
เทคนิคเทรด Dow Theory คืออะไร
จับ Dow Theory มาใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมตลาด เพื่อสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อสินทรัพย์ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ
บทนำ
Dow Theory เป็นเทคนิคการเทรดเชิงเทคนิคหนึ่งซึ่งคิดค้นขึ้นโดย Charles H.Dow หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Dow Jones & Company และผู้คิดค้นค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (ดัชนีดาวโจนส์) ในปี ค.ศ. 1896 แท้ที่จริงเขามิได้เขียนเทคนิคไว้อย่างละเอียด แต่มีผู้ที่สนใจแนวความคิดของเขามากมายที่ต่อยอดนำเสนอรายละเอียดที่ใช้เทรดได้จริง
ในการเรียนรู้และนำ Dow Theory ไปใช้ในการเล่นหุ้นหรือการลงทุนใด ๆ คุณควรเข้าใจการวิเคราะห์พฤติกรรมของคนในตลาดที่สะท้อนผ่านกราฟเทคนิค (Price Action) ที่ปรากฏออกมาเป็นรูปแบบต่าง ๆ ของกราฟแท่งเทียน (Candle Stick) ความสัมพันธ์ของปริมาณซื้อขายกับแนวโน้มที่เป็นไปได้สองทางคือขึ้นและลง (Volumn Pattern) กับการกลับตัวของกราฟหุ้น (Trend Reverse) ซึ่งเป็นจุดที่เทรดเดอร์ต้องการระบุให้ได้ เพราะการเริ่มเทรดเมื่อแนวโน้มเริ่มกลับตัว จะสามารถทำกำไรได้มาก
หลักการตามทฤษฎีดาว (Dow Theory)
Dow Theory เป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค พิจารณาระดับราคาว่าเป็นเหมือนกับคลื่น ในแนวโน้มขาขึ้น ระดับจะปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ สูงกว่าระดับราคาสูงสุดก่อนหน้า และในแนวโน้มขาลง ระดับจะปรับลงต่ำเรื่อย ๆ ต่ำกว่าระดับราคาต่ำสุดก่อนหน้า
Dow Theory ได้ข้อสรุปจากการสังเกตการปรับเปลี่ยนของราคาในกรอบระยะเวลาต่าง ๆ แบ่งได้เป็น 3 ประเภทแนวโน้มด้วยกัน
แนวโน้มระยะยาว ครอบคลุมเวลาประมาณ 200 วันถึง 4 ปี
แนวโน้มรอง ครอบคลุมเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ถึงหลายเดือน
แนวโน้มย่อย ครอบคลุมระยเวลาน้อยกว่า 3 สัปดาห์
ในกรอบระยะเวลาที่คุณพิจารณานี้ หากเทียบแนวโน้มระยะยาว กับแนวโน้มรองและย่อย และเลือกเทรดตามแนวโน้มที่ใหญ่กว่า ก็จะมีโอกาสทำกำไรมากกว่า ไม่เทรดสวนเทรนด์ โดยอาจจะถือยาวหรือเพียงเทรดระยะสั้นก็ได้
ด้วยทฤษฎีดาวนี้ คุณจะระบุเส้นแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ได้ ถือเป็นการกำหนดเกณฑ์รับรู้แนวโน้มขาขึ้นหรือลง ถูกยกให้เป็น Dow Theory Indicator หรือตัวชี้วัดตัวหนึ่ง สามารถทำงานคู่กับเครื่องมือชี้วัดทางเทคนิคอื่น ๆ ได้เช่นกัน
Dow Theory และความรู้ทางเทคนิคอื่น ๆ
Price Action
รูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่ระบุพฤติกรรมของผู้คนเบื้องต้น แยกรูปแบบเหตุการณ์ในตลาดได้เป็นแบบ Bullish คือผู้ซื้อมีอิทธิพลต่อราคามากกว่าผู้ขาย มีผู้เชื่อว่าราคาจะเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง และ Bearlish คือผู้ขายมีอิทธิพลมากกว่าผู้ซื้อ คือผู้ขายเชื่อว่าราคาจะลดต่ำลง โดยแท่งเทียนทั้งสองแบบ จะบอกราคาเปิด ราคาปิด ราคาต่ำสุดและราคาสูงสุดเสมอ รูปแบบการวางตัวเรียงกันเป็นรูปแบบต่าง ๆ และความยาวแท่งเทียน สะท้อนความกลัว และการตอบสนองต่อข้อมูลเพื่อแสวงหากำไรของเทรดเดอร์ในตลาด
การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย (Valumn Analysis)
เปิดใช้เครื่องมือนี้ในแพลตฟอร์มที่เทรด ซึ่งอาจจะอยู่ในชื่ออื่น หรือมีรูปแบบที่คล้ายกัน อาทิ Valumn by Price ซึ่งแสดงผลของปริมาณการซื้อขายในรูปแบบกราฟฮีสโทแกรม ในแนวตั้งหรือแนวนอน ซึ่งแนวโน้มขาขึ้น ปริมาณการซื้อต้องหนาแน่นเพิ่มขึ้น ถ้าเห็นว่าแรงซื้ออ่อนลง ปริมาณน้อยลง แสดงว่าระดับราคาน่าจะมีการย่อตัว หรือเป็นไปได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเกิดขึ้น ขณะที่ในแนวโน้มขาลง ปริมาณการขายต้องหนาแน่น ถ้าแรงขายอ่อนลง แรงซื้อก็จะผลักราคาให้เพิ่มสูงขึ้น
เครื่องมืออื่นที่บอกการกลับตัวของราคา
ในระหว่างการดูกราฟราคาหุ้นคุณอาจใช้เครื่องมืออื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อวิเคราะห์และยืนยันการกลับตัวของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์
Moving Average หรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ คำนวณจากราคาปิดย้อนหลัง ซึ่งกราฟราคาหากแนวโน้มต่ำกว่าหรือสูงกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ จะพบว่าราคาจะปรับเข้าสู่แนวโน้มตามเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ในที่สุด กรณีอย่างขาขึ้นดำเนินอยู่ และจู่ ๆ ราคาตกลงมาอยู่ใต้เส้น Moving Average แสดงว่าราคากำลังปรับเปลี่ยนเป็นขาลง ส่วนจากขาลงเป็นขาขึ้น เส้นแนวโน้มราคาจะตัดขึ้นไปอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
MACD เป็นการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อ้างอิงกรอบระยะเวลาต่างกันสามช่วงมาพิจารณาหาสัญญาณกลับตัวของแนวโน้ม โดยสองเส้นเมื่อเทียบกัน ระยะห่างจะนำไปเทียบกับอีกเส้นที่กำหนดสัญญาณได้ หากค่าความแตกต่างของสองเส้นมีระดับต่ำกว่าเส้นเกณฑ์สัญญาณ ปกติจะยืนยันแนวโน้มขาลง แต่หากว่าปรากฏขึ้นมาขณะที่ระดับราคาสื่อถึงขาขึ้น ถือว่าเป็นสัญญาณกลับตัว ซึ่งหากความแตกต่างของสองเส้นมีระดับสูงกว่าเส้นสัญญาณ แต่เกิดในระดับราคาเป็นขาลง นั่นแสดงถึงการกลับตัวของราคาเช่นกัน สัญญาณกลับตัวเรียกว่าสัญญาณ Divergence
Relative Strength Index (RSI) เป็นเครื่องมือที่บ่งบอกระดับความผันผวนของราคา วัดขนาดการเปลี่ยนแปลงไปของราคาล่าสุด มีค่าระดับ 0-100 โดยค่า RSI ที่ 30 หรือต่ำกว่าแสดงว่ามีการขายหุ้นหรือสินทรัพย์มากเกินไป ระดับราคามีแนวโน้มจะปรับเป็นค่าขึ้น หรือถ้าค่า RSI ที่ 70 หรือสูงกว่า แสดงว่ามีการซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์มากเกินไป ระดับราคามีแนวโน้มจะปรับเป็นขาลง
Dow Theory กับ Elliott Wave
แนวคิดเรื่องคลื่นนี้ปรากฎในแนวคิดของ Ellott Wave เช่นเดียวกัน ในเทคนิคนี้หลัก ๆ ให้ใช้การนับคลื่นว่ามี 5 จังหวะ นับขึ้นเป็น 1 จังหวะ ลงเป็น 1 จังหวะ โดยถ้าเข้าเกณฑ์แบบ Elliot Wave คลื่นที่ 3 จะสูงกว่ายอดของคลื่นที่ 1 ก่อนจะมีคลื่นที่ 5 เป็นราคาสูงสุดใหม่จบท้ายก่อนที่ราคาจะหดตัวและอาจกลับตัวสู่ขาลง หรือมี Elliot Wave ลูกใหม่ ทั้งนี้ลักษณะของ Elliot Wave คลื่นลูกที่ 3 จะต้องยาวที่สุด และคลื่นที่ 2 และ 4 ที่เคลื่อนลง ต้องไม่ลงพ้นจุดราคาต่ำสุดก่อนหน้า
ในการใช้เครื่องมือทางเทคนิค ไม่ควรเชื่อหรืออ้างอิงเพียงเครื่องมือเดียว ควรใช้อย่างน้อย 2-3 เครื่องมือเพื่อยืนยันสัญญาณแนวโน้ม และสำคัญคือต้องได้รับการยืนยันจากการปรับเปลี่ยนแนวโน้มของราคาอีกครั้งผ่านราคาตลาดที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจริง ๆ หลังตรวจพบสัญญาณจากกราฟเทคนิค เพื่อลดความเสี่ยงลงที่จะตัดสินใจตามสัญญาณหลอกและต้องขาดทุน
6 กฎทองของ Dow Theory และแนวปฏิบัติที่มือใหม่สายกราฟต้องรู้
ตลาดคือภาพจำลองทุกพฤติกรรม แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วใช่ว่าทุกคนจะปฏิบัติอย่างเป็นเหตุเป็นผลเสมอไป หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอ อันเนื่องมากจากระดับการเข้าถึงข้อมูลหรือความชำนาญในการวิเคราะห์ต่างกัน ซึ่งใน Dow Theory แม้ว่าแต่ละคนจะมีข้อมูลลดหลั่นกัน แต่แนวโน้มราคาที่ระบุได้เป็นค่าเฉลี่ย ถือเป็นตัวแทนการตัดสินใจอย่างมีเหตุและผลที่ยอมรับได้
แนวโน้มตลาดเป็นไปได้สามรูปแบบตามกรอบระยะเวลา แนวโน้มระยะยาว แนวโน้มรอง และแนวโน้มย่อย ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นในหลักการของ Dow Theory
สามช่วงปรับเปลี่ยนของแนวโน้มตลาด แยกตามขนาดอิทธิพลของเทรดเดอร์ หากราคาเป็นแนวโน้มขาขึ้น อิทธิพลต่อราคาของผู้ที่เชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก มีมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม พอราคาขึ้นถึงจุดหนึ่ง คนจะเริ่มคิดว่าเดี๋ยวราคาจะต้องลง หรือมีจำนวนคนที่จะซื้อเหลือลงลด ปริมาณการซื้อที่ลดลง ทำให้ฝ่ายขายมีอิทธิพลมากขึ้น และทำให้ราคาหุ้นย่อตัว ซึ่งรูปแบบเดียวกันนี้จะเกิดขึนในแนวโน้มขาลง แต่ผู้มีอิทธิพลมากกว่าในขาลงคือผู้ที่เชื่อว่าราคาหุ้นจะลดต่ำลง
ตัวชี้วัดต่าง ๆ ต้องยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน การเทรดไม่ควรพึ่งพาเพียงเครื่องมือทางเทคนิคเพียงตัวเดียว เพราะสิ่งที่ได้รับคือสัญญาณ สัญญาณอาจเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นเพราะการปรับเปลี่ยนแนวโน้มกำลังจะเกิดขึ้นจริง แต่หลายครั้งเพราะผู้ซื้อขายในตลาดรับรู้หรือปรับตัวไม่พร้อมกันเพราะได้รับข่าวสารไม่พร้อมกัน ซึ่งเครื่องมือทางเทคนิคแต่ละตัวจะให้สัญญาณเร็วช้าไม่เท่ากัน ใช้มากว่าหนึ่งตัวจึงเป็นเรื่องดีกว่า นอกจากนี้การติดตามข่าวสารในการเทรดหรือการเคลื่อนไหวภาคสถาบันก็สำคัญ เพราะแม้เทรดเดอร์รายย่อยจะคาดเดาสถานการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ถ้าสวนทางกับนักลงทุนสถาบันที่ส่งผลต่ออิทธิพลซื้อขายอย่างมาก อาจพบว่าแนวโน้มที่คาดพลิกผัน
ปริมาณการซื้อขายต้องสนับสนุนแนวโน้มที่เห็น ถ้าหากปริมาณการซื้อในขาขึ้นลดลง แปลว่าแรงซื้อขายหดตัว ตลาดอาจกลับตัวเป็นขาลง หรือหากปริมาณการขายในขาลงลดลง ก็อาจหมายถึงในทำนองเดียวกันในทิศทางตรงกันข้าม คือตลาดอาจจะกลับตัวเป็นขาขึ้นในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
แนวโน้มคงอยู่กระทั่งปรากฏจุดกลับตัวที่ชัดเจน บางครั้งจะพบว่าในตลาดรองตามหลักการทฤษฏีดาวน์ ส่งสัญญาณแนวโน้มที่สวนทางกับตลาดระยะยาว และสัญญาณนั้นกินระยะเวลาพอควร ซึ่งอาจจะส่งอิทธิพลให้ตลาดในระยะยาวปรับเปลี่ยนทิศทางด้วย แต่บางครั้งตลอดรองหรือตลาดย่อยที่มีทิศทางตรงกันข้ามก็กลับเปลี่ยนทิศทางอีกครั้งอย่างกะทันหันมาตามแนวโน้ม ในตรงนี้จริง ๆ แล้วต้องเข้าใจว่าแนวโน้มระยะยาวคงอยู่เสมอ หากเจอว่าแนวโน้มระยะยาวกลับตัว ก็ควรรอตลาดยืนยันด้วยการปรากฏแท่งเทียนคือราคาเป็นคลื่นทิศทางที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนแนวโน้มชั่วคราวอาจครอบคลุมแนวโน้มย่อยที่ผันผวนอย่างมาก ควรมีเงินประกันที่เพียงพอกรณีใช้บัญชีมาร์จิ้นหรือเลเวอร์เรจ
บทส่งท้าย
ราคาหุ้นวันนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตามราคาหุ้นในแนวโน้มระยะยาวเสมอ หลักการของ Dow Theory คือ เน้นการมองการปรับเปลี่ยนของราคาหุ้นเป็นเหมือนคลื่น โดยเหมาะที่จะใช้กราฟหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นแบบแท่งเทียนในการดู เพราะกราฟแท่งเทียนสะท้อนพฤติกรรมคนในตลาด หนึ่งแท่งสามารถดูได้ทั้งราคาปิด ราคาเปิด ราคาต่ำสุดและราคาสูงสุด โดยการวางตัวของแท่งเทียนสามารถสื่อถึงแนวโน้มขาขึ้นหรือลง และจุดกลับตัวได้ ซึ่ง Dow Theory สอดคล้องกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ ราคาสูงสุดล่าสุดต้องมากกว่าราคาสูงสุดก่อนหน้าในขาขึ้น และราคาต่ำสุดต้องต่ำกว่าราคาต่ำสุดก่อนหน้าในขาลง ซึ่งสัญญาณหลอกมีได้บ่อยครั้ง การตัดสินใจลงทุนควรเน้นว่าสัญญาณต้องชัดเจนคือเห็นการกลับตัวในระยะยาว และยืนยันด้วยเครื่องมือทางเทคนิคมากกว่าหนึ่งตัว รวมถึงการเคลื่อนที่ของราคาหลังเห็นสัญญาณสอดคล้องกับแนวโน้มที่คาดหรือสัญญาณที่ตรวจพบ
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก
ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ
2024-10-29
TOPONE Markets Analyst - ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024
เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD
2024-08-07
TOPONE Markets Analyst - 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
2024-01-30
TOPONE Markets Analyst - รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร
รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น
2023-11-15
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!