Price Action คืออะไรในการเทรด FOREX

Price Action คืออะไร

Price Action คือ การแสดงออกของผู้เล่นในตลาดผ่านราคา ทำให้เกิดเป็น “รูปแบบ” การเคลื่อนไหวของราคา เป็นไปตามหลักสถิติ คือเมื่อมีรูปแบบแล้วจะทำให้มีแนวทางคาดเดาสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแม่นยำมากขึ้น

เทคนิคการเทรด Price Action นี้เป็นกลยุทธ์ที่ดีของคุณที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวตลอดเวลา เหมาะสำหรับคุณที่ไม่ได้เทรดเต็มเวลา จนรู้เท่าทันปฏิกิริยาตอบสนองของคนในตลาดต่อข่าวหรือตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างทันท่วงที ขณะเดียวกัน Price Action ก็คือเป็นการยืนยันทิศทางของตลาดสำหรับคุณเต็มเวลาด้วย โดยเครื่องมือในเทคนิค Price Action คือ กราฟแท่งเทียน ซึ่งปกติแล้วในแต่ละแท่งจะมีส่วนประกอบคือ ราคาปิด ราคาเปิด ราคาต่ำสุดและสูงสุดที่มีการซื้อขายกันในแต่ละช่วงเวลา

กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบสีแสดงถึงอำนาจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นติดต่อกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ก็จะบอกแนวโน้มของตลาดขนาดนั้นว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง

• กราฟสีแดงหรือสีดำ ราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด ระบุอำนาจของผู้ขายเหนือกว่าผู้ซื้อ

• กราฟสีเขียวหรือสีขาว ราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิด ระบุอำนาจของผู้ซื้อเหนือกว่าผู้ขาย 

โดยพื้นฐานของเทคนิคการเทรด Price Action จะดูรูปแบบกราฟแท่งเทียนเป็นสำคัญ โดยไม่มีการใช้ Indicator ขั้นสูงอื่น ๆ ประกอบ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กังวลใจว่าการเทรดเชิงเทคนิคเป็นเรื่องซับซ้อน แต่ขณะเดียวกัน การนำ Indicator ต่าง ๆ มาใช้งานร่วมก็จะยิ่งทำให้มั่นใจในจังหวะเข้าซื้อมากขึ้น

ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มการเทรดจะมีรูปแบบของกราฟให้เลือก ทั้ง MT4, MT5, หรือแพลตฟอร์มของทางโบรกเกอร์เอง การดูกราฟแท่งเทียนส่งเสริมการเทรดมากกว่ากราฟเส้น เพราะในหนึ่งแท่งเทียนช่วยบอกข้อมูลหลายอย่าง และเมื่อแท่งเทียนอยู่รวมกัน รูปแบบการเรียง การขยับขึ้นลง ล้วนบอกเล่าพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด เมื่อศึกษาเรียนรู้แล้วคุณย่อมรู้เท่าทันตลาด 

รู้อะไรจาก Price Action

หลังจากที่เราทราบว่า Price Action คืออะไรแล้ว ต่อมาในย่อนหน้านี้ จะพาคุณมาดูว่า การดูสิ่งที่ Price Action นำเสนอ คุณจะมองเห้นข้อมูลอะไรให้นำไปใช้ได้

การเทรดค่าเงินสไตล์ Price Action เมื่อมองกราฟแท่งเทียนที่บอกราคาในอดีต คุณจะเห็นแนวโน้มราคาขาขึ้น และขาลง แม้ในช่วงขาขึ้น แท่งเทียนก็สามารถขยับลงต่ำและเป็นสีแดงได้ หรือช่วงขาลง ก็สามารถขยับขึ้นและเป็นสีเขียวได้ สวนทางกับแนวโน้มหลัก นี่เป็นเพราะการตัดสินใจส่วนบุคคล เรื่องการกำหนดราคานั้นต่างกัน มีความลังเลใจ หรือคิดเห็นไม่ตรงกันได้ การตัดสินใจเทรดจากกราฟแท่งเทียน ความสนใจแรกของคุณควรมุ่งไปที่แนวโน้มในภาพรวม เพราะการลงทุนตามแนวโน้มมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมาสูงกว่าการสวนกระแส

แนวโน้มจากกราฟแท่งเทียน เป็นที่สังเกตได้จากการปรับตัวของกราฟแท่งเทียนลำดับถัดไป

• แท่งเทียนขยับสูงขึ้นในลักษณะที่มีราคาปิดสูงกว่าราคาสูงสุดก่อนหน้า และราคาสูงสุดของแท่งเทียนก็อาจสูงกว่าราคาสูงสุดก่อนหน้าด้วย ตลาดเข้าสู่ขาขึ้น

• แท่งเทียนขยับต่ำลงในลักษณะที่มีราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดก่อนหน้า และราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก็อาจต่ำกว่าราคาต่ำสุดก่อนหน้าด้วย ตลาดเข้าสู่ขาลง

ในช่วงแท่งเทียนแรกที่เห็นสัญญาณว่าตลาดปรับเปลี่ยนทิศทาง ควรจะชะลอการตัดสินใจก่อน รอจนเห็นแท่งเทียนถัด ๆ ไปยืนยันแนวโน้มจึงเข้าเทรด อย่างไรก็ตาม การเข้าเทรดที่ช้าก็อาจจะทำให้พลาดกำไรที่มุ่งหมายได้ ดังนั้นเพื่อรักษากำไรสูงสุดอาจพึ่งพาการดู Price Action ขั้นสูง

กราฟแท่งเทียนถูกใช้มานานกว่า 200 ปี นับแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 ดังนั้นเมื่อพฤติกรรมของมนุษย์มีรูปแบบ จึงมีคนทำสรุปรูปแบบของกราฟแท่งเทียนเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปประกอบการตัดสินใจไว้ โดยรูปแบบสำคัญหลัก ๆ ที่นำไปใช้ได้เลยในเทคนิค Price Action ขั้นสูง  ไม่ต้องพึ่งพา Indicator ซับซ้อนตัวอื่น ๆ ร่วมด้วย มี 4 รูปแบบ

1. ค้อน หรือ Hammer

2. ดาวตก หรือ Shooting Star

3. คนท้อง หรือ Harami

4. กลืนกิน หรือ Engulfing 

แท่งเทียนแบบ Hammer จะไม่มีไส้เทียนด้านบน แต่จะเจอราคาปิดอยู่ด้านบน เป็นราคาเดียวกับราคาสูงสุด ส่วนไส้ด้านล่างจะยาวมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้ซื้อมีกำลังมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ผู้ขายได้พยายามเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วหมดกำลังไปก่อน ร่องรอยความพยายามของผู้ขายคือส่วนหางยาวที่เห็นนั่นเอง กรณีแบบนี้แนวโน้มที่กำลังเกิดคือขาขึ้น

กราฟแท่งแบบ Shooting Star ให้สัญญาณตรงกันข้ามกับ Hammer ลักษณะเหมือนค้อนกลับหัว เอาหัวค้อนเคาะพื้น แต่หลายคนรู้สึกว่ารูปกราฟสื่อถึงการตกวูบ จึงสมควรเรียกรูปแบบกราฟแท่งนี้ว่าดาวตกมากกว่า หางด้านบนของแท่งจะยาวมาบรรจบกับตัวแท่งที่ราคาปิดเป็นราคาต่ำสุด เผยให้เห็นว่าแรงขายมากกว่าแรงซื้อ และยื้อลากเป็นขาลง

อย่างไรก็ตาม การอ่านกราฟแท่งแบบ Hammer และ Shooting Star ก่อนทำการตัดสินใจ ควรนั่งดูกราฟสักพักหนึ่ง ให้เห็นการยืนยันทิศทางแล้วจึงเข้าเทรด และควรจะต้องคิดเผื่อถึงการ Stop Loss เอาไว้ด้วย กรณีที่ทิศทางของราคาไม่เป็นไปอย่างที่คิด โดยถ้าคาดเดาเป็นขาลง ให้สังเกตราคาสูงสุดจากแท่งเทียนก่อน ๆ กำหนดให้ราคาสูงสุดก่อนหน้าที่เรารับมูลค่าที่สูญเสียได้เป็นราคาออก ส่วนถ้าเป็นขาขึ้น กำหนดให้ราคาต่ำสุดก่อนหน้าเป็นราคาออก

ในส่วนของกราฟ Harami เป็นสัญญาณตลาดขาขึ้น ขาลง หรือในหลาย ๆ ครั้งก็สื่อถึงไม่มีแนวโน้มราคาที่ชัดเจน โดยถูกเปรียบเป็นคนท้อง รูปแบบกราฟคือจะเป็นแท่งเล็กด้านขวาคู่กับแท่งใหญ่อยู่ติดกันด้านซ้ายเสมอ

• Bullish Harami แท่งขวาสีเขียวสื่อถึงกำลังซื้อที่มากกว่า แต่มีขนาดเล็กกว่าโดยเปรียบเทียบ โดยการเกิด Bullish Harami นี้เป็นสัญญาณว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นซึ่งพบในตลาดขาลง แต่ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นได้ด้วยแท่งเทียนถัดไป เป็นแท่งที่สาม ซึ่งหากแนวโน้มจะปรับเปลี่ยนเป็นขาขึ้นจริง แท่งสีเขียวถัดไปจะกระโดดขึ้น มีราคาเปิดของแท่งไม่น้อยกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง

• Bearish Harami แท่งขวาสีแดงสื่อถึงกำลังซื้อที่มากกว่า แต่มีขนาดเล็กกว่าโดยเปรียบเทียบ โดยการเกิด Bearish Harami นี้เป็นสัญญาณว่าตลาดจะเป็นขาลงซึ่งพบในตลาดขาขึ้น แต่ยืนยันแนวโน้มขาลงได้ด้วยแท่งเทียนถัดไป เป็นแท่งที่สาม ซึ่งหากแนวโน้มจะปรับเปลี่ยนเป็นขาลงจริง แท่งสีแดงถัดไปจะกระโดดลง มีราคาเปิดของแท่งไม่สูงกว่าราคาปิดของแท่งที่สอง

และมีกราฟอีกรูปแบบ คือ Engulfing จะคล้ายกับ Harami มากจนคนเข้าใจกันผิดบ่อย ๆ เพราะดูราวกับเป็นคนท้องที่กำลังหันไปอีกด้าน แยกรูปแบบของ Engulfing หรือกราฟแท่งเทียนกลืนกิน ย่อยลงไป ได้ดังนี้

• Bullish Engulfing แท่งขวาสีเขียวสื่อถึงกำลังซื้อมีมากกว่า แท่งนี้มีราคาเปิดที่ต่ำกว่าแท่งซ้าย และราคาปิดที่สูงกว่า ขนาดใหญ่กว่ากราฟแท่งด้านซ้ายโดยเปรียบเทียบ นี่เป็นสัญญาณว่าราคาจะปรับเป็นขาขึ้น เป็นภาวะ “กระทิงกินหมี”

• Bearish Engulfing แท่งขวาสีแดงสื่อถึงกำลังขายมีมากกว่า แท่งนี้มีราคาเปิดที่สูงกว่าแท่งซ้าย และราคาปิดที่ต่ำกว่า ขนาดใหญ่กว่ากราฟแท่งด้านซ้ายโดยเปรียบเทียบ นี่เป็นสัญญาณว่าราคาจะปรับเป็นขาลง เป็นภาวะ “หมีกินกระทิง”

รูปแบบ Price Action ในการวิเคราะห์ FOREX

FOREX คือการเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างคู่สกุลเงิน โดยระดับราคาแสดงในรูปแบบของกราฟเส้นในเบื้องต้น แต่สามารถเรียกดูในรูปแบบของกราฟแท่งเทียนได้เช่นเดียวกัน บทเรียนการสอนเทรดฟอเร็กซ์ที่มีนำเสนออยู่ตามเว็บไซด์ต่าง ๆ มักจะแนะนำให้คุณรู้จักการดูแท่งเทียน FOREX ซึ่งไม่ต่างจากที่ได้ยกตัวอย่างไปเบื้องต้นแล้ว แต่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ อาจจะมีการใช้ Indicator FOREX ต่าง ๆ ร่วมด้วยในวิธีการดูกราฟ FOREX

ในการเทรด FOREX ด้วย Price Action จะทำให้คุณแม้แต่มือใหม่จับทิศทางได้ง่าย สามารถทำกำไรบนความผันผวนของราคา FOREX ได้ไม่ยากจนเกินไป

การวิเคราะห์ FOREX เริ่มต้นจากเลือกก่อนว่าจะเทรด FOREX ตัวไหนดี คู่สกุลเงินที่เทรดกันเป็นหลักและมีสภาพคล่องสูงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับวิเคราะห์ด้วย Price Action คู่ FOREX เหล่านี้ คือ 

• EUR/USD (ยูโร – ดอลลาร์สหรัฐ)

• USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ – ดอลลาร์แคนาดา)

• USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ – เยน)

• GBP/USD (ปอนด์ – ดอลลาร์สหรัฐ)

• USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ – ฟรังซ์สวิตซ์)

• AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย – ดอลลาร์สหรัฐ)

หากมิใช่ FOREX คู่หลัก ค่าสเปรดมักจะสูงขณะที่การเคลื่อนที่ของราคาอยู่ในกรอบที่แคบ ทำให้การใช้ Price Action เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำกำไรได้อย่างแม่นยำ เพราะราคาจะไม่สูงหรือต่ำจนถึงระดับที่พ้นจากช่วงสเปรดซึ่งเป็นต้นทุนของการเปิดสถานะซื้อขาย

ในเวลาที่สเปรดสูง หรือกรอบการเคลื่อนที่แคบ รวมถึงช่วงเวลาปกติ วิธีหนึ่งที่ช่วยประเมินสภาวะของตลาดได้ คือการนำเครื่องมือทางเทคนิคตัวอื่นเข้ามาใช้วางบนกราฟแท่งเทียน หรือวางเทียบเพื่อประกอบการวิเคราะห์

Indicator FOREX ที่ควรใช้ในการเทรด FOREX สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท

1. Lagging indicator คือ ตัววัดชี้ตามที่บอกสัญญาณหลังแนวโน้มใหม่เกิดขึ้น โดยจะส่งสัญญาณเมื่อมีการกลับตัวของราคา เป็นการชี้แนวโน้มซึ่งมีข้อเสียคืออาจจะทำให้ตัดสินใจช้าไปและพลาดกำไรสูงสุด แต่มีข้อดีก็คือ บอกแนวโน้มที่แท้จริงของตลาด ตัวขี้วัดที่รู้จักกันดีในกลุ่มนี้ คือ MACD (Moving Average Convergence Divergence) และ Momentum

2. Leading indicator คือตัววัดชี้นำ หรือ Momentum Oscillator เพื่อใช้ทำนายทิศทางราคา ช่วยในการหาจังหวะเข้าซื้อขาย ตัววัดในกลุ่มนี้บ่งบอกภาวะซื้อมากไปหรือขายมากไป ซึ่งเป็นสัญญาณขาขึ้นหรือขาลงที่มีน้ำหนัก ตัวชี้วัดในกลุ่มนี้ ได้แก่ Commodity Channel Index (CCI), Relative Strength Index (RSI), Stochastic Oscillator (STO) เป็นต้น

3. Confirming indicator คือตัววัดยืนยันแนวโน้ม เช่น การใช้ Trendline ตีเส้นเพื่อดูขอบเขตแนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือลง หรือการกำหนดเส้นแนวรับและแนวต้านจากราคาสูงสุดและต่ำสุดในขอบเขตที่ยอมรับการแกว่งขึ้นลงของราคา

กราฟแท่งเทียน VS Price Action

เมื่ออ่านบทความมาถึงตอนนี้แล้ว และเข้าใจว่ากราฟแท่งเทียนคือ Price Action แต่แท้ที่จริงแล้วกราฟแท่งเทียนเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งที่สื่อสารพฤติกรรมของมนุษย์ที่สัมพันธ์กับราคาได้ดี เป็นสื่อถึง Price Action ช่วยในเทคนิค Price Action ขั้นสูงนี้จึงเป็นที่นิยมในการวิเคราะห์เพื่อซื้อขาย Forex หรือเก็งกำไรราคาหลักทรัพย์อื่น แต่ไม่สามารถกล่าวว่าทั้งสองเป็นสิ่งเดียวกัน

กราฟแท่งเทียนเหมือนบันทึกสถิติราคา รูปแบบราคาที่แสดงออกเป็นแท่งซึ่งมีความหมายแฝงถึงราคาปิด ราคาเปิด ราคาสูงสุดหรือต่ำสุด ทำให้เราคาดเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่พฤติกรรมของคนก็อาจจะทำให้กราฟแท่งเทียนแสดงรูปแบบผิดเพี้ยนไปจากที่คาดไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นในขั้นต้นของการเทรด FOREX ด้วยเทคนิค Price Action หรือเก็งกำไรบนราคาสินทรัพย์อื่น ๆ แนะนำให้ใช้ Confirming Indicator ควบคู่ด้วยเสมอ ลดความเสี่ยงเมื่อพฤติกรรมของคนปรับเปลี่ยนกะทันหัน

การอธิบายเรื่องเทรดโดยใช้กราฟในอดีต เป็นเรื่องง่าย และดูเหมือนเทคนิคหรือเครื่องมือจะแม่นยำ แต่คุณต้องคำนึงว่าไม่มีคนรู้อนาคตจริง ๆ ในตอนที่เทรดอยู่ ณ ปัจจุบัน รูปแบบกราฟที่เห็นจู่ ๆ อาจจะเปลี่ยนไป ศึกษาจากกราฟในอดีตไม่สามารถทดแทนประสบการณ์เทรดที่ได้ลองผิดลองถูก ประสบการณ์หลายร้อยหรือนับพันครั้งจะเป็นประสบการณ์ที่จะช่วยให้พิจารณาได้ถี่ถ้วนและแม่นยำในการตัดสินใจเทรด รวมถึงตั้งค่า Cut Loss ที่เหมาะสมกรณีผลลัพธ์การเทรดผิดไปจากคาดการณ์

ในการใช้ Confirming Indicator สำหรับมือใหม่ก็ทำได้ หลายท่านอาจจะแย้งว่าไม่แน่ใจว่าขีดเส้น Trendline ถูกต้อง หรือว่ากำหนดเส้นแนวรับและแนวต้านถูกต้อง แต่ที่จริงแล้วการกำหนดขอบเขตเหล่านี้เป็นการอ้างอิงจากราคาสูงต่ำแต่ละช่วง หากสลับดู Timeframe และลองลากเส้น จะเห็นรูปแบบแนวโน้มอย่างแน่นอน เรื่องผิดหรือถูก หากใช้เวลาดูกราฟประมาณ 15-30 นาทีเมื่อลองลากเส้น Trendline ดูแล้ว ย่อมสามารถยืนยันความเหมาะสมของการลากเส้น และปรับเปลี่ยนระดับการวางเส้น Trendline บนกราฟได้

บทส่งท้าย

ถึงตอนนี้ คุณน่าจะพอจับประด็นถึงว่า Price Action คืออะไร และความสำคัญในการเทรด FOREX ด้วย Price Action สำหรับคุณมือใหม่อาจจะเริ่มต้นการเทรด FOREX หรือเก็งกำไรอื่น ๆ โดยกดเปิดหรือปิดสถานะอย่างงง ๆ และไม่มีเกณฑ์ในการตัดสินใจ แต่ราคากำหนดมาจากอุปสงค์และอุปทาน ดังนั้นจะต้องมีที่มาที่ไป เพราะทั้งผู้ซื้อและขายล้วนมีแรงจูงใจในการกระทำ

เรื่องของเศรษฐกิจการเงินแฝงด้วยเรื่องพฤติกรรมของคน ล้วนมีรูปแบบ เพียงแต่ไม่มีการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ารูปแบบหนึ่งรูปแบบใดจะเกิดขึ้นแน่นอนในเวลาอันใกล้ คุณศึกษาความรู้ FOREX จะตั้งใจมองหาสัญญาณของรูปแบบ เห็นจุดเริ่มต้นของรูปแบบกราฟที่ให้สัญญาณแนวโน้มราคา และตัดสินใจเปิดสถานะซื้อขาย แต่ในตอนที่ตัดสินใจ ยังไม่มีคนเห็นตอนจบของเรื่อง

เทรดเดอร์อาชีพเอง ก็ยังไม่สามารถใช้ Price Action หรือสถิติราคาเพื่อทำกำไรได้ทุกครั้ง เพียงแต่มีโอกาสสูงที่จะทำสำเร็จ

การใช้เวลากับกราฟเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าการคิดอย่างรอบคอบ และชะลอการตัดสินใจ จะทำให้พลาดกำไรสูงสุดก้อนใหญ่ แต่อย่าลืมว่าเวลาที่คุณหวังกำไรมาก ๆ ความเสี่ยงก็จะมากตาม ดังนั้นหากยอมที่จะลดกำไรที่คาดหวังลงมา ด้วยการดูกราฟให้แน่ใจก่อน ความเสี่ยงก็ต่ำลงไปและมีโอกาสได้มากกว่าสูญเสียผลตอบแทนที่คาดหวังและเงินลงทุนตั้งต้น