหุ้นเพื่อทำกำไรเวลาที่หุ้นกำลังขยับไปยังทิศทางที่ต้องการ มันเป็นเรื่องดี ๆ อยู่แล้วที่คุณพยายามจะเก็บกำไรไว้แทนที่จะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปแล้วขาดทุนแทน แต่อย่าขายทุกตำแหน่งการซื้อของคุณเวลาที่ราคายังเคลื่อนที่ไป เก็บเอาไว้บ้างเพราะว่ายิ่งราคาขึ้น หุ้นของคุณก็ยิ่งทำกำไรได้มากขึ้นไปอีก

16. “Never buy a stock because it has had a big decline from its previous high” – ไม่ซื้อหุ้นเพราะว่าราคาตกครั้งใหญ่จากจุดราคาสูงสุด

อย่าซื้อหุ้นเพียงเพราะราคาลดลงจากราคาสูงสุดของมัน ซึ่งถ้าหากหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมีผลประกอบการดีก็แล้วไป แต่ปกตินักลงทุนควรจะต้องตั้งข้อสงสัยว่ามีสาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้หุ้นราคาตก ราคาที่ตกลงไม่ได้เป็นสัญญาณที่ดีนัก ราคาอาจจะลดลงไปอีกแล้วสุดท้ายบริษัทประสบกับภาวะล้มละลายก็เป็นไปได้

17. “Never sell a stock because it seems high-priced” – ไม่ขายหุ้นเพราะราคาเหมือนจะสูงขึ้นไปอีก

หลายคนมักจะขายหุ้นไปเพราะมันดูเหมือนจะมีราคาสูง หรือเพราะว่าหุ้นจู่ ๆ ก็พุ่งขึ้นมา ทั้งสองสถานการณ์ไม่ได้บ่งชี้ว่าถึงเวลาขาย เหตุผลเดียวที่เราจะทำการขายคือการได้รับสัญญาณว่าแนวโน้มราคาหุ้นกำลังจะกลับตัว


18. “The human side of every person is the greatest enemy of the average investor or speculator” – ด้านที่เป็นมนุษย์ของเราแต่ละคนคือศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของนักลงทุนและนักเก็งกำไร

การเทรดเชิงเทคนิคไม่ได้ยากเกินไป แท้ที่จริงสามารถทำความเข้าใจได้อย่างเรียบง่าย แต่ปัญหาที่รับมือยากคืออารมณ์ของนักลงทุนที่มักจะทำให้การใช้เครื่องมือทางเทคนิคไม่ให้ผล แทนที่จะเชื่อในผลลัพธ์จากเครื่องมือทางเทคนิค แผนกลยุทธ์หรือกฎที่เราบอกกับตัวเอง หลายคนปล่อยให้อารมณ์พาไปและพบกับการขาดทุน เราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตนเองเพื่อจะประสบความสำเร็จในตลาดหลักทรัพย์

19. “Wishful thinking must be banished” – ความปรารถนาจะต้องถูกกำจัดออกไปในการเทรด

ความหวังไม่ใช่กลยุทธ์ในการลงทุน ความปรารถนาก็เช่นกัน ไม่มีพื้นที่สำหรับความหวังที่จะเห็นหุ้นที่นำการขาดทุนมาให้สามารถกลับมาทำกำไร หรือความปรารถนาว่าหุ้นราคาตกจะราคาดีขึ้น ให้ยึดอยู่กับผลของการศึกษาเกี่ยวกับภาคธุรกิจและตลาด สำหรับความหวังและความปรารถนานั้น สิ่งเหล่านั้นไม่ให้ผลลัพธ์ที่จะทำเงินให้กับคุณ

20. “Big movements take time to develop” – การปรับเปลี่ยนของราคาครั้งใหญ่ต้องอาศัยเวลาเพื่อให้มันเกิดขึ้น

แม้ว่าการเข้าเทรดที่ดีที่สุดจะแสดงผลกำไรให้เห็นตั้งแต่แรก ๆ แต่ว่าหลายครั้งการเปลี่ยนแปลงในราคาครั้งใหญ่จำเป็นต้องอาศัยเวลา ส่วนหนึ่งเพราะพวกสถาบันการเงินที่กำลังไล่ซื้อหุ้นและมีส่วนทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นอย่างมากนั้นไม่ได้สามารถจะซื้อหุ้นในตลาดได้ทั้งหมดในวันเดียวแต่ค่อย ๆ ทยอยซื้อ อาจจะเป็นวันหรือสัปดาห์ หรือบางครั้งก็เป็นเดือน ถ้าหากเราเห็นสัญญาณว่าราคาหุ้นกำลังขยับไปตามแนวโน้มที่คาดก็ให้อดทนและถือมันเอาไว้จนกระทั่งมีเหตุผลในการที่จะออกจากตลาด 

21. “It is not good to be too curious about all the reasons behind price movements” – ไม่ใช่เรื่องดีที่จะอยากรู้อยากเห็นเกินไปเกี่ยวกับเหตุผลเบื้องหลังการปรับเปลี่ยนของราคา

การเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ราคาปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อคุณรับรู้ข่าวสารและวิเคราะห์ว่าจะมีผลต่อราคาหุ้น คุณสามารถเข้าซื้อหรือขายและทำกำไรได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่บางครั้งก็ยากที่จะรู้เหตุผลได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็สนใจแค่กำไรที่จะได้รับก็เพียงพอ การเรียนรู้ที่จะอ่านแนวโน้มราคาไม่ได้เกิดจากการรับรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการปรับเปลี่ยนราคาทั้งหมด เอาแค่ว่ารู้วิธีที่จะทำกำไรเมื่อได้ยินข่าวสารที่อาจเป็นผลต่อราคาก็เพียงพอแล้ว

22. “It is much easier to watch a few than many” – มันง่ายกว่ามากที่จะใส่ใจหุ้นเพียงแค่ไม่กี่ตัวแทนหุ้นหลาย ๆ ตัว

เมื่อทำการศึกษาเกี่ยวกับหุ้นจะพบว่าหุ้นหลายตัวดูน่าสนใจ แต่อย่านำหุ้นทุกตัวมาไล่ตรวจสอบ ให้เลือกแค่หุ้นจำนวนหนึ่งซึ่งคุณสามารถไล่ติดตามดูข้อมูลของมันได้ เพราะถ้ามีรายการหุ้นมากเกินไป จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณเองที่จะคอยเฝ้าดูหุ้นทั้งหมดในรายการ อย่ากลัวที่จะพลาดอะไรไปบ้าง เลือกหุ้นในจำนวนที่สามารถวางแผนการเทรดให้กับมันได้

23. If you can’t sleep at night because of your stock market position, then you have gone too far. If this is the case, then sell your position down to the sleeping level. – ถ้าไม่สามารถหลับได้ในตอนกลางคืนเพราะหุ้นที่มี นั่นแปลว่าคุณหมกมุ่นกับการทำกำไร หรือกลัวขาดทุนเกินไป ถ้าเป็นแบบนั้นก็ขายทิ้งให้หมดแล้วไปเข้านอนซะ

การเล่นหุ้นนั้น อย่างที่บอกไปว่าไม่ถึงขนาดจะต้องนั่งเฝ้าตลอดเวลา แต่เข้าไปเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาที่ถูกต้องและออกเมื่อมีเหตุผลที่เหมาะสมอย่างการกลับตัวของราคาหุ้น ดังนั้นหากถูกความกดดันบีบคั้นให้รู้สึกอยากเฝ้าดูทั้งคืน ก็แสดงว่ากำลังหมกมุ่นกับการเก็งกำไรมากไปแล้ว ถ้าถึงขนาดนั้น ให้ขายที่ถือไว้เก็งกำไรทั้งหมด แล้วไปเข้านอน

24. Remember this: when you are doing nothing, those speculators who feel they must trade day in and day out, are laying the foundation for your next venture. You will reap benefits from their mistakes. – จำเอาไว้: เมื่อคุณไม่ได้ทำอะไรเลย จะมีนักเก็งกำไรคนอื่นที่รู้สึกว่าเขาจะต้องซื้อขายทุกวัน เข้า ๆ ออก ๆ และทำให้คุณได้รับผลประโยชน์จากความผิดพลาดของพวกเขา

การทำกำไรได้ขึ้นอยู่กับการเข้าใจหุ้น และตลาด รวมถึงพฤติกรรมของผู้คน โดยมากราคาหุ้นที่เราเห็นเป็นผลมาจากการซื้อขายรายวัน ถ้าเราซื้อขายทุกวันอาจจะเครียดเกินไป และเสียเวลามากกว่าทำกำไรได้มาก ดังนั้นควรรอจังหวะที่จะทำกำไรได้ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมของนักลงทุนมากมายที่เราก็ไม่รู้จักพวกเขา แต่พวกเขามีส่วนทำให้ราคาขึ้นและลงเสมอ ดูกราฟ หาข้อมูลว่าพวกเขาทำอะไรลงไป แล้วเราค่อยเริ่มต้นเทรด 

25. “Patterns repeat, because human nature hasn’t changed for thousand of years” – รูปแบบมักทวนซ้ำ เพราะธรรมชาติของมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นพัน ๆ ปี

จบท้ายด้วยคำคมที่คัดสรรมาลำดับที่ 25 คล้ายคลึงกับคำคมที่ยกมาลำดับแรกนั่นคือมนุษย์อยู่เบื้องหลังการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่เคยปรับเปลี่ยน รูปแบบพฤติกรรมต่อกลไกของราคาในตลาดหลักทรัพย์จะไม่มีวันเปลี่ยนด้วย เรียนรู้ธรรมชาติและพฤติกรรมของพวกเขา จะช่วยหาจังหวะการเทรดและทำกำไรได้อย่างราบรื่น

บทส่งท้าย

คำคมดังจากเจสซี่ ลิเวอร์มอร์ เป็นคำคมเตือนใจสายเทรด แฝงข้อคิดที่ให้สติ เตือนว่านักลงทุนต้องอาศํยความรู้ ความใส่ใจในการดูข้อมูลราคาและตลาด ติดตามข่าว และยังต้องมีความเด็ดขาดกล้าตัดสินใจ ทุกคำพูดของเจสซี่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ของเขา สิ่งหนึ่งที่เขาได้เน้นไว้คือไม่จำเป็นต้องเทรดตลอดเวลา แต่เทรดในจังหวะที่ถูกต้อง และมีการวางแผนการเทรดเอาไว้เสมอ

  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก

    ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-10-29
  • ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024

    เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-08-07
  • 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023

    เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-01-30
  • รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร

    รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2023-11-15
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย