เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด หุ้น Fibonacci ในการเทรด FOREX คืออะไร รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้

Fibonacci ในการเทรด FOREX คืออะไร รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้

เรียนรู้รูปแบบและตัวอย่างของการใช้งาน Fibonacci ในการเทรด Forex เพื่อประเมินทิศทางราคา เข้าใจง่าย ทำตามได้ด้วยตัวอย่างจาก MT5

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2022-07-25
ไอคอนรูปตา 1059

Fibonacci คืออะไรในโลกการเทรด FOREX

Fibonacci คือค่าอัตราส่วนที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ใช้เพื่อชี้ความเป็นไปได้ที่แนวโน้มราคาแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศจะปรับเปลี่ยนทิศทางในตลาด FOREX (Foreign Exchange Market) โดยเขียนสัดส่วนเหมือนกับไม้บรรทัด และนำมาวางทาบกับกราฟระดับราคา โดยเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้พัฒนาต่อยอดมาจากชุดตัวเลขอนุกรมที่คิดค้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน ชื่อว่า Leonardo Fibonacci 

รูปแบบของ Fibonacci มีแบบไหนบ้าง

ค่า Fibonacci แบ่งตามชุด Ratio ได้เป็น 2 รูปแบบ


Fibonacci Retracement คือ เครื่องมือที่มีองค์ประกอบเป็นค่า Ratio ที่ 0, 23.6, 38.2, 61.8, 78.6 และ 100 ซึ่งกรณีของ 100 คือเมื่อราคาปรับขึ้นจากจุดตั้งต้น และลดลงไปอีกครั้งเป็นลักษณะฟันปลาถึงระดับเดียวกับจุดตั้งต้น 


หากการลดลงของราคาก่อนจะถึงระดับ 100 หากวัดแล้วคิดเป็นอัตราส่วนแค่ 23.6, 38.2, 61.8 และ 78.6 ถือว่าราคาแค่ย่อตัว ซึ่งเป็นไปได้ว่าราคาจะยังกลับไปสู่ขาขึ้นได้ แต่หากการปรับลดลงมาถึงขอบเขตสัดส่วน 100 หรือเท่ากับจุดราคาเริ่มต้นโดยเปรียบเทียบ การลดลงของราคามีความแรงพอที่แนวโน้มจะเป็นขาลงจริง


image.png


หรืออาจใช้หลักการเดียวกันเพื่อดูว่าการเพิ่มขึ้นของราคามีความแรงมากพอที่แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น


image.png



Fibonacci Extension คือ เครื่องมือที่มีองค์ประกอบเป็นค่า Ratio ที่ 127.2, 138.2, 150, 161.8, 200, และ 261.8 (หรืออาจขยายถึงพื้นที่ 423.6) ซึ่งราคาที่พุ่งขยับไล่เลี่ยกับราคาสูงสุดก่อนหน้า ราคาจะย่อตัวเป็นลำดับต่อไป ก่อนจะพุ่งขึ้นอีก การพุ่งครั้งหลังนี้หากสูงกว่าจุดปิดก่อนหน้าหรือค่า 100 สามารถคิดถึงเป้าหมายราคาลำดับถัดไป สามารถขยายตัวไปถึงค่า 161.8 หรือ 261.8


image.png


หรืออาจใช้หลักการเดียวกันเพื่อดูว่าการลดลงของราคาในระดับ 100% ที่มีการขยายเพิ่มขึ้นก่อนจะพุ่งดิ่งลง การพุ่งลงดิ่งนี้ หากต่ำกว่าจุดเปิดก่อนหน้าสามารถคิดถึงเป้าหมายราคาลำดับถัดไปด้วยสัดส่วน Fibonacci เช่นกัน


image.png

ใช้งาน Fibonacci จากกราฟราคาอย่างไร

จุดประสงค์การใช้ Fibonacci มีได้ 4 อย่างหลัก ๆ คือ

วัดระยะการย่อของระดับราคา เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

image.png


กรณีวัดความแข็งแกร่งเมื่อสงสัยว่าราคาจะปรับเป็นแนวโน้มขาลง (อยู่ในช่วงขาขึ้น)

  • หากการลดลงของระดับราคาไม่เกิน 38.2% จัดเป็นการย่อตื้น แนวโน้มขาขึ้นมีความแข็งแกร่ง บอกได้ว่าราคายังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น 

  • หากการปรับลงของระดับราคาอยู่ระหว่าง 38.2-50.0% ถือว่าความแข็งแกร็งของแนวโน้มปานกลาง ซึ่งหากสังเกตถึงการเคลื่อนที่ของกรอบราคาแบบไซต์เวย์ คือราคาขยับผันผวนในกรอบนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นไปได้ที่จะเกิดแรงขายซึ่งทำให้เกิดแนวโน้มกลับตัวเป็นขาลง แต่ก็ยังมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไปอีก 

  • หากราคาปรับลงมากกว่านั้น ระหว่าง 50-61.8% แสดงว่าแรงขายเพิ่มขึ้นในตลาด และมีโอกาสน้อยลงที่ราคาจะปรับต่อเนื่องเป็นขาขึ้น มีโอกาสมากขึ้นไปอีกที่ราคาจะปรับเป็นขาลง

  • หากราคาลดลงจนถึงระดับสัดส่วน 100% เมื่อเทียบกับจุดราคาต่ำสุดก่อนหน้าซึ่งเราถือเป็นจุดเริ่มต้น จะมองว่าเป็นสัญญาณกลับตัว (Reversal Signal) คือเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง 


กรณีวัดความแข็งแกร่งเมื่อสงสัยว่าราคาจะปรับเป็นแนวโน้มขาขึ้น (อยู่ในช่วงขาลง)

  • ราคาเพิ่มขึ้นไม่เกิน 38.2% แล้วย่อลงแสดงว่าแนวโน้มขาลงมีความแข็งแกร่ง 

  • ราคาเพิ่มขึ้น 38.2 - 50.0% แล้วย่อลงแสดงว่าแนวโน้มขาลงเริ่มอ่อนกำลังลง มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

  • ราคาเพิ่มขึ้น 50.0 - 61.8 % มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

  • ราคาเพิ่มขึ้นพ้นจาก 61.8% มีโอกาสสูงที่ราคาจะพุ่งไปยัง 100.0% (Reversal Signal) เทียบเท่าราคาสูงสุดก่อนหน้า และมีโอกาสสูงมากที่แนวโน้มเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น



image.png


วัดระยะการปรับตัวของราคา เพื่อชี้ราคาคาดการณ์ที่เป็นไปได้

เมื่อราคาเคลื่อนผ่านจุด 100% สามารถเห็นราคาเป้าหมายได้ว่าคือ 161.8% หรือ 261.8%


image.png


ประเมินหาแนวรับ-แนวต้าน 

ช่วงขาขึ้น: 

แนวต้าน คือ ค่าสัดส่วน 161.6% และ 261.8% ตามลำดับ 

แนวรับ คือ ค่าสัดส่วน 61.8%

ช่วงขาลง: 

แนวต้าน คือ ค่าสัดส่วน 38.2% 

แนวรับ  คือ ค่าสัดส่วน 161.6% และ 261.8% ตามลำดับ 


image.png


ชี้จุด Stop Loss หรือ Take Profit เพื่อปิดออเดอร์

ช่วงขาขึ้น: จุด Stop Loss ไม่ควรต่ำกว่า 61.8% และ Take Profit ระหว่าง 100-261.8%


ช่วงขาลง: จุด Stop Loss ไม่ควรสูงกว่า 38.2% และ Take Profit ระหว่าง 100-261.8%


Fibonacci เป็นเครื่องมือที่บอกความน่าจะเป็นของการปรับเปลี่ยนทิศทางแนวโน้มโดยพิจารณาแรงลากของตลาดว่ามีความแกร่งหรืออ่อนแรงผ่านระดับราคา อย่างไรก็ตามเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ไม่ได้รับประกันผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการใช้งานควรใช้ร่วมกับ Technical Indicator อื่น ๆ 

ตัวอย่างการวัดและลาก Fibonanci

ในหน้าแพลตฟอร์มที่แสดงราคาและซื้อขาย สามารถเปิดใช้เครื่องมือบ่งชี้ (Indicator) Fibonancci Retracement และ Fibananci Extension ได้ภายใต้ชื่อเครื่องมือ Fibonanci Retracement ซึ่งมีไอคอนเป็นรูปเส้นแนวนอนขีดลากคู่ขนานหลายเส้น หากระดับราคาปรับเกิน 100% ค่าที่แสดงในการใช้งานจะเข้ารูปแบบ Extension 


image.png

การลาก Fibonacci Retracement

image.png


ให้สังเกตจากภาพแสดงรูปแบบว่าต้องการวัดว่าราคาวิ่งทะลุ 100% ในขาลง หรือขาขึ้น ซึ่งในการใช้เครื่องมือในแพลตฟอร์ม จะต้องกดลากในทิศทางสวนกลับเพื่อให้ขึ้นสัดส่วนและอ่านค่าได้ตามต้องการ นอกจากนี้นักเทรดต้องระวังว่าสัดส่วนที่กำหนดเป็นค่าพื้นฐานอาจไม่ตรงกับค่าพื้นฐานในบทความนี้ ทางนักเทรดต้องกดตั้งค่าเอง โดยกรอกค่าสัดส่วนดังที่แนะนำไปแล้วข้างต้น


ในแนวโน้มขาขึ้นตามภาพด้านล่าง เมื่อราคาปรับลง:ให้กดใช้เครื่องมือ Fibonacci และกดลากจากจุดราคาที่ต่ำสุดล่าสุดกลับขึ้นไปยังราคาสูงสุดก่อนหน้า


การพิจารณาราคาหลังจากนั้น จะเป็นว่าระดับราคาไม่ได้ทะลุแนวรับสุดท้ายที่ 100% หรือไม่ได้มีทิศทางกลับตัวเป็นขาลง จากนั้นราคาแสดงว่าไม่มีแรงลากลงอย่างเห็นได้ชัด แต่แสดงผลเป็นแบบไซด์เวย์ ซึ่งถ้าเป็นตามภาพตัวอย่างข้างล่างนี้ ถือว่าสัญญาณกลับตัวอ่อน ยังไม่ควรเปิดออเดอร์ซื้อ


image.png


ในแนวโน้มขาลงตามภาพถัดไป เมื่อราคาปรับขึ้น: ให้กดใช้เครื่องมือ Fibonacci และกดลากจากจุดราคาที่สูงสุดล่าสุดกลับไปหาราคาต่ำสุดก่อนหน้า


การพิจารณาระดับราคาหลังจากนั้น จะเห็นว่าระดับราคาไม่ได้ทะลุ 100% หรือไม่ได้มีทิศทางกลับตัวเป็นขาขึ้น จากนั้นราคาปรับเป็นขาลงต่อเนื่องอีก โดยราคาต่ำสุดยังอยู่ในแนวรับ ราคาต่ำสุดมีหลุดแนวรับไปบ้างเล็กน้อยแต่ราคาปิดก็ยังอยู่ในกรอบ ในอนาคตหากพบว่าราคาผ่าน 100% ขึ้นไปได้  เรามีโอกาสสูงที่จะพบว่าราคาปรับทิศทางเป็นขาขึ้น 


image.png

การลาก Fibonacci Extension


image.png


ในการมองหาจุดที่เหมาะลาก Fibonacci Extension ให้มองหารูปแบบดังสองภาพด้านบน จากนั้นหากคิดว่าแนวโน้มจะเป็นขาขึ้น ให้ลากย้อนจากจุดที่ราคาสูงสุดล่าสุดกลับไปยังจุดราคาสูงสุดก่อนหน้า หรือย้อนไปยังจุดราคาสูงสุดก่อนหน้านั้นอีกเป็นลำดับถัดไปก็ได้ จะพบว่าจุดที่เริ่มลากเส้นมีค่าเท่ากับ 100 % หรือในทางกลับกัน ถ้าสงสัยว่าราคาเป็นแนวโน้มขาลง ให้ลากย้อนจากจุดที่ราคาต่ำสุดล่าสุดกลับไปยังจุดราคาต่ำสุดก่อนหน้า


ในรูปภาพถัดไป เมื่อสงสัยว่าราคาจะเป็นขาขึ้น ลาก Fibonacci Ratio โดยเริ่มจากราคาสูงสุดขวามือ ไปหาราคาสูงสุดอีกจุดหนึ่ง ทางขวามือของกราฟราคา จะเห็นว่าราคาทะลุ 100% ไปในที่สุด และนี่ยืนยันการเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีราคาคาดการณ์ที่ 161%


image.png


หากสงสัยว่าราคาจะเป็นขาลง ให้ลากราคาต่ำสุดล่าสุดกลับไปหาราคาต่ำสุดก่อนหน้า เพื่อดูต่อว่าราคาถัด ๆ ไปจะพ้นแนวรับหรือไม่ ซึ่งตามกราฟราคากลับพุ่งขึ้นแต่ไปได้เหนือกว่าแนวต้านที่ 0% เล็กน้อยเท่านั้นและตกลงมา สุดท้ายห็นได้ว่าระดับราคาพ้น 100 % ลงไป ยืนยันว่าราคาเข้าสู่ช่วงขาลง อย่างไรก็ตามจะไม่ไปสู่ช่วงใหม่ ยกเว้นแต่จะแตะที่ 161 % และทะลุไปได้


image.png

อินดิเคเตอร์อื่น ๆ ที่เหมาะใช้แทนหรือร่วมกับ Fibonacci 

ในที่นี้จะขอแนะนำ Indicator อื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมและสมควรใช้แทนหรือร่วมกับ Fibonacci พอสังเขป 5 อย่าง

กราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

รูปแบบแท่งเทียนหนึ่งแท่งจะบอกทั้งราคาต่ำสุด สูงสุด ราคาปิดและราคาเปิด ซึ่งเป็นรายละเอียดที่มากกว่ากราฟแบบเส้น การแสดงจุดเปลี่ยนราคาของกราฟแท่งเทียนจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำ แท่งเทียนเมื่อมาเรียงตัวกันจะบอกทั้งแนวโน้มราคา และรูปแบบการเรียงตัวของแท่นเทียนสามารถแบ่งได้หลายประเภทสะท้อนแบบแผนพฤติกรรมของคนในตลาด ทำให้คาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มราคากำลังปรับเป็นขาขึ้นหรือขาลง หรือหากกราฟแท่งเทียนขึ้นลงในกรอบราคาแคบ ๆ (Side Way) จะบอกว่ายังไม่ควรตัดสินใจเปิดออเดอร์ เพราะแรงซื้อขายยังต้านกันอยู่ ไม่มีความแน่ชัดว่าราคาจะเป็นขาขึ้นขาลง

เส้นแนวโน้ม (Trendlines)

สามารถลากเส้นได้เองด้วยเครื่องมือลากเส้น เมื่อลากเส้นเชื่อมระหว่างจุดต่ำสุด และพบว่าเส้นมีความชันมากขึ้นเป็นบวก แสดงว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้น แต่หากลากเส้นเชื่อมระหว่างสุดสูงสุด และพบว่าเส้นมีความชันเป็นลบ แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง โดยปกติแล้วจะนิยมลากเส้นขนานประกบกับเส้นแนวโน้ม ซึ่งหลักการตีเส้นแนวโน้มคือไม่ควรให้เส้นแนวโน้มโดนตัดหรือคือการลากเส้นแนวโน้มขาขึ้นไม่ให้มีระดับราคาช่วงไหนทีล้ำต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้น หรือถ้าเป็นการลากเส้นแนวโน้มขาลง ไม่ให้มีระดับราคาช่วงไหนที่ล้ำสูงกว่าเส้นแนวโน้มขาลง หากเห็นว่ากราฟแท่งเทียนหรือกราฟเส้นหลุดพ้นเส้นแนวโน้ม ราคาสินทรัพย์อาจกำลังกลับตัว

ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

หากสังเกตว่าปริมาณการซื้อลดลง ขณะที่ราคาเพิ่มสูงขึ้น จะเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อกำลังจะหมดไป หรือคนไม่เชื่อมั่นต่อว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้น อาจจะเป็นเพราะมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่าราคาที่แท้จริงหรือที่คนมองว่าควรเป็นหรือเมื่อวัดจากปัจจัยพื้นฐานซึ่งวัดคำนวณได้เป็นค่าสัดส่วน ซึ่งหมายถึงแนวโน้มจะปรับตัวเเป็นขาลง และในทางกลับกัน หากปริมาณการขายลดลง จะเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อต้านแรงขาย โดยอาจถูกกระตุ้นด้วยข่าวที่ทำให้คนยอมจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อสินทรัพย์นั้น ๆ เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจกลับตัวเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ใช้ลำพังและเกิดความชัดเจนในการพยากรณ์ถึงอนาคตของราคา

การผันผวนของราคา (Momentum Oscillators)

เครื่องมือในกลุ่ม Oscillator ตัวเด่น คือ Relative Strength Index (RSI) และ Stocastic (STO) ซึ่งโดยหลักการแล้วจะแสดงสัดส่วนเปอร์เซ็นการเปลี่ยนของราคา ซึ่งทั้งสองเครื่องมือเด่นมีสูตรการคำนวณที่แตกต่าง แต่เป็นค่าดัชนี 1-100 ที่มีขอบเขตค่าช่วงต่ำชี้ว่ามีภาวะ Oversold ที่ราคาในตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้เกิดการช้อนซื้อขึ้นและราคาจะกลับสู่มูลค่าที่แท้จริงตามความคาดหวังหรือกรณีของหุ้นคือผลตอบแทนหรือผลงานจากการดำเนินการของบริษัท หรืออีกภาวะคือ Overbought ที่มีขอบเขตค่าดัชนีช่วงสูงชี้ว่าราคาในตลาดของหลักทรัพย์สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงจนเป็นระดับที่เกินกว่าเหตุผลอื่นใดจะอธิบายได้ ซึ่งอาจจะถูกกระตุ้นด้วยข่าวดีบางอย่างที่ทำให้สินทรัพย์มีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ท้ายที่สุดราคาจะค่อย ๆ ลดลง

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)

พื้นฐานการสร้างเส้นกราฟออกมา มาจากการคำนวณด้วยราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 14 แท่งเทียนเป็นพื้นฐานหรืออ้างอิงหลายจุดราคาย้อนหลังมากกว่านั้น เรียกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (Simple Moving Average, SMA) หรือหากคำนวณด้วยราคาเฉลี่ยย้อนหลังและมีการถ่วงน้ำหนักเพื่อให้ปรับตัวช้าลง เรียกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ถ่วงน้ำหนัก (Weighted Moving Average, WMA) หรือหากคำนวณด้วยราคาเฉลี่ยเคลื่อนที่ซึ่งดูผลของการเติบโตแบบ Exponential จะเรียกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบ (Exponential Moving Average, EMA) ซึ่งปรับตัวช้าที่สุดและขจัดสัญญาณหลอกได้ดี โดยเส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้สามารถเปิดการทำงานพร้อมกันและดูอย่างง่ายเทียบกัน หากเห็นว่าเส้นค่าเฉลี่ยแบบ EMA ตัดลงต่ำกว่า WMA และ WMA ตัดลงต่ำกว่า SMA จะชี้ยืนยันสัญญาณแนวโน้มขาลง แต่หากตัดขึ้นสูง ก็จะชี้ยืนยันแนวโน้มขาขึ้น หลาย ๆ คนนิยมเทียบเฉพาะ WMA และ EMA เนื่องจาก SMA ถูกรบกวนจากความผันผวนได้ง่าย


เนื่องจากราคาเงินตราต่างประเทศในตลาด FOREX มีความผันผวนไปมาอยู่เสมอ และสัญญาณหลอกสามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในการเทรดระยะสั้น ๆ ดังนั้นการเห็นสัญญาณการปรับเปลี่ยนแนวโน้ม ควรจะต้องยืนยันด้วยตัวบ่งชี้หรือ Indicator จำนวน 2 ตัวหรือมากกว่าขึ้นไปเสมอเพื่อการตัดสินใจอย่างเหมาะสม เช่น หากดูค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แล้วพบสัญญาณ ก็ควรใช้ Momentum Oscillators เพื่อชี้จุดที่เหมาะเปิดออเดอร์ ควบคู่ไปกับใช้ Fibonacci เพื่อชี้ค่า Stop Loss หรือ Take Profit เสริมกับ Trendline เพื่อความมั่นใจ

บทส่งท้าย

Fibonacci เหมือนกับไม้บรรทัดที่แสดงค่าเฉพาะซึ่งเป็นเกณฑ์ให้รู้ว่าทิศทางราคาจะปรับเปลี่ยนหากราคาพุ่งทะลุผ่านขึ้นหรือลงที่จุด 100% ไป โดยเทียบกับราคาเก่าที่ยึดเป็นราคาเริ่มต้นสำหรับการมองหาการปรับเปลี่ยนแนวโน้ม ซึ่งค่าสัดส่วนของ Fibonacci ยังสามารถช่วยชี้แนวรับแนวต้าน และช่วยให้กำหนด Stop Loss หรือจุด Take Profit ที่เป็นวิธีการบริหารความเสี่ยงให้จำกัดความสูญเสียหรือได้รับกำไรที่คาดหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตาม Fibonanci ไม่ใช่เครื่องมือบ่งชี้ (Indicator) ที่สมควรใช้ลำพัง นักเทรดควรมีความรู้เรื่อง Indicator อื่น ๆ และใช้ประกอบกันด้วย


  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก

    ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-10-29
  • ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024

    เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-08-07
  • 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023

    เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-01-30
  • รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร

    รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2023-11-15
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย