
เทรด FOREX สไตล์ไหน ที่ใช่คุณ?
นิยามสไตล์การเทรด FOREX ในแต่ละรูปแบบที่เป็นคุณ เรียนรู้จังหวะ หาจุดที่เหมาะสมให้ตนเอง รูปแบบการเทรดไม่มีตายตัว อยู่ที่รสนิยมล้วน ๆ
บทนำ
ตำราพิชัยสงครามของซุนวูบันทึกคำสอนว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เป็นการแนะนำว่าการพิชิตเป้าหมาย การเข้าใจแค่ผู้อื่นหรือปัจจัยภายนอกไม่เพียงพอ แต่การทำงานต่าง ๆ เราต้องเข้าใจตัวเองด้วย ซึ่งในการเทรด Forex ความสนใจ ความถนัด และพฤติกรรมตอนเทรดของนักเทรดเอง จะแบ่งนักเทรดรูปแบบต่าง ๆ ออกเป็นกลุ่ม ๆ ได้
กลุ่มรูปแบบการเทรดที่พบได้ในตลาด จะทำให้นักเทรดสามารถนึกเปรียบเทียบกับการเทรดของตัวเอง ซึ่งหลายคนที่ศึกษาพฤติกรรมตัวเองแล้ว อาจพบว่าสิ่งที่เคยทำจริง ยังไม่ใช่รูปแบบที่ตัวเองต้องการ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเองแล้วหรือไม่ หรือสิ่งที่ทำไปเป็นพฤติกรรมสะเปะสะปะ ไม่มีรูปแบบกันแน่ โดยการที่ไม่มีรูปแบบใด ๆ เลยนั้นก็น่าเป็นห่วงว่าจะทำให้ไม่ทราบจุดแข็งซึ่งเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับคุณ หรือตระหนักถึงจุดอ่อนซึ่งควรระวังเพื่อควบคุมความเสี่ยง
ทั้งนักเทรดมือใหม่ และนักเทรดที่ตั้งใจพัฒนาความชำนาญในการเทรด เทคนิควิธีการเป็นเรื่องดี แต่มันคือเครื่องมือที่คนใช้ก็ต้องเหมาะสมเช่นกัน ดังนั้น การใส่ใจเรียนรู้ตัวเองก็ถือเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้
นักเทรดแบบต่าง ๆ
เพื่อให้คุณรู้เท่าทันพฤติกรรมของนักเทรดอื่นในตลาด และทดลองรูปแบบการเทรดใหม่ ๆ จะได้ค้นหาตัวคุณเอง บทความนี้ขอนำเสนอ 4 รูปแบบการเทรด ดังต่อไปนี้
เทรดตามเวลา
เราไม่ได้พูดถึงการเทรดว่าเป็นการเข้างานแปดโมงเช้า เลิกงานสี่โมงเย็น แต่เรากำลังพูดถึงการเลือกจังหวะเพื่อฉวยโอกาส ซึ่งนักเทรดที่มีสไตล์แบบนี้จะเป็นกลุ่มคนที่ไม่เทรดตลอดเวลา แต่ใช้เวลาไปกับการติดตามข้อมูลในตลาดแทน แน่นอนว่านักเทรดกลุ่มนี้จะเก่งเรื่องการเล่าความเคลื่อนไหวในตลาด ซึ่งในการเข้าเทรด Forex นักเทรดกลุ่มนี้มักเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อการผันผวนของค่าเงินอยู่แล้ว และเมื่อได้รับข่าว จึงจะเปิดสัญญาซื้อหรือขายเพื่อเก็งกำไรด้วยความมั่นใจ
สไตล์การเทรดนี้ เหมาะสำหรับคนที่นิยมศึกษาข้อมูลสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และเป็นคนใจเย็น แต่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก็หลากหลายออกไป โดยคนที่เชื่อถือในข้อมูลที่ตนเองมีอย่างมากอันเนื่องจากประสบการณ์ที่ยาวนาน รวมถึงการใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อยืนยันแนวโน้มราคาที่เปลี่ยนไป อาจจะเข้าสู่การเทรดอย่างรวดเร็ว และใช้เงินจำนวนมาก เพื่อกวาดเอากำไรสูงในเวลาอันสั้น ในส่วนของนักลงทุนหน้าใหม่ หรือรายย่อยอาจจะรับความเสี่ยงได้น้อยกว่า หรือมีความสามารถในการลงทุนที่น้อยกว่า อาจรอกลุ่มที่กล้าเสี่ยงกว้าส่งสัญญาณซื้อขายแล้วจึงตามเข้ามาซื้อขายด้วย
การเทรดตามเวลา ในอีกแง่หนึ่ง อาจเป็นการเทรดโดยอิงกับการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ หรือ Timeframe โดยนักเทรดรายวันจะเชื่อว่าโอกาสมีอยู่ตลอดเวลา คนกลุ่มนี้เลือกจะกำหนด Timeframe แสดงผลของราคาในระยะสั้น อาจจะเป็นรายนาที หรือห้านาที และกดเปิดสัญญาซื้อขายเพื่อจะตักตวงเอาส่วนต่างราคาเพียงเล็กน้อยบ่อย ๆ เทคนิคนี้เรียกว่า Scalping ซึ่งอาศัยการผันผวนของราคาระหว่างวัน
บางครั้งสำหรับคนที่ดูเทียบราคารายวัน ก็จะกลายเป็นว่าเปิดสัญญาตอนตลาดเปิดและปิดสัญญาตอนตลาดปิด ก่ำกึ่งจะเหมือนพนักงานออฟฟิศที่เข้าออกเป็นเวลา แต่ต่างกันตรงที่ว่าไม่ได้ทำงานตลอดทั้งวัน ไม่ได้เฝ้าอยู่ตลอด แค่คาดการณ์ไว้ก่อนล่วงหน้าว่าตลาดเปิดและปิดจะมีปัจจัยบางอย่างทำให้ราคาปรับเปลี่ยน โดยในกรณีที่ต้องการความแน่นอน บางคนก็ตั้งกำหนดตำแหน่งปิดสัญญาไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่ได้รอมาปิดสัญญา ณ เวลาตลาดปิดทำการ เพื่อจะมั่นใจว่าได้รับผลตอบแทนที่หวัง
เทรดตามเครื่องมือ
เครื่องมือในที่นี้คือการใช้ตัวช่วย ซึ่งตัวช่วยจะยืนยันความเชื่ออีกที ในตลาด Forex มีเครื่องมืออยู่หลากหลาย หลังจากนักเทรดได้ลองใช้งานแล้ว แต่ละคนก็จะเกิดความชำนาญในการวิเคราะห์บนเครื่องมือที่ตนเลือกใช้
ถ้าสรุปจากกลุ่มเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคากันหลัก ๆ แบ่งนักเทรดได้อีกตามนี้
กลุ่มใช้เครื่องมือทางเทคนิค กลุ่มนี้จะนิยมใช้กราฟเส้น กราฟแท่งเทียน และกราฟรูปแบบอื่น ๆ เพื่อศึกษารูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา แนวโน้มราคา หรือการเติบโตหรือถดถอยของราคาในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ รวมไปถึงปริมาณการซื้อขาย ซึ่งกราฟมีหลากหลายรูปแบบ สูตรพื้นฐานในการคำนวณสร้างเส้นกราฟจะต่างกันออกไป ช่วยยืนยันจังหวะที่ดีในการเปิดสัญญาซื้อหรือขายเพื่อทำกำไร
กลุ่มที่ใช้เครื่องมือปัจจัยพื้นฐาน จะติดตามข่าวสารและการดำเนินการทางการเงินของบริษัท นำข้อมูลทางบัญชีของบริษัทมาคำนวณสัดส่วนทางการเงิน (Financial Ratios) ซึ่งคือเครื่องมือปัจจัยพื้นฐานเพื่อวิเคราะห์ระบุแนวโน้มราคา เพื่อลงทุนเชิงคุณค่าหรือเน้นหวังผลระยะยาว โดยหลีกเลี่ยงความผันผวนด้านราคา
กลุ่มที่ใช้เครื่องมือด้านเทคโนโลยี ซึ่งก็เป็นการรวมเครื่องมือทางเทคนิคและเครื่องมือปัจจัยพื้นฐานเข้ามาไว้ด้วยกัน โดยจะใช้เครื่องมือปัจจัยทางพื้นฐานเลือกว่าจะเทรดหุ้นตัวใด และใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยวางแผนกำหนดระดับราคาเข้าและออกที่แน่นอน ทำให้ควบคุมความเสี่ยงได้เหมาะสม
เทรดจากกลยุทธ์
กลยุทธ์ก็คือระบบในการเทรดนั่นเอง ถ้าหากว่านักลงทุนมีวินัยอย่างมาก และมีรูปแบบพฤติกรรมการเทรดที่แน่ชัดถึงขนาดจะเรียกว่ากฎก็ได้ แสดงว่านักลงทุนกำลังเน้นการเทรดบนกลยุทธ์ ซึ่งกลยุทธ์ในการเทรด Forex มีมากมาย แต่เพื่อให้นักเทรดเรียนรู้ตนเองได้ง่ายและเร็ว ขอนำเสนอกลุ่มนักเทรดจากกลยุทธ์ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่โดยหลักการง่าย ๆ ดังนี้
กลยุทธ์ช่วงราคา (หาหุ้นเด้ง) โดยใช้เส้นแนวรับและแนวต้านเป็นสำคัญ มั่นใจว่าราคา Forex ในชั่วระยะเวลาหนึ่งจะต้องขยับขึ้นลง เน้นศึกษาปริมาณการซื้อขายและร้อยละการเปลี่ยนแปลงของราคา จนสามารถระบุช่วงราคาที่ทำกำไรต่อเนื่องเพราะราคาปรับเปลี่ยนไปมาผันผวนระยะสั้น
กลยุทธ์ค่าเฉลี่ยราคา (Pivot/ Turning Point/ Moving Avarage) นักเทรดจะกำหนดกรอบเวลาเพื่อสังเกตราคาย้อนหลัง และหาค่าเฉลี่ยไว้ โดยเชื่อว่าราคาจะวิ่งแล้วกลับมาหาค่าเฉลี่ยอยู่เสมอ ในการเทรด Forex นักเทรดกลุ่มนี้จะทำการเปิดสัญญาซื้อ เมื่อเห็นว่าราคาคู่สกุลเงิน ณ เวลาหนึ่งมูลค่าลดต่ำกว่าราคาเฉลี่ย หรือเปิดสัญญาขายเมื่อเห็นว่าระดับราคาคู่สกุลเงินสูงกว่าราคาเฉลี่ย
เทรดจากชนิดของสินทรัพย์
ผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนมีหลายประเภท ทั้งคู่สกุลเงิน หุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโตเคอเรนซี ถ้าให้คอยติดตามความเคลื่อนไหวของราคาและข่าวสารที่เกี่ยวข้องของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวจัดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ข้อมูลที่มากเกินไปอาจจะทำให้สับสนและตัดสินใจผิดพลาดได้ด้วย นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่มุ่งความสนใจไปยังหลักทรัพย์เพียงชนิดเดียว
ในการเทรด Forex มีคู่สกุลเงินหลายคู่ หลายสกุลเงินคิดเทียบมูลค่ากับสกุลเงินเดียว อาทิ ดอลลาร์ ทำให้อาจจะใช้กลยุทธ์ส่วนต่างของราคาคู่สกุลเงิน เปรียบเทียบการแลกจากคู่สกุลหนึ่ง ไปยังอีกสกุลหนึ่ง ทำกำไรส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน หรือสามารถเทรดหลายคู่สกุลเงินที่มีมูลค่าสัมพันธ์กันเพื่อทำกำไรในช่วงเวลาเดียวกัน
คุณล่ะ นิยามสไตล์เทรดตัวเองอย่างไร
ถ้าคุณอ่านรูปแบบการเทรดตามที่นำเสนอไว้ด้านบนของบทความ แต่ยังนิยามตัวเองไม่ได้ว่าเป็นนักเทรดสายไหน ขอเชิญชวนให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้น
การตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวเอง เหมือนกับการเล่นตอบคำถามทางจิตวิทยา นอกจากจะทำให้สนุกได้แล้ว ไม่แน่ว่าคุณจะอยากเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าพฤติกรรมเดิมไม่ดี แต่การปรับเปลี่ยนจะยิ่งทำให้นักเทรดประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีก
คุณเป็นมือใหม่หัดเทรด หรือคุณเชื่อว่าตัวเองมีประสบการณ์เทรดมาก
คู่สกุลเงิน (หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน) ตัวใดที่คุณอยากเทรด
คุณเป็นคนที่ดึงตัวเองให้ทำตามแผน หรือควบคุมอารมณ์ได้ดีใช่ไหม
คุณหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือเปล่า และอย่างไร
คุณเลือกจะลงทุนครั้งเดียวได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่ หรือค่อย ๆ สะสมความมั่งคั่งไปเรื่อย ๆ มากกว่ากัน
คุณมีเงินลงทุน หรือวางแผนที่จะลงทุนเริ่มต้นที่เงินมูลค่าเท่าใด
คุณจะเฝ้าดูตลาดอย่างใกล้ชิดได้ไหม และจะทำอย่างไรบ้าง
คุณมีเป้าหมายหลัก ๆ สำคัญในชีวิต เช่น แต่งงาน บ้าน หรือรถ หรือคุณแค่อยากจะได้รับเงินเป็นผลประโยชน์จากการลงทุน
หลังจากเขียนคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ลงไปในกระดาษ คุณน่าจะได้คำตอบซึ่งทำให้คุณจัดประเภทตนเองได้ดีขึ้น กรณีเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ คุณจะได้แนวทางในการเริ่มต้นเทรด Forex และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่คุณสนใจ และอาจจะได้พบภายหลังว่าคุณอยากเปลี่ยนคำตอบบางข้อ เพื่อระบุได้ถึงรูปแบบการเทรดที่เหมาะสมกับคุณมากกว่า
หรือบางครั้ง ตอบคำถามมาแล้ว คุณกลับเพียงระบุได้ว่า รูปแบบไหนที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพบว่าตัวเองเป็นคนที่อนุรักษ์นิยมคืออยากจะรักษาเงินต้น และก็อดใจไม่ไหวที่จะใช้อารมณ์ในการเทรดหรือยังมีเงินทุนค่อนข้างน้อยในการลงทุน จะพบว่าการเทรดแบบเก็บเล็กผสมน้อยหรือ Scalping อาจสร้างปัญหาได้เมื่อวิเคราะห์ทีละขั้นถึงสิ่งที่นักเทรดจะทำดังนี้
อนุรักษ์นิยมอยากจะรักษาเงินต้น จะทำให้เลือกที่จะเปิดสัญญาทั้งซื้อและขาย เพื่อจะ Hedge การลงทุนของตัวเอง (Hedge คือกำไรจากตำแหน่งหนึ่งชดเชยขาดทุนจากอีกตำแหน่งได้ เกิดขึ้นเมื่อส่งคำสั่งทั้งซื้อและขายในเวลาเดียวกันหรือไล่เลี่ยกัน)
อดใจไม่ไหวในการใช้อารมณ์
มองโลกในแง่ดี ไม่ยอม Cut Loss รายการที่ขาดทุนสูง
มองโลกในแง่ร้าย Cut Loss เร็วเกินไป
เงินทุนค่อนข้างน้อย
ไม่ยอม Cut Loss และมีการขาดทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จุดที่ทำกำไรได้อาจทำกำไรไม่ครอบคลุมเพียงพอที่จะชดเชยการขาดทุน ทำให้พอร์ตฟอลิโลถูกบังคับปิด
การ Cut Loss เร็วหรือขายทำกำไรเร็วเกินไป ทำให้สะสมกำไรไม่เพียงพอกับยอดขาดทุนที่เกินขึ้นเมื่อเลือกทำการ Hedge แต่แรก ทำให้มูลค่าเงินทุน Equity เหลือน้อยเกินไปจนอาจทำให้ฟอร์ตฟอลิโอถูกบังคับปิด
การเก็บกำไรแบบทีละนิด
หากสัมพันธ์กับการปิดสัญญาเพื่อทำกำไรเร็วเกินไป อาจจะทำให้ยอด Balance เพิ่มขึ้นแต่ขณะเดียวกันยอด Equity ลดลงเรื่อย ๆ จน Equity สุดท้ายแล้วอาจเหลือไม่เพียงพอกับที่ทางโบรกเกอร์กำหนดไว้ขั้นต่ำ ทำให้ฟอร์ตฟอลิโอถูกบังคับปิดได้
การตระหนักได้ถึงรูปแบบที่ไม่เหมาะกับตัวเอง อย่างน้อยเท่ากับยอมรับว่ามีหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเทรดเพื่อหวังผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
สไตล์การเทรด FOREX มันเปลี่ยนได้ไหม
สไตล์การเทรดเหมือนกับการแต่งตัว ทุกคนจะเทรดรูปแบบใด เหมือนคนจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน ไม่มีคนบังคับฝืนใจได้ แต่ที่คน ๆ หนึ่งจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็เพราะความอึดอัดไม่สบายใจจากการใส่เสื้อผ้าที่ทำให้ตัวเองดูไม่ดีหรือใส่ไม่สบายตัว การเปลี่ยนรูปแบบการเทรดก็เช่นกัน คุณจะเปลี่ยนสไตล์การเทรดก็เพราะคุณรู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่มีบางอย่างขัด ๆ ทำให้คุณเทรดอย่างไม่เป็นสุข แถมบางท่านยังพบเจอกับตัวว่าทุนหายกำไรหด ทั้งที่ชวนเพื่อนมาเล่นพร้อมกันแล้วเพื่อนก็มีผลตอบแทนที่ดีด้วย
การเปลี่ยนสไตล์การเทรด เป็นการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ มีความท้าทาย รูปแบบใหม่ที่เลือกใช้ก็ใช่ว่าจะเป็นหนทางที่ใช่เสมอไปด้วย อย่างไรก็ตามการที่คุณสึกอึดอัดกับวิธีการเดิม ๆ ก็คุ้มที่จะปรับเปลี่ยนไปยังรูปแบบใหม่ อย่างน้อยที่สุดคือได้ลอง ถ้าของใหม่ไม่ใช่ ก็คือคุณสำเร็จขั้นต้นที่กล้าก้าวออกมาจาก comfort zone (พื้นที่ปลอดภัย) ซึ่งถึงจะขึ้นชื่อว่า comfort zone แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจุดที่คุณอยู่เดิมนั้นมันปลอดภัยเสมอไป
ถ้าไม่ได้เลือกทำสิ่งที่ต่างไปบ้าง นักเทรดรูปแบบต่าง ๆ ไม่ลองให้รู้มากขึ้น ก็อาจยากที่จะได้เจอสิ่งที่ทำแล้วคุ้มค่าที่สุด หรือหนทางที่จะสูญเสียน้อยที่สุด คุณจะเปลี่ยนสไตล์การเทรดได้หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องการตัดสินใจและลงมือปฏิบัติของคุณเอง
บทส่งท้าย
รูปแบบหรือสไตล์การเทรดไม่มีตายตัวแน่นอน รูปแบบหนึ่งเหมาะกับคนหนึ่งแต่อาจจะไม่เหมาะกับอีกคน และไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุน คนอื่นไม่อาจฟันธงแทนนักเทรดรูปแบบต่าง ๆ แต่ละคนได้ว่ารูปแบบที่ใช้อยู่เหมาะสมหรือไม่ เพราะมีหลาย ๆ ปัจจัยที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสำเร็จในการลงทุน หรือล้มเหลวในแต่ละครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวความชำนาญจะเกิด จะช่วยให้นักเทรดมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งความชำนาญนี่เองจะสอนให้คุณรู้ว่าในรูปแบบที่ลงมือทำอยู่ มีบางอย่างที่คุณอาจจะต้องเปลี่ยน โดยสิ่งที่ต้องเปลี่ยน นักเทรดระบุชัดได้จากการเข้าใจลักษณะนิสัย พฤติกรรม และเป้าหมายการลงทุนของตนเอง เมื่อฟันธงได้ว่าต้องเปลี่ยนอะไร ก็ควรลงมือทำให้ได้
ทั้งนี้ รูปแบบที่เหมาะสมที่สุดน่าจะมาเมื่อประสบการณ์ที่ได้รับถึงจุดอิ่มตัว แปลว่าถ้ายิ่งมีความไม่แน่ใจ ไม่รู้ ไม่มั่นใจ คุณก็อาศัยการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง และพลิกแพลงเปลี่ยนแปลง ท้ายที่สุดคุณก็จะเป็นนักเทรดที่มีสไตล์ อาจจะจัดอยู่ในกลุ่มที่กล่าวไปแล้วข้างต้นแต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ทำให้คุณต่างจากคนอื่นออกไป
บทความที่กำลังมาแรง
- “พายุไต้ฝุ่น” ของ FED : ความท้าทายใหม่ต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าทั่วโลก
"ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่เปรียบเสมือน “พายุไต้ฝุ่น” ที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ในตลาดการเงินโลก ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ผันผวนอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่ยังทำให้กองทุนทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง และกองทุนกว่า 35 ล้านล้านกองทุนอาจถูกถอนออกอย่างรวดเร็ว การดำเนินการชุดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปกปิดวิกฤตหนี้สหรัฐฯ บทความนี้จะเจาะลึกประเด็นนี้และวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก "
2025-01-10
TOPONE Markets Analyst - 7 วิธีเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive Income ฉบับผู้เริ่มต้น
อยากรวยแบบเขาบ้างเริ่มต้นไม่ยากหากนำทางด้วยความรู้ ทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์ สร้างรายได้ ต่อยอด ให้เงินทำงานด้วยหลักการของรายได้แบบ Passive Income ที่คุณเองก็หาได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาท
2024-07-03
TOPONE Markets Analyst - 5 ข้อผิดพลาดเทรดเดอร์มือใหม่ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเทรด
ทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่เริ่มต้นลงทุน เงินเฟ้อจะชนะเงินคุณแน่นอน มือใหม่หัดเทรดเริ่มต้นมั่นใจเพียงเรียนรู้ 5 ข้อผิดพลาดทั่วไปที่พบบ่อยของมือใหม่หัดเทรดก่อนเริ่มต้นในตลาดการเงิน
2024-06-07
TOPONE Markets Analyst - Andrew Tate คือใครและทำไมเขาถึงมีชื่อเสียง? 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Influencer ที่เป็นข้อโต้แย้ง
ค้นพบว่าใครคือ Andrew Tate และทำไมเขาถึงสร้างกระแสในโลกดิจิทัล ค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ 10 ประการเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่เป็นที่ถกเถียง การเดินทางของเขา และผลกระทบของเขาต่อโลกออนไลน์
2024-03-01
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!