
เส้น RSI คืออะไร ในกราฟหุ้นและกราฟ FOREX
เทคนิคประเมินแนวโน้ม และยืนยันการตัดสินใจเทรด FOREX ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจากเส้น RSI บนกราฟราคา เพื่อตอกย้ำความแม่นยำร่วมกับการดูอินดิเคเดตอร์ FOREX ตัวอื่น ๆ
บทนำ
ในการเทรดคู่สกุลเงิน หรือการเทรด FOREX เครื่องมือทางเทคนิคตัวหนึ่งที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ Relative Strenght Index (RSI) อยู่ในกลุ่มของ Momentum Oscillator ซึ่งใช้วัดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของราคา FOREX มีรูปร่างเป็นกราฟ และเคลื่อนที่ไปมาในกรอบระดับดัชนี 1-100 โดยในกรอบนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน
ส่วนบน สูงกว่าค่า 70 แสดงว่าระดับราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงินที่พิจารณาอยู่กำลังปรับเปลี่ยนพุ่งขึ้นเร็วเกินไป มีการซื้อมากเกินไป (Overbought)
ส่วนกลาง แสดงการแกว่งของราคาไปมา ผันผวน แต่เป็นปกติ ซึ่งสื่อว่าไม่มีจุดน่าสนใจเข้าซื้อ
ส่วนล่าง ต่ำกว่าค่า 30 แสดงว่าระดับราคาหรืออัตราแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน กำลังปรับตัวลงอย่างรุนแรง มีการขายมากเกินไป (Oversold)
นักเทรดมือใหม่มักได้รับคำแนะนำว่า การเห็น RSI พุ่งขึ้นไปเหนือค่า 70 เป็นสัญญาณให้ซื้อ หรือลดต่ำทะลุ 30 เป็นสัญญาณให้ขาย แต่แท้ที่จริงแล้ว RSI เป็นเครื่องมือที่มีสัญญาณหลอกเกิดขึ้นง่ายและบ่อย กรณีที่ชอบเครื่องมือตัวนี้และอยากให้เป็นเครื่องมือหลัก อย่างไรก็ควรใช้คู่กับเครื่องมืออื่นเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อขาย
RSI คืออะไร บนกราฟ FOREX
RSI ถูกสร้างขึ้นโดย J.Welles Wilder เพื่อให้เป็นเครื่องมือส่งสัญญาณบอกความร้อนแรงของราคา ลักษณะของเส้นกราฟจะบ่งบอกว่าราคากำลังแกว่งขึ้นหรือลงอย่างรุนแรง หรือแค่แกว่งขึ้นหรือลงต่อเนื่องแต่ไม่ได้น่าสนใจเข้าซื้อขาย
เนื่องจาก RSI เป็นการวัดเทียบระหว่างแท่งเทียนที่แสดงราคาบนกราฟ FOREX ดังนั้นในช่วงขาลง การลงของราคาที่รุนแรงจะทำให้เห็นค่า RSI ลงไปต่ำกว่า 30 แต่หากว่าไม่มีการลงต่อด้วยกำลังที่แรงจากแรงขายต่อไปเรื่อย ๆ ร้อยละความเปลี่ยนแปลงเทียบราคาระหว่างแท่งเทียนก็จะน้อยลง ค่า RSI ก็จะขยับเพิ่มขึ้น จนเห็นว่าค่าไปตกอยู่ในส่วนกลาง เช่นเดียวกับในช่วงขาขึ้น การขึ้นของราคาที่รุนแรงจะทำให้เห็นค่า RSI พุ่งสูงกว่าค่า 70 ซึ่งต้องการแรงซื้ออย่างต่อเนื่องและหนาแน่น เราจึงจะได้เห็นค่า RSI ดำเนินต่อไปพ้นจากค่า 70
ที่มาภาพ: เครื่องมือ RSI คู่สกุลเงิน USDCHF จาก Metatrade 5 (MT5)
จะมองหาเส้น RSI ด้วยตัวเองยังไง
RSI ถูกสร้างขึ้นโดยมีสูตรในการดำเนินการ ดังนี้
RSI = 100-(100/(1+RS))
ค่า RS มาจาก Average Gain / Average Loss
นักเทรดสามารถลองคำนวณ RSI ด้วยตัวเองโดยใช้ Excel ได้ ประโยชน์ของการคำนวณด้วยตัวเองคือเข้าใจที่มาที่ไปของตัวเลข และเห็นประโยชน์ของการใช้ RSI อย่างเหมาะสม หลายท่านสับสนว่า RSI จะบอกแนวโน้มได้ แต่จริง ๆ แล้วหน้าที่กับความสามารถของ RSI คือบอกแรงส่งของราคา (Momentum) ไม่ใช่แนวโน้ม (Trend)
เบื้องต้นของการใช้ Excel คำนวณหาค่า RSI ให้รวบรวมราคาปิดมาก่อน และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
หาค่าผลต่างของราคาปิดระหว่างวัน หรือระหว่างช่วงเวลาที่สนใจวิเคราะห์
คำนวณค่าผลต่าง (Change) ระหว่างวันหรือช่วงเวลาที่สนใจ
แยกผลต่างเป็นบวก (Gain) และลบ (Loss) อยู่กันคนละคอลัมน์
คอลัมน์ที่ตรวจหาเฉพาะผลต่างเป็นบวก (Gain): กรณีที่ผลต่างเป็นบวก ให้กำหนด Excel คืนค่าเป็นค่านั้น และกำหนดให้ผลต่างเป็นลบ คืนค่าเป็น 0
คอลัมน์ที่ตรวจหาเฉพาะผลต่างเป็นลบ (Loss): กรณีที่ผลต่างเป็นลบ ให้กำหนด Excel คืนค่าสัมบูรณ์ของค่านั้น คือไม่ติดเครื่องหมายลบ และกำหนดให้ผลต่างที่เป็นบวก คืนค่าเป็น 0
คำนวณ Average Gain อ้างอิงค่าในคอลัมน์ผลต่างที่เป็นบวก (Gain) โดยตั้งกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น อ้างอิงย้อนหลัง 13 วัน เพื่อแสดง IRS 14 ซึ่งในการคำนวณให้หาค่าเฉลี่ย ในวันที่ 14 แสดงค่าเฉลี่ยในคอลัมน์ Gain
คำนวณ Average Loss อ้างอิงค่าในคอลัมน์ผลต่างที่เป็นลบ (Loss) โดยตั้งกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น อ้างอิงย้อนหลัง 13 วัน เพื่อแสดง IRS 14 ซึ่งในการคำนวณให้หาค่าเฉลี่ย ในวันที่ 14 แสดงค่าเฉลี่ยในคอลัมน์ Loss
หา RS จากสูตร Average Gain / Average Loss
นำค่า RS มาเข้าสูตร RSI = 100-(100/(1+RS))
หาค่า IRS 14 ของข้อมูลราคาวันถัดไป หรือระยะเวลาถัดไป เมื่อทำไปเรื่อย ๆ จะได้ค่า RSI ซึ่งสามารถนำมาสร้างกราฟได้ ซึ่งกราฟนั้นจะเป็นกราฟตัวเดียวที่ได้จากการเรียกดู RSI จากแพลตฟอร์มอย่าง MT4 หรือ MT5
ที่มาภาพ: จากโปรแกรม Excel นำข้อมูลราคาปิดของ EURUSD มาคำนวณ
กรณีที่นักเทรดเข้าใจแล้ว และอยากเรียกใช้เครื่องมืออย่างรวดเร็ว ในส่วนเมนูของแพลตฟอร์มอย่าง MT5 จะมีตัวเลือกคือ Insert ให้เลือกดู Indicator จากที่นั่น
เส้น RSI บอกอะไรในการเทรด
นักเทรดมืออาชีพมักนำการใช้ RSI เข้ามาเพื่อจับทางดูอย่างเร็ว ๆ ว่า การเคลื่อนไหวของราคามีความน่าสนใจในการจะวิเคราะห์ต่อด้วยเครื่องมือทางเทคนิคอื่น ๆ หรือไม่ หากเปิดแพลตฟอร์มเทรดแล้วเห็น เส้น RSI ส่งสัญญาณก็คุ้มค่าที่จะนั่งวิเคราะห์ต่อ แล้วค่อยตัดสินใจ
สิ่งที่นิยมทำกันและได้ผลในการเทรดระยะสั้น หรือ Day Trade คือการนำเส้น RSI ที่หาได้มาคาดการณ์การปรับเปลี่ยนสู่ช่วงราคาใหม่ของคู่เงิน อย่างคู่สกุลเงิน FOREX ต่าง ๆ กรณีที่นักเทรดคาดการณ์แนวรับกับแนวต้านเอาไว้ หรือแม้แต่ยึดเอาแนวรับและแนวต้านตามบทวิเคราะห์ที่มาจากโบรกเกอร์ กรณีขาขึ้น เมื่อราคาเข้าชนกับแนวต้าน และพ้นไปได้แล้ว หากสังเกตเห็น RSI ทะลุเกิน 70 มีโอกาสที่ราคาจะ Breakout (ปรับเข้าสู่ช่วงราคาใหม่) ซึ่งสัญญาณยืนยันจะเป็นตัวราคาเอง หากตั้งค่ารูปแบบแสดงราคาเป็นกราฟแท่งเทียน จะปรากฏแท่งเทียน New High และ New Low ขึ้น ในลักษณะเป็นแท่งยาว อาจมีต่อเนื่องติดต่อกันถึง 2-3 แท่ง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เมื่อราคา Breakout สำเร็จ ราคาจะวิ่งขึ้นต่อไปอีก หากถือสั้นรายชั่วโมงก็อาศัยจังหวะนี้เข้าซื้อและรอจนได้กำไรตามที่ต้องการแล้วจึงปิดสถานะเพื่อทำกำไร
ตามปกติแล้ว RSI ที่บอก Momentum มักจะใช้คู่กับเครื่องมือในกลุ่ม Oscillator Indicator ที่บอกแนวโน้มอย่าง MADC (Moving Average Convergence Divergence) โดยนำมาหา Divergence หรือความขัดแย้งระหว่างค่าที่อ่านได้จากเครื่องมือกับกราฟ อย่างเช่นกราฟขึ้น แต่เครื่องมือมีค่าที่ลดลง ซึ่งแสดงว่าคนสนใจซื้อน้อยลง ทำให้การซื้อหดตัวแม้ว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น รูปแบบ MADC Divergence หรือถ้าเป็นขาลงคือ Convergence มักเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีการกลับตัวของแนวโน้มราคา ซึ่งการจับทางได้เร็วย่อมหมายถึงการตัดสินใจเปิดสถานะซื้อหรือขายได้เร็ว และมีโอกาสทำกำไรมากกว่า
ทั้งนี้ RSI อาจจะมีการแสดงลักษณะที่เป็น RSI Divergence-Convergence ออกมา ซึ่งจะสอดคล้องกับ MADC แต่สัญญาณจาก RSI นี้หลายครั้งจะไม่ปรากฏพร้อมกับ MADC หรือขัดแย้งกับ MADC
ทางนักเทรดควรดู RSI เป็นลำดับแรก จากนั้นก็ยึด MADC เป็นสำคัญ เพราะ MADC เป็นเครื่องมือในกลุ่มดูแนวโน้ม การแสดงค่าจึงมุ่งเป้าที่จะให้สัญญาณแนวโน้มที่ชัดเจน เชื่อถือได้มากกว่า โดยเมื่อ MADC Divergence-Convergence เกิดขึ้นแล้ว หลังจากนั้นทางนักเทรดเองควรรอตลาดยืนยันทิศทางด้วย เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการทำกำไร
บทส่งท้าย
RSI เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ดูง่าย และสบายตา เหมาะสำหรับมือใหม่สายเทคนิคนำมาใช้ โดยให้สัญญาณกระตุ้นให้ดูกราฟอย่างใส่ใจมากขึ้น ถ้าใช้ RSI เป็นแล้ว นี่คือเครื่องมือที่สร้างวินัยในการเทรด เพราะปกติแล้วการเทรด FOREX นั้น ไม่ควรจะทำตลอดเวลา แต่ควรเน้นเข้าและออกให้ถูกจังหวะ
การที่นักเทรดต้องคำนึงถึงจังหวะ เนื่องจากราคาสกุลเงินในตลาด FOREX ผันผวนอยู่ตลอดเวลา เป็นผลทำให้ทางโบรกเกอร์เองมีการปรับค่า Spread ซึ่งเป็นต้นทุนในการเปิดสถานะ การเปิดสถานะควรอยู่บนพื้นฐานที่มั่นใจว่าราคาขยับไปในแนวโน้มที่แข็งแกร่งมากพอที่จะครอบคลุมค่า Spread และไม่ใช่สัญญาณหลอกเพื่อจะทำกำไรได้จริง ตามต้องการ
นอกจากนี้มีเครื่องมือเทคนิคอีกมากมายให้เลือกใช้ อย่าง MADC ก็เป็นตัวหนึ่งที่เหมาะสมเอามาดูคู่กันเพื่อยืนยันแนวโน้ม แต่เครื่องมือทางเทคนิคเพียงให้สัญญาณ เหตุการณ์ในอนาคตมีโอกาสผิดเพี้ยนไปได้ ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจขึ้นไปอีก เมื่อได้รับสัญญาณทั้งจาก RSI และเครื่องมืออื่นแล้ว ควรใจเย็นและรอดูการเคลื่อนไหวราคาอีกสักพัก ให้ตลาดยืนยันตัวเองก่อน แล้วค่อยเข้าซื้อ จะยิ่งเพิ่มโอกาสทำกำไรมากขึ้น
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก
ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ
2024-10-29
TOPONE Markets Analyst - ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024
เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD
2024-08-07
TOPONE Markets Analyst - 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
2024-01-30
TOPONE Markets Analyst - รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร
รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น
2023-11-15
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!