
Ethereum วันนี้ และอนาคต
หนึ่งเหรียญคริปโตที่น่าจับตามองมาตลอดตั้งแต่เปิดตัว และเร็ว ๆ นี้จะพัฒนาระบบจาก Proof of Work หรือการขุดไปเป็น Proof of Stake ที่ใช้พลังงานน้อยกว่า ยืนยันได้ไวกว่าอย่าง ETH2.0 อีเธอเรียมวันนี้และวันหน้าจะเป็นอย่างไร มาดูกัน!
อะไรคือ Ethereum
Ethereum (ภาษาไทย: อีเธอเรียม) ได้รับการต้อนรับในประเทศไทยในฐานะสกุลเงินดิจิทัลตัวหนึ่ง แต่สิ่งที่หลาย ๆ คนไม่ทราบเกี่ยวกับ Ethereum นั่นคือ มันไม่ใช่ชื่อเรียกสกุลเงินอย่างที่คนไทยหลายคนเข้าใจ สิ่งที่คนลงทุนจริง ๆ ในฐานะเงินสกุลดิจิทัลคือ Ether แต่คำว่า Ethereum คืออะไร แม้จะเรียกกันจนติดปากเหมือนเป็นชื่อสกุลเงินดิจิทัลเอง แต่ Ethereum คือแพลตฟอร์มที่ใช้ Ether
ผู้ที่ทำธุรกรรมต่าง ๆ บน Ethereum จะต้องใช้ Ether ตั้งแต่การชำระค่าธรรมเนียม ไปจนถึงการทำโครงการต่าง ๆ ที่ Ethereum เปิดให้เข้าไปทำเพื่อให้เกิดระบบนิเวศของ Ethereum ซึ่งทำให้ Ether มีการไหลเวียนเปลี่ยนมือ เกิดอุปสงค์และอุปทานที่นอกเหนือจากการเก็งกำไรที่ตัว Ether เอง ทำให้มีมูลค่าที่แท้จริงทับซ้อนกับการเก็งกำไร และเกิดความยั่งยืนเหมือนกับสกุลเงินของประเทศต่าง ๆ
สกุลเงินดิจิทัลเช่นอีเธอเรียมถูกพัฒนาอยู่บนบล็อกเชน เป็นเทคโนโลยีที่หากผู้ใช้บริการในโลกออนไลน์ยอมรับ Smart Contract หรือสัญญาอัจฉริยะ Smart Contract จะทำงานอัตโนมัติ ทุกข้อตกลงการดำเนินงานจะถูกเขียนเป็นโค้ดไว้บนนั้น เพื่อให้ทุกกิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นโดยปราศจากมนุษย์แทรกแซง และทำให้ Ether สามารถใช้งานเพื่อเป็นไปตามเงื่อนไขซึ่งเกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ระบุตัวตน
Smart Contract สามารถกำหนดเงื่อนไขให้ Ether ทำสิ่งต่อไปนี้ได้
โอนกรรมสิทธิ์บ้าน หรือรถยนต์ รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ ทันทีเมื่อถ่ายโอน Ether เพื่อแลกเปลี่ยน
เป็นตัวปลดล็อคค่าบริการต่าง ๆ เช่น ค่าเข้าชมนิทรรศการ ค่าไฟฟ้า (กรณีของต่างประเทศที่สามารถเลือกกำหนดค่าไฟและชำระแบบการเติมเงิน) หรือการเติมเงินในเกมออนไลน์
เป็นเหมือนกับพาสเวิร์ดในการดำเนินธุรกรรมบางประเภทที่ต้องการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อดำเนินธุรกรรมในทันที เช่น การชำระค่าธรรมเนียมเพื่อจัดตั้งบริษัท การโอนลิขสิทธิ์เพลง หรืองานศิลปะ
การทำธุรกรรมซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์หรือรับสิทธิในทันที โดยไม่มีตัวกลางเป็นสถาบันการเงินหรือบุคคลคอยควบคุมกำกับดูแลเช่นนี้ จะเรียกว่าเป็นระบบ Decentralized Applications หรือ Dapps เนื่องจากนี่คือรูปแบบการดำเนินการของการประกอบกิจการ เป็นระบบนิเวศที่มีอุปสงค์และอุปทาน การลงทุนใน Ether จึงไม่ใช่แค่การซื้อเหรียญดิจิทัล และเก็งกำไรค่าเงินที่เกิดจากอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคน หรืออำนาจของนักเทรดรายใหญ่ในตลาด แต่การครอบครอง Ether เหมือนกับการมีส่วนในการครอบครองกิจการซึ่งมีมูลค่าเติบโตขึ้น การซื้อ Ether เหมือนการซื้อหุ้น ETH วันนี้ไว้ก่อน เพราะมีระบบนิเวศย่อยของ Ethereum ที่ต้องใช้เหรียญ Ether
ระบบนิเวศภายใต้ Ethereum เพิ่มมูลค่าเพราะอุปสงค์กระตุ้นอุปทาน
ข่าว Ethereum วันนี้ ยังมีการออกมาเรื่อย ๆ เพราะยิ่งคนใช้งาน ในการทำธุรกิจต่าง ๆ จะมีคนที่คอยแก้สมการอยู่เบื้องหลัง การแก้สมการคือการขุดเหรียญเพื่อเพิ่มเข้าไปในระบบ และคนที่สนใจรับหน้าที่ขุดก็จะได้เหรียญมาไว้ด้วย นักลงทุนหลายท่านคงมีประสบการณ์ที่ทำธุรกรรมแล้วต้องรออยู่สักหน่อย ธุรกรรมจึงจะสมบูรณ์ นั่นเพราะมีคนขุดอยู่จำกัด และเนื่องจากขุดเหรียญได้ช้าไม่ทันใช้ หลายครั้งผู้ทำธุรกรรมจึงเจอกับค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (ค่าแก๊ส) ที่ไม่แน่นอน ค่อนข้างแพงหรือแพงมาก
ผู้ใช้งาน Ethereum หรืออุปสงค์ต่อเหรียญ Ether จะนำเหรียญไปใช้กับระบบนิเวศย่อยภายใต้ Ethereum โดยชำระค่าแก๊ส ซึ่งหลัก ๆ ในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 รูปแบบในการใช้งาน คือ
DeFi (Decentralized Finance)
เป็นการให้บริการทางการเงิน ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับธนาคาร ผสมกับวาณิชธนกิจ โดยผู้ให้บริการแต่ละเจ้าภายใต้ Ethereum จะจำหน่ายเหรียญ โดยจุดประสงค์หลักเพื่อให้คนสะสมมูลค่า เหมือนกับการฝากเงินที่คาดว่าในระยะยาว จะได้ดอกเบี้ย ซึ่งปกติดอกเบี้ยควรจะรักษามูลค่าของเงินไม่ให้เสียไปเพราะอัตราของเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม DeFi ยังถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถเก็งกำไรได้ด้วย จึงมีความเสี่ยงสำหรับผู้ใช้งานในระบบนิเวศ เพราะเมื่อไม่มีตัวกลางกำกับดูแล มูลค่าจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานเหมือนกับสกุลเงินต่างประเทศต่าง ๆ และเหวี่ยงไปมาได้ตามการเก็งกำไร ทางผู้ดำเนินการ DeFi จึงต้องมีแผนใช้งานเหรียญที่ชัดเจนเพื่อสร้างมูลค่าของเหรียญที่มีเสถียรภาพ นักพัฒนา DeFi ต้องสร้างระบบนิเวศย่อยขึ้นมา ไม่เช่นนั้นหากไม่มีคนต้องการเหรียญแล้ว มูลค่าก็อาจจะลดลงจนเหลือศูนย์
ในแง่บวก ถ้าหากนักพัฒนามีโครงการที่ทำให้เกิดความต้องการใช้งาน เช่น การพัฒนาเกม การพัฒนาต่อเนื่องเป็น NFT หรือการทำให้เหรียญถูกใช้ในโลกความเป็นจริงเพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าและบริการ ก่อให้เกิดอุปสงค์ของการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลนั้น ๆ เหมือนสกุลเงินดิจิทัลนั้นเป็นของประเทศหนึ่ง ๆ มูลค่าจะปรับเปลี่ยนตามอุปสงค์และอุปทานไปเรื่อย ๆ
NFT (Non-Fungible Token)
NFT เป็นตลาดสำหรับสินค้าที่จับต้องไม่ได้ อาศัยความสร้างสรรค์ในการสร้างผลงาน
หลายคนอาจจะรู้สึกอยากเข้าไปขายงานศิลป์ทั้งที่ตั้งใจทำและไม่ตั้งใจทำขึ้นมา เพราะมองเห็นว่าเป็นการลงทุน เพราะคนมักพูดว่าเก็งกำไรได้ง่าย มีโอกาสได้รับเงินดิจิทัลเพิ่มเป็นเท่าตัวจากราคาขายที่ได้รับจากนักลงทุนอื่น ๆ
ตลาด NFT หากวิเคราะห์ดูแล้ว เป็นตลาดของนักสะสม เป็นความฉลาดหลักแหลมของนักพัฒนาที่จะสร้างระบบนิเวศซึ่งทำงานให้เงินสกุลดิจิทัลต่าง ๆ บนบล็อกเชนของ Ethereum ไหลเวียนได้ดี เพราะนักสะสมที่อยู่ในตลาดงานสร้างสรรค์ มักยินดีที่จะจ่ายไม่อั้น เพื่อให้ได้เป็นเจ้าของเพียงหนึ่งเดียว มีอภิสิทธิ์เหนืองานศิลป์ที่ตนเองชอบ
ระบบบล็อกเชนมีไว้เพื่ออ้างกรรมสิทธิ์ได้ทันที เพราะแบบนั้นเมื่อภาพวาด เพลง หรืองานศิลป์อื่น ๆ อย่างงาน 3D ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คนใด คนนั้นจะมีกรรมสิทธิ์เพียงผู้เดียว เพียงแต่เป็นไปได้ที่จะค้นหาร่องรอยย้อนหลังถึงคนที่เคยเป็นเจ้าของผลงาน
โดยการขายผลงานซ้ำ ๆ เปลี่ยนมือ นักพัฒนาหลายเจ้าจะมีการชำระค่า Loyalty ให้กับทางเจ้าของผลงานคนแรกอีกด้วย ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้นักสร้างสรรค์จำนวนมากเข้าสู่ตลาด NFT
การเก็งกำไรบน NFT นักเทรดต้องมองหางานที่คิดว่าเหมาะเป็นเครื่องสะสมมูลค่า เป็นปกติของงานศิลปะที่น่าสนใจ จะมีคนที่อยากได้ ยิ่งบน NFT การมีคน ๆ เดียวเป็นเจ้าของยิ่งกระตุ้นนักสะสมขึ้น คนที่เก็งกำไร ลูกค้าก็คือนักสะสม ส่วนถามว่าสะสมไปทำอะไร ก็ลองนึกถึงการสะสมงานศิลปะทั่วไปในชีวิตจริง หรือการสะสมของเล่น หรือไวน์ ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ รวมถึงจัดแสดงได้ หรือนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ จะมีคนที่พร้อมจะจ่ายในราคาที่แพงกว่าจะจินตนาการได้เสมอ
การมีระบบนิเวศทั้งสองรูปแบบนี้ การใช้บริการบนบล็อกเชนของ Ethereum โดยผู้พัฒนา DeFi และ NFT ที่ดำเนินการอยู่ ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการเป็น ETH ซึ่งผู้ใช้งาน DeFi และ NFT ชำระนี่เองที่ทำให้ความต้องการ ETH ไม่หดหายไปง่าย ๆ และทำให้มูลค่าของเหรียญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับระบบนิเวศ NFT ตลาดเกม เอาตัวละครมาขายโดยพ่วงความสามารถในการหาเหรียญ หรือการขุดเหรียญอื่น ๆ ในระบบนิเวศย่อยของตัวเอง จึงเป็นสิ่งกระตุ้นให้คนยิ่งมีความต้องการ NFT ที่เกี่ยวข้องกับเกม แต่การลงทุนใน NFT ตลาดเกมมีความเสี่ยงที่ความยั่งยืนของเกม หากตัวเกมไม่สามารถขายตัวเกมเองได้ ทำให้คนอยากชำระเงินเติมเกมตามปกติ เป็นเพียงการเปิดให้ลงทุนขุดหาเหรียญในระบบนิเวศย่อยไปเรื่อย ๆ อาจจะเข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ที่แค่หมุนเงินของผู้เล่นหรือนักลงทุนมาชำระคืน และต้องปิดตัวหรือหายไปเฉย ๆ หากไม่มีอุปทานของเงินเหลือให้ผู้ใช้งานเบิกออกไป
Ethereum VS Bitcoin
สำหรับคนที่มีทุนหนา หรืออาจจะอาศัยการลงทุนทีละเล็กทีละน้อย อาจจะลงทุนใน Bitcoin ซึ่งความแตกต่างจาก Ethereum คือ Bitcoin มีปริมาณที่จำกัด ซึ่งการถือ Bitcoin ไว้ สำหรับนักลงทุนแล้วเหมือนกับการถือทอง ยิ่งคนต้องการมาก แต่มีจำนวนน้อยลง ก็จะยิ่งแพง
คำถามของนักลงทุนคือ เหตุการณ์อะไรจะตามมาเมื่อ Bitcoin ถูกขุดจนหมด ซึ่งยังต้องอาศัยเวลานับสิบ ๆ ปี หรือมีคนเคยพยากรณ์ว่า Bitcoin จะถูกขุดขึ้นมาหมดในปี ค.ศ. 2140 ซึ่งนักลงทุนหรือนักเทรดในปัจจุบันคงไม่อยู่แล้ว ดังนั้นอาจจะยังไม่ต้องไปกังวลเรื่องมูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin ว่าจะเหมือนกับทองคำจริงหรือไม่ เพราะเราก็รู้อยู่ว่า Bitcoin จับต้องไม่ได้ แต่ทองนั้นเป็นของจริง เช่นเดียวการเทรดในปัจจุบันที่ทำกำไรได้อยู่จริง ๆ
หากดูที่มาของ Bitcoin เหรียญนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสกุลเงินของโลก โดยมีหน้าที่เก็บมูลค่าของเงิน นี่คือสิ่งที่แตกต่างออกไปจาก Ethereum ที่ถูกสร้างให้ใช้เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนเหมือนกับเงินสกุลตัวไป การอ้างอิงกับโลกความเป็นจริงที่สกุลเงินจริง ๆ ยังถูกแลกเปลี่ยนเป็น Ethereum ได้ ดังนั้นคำถามเรื่องความยั่งยืน ตัว Ethereum ที่มีบริการให้ใช้พื้นที่บล็อกเชนจึงตอบสนองได้ดีกว่า
อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ความคาดหวังของผู้สร้าง Bitcoin เป็นอุดมคติที่โลกจะมีการเคลื่อนไหวของเงินโดยไร้ตัวกลาง ซึ่งเป็นความคิดที่ขัดแย้งกับผู้นำของหลายประเทศที่ต้องการปกป้องเสถียรภาพทางการเงิน และใช้ดอกเบี้ย กับเป้าหมายเงินเฟ้อ เพื่อควบคุมความผันผวนของค่าเงิน ดังนั้นหากโลกในอนาคตไม่พัฒนาไปถึงขั้นที่ Bitcoin ถูกยอมรับราวกับทอง Bitcoin ก็มีกลไกกำหนดมูลค่าที่มีน้ำหนักน้อยกว่าทองจริง ๆ และมีความเสี่ยงของความผันผวนสูงกว่า ในตอนที่ถูกขุดจนหมด จะมีประเด็นขึ้นมาว่ามูลค่าที่เกิดจากความเชื่อจะยังคงมูลค่าอยู่จริงต่อไปหรือไม่
ETH 2.0
ระบบดั้งเดิมของ Ethereum ทำงานคล้ายกับ Bitcoin คือต้องการนักขุดเพื่อเพิ่มจำนวนเหรียญ ระบบนี้เรียกว่า Proof of Work (PoW) คือแก้สมการก่อนเพื่อได้รับเหรียญเพิ่มและเปิดบล็อกสำหรับธุรกรรมใหม่ และการแก้สมการต้องใช้เวลา ดังนั้นในแต่ละวินาที เทียบกับจำนวนธุรกรรมที่เกิดขึ้นในโลก จึงมีความจำกัดของนักขุดที่มีจำนวนไม่มาก เพื่อเพิ่มเหรียญเข้าสู่ระบบ ทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงานเกิดขึ้น
นอกจากความล่าช้าในการดำเนินงานบนระบบนิเวศย่อยเมื่อมีการทำธุรกรรม ค่าแก๊สยังแพงเพราะจำนวนเหรียญที่ปล่อยเพิ่มแต่ละวินาทีจำกัด และไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน สำหรับผู้มีประสบการณ์ลงทุนจะทราบดีว่าค่าแก๊สไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง เพราะขึ้นอยู่กับจังหวะในการทำธุรกรรมนั่นเองว่านักขุดกำลังขุดกันอยู่และได้เหรียญมากขนาดไหน ซึ่งระบบการขุดนี้ต้องใช้กำลังไฟจำนวนมากจากการ์ดจอที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา
ทาง Ethereum เองใส่ใจกับค่าแก๊สแพง ความล่าช้า และปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงมีการวางแผนปรับเปลี่ยนระบบเป็น ETH 2.0 ไปใช้ Proof-of-Stake (PoS) แทน ซึ่งหลักการคือ ถ้านักลงทุนมี Ether เยอะอยู่แล้วในความครอบครอง นำไป Stake ไว้จะมีสิทธิมากกว่าในการยืนยันการทำธุรกรรมต่าง ๆ กล่าวคือระบบจะทำการสุ่มผู้ครอบครองเหรียญ และให้คนที่ Stake ไว้เยอะเปิดบล็อกใหม่ที่ทำให้การดำเนินธุรกรรมเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้รับ Ether เพิ่มเป็นรายได้ค่าธรรมเนียม ไม่ต้องแข่งกับผู้อื่นในการขุด
ข้อดีของ ETH 2.0 คืออะไรบ้าง
ไม่ใช้การ์ดจอในการขุดเหรียญ เพิ่มเหรียญ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
รวดเร็วทันทีในการทำธุรกรรมหรือธุรกิจ ไม่ต่างจากอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง และเร็วกว่าเมื่อเทียบกับกรณีนำเงินเข้าบัญชีผ่านเช็คหรือโอนเงินเข้าบัญชีต่างประเทศ
ผลิตเหรียญออกมาต่อปีน้อยกว่า ในระบบก่อน ETH 2.0 จำนวนเหรียญนั้นทำให้เกิดมูลค่าเงินเฟ้อประมาณ 4-5% ต่อปี ซึ่งปริมาณเหรียญจำนวนมากถูกนำมาใช้ในการเก็งกำไรสร้างความผันผวนในมูลค่า
ลดปัญหาการแข่งขันกันซื้อการ์ดจอจนขาดตลาด ซึ่งทำให้ข้อได้เปรียบในการขุดเป็นของคนที่มีกำลังในการซื้ออุปกรณ์การ์ดจอมากกว่า (ความมั่งคั่งยังอยู่ที่คนรวย) หรือการฮั้วกันขุด เป็นกลุ่ม พอมี ETH 2.0 จะลดความได้เปรียบลง
ธุรกรรมที่เป็นผลเสียต่อเสถียรภาพของเหรียญ เป็นธุรกรรมที่ปั่นมูลค่าหรือสร้างความเสียหายให้แก่บล็อกเชนจะถูกลงโทษหากโดนตรวจพบ โดยผู้เปิดบล็อกจะสูญเสียเงินบางส่วน อาจมากกว่าค่าธรรมเนียมที่ควรได้รับจากการเปิดบล็อก
ระบบนี้กระตุ้นให้คนทำการ Stake หรือเหมือนกับการฝากเหรียญไว้เฉย ๆ เพื่อจะได้สิทธิสุ่มรับเลือกเป็นผู้เปิดบล็อกการใช้งาน จะมีผลทำให้ปริมาณเหรียญในตลาดลดลง และเกิดเงินฝืด เป็นผลให้มูลค่าของ Ether เพิ่มขึ้น
ข้อด้อยจาก ETH 2.0 คืออะไรบ้าง
การกระจายเหรียญ Ethereum ในกลุ่มผู้ใช้งานลดลง คนที่มีเหรียญเยอะอยู่แล้วจะได้สิทธิก่อนในการเปิดบล็อกเพื่อให้บริการแก่คำร้องธุรกรรมใหม่ ๆ ทำให้มีโอกาสได้เหรียญเพิ่มก่อน
ผู้หาซื้อเหรียญมาเพิ่ม หรือนักลงทุนรายใหม่จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะการกระตุ้นให้ Stake ทำให้เงินฝืด คือไม่เพียงพอกับความต้องการ
เป็นไปได้ที่ผู้ได้รับการสุ่มให้เปิดบล็อกไม่ดำเนินการหรือปฏิเสธการทำรายการ ระบบต้องใช้เวลาอีกสักครู่เพื่อหาผู้ได้รับสิทธิเปิดบล็อกใหม่ทดแทน ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองว่าตัว Smart Contract ของ ETH 2.0 จะให้เวลากับตรงนี้เพียงใด เพราะคำนึงเรื่องความรวดเร็วที่ Ethereum ได้ประกาศไว้ หากธุรกรรมมีความล่าช้า เหรียญจะถูกคืนสู่กระเป๋าของผู้ทำธุรกรรมซึ่งแปลว่าไม่มีการหาผู้ได้รับสิทธิเปิดบล็อกในความพยายามครั้งแรกของคนที่ต้องการทำธุรกรรม
แม้ว่าคนจะพูดถึง ETH 2.0 เหมือนจะมาแทนระบบเดิมและไม่มีการขุด แต่ยังมีความเห็นจากนักวิเคราะห์หลายคนพูดถึงกรณีของการขุดว่าอาจจะยังอยู่ โดย Ethereum อาจจะปรับเป็นระบบ Hybrid แทนคือผสมทั้ง PoW และ PoS ซึ่งผลลัพธ์สุดท้าย Ethereum จะเลือกดำเนินการแบบใด ยังต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
EIP-1559 คืออะไรในโลก Ethereum
สำหรับฝั่งคนทำธุรกรรม ค่าแก๊สปรากฏขึ้นตอนทำรายการแบบอัตโนมัติ แต่มันคือการประมูล จริง ๆ แล้วจะกำหนดค่าที่มอบให้มากกว่าที่ระบบแจ้งก็ได้ด้วย เพราะการจ่ายค่าแกีส จริง ๆ เป็นระบบประมูล ใครให้เยอะจะได้รับการยืนยันธุรกรรมก่อน ขณะที่คนที่จ่ายค่าแก๊สน้อยกว่าจะได้รับบริการช้ากว่า หรือรอนานกว่าธุรกรรมจะสมบูรณ์ ซึ่งเงินที่เป็นค่าแก๊สนี้ก็จะเข้าสู่กระเป๋าของนักขุดโดยที่ไม่ได้ไปทำประโยชน์อื่น เพิ่มความมั่งคั่งให้แก่กลุ่มนักขุดให้มีอำนาจในการถือ Ether มากกว่าเดิม
แต่ในระบบใหม่ EIP-1559 การชำระธรรมเนียมค่าธรรมเนียม ประกอบด้วยหลัก ดังนี้
Base Fee ถูกตั้งจาก Ethereum เอง และเงินที่ชำระไปเป็น Base Fee จะถูกเผาในทุกธุรกรรม เพื่อไม่ให้เกิดการเฟ้อของมูลค่า
Priority Fee (Tip) ทางผู้ทำธุรกรรมสามารถตั้งมูลค่าเองได้ โดยคนที่เป็นฝั่ง Stake หรือนักขุดสามารถพิจารณารับไปตามแต่ต้องการ
Max Fee ค่าธรรมเนียมสูงสุดในช่วงเวลาหนึ่ง กล่าวคือถ้าเราไปนำเสนอค่า Tip สูงเกินไปกว่าค่า Max Fee ที่ทาง Ethereum คำนวณจากกลุ่มผู้ส่งคำสั่ง ทางระบบจะคืนเงินส่วนเกินให้ และทำให้ค่าธรรมเนียมไม่แกว่งขึ้นลงจนน่าใจหายเหมือนกับช่วงก่อนหน้านำระบบนี้เข้ามาใช้
วิธีทำเงินจาก Ethereum
การขุด Ethereum
นักขุดสามารถขุดหา Ether ได้ด้วยตัวเอง หรือผ่านเหมืองขุด (Mining Pool) โดยเครือข่าย Ethereum ให้นักขุดสามารถเพิ่มบล็อกใหม่ได้หลังจากผ่านไปประมาณทุก15 วินาทีโดยเฉลี่ย โดยผลตอบแทนที่จะได้มาตรฐานคือ 2 ETH ในปัจจุบัน (น้อยลงเมื่อเทียบกับในอดีต) และค่าแก๊ส (หรือบางคนก็เรียกว่าค่าน้ำมัน)
ในการแก้สมการเพื่อเปิดบล็อกใหม่ เมื่อแก้สำเร็จ นักขุดจะเปิดเผยการพัฒนาบล็อกสำหรับการทำธุรกรรม ถ้าหากว่ามีผู้เข้าร่วมมากกว่า 51% ก็จะถือว่าบล็อกนั้นถูกเปิดอย่างถูกต้อง บล็อกใหม่จะมีตัวตนสมบูรณ์ในบล็อกเชน มีการระบุเวลาและหมายเลขระบุตัวตน (Hash) การทำงานของบล็อกเชนต้องมีผู้ขุดที่เข้าร่วมจำนวนมากในการตรวจสอบการเปิดบล็อก และนั่นคือเหตุผลที่มีการจ่าย Ether ให้ เพื่อเป็นค่าตอบแทนการดูแลตัวระบบร่วมกัน
อุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดซึ่งเหมาะสม GPU และ ASIC (Application-Specific Integrated Circuits) ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้กินไฟฟ้า สำหรับนักเตรียมขุดสามารถประมาณค่าไฟก่อนได้ว่าจะคุ้มหรือไม่ถ้าจะเอาดีทางขุด นักขุดประมาณ 125,000 รายขุดอยู่บน Ethermine ซึ่งขึ้นตรงกับ Ethereum และมีอีกจำนวนหลักหมื่นที่กำลังขุดอยู่บนเว็บไซด์อื่น หรือในเหมืองขุดที่ทำงานกับ Ehtereum โดยการขุดที่มีประสิทธิภาพ มีการประมาณการณ์ว่าถ้าคุณใช้ GPU จะต้องมีมากกว่า 50 ตัว หรือ ASIC ที่เข้ากันได้กับ Ethereum จะมีประสิทธิภาพเป็น 2 เท่าในการขุด
การขุดจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมด้วย เช่น Claymore หรือ CC Miner
การเทรด Ethereum
การเทรด Ethereum สามารถทำได้ผ่านคริปโตเอ็กเชนจ์ต่าง ๆ ที่มีให้เลือกทั้งเป็น Platform ในต่างประเทศและในประเทศไทย เพียงเปิดและทำการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินสำหรับเหรียญดิจิทัลก็สามารถที่จะนำเหรียญที่ซื้อจากตลาดเหรียญเหล่านั้นโอนไปไว้ในกระเป๋า หรือนำเหรียญจากในกระเป๋านำออกสู่บัญชีที่เปิดเพื่อเข้าสู่ตลาดเหรียญ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นช่องทางสำหรับการถอนเงินเข้าสู่ระบบธนาคารปกติด้วย (กระเป๋าเงินดิจิทัล > แพลตฟอร์มที่เป็นตลาดซื้อขายเหรียญ > คำสั่งขอถอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร)
การเทรด Ethereum สามารถเก็งกำไรได้ถ้าต้องการ ผ่านการซื้อขายในตลาดซื้อขายเหรียญโดยตรง หรือนักเทรดอาจจะลงทุนกับการเก็งกำไรส่วนต่างของราคาผ่าน Contract for Difference (CFD) ซึ่งมี CFD Broker ให้บริการอยู่หลายเจ้า โดย CFD Broker มักจะให้บริการ CFD อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหรือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย แต่โปรดเข้าใจว่าการเทรดแบบนี้ผู้ใช้งานจะไม่ได้รับเหรียญ เป็นการเก็งกำไรบนราคาเท่านั้น
การเก็งกำไรส่วนต่างราคาในตลาดเหรียญ และตลาด CFD จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิค คือการดูกราฟ และใช้เครื่องมือตรวจสอบแนวโน้ม ขณะที่การลงทุนระยะยาว เพราะเชื่อว่าเหรียญหรือสกุลเงินดิจิทัลจะมีมูลค่ามากขึ้นจากความต้องการใช้งานของตลาด หรือเชื่อในความยั่งยืนในระยะยาว จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดการดำเนินงานของผู้พัฒนา และทิศทางผลการดำเนินงานในอนาคต
วิเคราะห์ Ethereum วันนี้ เทียบกับวันเริ่มต้นเปิดซื้อ-ขายครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ทาง Ethereum ดำเนินการมาแล้ว 7 ปี
ปัจจุบัน ณ วันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2022 Ethereum ราคาบาท มูลค่า 109,929.22 บาทต่อหนึ่ง ETH
ราคา ETH ย้อนหลัง 5 ปี ในปี 2017 ราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า 33 บาท ต่อหนึ่ง ETH
ราคา ETH ย้อนหลัง 7 ปี ในปี 2015 ราคา $0.31 หรือประมาณ 10 บาท ต่อหนึ่ง ETH
จากอดีตมาถึงปัจจุบัน การเติบโตของ ETH ถือว่าสูงมากกว่าหมื่นเท่า ซึ่งมูลค่านี้ไม่ใช่เพียงเพราะการเก็งกำไร แต่ยังเกิดจากการใช้งานเหรียญด้วยความเชื่อมั่นกันอย่างต่อเนื่อง ราคาของเหรียญจึงขยับขึ้นสูง กรณีนักลงทุนกำลังมองหาเหรียญดิจิทัล สามารถพิจารณาสภาวะฝืดที่จะเริ่มต้นหลังการมีผู้เปลี่ยนไปใช้ ETH 2.0 มากขึ้น หรืออนาคตที่ยังเป็นไปได้อยู่ที่ ETH 2.0 อาจเป็นระบบการทำธุรกรรมหลัก ด้วยเหตุเหล่านี้ ETH จึงน่าลงทุน เพราะมีแนวโน้มราคาจะขยับสูงขึ้นอีก
สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีทุนมาก หลาย ๆ แพลตฟอร์มที่เป็นตลาดซื้อขาย เปิดให้ลงทุนโดยการซื้อ ETH ขั้นต่ำที่ 0.0001 ETH ซึ่งเทียบเท่ากับ 10.94 บาท แต่ทางนักลงทุนที่ต้องการ Stake จะต้องลงทุนซื้อเหรียญเพิ่มสำหรับค่าแก๊สด้วย โดยเงินแนะนำเบื้องต้นขอแนะนำไว้ที่ 3,500 บาท เพราะผู้ให้บริการตลาดซื้อขาย แม้ไม่ได้กำหนดขั้นต่ำในการซื้อ แต่หากจะดึงเงินจากแพลตฟอร์มตลาดไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล และนำไป Stake บน Ethereum อาจจะเจอขั้นต่ำสำหรับเบิกออกไป หรือค่าธรรมเนียมตอน Stake
ทำเงินด้วย ETH Staking
การ Staking ของ ETH ไม่ได้แตกต่างจากการ Staking ที่เกิดขึ้นกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ การ Staking เป็นระบบที่มีอยู่แล้ว คือการให้ระบบล็อคเหรียญไว้ เหมือนกับให้คนมาฝากธนาคาร เหรียญ ETH ที่ล็อคเอาไว้จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงฐานพื้นฐานในบล็อกเชน โดยผู้ที่ Stake ช่วยในการเปิดบล็อกสำหรับธุรกรรมใหม่ ซึ่งคนที่ทำการ Staking โดยปกติจะได้รับผลตอบแทนในลักษณะของดอกเบี้ย โดยอัตราจะเป็นแบบลอยตัวขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์และอุปทานต่อ ETH ในตลาด และกรณีของ ETH 2.0 กับ EIP-1559 ทางผู้ Stake ควรได้รับค่าธรรมเนียมธุรกรรมด้วย
บทความที่กำลังมาแรง
- 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก
ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ
2024-10-29
TOPONE Markets Analyst - ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024
เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD
2024-08-07
TOPONE Markets Analyst - 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์
2024-01-30
TOPONE Markets Analyst - รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร
รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น
2023-11-15
TOPONE Markets Analyst
ฟรี!

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!