มือใหม่ดูกราฟหุ้นอย่างไร สอนวิธีดูกราฟแท่งเทียนในการเทรดหุ้น

บทนำ

มือใหม่เล่นหุ้นหลายท่านคงเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง กับคำว่า “การเทรดหุ้นเทคนิค” และ “กราฟราคาหุ้น” และคงสงสัยว่าเทคนิคในที่นี้คือเทคนิคอะไร จะช่วยให้ได้ผลตอบแทนจริงไหม ซึ่งคำว่าการเทรดหุ้นเทคนิค แท้ที่จริงแล้วเป็นการสื่อถึงการใช้เครื่องมืออย่างกราฟราคาหุ้นเข้ามาช่วยด้วย เพื่อทำให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือลง กำหนดจุดเปิดออเดอร์ซื้อขาย รวมไปถึงวางแผนกำหนดช่วงระดับราคาที่ยอมรับได้ หากผิดแผนก็ขายหุ้นเพื่อให้ได้เงินทุนบางส่วนคืนมาแทนที่จะขาดทุนอย่างหนักแทน  

ความรู้ทางเทคนิคนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มือใหม่เล่นหุ้นควรจะเริ่มเรียนรู้อย่างเร็วที่สุด เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงในการขาดทุนลง และมีโอกาสทำกำไรได้อย่างเป็นระบบ คำว่าเป็นระบบในที่นี้คือทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งไม่ใช่ความรู้ทางเทคนิคและการอ่านกราฟหุ้นจะทำให้ลงทุนถูกต้อง 100% หากแต่ก็ทำให้โอกาสประสบความสำเร็จอยู่ที่ระดับกลางหรือสูง สร้างผลกำไรที่น่าพอใจ

กราฟหุ้นบอกอะไรนักเทรดบ้าง

สิ่งที่กราฟหุ้นบอกโดยตรงคือระดับราคาของหุ้น โดยหุ้นแต่ละตัวจะมีทิศทางเป็นขาขึ้นหรือขาลง ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนของราคาซึ่งเป็นไปตามกฎง่าย ๆ คือหากราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถือว่าหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่หากราคาลดลงอย่างต่อเนื่องก็ถือว่าหุ้นอยู่ในช่วงขาลง การระบุทิศทางราคา นักเทรดจะต้องพิจารณากรอบระยะเวลาอ้างอิงของกราฟที่แสดงผลอยู่ด้วย โดยสามารถตั้งค่าอ้างอิงเองได้ ซึ่งการตั้งค่าต่างกัน อย่างอ้างอิงราคาแบบรายชั่วโมง กับแบบรายวัน อาจจะพบว่าทิศทางตลาดที่ดูอยู่เป็นคนละเรื่อง ภาพกราฟที่เห็นต่างกัน

แนวโน้มคือสิ่งที่นักเทรดดูลึกลงไปกว่าระดับราคา เป็นเหตุผลที่แท้จริงซึ่งนักเทรดต้องดูกราฟ นักเทรดหุ้นไม่ได้ทำกำไรได้เลยทันทีเมื่อซื้อ แต่ทำกำไรเมื่อขายออกไป นั่นคืออนาคตอันใกล้ หรือเมื่อเวลาผ่านไป โดยนัเทรดหุ้นในภาวะปกติจะต้องเล็งเห็นว่าหุ้นจะมีแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นหรือยาวจึงจะเปิดออเดอร์ซื้อหุ้นสักตัว หรือสำหรับนักเทรดที่ชำนาญจะรู้จักกับเทคนิคการชอร์ต คือการซื้อเอาไว้ก่อนเพราะรู้ว่าราคาจะสวิงขึ้นชั่วคราว แล้วรีบขายทำกำไร ก่อนจะรอจนราคาหุ้นร่วงลงมาจึงเข้าซื้อหุ้นเดิมจำนวนเท่าเดิมเพื่อคืนให้กับเจ้าของผ่านโบรกเกอร์ โดยที่เก็งกำไรเช่นนี้ได้เพราะความเข้าใจเรื่องการดูแนวโน้ม และสัญญาณของเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ ที่ใช้ประกอบกับการดูกราฟ

นอกจากนี้ ในแต่ละช่วงเวลาอ้างอิง กราฟราคาแบบเส้นสามารถปรับการแสดงผลเป็นกราฟแท่งซึ่งระบุราคาซื้อขายต่ำสุดและสูงสุดรวมไปถึงราคาปิดและราคาเปิดในแท่งเดียวกัน  ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมของนักเทรดคนอื่น ๆ ในตลาดทั้งรายใหญ่และรายย่อย ซึ่งการกระทำแสดงออกมาเห็นชัดเป็นการซื้อและการขายได้เท่านั้นในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นหากศึกษากราฟแท่งเทียนดี ๆ แล้ว จะเห็นรูปแบบของกราฟที่ส่งสัญญาณบางอย่าง และทำให้คาดการณ์แนวโน้มราคา กับจุดเข้าเปิดออเดอร์ได้

ดังนั้นถ้าสรุปอีกครั้งว่ากราฟหุ้นบอกอะไร

1. ระดับราคา

2. แนวโน้มทิศทางของราคา

3. ภาพสะท้อนพฤติกรรมของผู้ซื้อและผู้ขาย 

ดูกราฟหุ้น จับจังหวะซื้อขายอย่างไรได้บ้าง

การสังเกตเห็นแนวโน้มทิศทางราคา รวมถึงรู้ว่าตามหลักทฤษฎีแล้วราคาในระยะสั้นมักจะขยับขึ้นหรือลงตามแนวโน้มทิศทางราคาในระยะยาว ไม่ได้ทำให้นักเทรดตัดสินใจถึงจุดที่เป็นจังหวะซื้อขายที่ดีได้ บางครั้งสิ่งที่เห็นแวบแรกเป็นแนวโน้มขาลงในระยะสั้น แต่ขณะเดียวกัน อาจเป็นสัญญาณที่บอกถึงแนวโน้มที่กำลังกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลงในระยะยาวด้วยก็ได้ แต่ถ้าหลงคิดว่าเป็นสัญญาณระยะสั้นเท่านั้น แสดงว่าถูกหลอก ในหลาย ๆ ครั้งสัญญาณหลอกที่หลาย ๆ คนหรือคนส่วนใหญ่ไม่ทันสังเกตหรือมองข้าม ทำให้พวกเขาต้องขาดทุนหรืออยู่ในสภาวะติดดอย

การจับจังหวะซื้อขายได้ดี ไม่ซื้อขายผิดจังหวะ นักเทรดจำเป็นต้องมีความเข้าใจในสิ่งต่อไปนี้

1. การวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือชี้วัด (Indicator) เป็นการสร้างเส้นกราฟอื่น ๆ ตามข้อมูลหรือสถิติต่าง ๆ ในอดีตอ้างอิงราคาหุ้นหนึ่ง ๆ ซึ่งภาพกราฟมักจะมีจุดที่น่าสังเกต และจุดนั้นถูกเชื่อว่าเหมาะสมกับการเปิดออเดอร์ซื้อขายเพื่อทำกำไรตามความคาดหวัง

2. การวิเคราะห์จากรูปแบบการวางตัวของกราฟแท่งเทียน (Candlestick) เพราะตัวกราฟแท่งเทียนเป็นเครื่องมือทางเทคนิคอย่างหนึ่ง มีลักษณะที่เปิดเผยถึงแรงต้านระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย กำลังฝ่ายไหนมีมากหรือน้อย สื่อถึงความกดดันในเวลาต่าง ๆ ทีนำไปสู่รูปแบบการเรียงตัวที่ทำให้คาดเดาแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ ทำให้เปิดออเดอร์อย่างมั่นใจ ณ จุดที่คิดว่าจะมีการกลับตัวของแนวโน้ม 

3. การวิเคราะห์จากรูปแบบของราคา (Price Analysis) อ้างอิงแนวคิดหรือทฤษฎีอย่าง Elliott Wave หรือจากนักการเงินคนอื่น ๆ ที่ว่าด้วยการดูรูปแบบเส้นกราฟราคา ยึดที่การปรับเปลี่ยนของระดับราคาเป็นสำคัญ การวิเคราะห์แบบนี้ต่างจากแบบกราฟแท่งเทียน เพราะดูทิศทางการปรับไปมาของราคาหรือเส้นกราฟราคา วิธีนี้ไม่ได้ดูการเรียงตัวของแท่งเทียนซึ่งแท่งเทียนจะมีรูปร่างต่าง ๆ  กันไป 

ความเข้าใจในสามเรื่องดังกล่าว สามารถใช้ร่วมกันได้ โดยปกติแล้วในการนำรูปแบบการวิเคราะห์มาใช้ร่วมกัน จะสนับสนุนการตัดสินใจได้ดี ไม่ขัดแย้งกันเอง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดลง ในการเทรดหรือการลงทุนยิ่งรอบคอบยิ่งเป็นเรื่องดี เพราะในตลาดอาจพบการปรับตัวของราคาที่เป็นสัญญาณหลอกอยู่ได้บ่อยครั้ง ความรอบคอบทำให้แยกสัญญาณที่ถูกต้องและทำกำไรได้ 

การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เป็นกุญแจอย่างหนึ่งที่ทำให้ได้รับกำไรสูงสุด หรือกำไรสูงกว่าคนที่ตัดสินใจช้า แต่หากเป็นนักเทรดที่ยังไม่ชำนาญ ก็ไม่ควรกดดันตนเองให้รีบเปิดออเดอร์ เพราะถึงแม้ว่ากำไรจะน้อยลงเมื่อเทียบกับการตัดสินใจเร็วขึ้น แต่ถือว่าก็ยังเป็นกำไร การตัดสินใจได้เร็วเกิดจากประสบการณ์ เพียงค่อย ๆ ดูกราฟ คิด และตัดสินใจ เมื่อเทรดบ่อย ๆ ก็จะตัดสินใจได้เร็ว และเปิดออเดอร์ในจังหวะซื้อขายที่เหมาะเจาะเร็วขึ้น

ในการเทรดหุ้น ไม่ว่าจะใช้วิธีวิเคราะห์แบบใด สิ่งที่ต้องตระหนักด้วยในการเทรดคือผู้ซื้อขายในตลาดคือมวลชนซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการตัดสินใจด้วยข่าวหรือข้อมูล ในยุคโลกาภิวัฒน์ ข่าวสารกระจายอย่างรวดเร็วและส่งผลต่อพฤติกรรมคนอย่างมาก นี่คือที่มาหนึ่งของสัญญาณหลอก ฝูงชนที่เหมือนฝูงสัตว์ตื่นตระหนกกับบางเรื่องสามารถทำให้เกิดขาขึ้นหรือขาลงแบบฉับพลัน และอาจมีผลต่อเนื่องในระยะยาว ดังนั้นจริง ๆ แล้วหลักการวิเคราะห์และเครื่องมือทางเทคนิคเองไม่สามารถชี้จังหวะซื้อขายที่ถูกต้องถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือปราศจากความผิดพลาด

ราคาหุ้นขาขึ้น ราคาหุ้นขาลง มี Indicator ดูกราฟหุ้นอย่างไร

นักเทรดต้องมั่นใจถึงแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น ถึงตัดสินใจเปิดออเดอร์ได้ แต่จะมั่นใจได้อย่างไร ดังที่กล่าวไปแล้วว่ามีหลักการวิเคราะห์อยู่ ในส่วนนี้จะขอแนะนำถึงตัวชี้วัด (Indicator) พื้นฐานซึ่งเป็นเครื่องมือให้เลือกใช้สำหรับนักเทรดทั่วไป

Moving Average (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่)

เส้นกราฟที่ถูกสร้างขึ้นด้วยการคำนวณราคาเฉลี่ย โดยทั่วไปจะเป็น Single Moving Average แต่มีแบบย่อยที่พัฒนาสูตรไปอีกให้เลือก คือ แบบถ่วงน้ำหนัก (Weighted Moving Average) และแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (Exponential Moving Average) โดยพิจารณาว่าเมื่อสั่งให้เส้น MA, WMA หรือ EMA อย่างใดอย่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นพร้อมกันสองเส้น หากเส้นอ้างอิงระยะเวลาสั้นกว่าตัดลง แนวโน้มจะกลับตัวเป็นขาลง หรือหากตัดขึ้น แนวโน้มจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

MACD (Moving Average Convergence Divergence)

เป็นเครื่องมือที่นำเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นมาวางเทียบแยกให้ดูจากกราฟราคา และชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ Convergence ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ยแสดงแนวโน้มของตัวเองล้อไปกับเส้นกราฟราคา แต่เมื่อไรที่เกิดปรากฏการณ์ Divergence คือพบว่าเส้นคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสองแสดงแนวโน้มต่างไปจากกราฟราคา ซึ่ง Divergence จะบ่งชี้จุดที่เป็นไปได้สูงในการเปิดออเดอร์ซื้อขาย

RSI (Relative Strength Index)

เครื่องมือบอกการแกว่งตัวของราคาเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือค่า 0-100 ซึ่งสิ่งสำคัญของการดู RSI คือเข้าใจแรงซื้อและแรงขายว่าฝ่ายไหนกำลังจะอ่อนกำลังลง จะเป็นการยืนยันเช่นกันว่าราคาจะกลับตัว กรณีที่มีการซื้อมากเกินไป เลขกำกับกราฟอยู่ที่ค่า 70 แสดงว่าราคาจะกลับตัวลดลง กรณีที่มีการขายมากเกินไป เลขกำกับกราฟอยู่ที่ค่า 30 แสดงว่าราคาจะกลับตัวเพิ่มขึ้น 

ฟิโบนัชชี รีเทรซเมนท์ (Fibonacci Retracement)

การใช้ค่าอนุกรมทางคณิตศาสตร์ที่อธิบายสัดส่วนทองคำ โดยเชื่อว่าค่าสัดส่วนจะบอกถึงการปรับเปลี่ยนทิศทางแนวโน้ม ลักษณะการทำงานของเส้นฟิโบนัชชีคล้าย ๆ กับแนวต้านแนวรับ แต่เป็นเส้นระนาบหลายเส้น อย่างน้อย 6 เส้น ถ้าหากว่าราคาสามารถผ่านทะลุเส้นที่อยู่ด้านบนไปได้เรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น  โดยยิ่งพุ่งขึ้นมาก พื้นที่ตามสัดส่วนที่เป็นเส้นขีดแบ่งตามแนวขวางจะยิ่งใหญ่ขึ้น สัมพันธ์กับความยากที่ราคาจะพุ่งไปอย่างไม่มีข้อจำกัด

การใช้ Indicator เหล่านี้ ไม่ควรใช้เพียงลำพัง ควรจะต้องใช้ประกอบกันตามความถนัดในการจับคู่ และลองฝึกฝนใช้งานเพื่อระบุโอกาสสำเร็จในการทำกำไร หากพอใจนักเทรดสามารถคงกลยุทธ์เดิมและเป็นระบบในการเทรด แต่หากไม่พึงพอใจในผลตอบแทน อาจจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่อไป

กราฟแท่งเทียน เริ่มต้นดูอย่างไร

กราฟที่เป็นแท่งมีคุณลักษณะสำคัญคือ 

สีของแท่งเทียน

สีที่แสดงผล หากเป็นสีแดงหรือสีดำ มักจะบ่งชี้ว่าระดับราคาลดลง หรือหากเป็นสีเขียวหรือสีขาว มักบ่งชี้ว่าระดับราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สีที่ปรากฏแล้วแต่การกำหนดตามความถนัดของนักเทรดด้วย แต่เพียงแค่มองที่สีก็เข้าใจทันทีว่าราคากำลังลดลงหรือเพิ่มขึ้น และต่อเนื่องหรือไม่

ไส้เทียน

ส่วนที่เป็นขีดห้อยลงหรือพุ่งขึ้นจากกรอบแท่ง เรียกว่าไส้เทียน ส่วนนี้ถ้าอยู่ด้านบนจะแสดงราคาสูงสุด และถ้าอยู่ด้านใต้แท่งจะเป็นราคาต่ำสุดของการซื้อขายในตลาด ณ จุดเวลาที่แสดงผล ไส้เทียนที่ยาวมักเป็นสัญญาณว่าราคาจะกลับตัวไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับไส้เทียน

ขอบเขตบนและล่างของแท่งเทียน

กรอบของกราฟแท่งเทียน เป็นบล็อกสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือน้อยครั้งก็อาจจะดูคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส รวมไปถึงบางครั้งก็ไม่มีกรอบแท่งปรากฏให้เห็น เห็นได้แต่ขีดหนึ่งขีด ซึ่งสิ่งที่พบนี้บอกขอบเขตราคาปิดและราคาเปิด โดยในแท่งเทียนขาขึ้น แท่งเทียนจะเริ่มที่ราคาเปิดเป็นกรอบล่าง และพุ่งขึ้นไป ก่อนจะมีกรอบแท่งด้านบนเป็นราคาปิด ซึ่งหากปล่อยให้แท่งเทียนปรากฏจนท้ายที่สุด จะเห็นว่ามีไส้ด้วยหรือไม่ ส่วนถ้าเป็นแท่งเทียนขาลง แท่งเทียนจะเริ่มที่ราคาเปิดแล้วพุ่งลง ไปปิดที่ราคาต่ำกว่า

ความยาวของแท่งเทียน

แท่งเทียนคนละสี หากมาอยู่ติดกัน และแท่งที่ตามหลังมามีขนาดใหญ่กว่า ทั้งหัวและท้าย แสดงว่าตลาดกำลังจะปรับตัวเป็นทิศทางเดียวกับแท่งเทียนล่าสุด

การดูแท่งเทียนทีละแท่ง จะเห็นความเคลื่อนไหวของตลาด หากดูหลาย ๆ แท่งพร้อมกัน เปรียบเทียบราคาต่ำสุดสูงสุด ราคาเปิดและปิด ก็จะเห็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนเรียงตัวกันแบบต่าง ๆ ที่ระบุสัญญาณบอกแนวโน้มขาขึ้นและขาลงให้แก่นักเทรด อาทิ รูปแบบ Engulfing, Hammer, Harami, Pierching, Doji, Shooting Star หรือ Dark Cloud Cover

รูปแบบของราคา ชี้จุดเข้าออกอย่างไร

การวิเคราะห์รูปแบบของราคา วิธีดูกราฟหุ้น เน้นอ้างอิงทฤษฎีหลัก ๆ อย่าง Elliott Wave หรือ Dow Theory 

ทฤษฎีของ Elliott Wave: มองว่าการปรับเปลี่ยนของราคาในกราฟแบบเส้น เป็นคลื่นขึ้นลง โดยเมื่อคลื่นลงแล้วจะมีการสะสมแรงและซัดขึ้นที่สูงขึ้น ดังนั้น ปรากฏการณ์คลื่นราคา ขึ้น-ลง-ขึ้น-ลง-ขึ้น-ลูกคลื่นลง-ลูกคลื่นขึ้น-ลูกคลื่นลง หรือ 1-2-3-4-5-A-B จะพบว่าคลื่น C เป็นคลื่นที่พุ่งขึ้นหรือตกลงที่แรงและไปไกลที่สุด ดังนั้นควรเปิดออเดอร์ในช่วงนี้ เมื่อจบคลื่นที่ห้าแล้ว ควรปิดออเดอร์ การปรับตัวของราคาต่อจากนั้นจะเฉื่อยลง ทิศทางแนวโน้มก็อาจจะปรับเปลี่ยน แต่จะมั่นใจได้ ควรรอดูให้แน่ใจ รอให้เห็นว่ามีคลื่นตามรูปแบบของ Elliott Wave ปรากฏขึ้นอีก

ทฤษฎีของ Dow: เชื่อว่าแนวโน้มเกิดขึ้นต่อเนื่อง ในขาขึ้น ราคาพุ่งขึ้นทะลุผ่านจุดที่เป็นราคาสูงสุดก่อนหน้า ครั้งแล้วครั้งเล่า หรือในขาลง ราคาพุ่งลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า ดังนั้นหากเห็นว่าราคาพุ่งทะลุราคาสูงสุดไปแล้ว ควรรออีกสักหน่อย หากเห็นราคาพุ่งทะลุจุดสูงสุดล่าสุดไป ถือว่าได้รับการยืนยันจากตลาดถึงแนวโน้มขาขึ้น เป็นจังหวะเข้าซื้อ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเห็นราคาพุ่งลงต่ำกว่าระดับราคาต่ำสุดก่อนหน้าไป แล้วเห็นว่าราคายังพุ่งลงต่อ ผ่านจุดต่ำสุดต่อไป ถือเป็นจังหวะขาย

Streaming VS MT4 ดูกราฟหุ้นทางไหนดี

การเทรดหุ้น นักเทรดต้องทำการเปิดบัญชีเทรดกับทางโบรกเกอร์เสียก่อน โดยปัจจุบันสามารถสมัครและส่งเอกสารแบบออนไลน์ได้เลย อาจจะต้องรอเวลาอนุมัติอยู่บ้างแต่ไม่นาน บางโบรกเกอร์อนุมัติเปิดบัญชีให้ได้ในหนึ่งวันทำการ 

ฆtreaming เป็นแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมหนึ่งที่ให้นักเทรดเลือกทำการสมัครกับโบรกเกอร์ที่มีให้เลือกหลายเจ้าได้เลย ก่อนจะเข้าใช้งานระบบ ฆtreaming ดูราคาและข้อมูลซื้อขายแบบออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสอบหาสมัครโบรกเกอร์ผ่านหน้าเว็บไซด์อีก

หลังจากบัญชีเทรดสามารถใช้งานได้แล้ว นักเทรดอาจจะได้รับการยืนยันจากทางโบรกเกอร์ถึงการเข้าใช้งาน MT4 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่ใช้ในการเทรดได้ด้วย ซึ่งปกติแล้ว MT4 หรือ MetaTrader 4 เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการเทรด CFD (Contract for Difference: สัญญาส่วนต่างราคา) ที่เรียกติดปากกันว่า FOREX หรือเก็งกำไรสกุลเงินอัตราแลกเปลี่ยน รวมไปถึงอนุพันธ์ที่อ้างอิงสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น โภคภัณฑ์ คริปโตเคอร์เรนซี หุ้น ดัชนีหุ้น เป็นต้น โดยทั้ง Stream และ MetaTrader สามารถส่งคำสั่งซื้อขายให้กับโบรกเกอร์บางเจ้าได้ทั้งคู่ แต่บางเจ้าสามารถเทรดผ่านได้เพียงแพลตฟอร์มตัวใดตัวหนึ่ง ดังนั้นนักเทรดต้องตรวจสอบข้อมูลกับทางโบรกเกอร์ของท่าน

เมื่อวิเคราะห์เฉพาะแพลตฟอร์ม

Stream

ลักษณะ: เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทหุ้น แต่สามารถจะใช้เพื่อเทรดอนุพันธ์ประเภท Future จากตลาด TFEX ได้ด้วย มีเมนูหลัก ๆ คือ

• เมนู Sum แสดงถึงหน้าสรุปรวมสภาพตลาด 

• เมนู Watch สำหรับเพิ่มชื่อหุ้นที่ต้องการดูราคาซื้อขายล่าสุด และดูความเปลี่ยนแปลงราคาเป็นเปอร์เซ็นต์ 

• เมนู Quote เพื่อส่งคำสั่งซื้อขาย ซึ่งหน้านี้จะมีข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นรวมถึงสัดส่วนทางการเงินพื้นฐาน (Basic Financial Ratio)

• เมนู Bids  ที่แสดงราคาเสนอขาย 3 หรือ 5 ลำดับแรกของหุ้นที่เลือกไว้ 

• เมนู Ticker ที่จะอัพเดตรายการส่งคำสั่งซื้อขายจากนักเทรดในตลาดแบบ Realtime 

• เมนู Standard เป็นวิธีดูกราฟหุ้นใน Streaming สามารถเข้าใช้เมนูนี้เพื่อเรียกกราฟราคาของหุ้นรายตัวขึ้นมาดูได้ สามารถเลือกกรอบระยะเวลาอ้างอิงเพื่อการแสดงผลตามความสนใจ

ข้อดี: ใช้งานได้ง่าย ตรวจสอบและส่งคำสั่งซื้อขายได้เร็ว ซื้อขายได้ทันทีหลังเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์

ข้อด้อย: ไม่มีเครื่องมือทางเทคนิคเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจในการเทรด ปกติจะใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นแยกอีกตัวสำหรับการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ซึ่งที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบันและฟรีจะเป็นบริการจาก Trading View ซึ่งไปลองใช้งานได้ที่เว็บไซด์ www.tradingview.com 

ข้อจำกัด: ข้อมูลที่ได้รับจากช่องทางนี้อาจไม่พอเพียงแก่การตัดสินใจเทรดหรือลงทุน

MT4

ลักษณะ: เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างสำหรับซื้อขาย CDF แต่ปัจจุบันมีโบรกเกอร์ที่อนุญาตและดำเนินการให้สมาชิกสามารถนำมาใช้กับการซื้อขายหุ้นได้เช่นเดียวกัน โดยหลังจากนักเทรดตรวจสอบกับทางโบรกเกอร์ว่ามีบริการแล้ว จะต้องขอเลขที่บัญชีเข้าใช้และรหัสผ่านจากทางโบรกเกอร์

ข้อดี: สามารถเรียกเครื่องมือทางเทคนิคมาใช้งานเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ทันที 

ข้อด้อย: ความเสถียร มีข้อคิดเห็นมากมายบ่งชี้ว่าการอัปเดตข้อมูลบน MT4 ในกรณีของหุ้นนั้นไม่เสถียร ล่าช้า หรือบกพร่อง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบหากเลือกจะใช้ MT4 ในการเทรด ซึ่งทางโบรกเกอร์บางเจ้าอาจพัฒนา MT4 ให้อยู่ในรูปของเว็บแอปที่ใช้งานภายใต้แบรนด์ของตนเองซึ่งจะทำให้การทำงานของแพลตฟอร์มน่าเชื่อถือกว่า

ข้อจำกัด: มีโบรกเกอร์ส่วนน้อยเท่านั้นที่ให้บริการการเทรดบน MT4

ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในโลกการลงทุน ทาง MT5 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับข้อมูลของตลาดหุ้นในประเทศไทย ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เสถียรใด ๆ ในการรายงานราคาที่อาจเกิดขึ้น Streaming จะเหมาะสมกว่าสำหรับคนที่อยากเป็นนักเทรดหุ้น เพื่อเปิดบัญชีหุ้นและซื้อขายหุ้น โดยใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นอื่นสำหรับงานวิเคราะห์ต่อไป เพื่อกำกับการตัดสินใจ สร้างกำไรหรือผลตอบแทน 

Streaming จึงเป็นคำตอบสำหรับคำถามว่าควรใช้โปรแกรมอะไรดูกราฟหุ้น

บทส่งท้าย

การเทรดหุ้นเพื่อทำกำไร เป็นเรื่องการตัดสินใจ หากเปิดออเดอร์ถูกจังหวะในการซื้อขาย ผลลัพธ์ออกมาย่อมไม่ผิดหวัง สำหรับคนอยากเทรดหุ้น หรือมือใหม่เล่นหุ้น การศึกษาการวิเคราะห์หุ้นเพื่อเทรดได้อย่างถูกจังหวะเป็นเรื่องที่จำเป็น เช่นเดียวกับการหาข้อมูลของโบรกเกอร์ ขั้นตอนการเปิดบัญชีเทรด และแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมที่ใช้งานได้ การมีข้อมูลในมือนั้น แม้จะเป็นมือใหม่เล่นหุ้นก็สามารถเข้าถึงการเทรดหุ้นที่พบกับความเสี่ยงที่น้อยลง และสร้างความประทับใจที่ดีให้กับตัวผู้เทรดเองในการลงมือเทรด ซึ่งในท้ายที่สุดผู้เทรดจะสร้างผลงานคือการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง