
- 1. Hong Kong Dollar (HKD)
- 2. Danish Krone (DKK)
- 3. Qatari Riyal (QAR)
- 4. Israeli Shekel (ILS)
- 5. Kuwaiti Dinar (KWD)
- 6. Bahraini Dinar (BHD)
- 7. Omani Rial (OMR)
- 8. Swedish Krone (SEK)
- 9. Norwegian Krone (NOK)
- 10. New Zealand Dollar (NZD)
- 11. Australian Dollar (AUD)
- 12. Jordanian Dinar (JOD)
- 13. Singapore Dollar (SGD)
- 14. Canadian Dollar (CAD)
- 15. Japanese Yen (JPY)
- 16. Swiss Franc (CHF)
- 17. Euro (EUR)
- 18. Cayman Islands Dollar (KYD)
- 19. Gibraltar Pound (GIP)
- 20. British Pound Sterling (GBP)
20 ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกปี 2567
แม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นสกุลเงินที่ใช้มากที่สุดในโลก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นค่าเงินแพงที่สุดในโลก ทราบหรือไม่ว่ายังมีอีกหลายประเทศที่ค่าเงินแพงกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างนึกไม่ถึง เปิดโลกแห่งเงินตราใหม่กับประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลก 20 อันดับ
- 1. Hong Kong Dollar (HKD)
- 2. Danish Krone (DKK)
- 3. Qatari Riyal (QAR)
- 4. Israeli Shekel (ILS)
- 5. Kuwaiti Dinar (KWD)
- 6. Bahraini Dinar (BHD)
- 7. Omani Rial (OMR)
- 8. Swedish Krone (SEK)
- 9. Norwegian Krone (NOK)
- 10. New Zealand Dollar (NZD)
- 11. Australian Dollar (AUD)
- 12. Jordanian Dinar (JOD)
- 13. Singapore Dollar (SGD)
- 14. Canadian Dollar (CAD)
- 15. Japanese Yen (JPY)
- 16. Swiss Franc (CHF)
- 17. Euro (EUR)
- 18. Cayman Islands Dollar (KYD)
- 19. Gibraltar Pound (GIP)
- 20. British Pound Sterling (GBP)
ถ้าคุณคิดว่าประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลกคือสหรัฐอเมริกาละก็ ต้องคิดดูใหม่อีกครั้ง ภูมิทัศน์ทางการเงินของโลกมีความซับซ้อน น่าค้นหาจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่ง และในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ครองแชมป์สกุลเงินที่ใช้มากที่สุดในโลก ก็ยังมีอีกหลายสกุลเงินที่มีมูลค่าแพงกว่าชนิดที่หลายท่านก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นประเทศเหล่านี้
มาเจาะลึกการจัดอันดับ 20 ประเทศกับ 20 ค่าเงินที่แพงสุดในโลกในปี 2024 เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง แต่นี่ไม่ใช่แค่เกมตัวเลข เราจะเปิดม่านพลังที่ซ่อนเร้นซึ่งกำหนดรูปแบบเศรษฐกิจเหล่านี้ ตั้งแต่ยักษ์ใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันไปจนถึงผู้ด้อยโอกาสที่มั่นคงอย่างน่าประหลาดใจ
1. Hong Kong Dollar (HKD)
7.78 HKD = 1 USD
อ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนแผ่นดินใหญ่ ใช้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงซึ่งตรึงไว้ที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อาจมีบวกลบเล็กน้อย ในฐานะที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ประตูการค้าในเส้นทางสายไหมยุคปัจจุบัน ส่งผลให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลก

2. Danish Krone (DKK)
7.44 DKK = 1 USD
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแบบเสรีนิยมของประเทศเดนมาร์ก คุณภาพชีวิตที่ดีจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจาก 70% ของการผลิตเป็นสินค้าส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ส่งผลให้ค่าเงินโครนของดนมาร์กเป็นหนึ่งในค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกไปพร้อม ๆ กับอันดับที่ 11 จาก 162 ประเทศเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งโดยวอลล์สตรีทเจอนัล

3. Qatari Riyal (QAR)
3.64 QAR = 1 USD
ประเทศการ์ตากับค่าเงินริยัลกาตาร์อันแข็งแกร่งเป็นผลมาจากการผสมผสานที่มีศักยภาพระหว่างความกล้าหาญทางเศรษฐกิจละทรัพยากรธรรมชาติที่มีให้ รวมถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การจัดการทางการเงินที่แข็งแกร่ง กาตาร์ให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงและความยั่งยืนในระยะยาวของประเทศทำให้ค่าเงินริยาลยังคงเป็นผู้เล่นที่น่าเกรงขามในภูมิทัศน์สกุลเงินโลก

4. Israeli Shekel (ILS)
3.52 ILS = 1 USD
เศรษฐกิจของอิสลาเอลละมูลค่าของค่าเงินเซเกลเป็นผลมาจากการผสมผสานภาครัฐและเอกชนบนพื้นฐานความจำเป็นของการพัฒนาเศรษฐกิจ มีสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าของการนำเข้าและส่งออกที่สำคัญ ถือเป็นตัวบ่งชี้เชิงบวกถึงความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของประเทศและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

5. Kuwaiti Dinar (KWD)
3.26 KWD = 1 USD
คูเวตและค่าเงินดีนาร์คูเวต ประเทศที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า เป็นประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเงินบาท โดย 1 ดีนาร์คูเวต มีราคาประมาณ 140 บาทกว่า ๆ หรือประมาณ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เหตุที่ส่งเสริมให้ดีนาร์คูเวตแข็งแกร่งเหนือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คือความมั่งคั่งของน้ำมันดิบ การจัดเก็บภาษีที่ต่ำ ปริมาณน้ำมันสำรองที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศทางการเมืองที่มั่นคง ส่งผลให้ความต้องการในดีนาร์คูเวตมีความสนใจ

6. Bahraini Dinar (BHD)
2.65 BHD = 1 USD
ด้วยปัจจัยที่คล้ายกันกับคูเวต รวมถึงศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค ปริมาณน้ำมันสำรอง และรายได้ประชากรต่อหัวที่สูง ส่งผลให้ประเทศบาห์เรนและค่าเงินดีนาร์บาห์เรนมีข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจและการเงินระดับภูมิภาค แม้จะต้องนำเข้าอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงประชากรก็ตาม

7. Omani Rial (OMR)
2.11 OMR = 1 USD
ประเทศโอมานได้รับประโยชน์จากรายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และครองตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ตามเส้นทางการค้าหลัก ดึงดูดนักลงทุน และทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

8. Swedish Krone (SEK)
10.49 SEK = 1 USD
สภาพแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มั่นคงของสวีเดน เพรียบพร้อมด้วยอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการส่งออกที่แข็งแกร่ง ยังคงรักษามูลค่าของ SEK ไว้ให้เหนือชั้นกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ ได้

9. Norwegian Krone (NOK)
10.12 NOK = 1 USD
ประเทศนอร์เวย์มีความมั่งคั่งของน้ำมันและก๊าซ และความรับผิดชอบทางการคลังของนโยบายภาครัฐ ได้ผลักดันให้ค่าเงิน NOK มีเสถียรภาพ
Norges Bank ธนาคารกลางของนอร์เวย์ ค่อย ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามอัตราเงินเฟ้อ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5% ส่งผลให้ค่าเงิน NOK มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ข้อมูล ณ วันที่ 16 ม.ค. 67
10. New Zealand Dollar (NZD)
1.66 NZD = 1 USD
ประเทศนิวซีแลนด์ขึ้นชื่อด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์นม การท่องเที่ยว และรัฐบาลที่มั่นคงนำมาซึ่งสกุลเงินต่างประเทศ ในขณะที่รัฐบาลที่มีเสถียรภาพส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็งของค่าเงิน NZD

11. Australian Dollar (AUD)
1.53 AUD = 1 USD
ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มากมายของออสเตรเลียและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้สกุลเงิน AUD น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ทั่วโลกหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อีกทั้งค่าเงิน AUD ยังเป็น 1 ใน 8 คู่เงิน Forex ที่ไดรับความนิยมในการเทรดด้วย
บทความที่คุณอาจสนใจ
12. Jordanian Dinar (JOD)
1.41 JOD = 1 USD
ประเทศจอร์แจนมีรัฐบาลที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพและควบคุมความผันผวนของขีดจำกัดของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วยการตรึงค่าเงินไว้กับค่าเงิน USD จึงช่วยรักษามูลค่าของดีนาร์ไว้ได้ระดับหนึ่ง
จอร์แดนยังขึ้นชื่อในด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศซึ่งเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญสำหรับจอร์แดน การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมเหล่านี้สามารถเสริมสร้างค่าเงิน JOD ได้โดยการเพิ่มความต้องการ

13. Singapore Dollar (SGD)
1.40 SGD = 1 USD
สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการส่งออกสร้างความดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ไว้

14. Canadian Dollar (CAD)
1.29 CAD = 1 USD
เศรษฐกิจที่อุดมด้วยทรัพยากร รัฐบาลที่มั่นคง: ฐานทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของแคนาดาและเสถียรภาพทางการเมืองมีส่วนทำให้ CAD มีความแข็งแกร่ง แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะผันผวนก็ตาม
15. Japanese Yen (JPY)
0.007 JPY = 1 USD
เศรษฐกิจขนาดใหญ่ สถานะที่ปลอดภัย: แม้จะมีแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่อง JPY ยังคงรักษามูลค่าไว้ได้เนื่องจากเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นและสถานะเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทั่วโลก

16. Swiss Franc (CHF)
0.99 CHF = 1 USD
สถานะแหล่งหลบภัย ธนาคารกลางที่เป็นอิสระ: ความเป็นกลางและระบบการเมืองที่เข้มแข็งของสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ CHF กลายเป็นสกุลเงิน "แหล่งหลบภัย" ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน ธนาคารกลางที่เป็นอิสระยังส่งเสริมเสถียรภาพอีกด้วย
17. Euro (EUR)
0.95 EUR = 1 USD
เศรษฐกิจขนาดใหญ่ สกุลเงินเดียวของยูโรโซน: ยูโรเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 19 ประเทศ ทำให้เป็นสกุลเงินหลักระดับโลกและนำเสนอเสถียรภาพผ่านขนาดของมัน

18. Cayman Islands Dollar (KYD)
0.81 KYD = 1 USD
หมู่เกาะเคย์แมนตั้งอยู่ในภูมิภาคแคริบเบียนสวรรค์ทางการเงิน ภาษีต่ำ และการท่องเที่ยว ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งผลักดันมูลค่าของหมู่เกาะเคย์แมนสูงขึ้น ตามความคึกคักทางเศรษฐกิจ

19. Gibraltar Pound (GIP)
0.80 GIP = 1 USD
ยิบรอลตาร์เป็นดินดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร เป็นศูนย์กลางบริการทางการเงิน การเสี่ยงโชคออนไลน์ การท่องเที่ยว และการส่งออกได้ปูรากฐานของค่าเงินยิบรอลตาร์ปอนด์ให้เป็นหนึ่งให้ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก

20. British Pound Sterling (GBP)
0.80 GBP = 1 USD
ค่าเงินปอนด์ของสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ใช้มากที่สุดในโลก และเป็นสกุลเงินสำรองของหลาย ๆ ประเทศรอบโลก ค่าเงินปอนด์มีความแข็งแกร่งจากชื่อเสียงด้านเสถียรภาพจากเศรษฐกิจที่หลากหลายของสหราชอาณาจักร แม้จะมิได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้วก็ตาม
ไม่เพียงแต่การแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเหล่า 20 สกุลเงินที่แพงที่สุดนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำทางของเศรษฐกิจโลกที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลาด้วยพลวัตทางการเมือง นโยบายทางเศรษฐกิจ และผลกระทบด้านต่าง ๆ จากปัจจัยภายในและภายนอก
เทรดคู่เงิน Forex รอบโลก ทำกำไรไปบนความน่าตื่นเต้นของโลกแห่งเงินตรากับเราที่ TOPONE Markets!
ถ้าคุณคิดว่าประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลกคือสหรัฐอเมริกาละก็ ต้องคิดดูใหม่อีกครั้ง ภูมิทัศน์ทางการเงินของโลกมีความซับซ้อน น่าค้นหาจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดนิ่ง และในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ครองแชมป์สกุลเงินที่ใช้มากที่สุดในโลก ก็ยังมีอีกหลายสกุลเงินที่มีมูลค่าแพงกว่าชนิดที่หลายท่านก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นประเทศเหล่านี้
มาเจาะลึกการจัดอันดับ 20 ประเทศกับ 20 ค่าเงินที่แพงสุดในโลกในปี 2024 เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง แต่นี่ไม่ใช่แค่เกมตัวเลข เราจะเปิดม่านพลังที่ซ่อนเร้นซึ่งกำหนดรูปแบบเศรษฐกิจเหล่านี้ ตั้งแต่ยักษ์ใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันไปจนถึงผู้ด้อยโอกาสที่มั่นคงอย่างน่าประหลาดใจ
1. Hong Kong Dollar (HKD)
7.78 HKD = 1 USD
อ่องกงเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนแผ่นดินใหญ่ ใช้สกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงซึ่งตรึงไว้ที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อาจมีบวกลบเล็กน้อย ในฐานะที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ประตูการค้าในเส้นทางสายไหมยุคปัจจุบัน ส่งผลให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลก

2. Danish Krone (DKK)
7.44 DKK = 1 USD
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแบบเสรีนิยมของประเทศเดนมาร์ก คุณภาพชีวิตที่ดีจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจาก 70% ของการผลิตเป็นสินค้าส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ส่งผลให้ค่าเงินโครนของดนมาร์กเป็นหนึ่งในค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกไปพร้อม ๆ กับอันดับที่ 11 จาก 162 ประเทศเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งโดยวอลล์สตรีทเจอนัล

3. Qatari Riyal (QAR)
3.64 QAR = 1 USD
ประเทศการ์ตากับค่าเงินริยัลกาตาร์อันแข็งแกร่งเป็นผลมาจากการผสมผสานที่มีศักยภาพระหว่างความกล้าหาญทางเศรษฐกิจละทรัพยากรธรรมชาติที่มีให้ รวมถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การจัดการทางการเงินที่แข็งแกร่ง กาตาร์ให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงและความยั่งยืนในระยะยาวของประเทศทำให้ค่าเงินริยาลยังคงเป็นผู้เล่นที่น่าเกรงขามในภูมิทัศน์สกุลเงินโลก

4. Israeli Shekel (ILS)
3.52 ILS = 1 USD
เศรษฐกิจของอิสลาเอลละมูลค่าของค่าเงินเซเกลเป็นผลมาจากการผสมผสานภาครัฐและเอกชนบนพื้นฐานความจำเป็นของการพัฒนาเศรษฐกิจ มีสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าของการนำเข้าและส่งออกที่สำคัญ ถือเป็นตัวบ่งชี้เชิงบวกถึงความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของประเทศและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

5. Kuwaiti Dinar (KWD)
3.26 KWD = 1 USD
คูเวตและค่าเงินดีนาร์คูเวต ประเทศที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่า เป็นประเทศที่ค่าเงินแพงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเงินบาท โดย 1 ดีนาร์คูเวต มีราคาประมาณ 140 บาทกว่า ๆ หรือประมาณ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เหตุที่ส่งเสริมให้ดีนาร์คูเวตแข็งแกร่งเหนือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คือความมั่งคั่งของน้ำมันดิบ การจัดเก็บภาษีที่ต่ำ ปริมาณน้ำมันสำรองที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศทางการเมืองที่มั่นคง ส่งผลให้ความต้องการในดีนาร์คูเวตมีความสนใจ

6. Bahraini Dinar (BHD)
2.65 BHD = 1 USD
ด้วยปัจจัยที่คล้ายกันกับคูเวต รวมถึงศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค ปริมาณน้ำมันสำรอง และรายได้ประชากรต่อหัวที่สูง ส่งผลให้ประเทศบาห์เรนและค่าเงินดีนาร์บาห์เรนมีข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจและการเงินระดับภูมิภาค แม้จะต้องนำเข้าอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงประชากรก็ตาม

7. Omani Rial (OMR)
2.11 OMR = 1 USD
ประเทศโอมานได้รับประโยชน์จากรายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และครองตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ตามเส้นทางการค้าหลัก ดึงดูดนักลงทุน และทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น

8. Swedish Krone (SEK)
10.49 SEK = 1 USD
สภาพแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่มั่นคงของสวีเดน เพรียบพร้อมด้วยอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการส่งออกที่แข็งแกร่ง ยังคงรักษามูลค่าของ SEK ไว้ให้เหนือชั้นกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ ได้

9. Norwegian Krone (NOK)
10.12 NOK = 1 USD
ประเทศนอร์เวย์มีความมั่งคั่งของน้ำมันและก๊าซ และความรับผิดชอบทางการคลังของนโยบายภาครัฐ ได้ผลักดันให้ค่าเงิน NOK มีเสถียรภาพ
Norges Bank ธนาคารกลางของนอร์เวย์ ค่อย ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามอัตราเงินเฟ้อ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5% ส่งผลให้ค่าเงิน NOK มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ข้อมูล ณ วันที่ 16 ม.ค. 67
10. New Zealand Dollar (NZD)
1.66 NZD = 1 USD
ประเทศนิวซีแลนด์ขึ้นชื่อด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์นม การท่องเที่ยว และรัฐบาลที่มั่นคงนำมาซึ่งสกุลเงินต่างประเทศ ในขณะที่รัฐบาลที่มีเสถียรภาพส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็งของค่าเงิน NZD

11. Australian Dollar (AUD)
1.53 AUD = 1 USD
ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มากมายของออสเตรเลียและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้สกุลเงิน AUD น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ทั่วโลกหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อีกทั้งค่าเงิน AUD ยังเป็น 1 ใน 8 คู่เงิน Forex ที่ไดรับความนิยมในการเทรดด้วย
บทความที่คุณอาจสนใจ
12. Jordanian Dinar (JOD)
1.41 JOD = 1 USD
ประเทศจอร์แจนมีรัฐบาลที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพและควบคุมความผันผวนของขีดจำกัดของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วยการตรึงค่าเงินไว้กับค่าเงิน USD จึงช่วยรักษามูลค่าของดีนาร์ไว้ได้ระดับหนึ่ง
จอร์แดนยังขึ้นชื่อในด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศซึ่งเป็นแหล่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญสำหรับจอร์แดน การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมเหล่านี้สามารถเสริมสร้างค่าเงิน JOD ได้โดยการเพิ่มความต้องการ

13. Singapore Dollar (SGD)
1.40 SGD = 1 USD
สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการส่งออกสร้างความดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ไว้

14. Canadian Dollar (CAD)
1.29 CAD = 1 USD
เศรษฐกิจที่อุดมด้วยทรัพยากร รัฐบาลที่มั่นคง: ฐานทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของแคนาดาและเสถียรภาพทางการเมืองมีส่วนทำให้ CAD มีความแข็งแกร่ง แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะผันผวนก็ตาม
15. Japanese Yen (JPY)
0.007 JPY = 1 USD
เศรษฐกิจขนาดใหญ่ สถานะที่ปลอดภัย: แม้จะมีแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่อง JPY ยังคงรักษามูลค่าไว้ได้เนื่องจากเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นและสถานะเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทั่วโลก

16. Swiss Franc (CHF)
0.99 CHF = 1 USD
สถานะแหล่งหลบภัย ธนาคารกลางที่เป็นอิสระ: ความเป็นกลางและระบบการเมืองที่เข้มแข็งของสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ CHF กลายเป็นสกุลเงิน "แหล่งหลบภัย" ที่ได้รับความนิยมในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน ธนาคารกลางที่เป็นอิสระยังส่งเสริมเสถียรภาพอีกด้วย
17. Euro (EUR)
0.95 EUR = 1 USD
เศรษฐกิจขนาดใหญ่ สกุลเงินเดียวของยูโรโซน: ยูโรเป็นตัวแทนของเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 19 ประเทศ ทำให้เป็นสกุลเงินหลักระดับโลกและนำเสนอเสถียรภาพผ่านขนาดของมัน

18. Cayman Islands Dollar (KYD)
0.81 KYD = 1 USD
หมู่เกาะเคย์แมนตั้งอยู่ในภูมิภาคแคริบเบียนสวรรค์ทางการเงิน ภาษีต่ำ และการท่องเที่ยว ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งผลักดันมูลค่าของหมู่เกาะเคย์แมนสูงขึ้น ตามความคึกคักทางเศรษฐกิจ

19. Gibraltar Pound (GIP)
0.80 GIP = 1 USD
ยิบรอลตาร์เป็นดินดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร เป็นศูนย์กลางบริการทางการเงิน การเสี่ยงโชคออนไลน์ การท่องเที่ยว และการส่งออกได้ปูรากฐานของค่าเงินยิบรอลตาร์ปอนด์ให้เป็นหนึ่งให้ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลก

20. British Pound Sterling (GBP)
0.80 GBP = 1 USD
ค่าเงินปอนด์ของสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ใช้มากที่สุดในโลก และเป็นสกุลเงินสำรองของหลาย ๆ ประเทศรอบโลก ค่าเงินปอนด์มีความแข็งแกร่งจากชื่อเสียงด้านเสถียรภาพจากเศรษฐกิจที่หลากหลายของสหราชอาณาจักร แม้จะมิได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้วก็ตาม
ไม่เพียงแต่การแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเหล่า 20 สกุลเงินที่แพงที่สุดนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำทางของเศรษฐกิจโลกที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลาด้วยพลวัตทางการเมือง นโยบายทางเศรษฐกิจ และผลกระทบด้านต่าง ๆ จากปัจจัยภายในและภายนอก
เทรดคู่เงิน Forex รอบโลก ทำกำไรไปบนความน่าตื่นเต้นของโลกแห่งเงินตรากับเราที่ TOPONE Markets!
บทความที่กำลังมาแรง
- “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก
"ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "
2025-01-10
TOPONE Markets Analyst - 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น
อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท
2024-07-03
TOPONE Markets Analyst - 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด
ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน
2024-06-07
TOPONE Markets Analyst - Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง
ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์
2024-03-01
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!