5 วิธี Cut Loss ไม่ไปต่อ พอเท่านี้

เป้าหมายของนักลงทุนทุกท่านคือการทำกำไร ไม่มีใครอยากขาดทุน แต่ก็ไม่มีมนตร์วิเศษอะไรที่จะเขียนกราฟราคาได้ตามใจนึก แล้วพาตลาดไปสู่จุดที่ตัวเองทำกำไรได้ตลอด ดังนั้น การขาดทุนจึงเป็นประสบการณ์ที่ไมมีใครเลี่ยงได้ แต่จะทำอย่างไร ให้การขาดทุนนั้นเจ็บตัวน้อยที่สุด ไม่เสียเวลาไปกับการติดตอย แล้วไปต่อกับเครื่องมือการลงทุนอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไร ตลาดจะเดินหน้าไปทางไหน

หากคุณพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนดอย โดยไม่รู้เลยว่าจะได้ลงมาเมื่อไร ถึงเวลาที่จะลดความสูญเสียและไปต่อกับทางเลือกที่ดีกว่า ให้โอกาสการทำกำไรได้มากกว่า ในบทความนี้ เราจะพูดถึงความสำคัญของการรู้ว่าเมื่อใดควรหยุดลงทุนในตำแหน่งที่ขาดทุน และวิธีที่จะเป็นประโยชน์ต่อพอร์ตโฟลิโอในระยะยาว ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมและเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้ว่าทำไมการ Cut Loss จึงไม่ใช่แค่ความฉลาดแต่เป็นจำเป็นสำหรับการลงทุนที่ประสบความสำเร็จของนักลงทุนผู้สะสมมูลค่าทุกท่าน

Cut Loss คืออะไรในการลงทุน

ในโลกการลงทุน การ Cut Loss  หมายความถึงการคุณกำลังขายเงินลงทุนที่ขาดทุนเพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนอีก สิ่งนี้เรียกว่าขายขาดทุน นักลงทุนจำนวนมากลังเลที่จะทำเช่นนี้เพราะพวกเขายังมีความหวังราคาจะพลิกกลับมาสู่แดนบวกแล้วเขาได้กำไรจากการลงทุนนั้น อย่างไรก็ตาม หากการลงทุนไม่ฟื้นตัวล่ะ จะเป็นอย่างไร

หากคุณยังยอมทิ้งตัวอยู่บนดอย ก็จะมีค่าเสียโอกาสเกิดขึ้น ที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้าในเรื่องของค่าเสียโอกาาสจากการลงทุน แล้วใครจะไปรู้ได้ว่าเมื่อไร ตลาดจะถึงจุดที่กลับมาเป็นบวก หรือในขณะที่คำว่าผลกำไรของแต่ละคน อาจจะยังเป็นช่วงที่หลายคนยังกำลังหนาวเหน็บอยู่บนดอยก็ได้

ดังนั้น การ Cut Loss จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อลดค่าเสียโอกาส และหันไปสร้างโอกาสกับสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ดีกว่าแทน ต่อไปนี้คือ 2 วิธีหลักในการ Cut Loss

วิธีแรกของการ Cut Loss คือการกำหนดราคาต่ำสุดที่คุณยินดีจะขาย และเมื่อราคาวิ่งลงถึงจุดนั้น คำสั่งขายก็จะดำเนินการโดยอัตโนมัติตามราคาที่กำหนด เช่น คุณซื้อหุ้น XYZ ในราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ คุณอาจตั้งคำสั่ง Cut Loss ไว้ที่ 9 ดอลลาร์  ซึ่งจะขายหุ้นที่ราคานี้โดยอัตโนมัติ อย่างน้อยเวลานั้นก็ขาดทุน 1 ดอลลาร์ แล้วเอาเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าแทน เป้าหมายของคำสั่ง Cut Loss คือการจำกัดการขาดทุนจากการลงทุนที่ไม่ดี

วิธีที่ 2 คือการขายเงินลงทุนด้วยตัวคุณเองเมื่อถึงจุดราคาหนึ่งที่คุณกำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น คุณอาจตัดสินใจว่าจะขายหุ้น XYZ หากราคาต่ำกว่า 8 ดอลาาร์ต่อหุ้น สิ่งนี้ช่วยให้คุณควบคุมได้มากขึ้นเมื่อการขายเกิดขึ้น แต่ก็หมายความว่าต้องติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองเพื่อให้ไม่พลาดโอกาสในการขาย

ทั้ง 2 วิธีมีข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับคุณที่จะตัดสินใจว่าวิธีใดเหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนและเป้าหมายมากกว่ากัน แนวทางแรกอาจจะเหมาะกับช่วงเวลาหนึ่ง หุ้นหนี่งก็ได้

เมื่อพูดถึงการ Cut Loss  ไม่มีกฎที่ตายตัวและรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าคุณควร Cut Loss ระหว่าง 2-8% จากราคาต้นทุนเฉลี่ยทั้งหมดในกรณีที่คุณทยอยสะสมหุ้นเข้ามาในราคาที่แตกต่างกัน เช่น หากคุณลงทุน 1,000 ดอลลาร์ และขาดทุน 10% คุณจะสูญเสีย 100 ดอลลาร์ หากหุ้นนั้นเพิ่มขึ้น 20% คุณจะได้กำไร 200 ดอลลาร์มาชดเชยการขาดทุนและบางส่วน อย่างไรก็ตาม หากหุ้นยังคงร่วงต่อเนื่อง โดยขาดทุนถึง 20% คุณจะสูญเสีย 200 ดอลลาร์ ณ จุดนี้ คุณควร Cut Loss และไปหาหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ แทน

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่านี่เป็นแนวทางทั่วไป ไม่ใช่กฎตายตัว นักลงทุนทุกคนควรยอมรับความเสี่ยงของตนเองได้และตัดสินใจด้วยตนเองเมื่อสมควรที่จะ Cut Loss 

Cut Loss กับ Stop Loss เหมือนกันไหม

เมื่อพูดถึงการ Cut Loss ในตลาดหุ้น มี 2 สำนักคิด:  Cut Loss และ Stop Loss ดังนั้นความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 คืออะไร?

Cut Loss คือการที่คุณขายหุ้นทันทีหลังจากที่ราคาตกลงต่ำกว่าราคาที่กำหนด Stop Loss คือการที่คุณกำหนดขีดจำกัดว่าหุ้นจะตกได้ต่ำแค่ไหนก่อนที่คุณจะขายโดยอัตโนมัติ

มีข้อดีและข้อเสียของทั้ง 2 กลยุทธ์ การ Cut Loss สามารถช่วยคุณลดการขาดทุนได้ แต่ก็หมายความว่าคุณอาจพลาดการรีบาวด์หากราคาหุ้นฟื้นตัว การ Cut Loss สามารถช่วยปกป้องผลกำไรได้ แต่ก็หมายความว่าคุณอาจขายเร็วเกินไปและพลาดโอกาสในการทำกำไรเพิ่มเติม

ในที่สุด การตัดสินใจว่าจะใช้กลยุทธ์ใดขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและการยอมรับความเสี่ยง หากคุณไม่ชอบความเสี่ยง การหยุดขาดทุนอาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าสำหรับคุณ หากคุณมีความก้าวร้าวมากขึ้นและเต็มใจที่จะรับความเสี่ยงมากขึ้น การ Cut Loss อาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่า

5 วิธี Cut Loss  หยุดขาดทุนแบบนิ่ม ๆ

เมื่อพูดถึงการ Cut Loss  มีวิธีง่าย ๆ ที่ควรคำนึงถึง ก่อนอื่นอย่าตื่นตระหนก การขายทุกอย่างเมื่อตลาดกำลังดิ่งลงอาจเป็นทั้งการจัดสินใจที่ถูกหรือนำมาซึ่งหายนะก็ได้ แต่บ่อยครั้งนี่เป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณสามารถทำได้

1.อย่าพยายามจับเวลาตลาด

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าเมื่อใดจะถึงจุดต่ำสุด หรือแม้กระทั่งจุดสูงสุด ดังนั้นอย่าพยายามคาดเดา แต่จงเชืื่อและวางใจการคาดการณ์และความพึงพอใจของตัวเองเป็นสำคัญ

2.มีแผนการเทรด

การมีแผนการเทรด หมายถึงการรู้ว่าเป้าหมายการลงทุนส่วนบุคคลคืออะไร รูปแบบของคุณต้องยืดหยุ่น แต่มีหลักคิดที่แน่วแน่ และมีกลยุทธ์ที่คุณจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นได้

แผนการเทรดจะช่วยให้คุณพิจารณาได้อย่างรอบคอบยิ่งขึ้นว่าครซื้อขายเมื่อใด ราคาประมาณไหนจึงจะเรียกว่าพอเหมาะพอดีกับตัวเอง

หากคุณเป็นเทรดเดอร์รายวัน แผนการเทรดและตัวบ่งชี้ที่จะใช้ก็จะไม่เหมือนกันกับกรเทรดที่กรอบเวลาที่ยาวกว่า ในขณะที่หากคุณเป็นเทรดเดอร์แบบสวิง แผนการเทรดอาจรวมถึงตัวบ่งชี้ที่ทำงานได้ดีขึ้นในกรอบเวลาที่ยาวขึ้น เลือกตัวบ่งชี้ที่จะทำงานได้ดีกับวิธีการเทรดเพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากมัน

3.เรียนรู้สัญญาณตลาดด้วยรูปแบบแท่งเทียน

กราฟไม่เคยหลอกคุณ ประวัติราคาจะช่วยให้คุณคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดได้ในอนาคต การเรียนรู้และเลือกรูปแบบแท่งเทียนที่สำคัญ ๆ ที่รับกับสไตล์การเทรดของตัวเรา จะช่วยให้คุณไม่เผลอและไม่ตกใจไปกับตัวเลขแดง ๆ บนกระดานมากนัก

สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกรูปแบบแท่งเทียนและอินดิเคเตอร์คือความยากง่ายในการใช้งานคุณไม่ต้องการอะไรที่ซับซ้อน

4.กระจายการลงทุน

วิธีนี้จะช่วยปกป้องคุณจากการสูญเสียครั้งใหญ่ในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ีสินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดตลอดเวลา และไม่มีใครบอกได้ว่าอีกสิบนาทีข้างหน้า ตลาดจะให้น้ำหนักกับอะไร ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนจะช่วยบรรเทาความสูญเสียได้

5.ติดตามเทรดเดอร์ดี ๆ สักคน

การมีต้นแบบดี ๆ ทางความคิด จะเป็ฯทางลัดให้คุณทำงานอย่างโปรได้ในการเทรด ไม่ว่าจะสินญเสียค้าการเงินใด ๆ การได้เรียนรู้แนวคิดและแผนการของเขา จะช่วยให้คุณมีต้นแบบและไม่ต้องลองผิดลองถูกทั้งหมด

กลยุทธ์การ Cut Loss อย่างนุ่มนวลสามารถช่วยคุณผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในตลาดได้ ทดลองและเลือกใช้รูปแบบที่รับกับสไตล์ของแต่ละคน และแต่ละคนอาจมีความหลากหลาย ระเบียบวินัย และการวางแผนระยะยาว เมื่อปฏิบัติตามกลยุทธ์เหล่านี้ คุณจะสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เป็นไปได้ในขณะที่ลดความเสี่ยงและช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในอนาคต

บทส่งท้าย

การ Cut Loss เป็นหลักการสำคัญในการซื้อขาย ด้วยการ Cut Loss อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์สามารถปกป้องเงินทุนจากความเสียหายเพิ่มเติมที่เกิดจากการเทรดที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เทรดเดอร์ทุกรายจะต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายแต่ละครั้ง และใช้กลยุทธ์การ Cut Loss ที่เข้มงวดซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาเงินทุนของตนไว้ได้ในขณะที่ลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น