เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด หุ้น เทรนด์ Bearish Divergence คืออะไรในกราฟ FOREX

เทรนด์ Bearish Divergence คืออะไรในกราฟ FOREX

ใช้ Bearish Divergence มาช่วยควบคุมอารมณ์ของการเทรดให้อยู่ในะดับที่พอเหมาะ มุ่งทำกำไรจากความเป็นจริงมากกว่าตัวเลขที่มองเห็น ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น MACD มองหาแนวรับแนวต้านที่สำคัญ

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2022-03-24
ไอคอนรูปตา 669

บทนำ

ขณะที่ระดับราคาของ FOEX หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ กำลังปรับเพิ่มขึ้น คุณจำเป็นต้องทราบจุดออกของตัวเอง กลยุทธ์หนึ่งที่นำมาใช้เพื่อให้ตนเองไม่ถือสถานะซื้อจนสายเกินไป และไม่ถูกอารมณ์ครอบงำขณะเทรดเพราะเห็นราคาพุ่งทะยานไปเรื่อย ๆ ทางคุณมืออาชีพหลายคนเลือกจะใช้กลยุทธ์การหา Divergence ซึ่งคือการส่งสัญญาณจากเครื่องมือทางเทคนิคว่าแนวโน้มกำลังจะกลับตัว



ปกติแล้ว Divergence มีทั้งขาลง (Bearish Divergence) และขาขึ้น (Bullish Divergence) ซึ่งการพึ่งพาเครื่องมือในกลุ่ม Oscillator ที่ดูเรื่องการแกว่งและยืนยันแนวโน้มโดยใช้ค่าเฉลี่ยราคาเป็นกลุยทธ์ที่ได้รับความนิยม ซึ่งปกติแล้วในช่วงที่แนวโน้มมีความชัดเจน เครื่องมือจะแสดงผลเพื่อยืนยันแนวโน้มเท่านั้น แต่หากแนวโน้มจะปรับตัว เครื่องมือมักจะให้ผลที่ขัดแย้งกับแนวโน้มที่ดูได้จากกราฟราคาโดยตรง


Bearish Divergence คือ การมองหาสัญญาณว่าเครื่องมือกลุ่ม Oscillator แสดงค่าขัดแย้งออกมา ทั้งที่ราคาปรับสูงขึ้น แต่กราฟในเครื่องมือกลับปรับตัวลดลง ซึ่งความขัดแย้งนี้เบื้องต้นคือสัญญาณให้ปิดสัญญาทำกำไร และหากแนวโน้มปรับเปลี่ยนชัดเจน คุณก็สามารถเปิดสัญญาขาย


ในตลาด FOREX ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนคู่สกุลเงินผันผวน การรู้เท่าทัน Bearish Divergence จะลดความเสี่ยงของการถือสถานะซื้อนานเกินไปจนจากผลกำไรกลายเป็นขาดทุน นอกจากนี้ การฝึกฝนสังเกตหา Bearish Divergence ก็เป็นประโยชน์ในการดูกราฟหุ้นหรือเทรนด์หุ้นเช่นเดียวกัน


ดู MACD ในกราฟหุ้น ในกลุ่ม Oscillator

ในกลุ่มเครื่องมือเทคนิค Oscillator มีเครื่องมือที่เรียกว่า MACD (Moving Average Convergence Divergence) ซึ่งจากชื่อของเครื่องมือ ก็เห็นแล้วว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ตรวจหา Convergence หรือการยืนยันแนวโน้ม ซึ่งภาพการปรับเปลี่ยนของเส้นกราฟในเครื่องมือจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม ขณะที่ Divergence คือการปรับเปลี่ยนของเส้นกราฟเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามซึ่งหลาย ๆ คนล้วนตั้งตารอที่จะตรวจพบสัญญาณ Divergence


ปกติแล้วเครื่องมือในกลุ่ม Oscillator สามารถแบ่งกลุ่มย่อยออกได้เป็น กลุ่มให้ภาพแนวโน้ม กลุ่มแกว่งตัว กลุ่มค่าผันผวน และกลุ่มให้ภาพปริมาณซื้อขาย ซึ่ง MACD จัดอยู่ในกลุ่มให้ภาพแนวโน้ม การใช้ MACD มาระบุหา Bearish Divergence จึงเป็นการใช้เครื่องมืออย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามเครื่องมือชนิดอื่น ๆ ในกลุ่ม Oscillator สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน แต่ควรเป็นไปเพื่อประกอบการดูคู่กับ MACD



องค์ประกอบของเส้น MACD มี 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่คำนวณมาจาก ค่าเฉลี่ยราคาแบบ Exponential Moving Average (EMA) แต่อ้างอิงราคาแท่งเทียนย้อนหลังในระยะเวลาที่แตกต่างกัน


  1. เส้น MACD หรือ Fast Length ค่ามาตรฐานที่ใช้อ้างอิงคือราคา 12 แท่งเทียนก่อนหน้า

  2. กราฟแท่ง Histogram หรือ Slow Length คำนวณมาจาก ค่ามาตรฐานที่ใช้อ้างอิงคือราคา 26 แท่งเทียนก่อนหน้า

  3. เส้น Signal ค่ามาตรฐานที่ใช้อ้างอิงคือราคา 9 แท่งเทียนก่อนหน้า


ปกติการเรียกดูค่า MACD หากทำบน MetaTrader 5 (MT5) จะไม่เห็นเส้น MACD ซึ่งคุณสามารถที่จะดูขอบเงาของกราฟแท่ง Histogram แทนเส้น MACD แต่ในหลาย ๆ ผู้ให้บริการข้อมูลการลงทุนรวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของโบรกเกอร์จะมีให้บริการครบ ซึ่งทำให้การแปลผลเครื่องมือ MACD เป็นไปอย่างมีมิติมากขึ้น


ดังตัวอย่างรูปด้านล่าง เส้น MACD คือเส้นสีน้ำเงิน ซื่งเราสามารถยืนยันแนวโน้มขาขึ้นได้ โดยการดูว่าเส้น MACD อยู่เหนือเส้นสีส้มซึ่งคือเส้น Signal 



คุณสามารถศึกษาเรื่องของ MACD ได้จากบทความนี้


ปกติแล้วในการหา Bearish Divergence เราจะมองหาว่าในขาขึ้นนั้น เส้น MACD ได้ปรับตัวลดลงขณะที่กราฟกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือไม่ โดยถ้าพบแล้ว ให้ดูด้วยว่า กราฟ MACD ตัดเส้น Signal ไปอยู่ข้างใต้ รวมถึงกราฟ Histogram หากลองลากเส้นเพื่อทาบระดับความสูงของกราฟแท่งในด้านราคาขาขึ้น (สีพื้นฐานคือเขียวหรือน้ำเงิน) แล้วพบว่าเส้น Trend ที่ลากลาดลง สวนทางกับแนวโน้มที่ดูด้วยตาเป็นขาขึ้น แสดงว่าตลาดกำลังจะเป็นขาลง 


สามารถดูภาพประกอบการเกิด Bearish Divergence โดยตัดสินจากองค์ประกอบของเครื่องมือ MACD ในรูปด้านล่าง หลังจากเครื่องมือแสดงผลครบตามเงื่อนไขแล้ว มีความน่าจะเป็นสูงมากที่ตลาดจะเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง 


จากภาพ จะเห็นด้วยว่าราคาของคู่สกุลเงิน FOREX ยังมีการปรับตัวสูงขึ้นไปอีกหลังตรวจพบ Bearish Divergence ซึ่งในตอนนี้หากคุณใช้อารมณ์แทนการวางแผนอย่างเป็นระบบ ก็อาจจะพลาดอยากซื้อมากกว่า แต่ลองฉุกใจกับภาพกราฟ Histogram ที่มีความสูงต่ำลงมากในลำดับต่อมา เพราะนั่นคือชี้วัดอย่างอ้อม ๆ ให้เห็นได้ชัดว่าราคากำลังจะปรับตัวลงอย่างแน่นอน และดูจากลักษณะเส้น Trendline ที่นำมาใช้กับ Histogram ที่ลาดลง ก็ให้น้ำหนักมากว่าราคากำลังจะปรับตัวลงในอีกไม่นาน


ราคาในกราฟ FOREX ผันผวนอยู่ตลอด การพึ่งพาเครื่องมืออย่าง MACD ช่วยชี้จังหวะในการปิดสัญญาซื้อไปถือเป็นสัญญาขาย และยังช่วยทำให้ผู้เล่นมีสติไม่หลงไปกับภาพของตลาดขาขึ้นซึ่งกระตุ้นให้เกิดความโลภได้ง่าย ซึ่งเมื่อไรที่การเทรดไม่ได้เป็นระบบ และมีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง คุณต้องเข้าใจว่า การเทรดนั้นจะปรับเปลี่ยนเป็นการพนันแทนที่การลงทุนหรือการเก็งกำไร

MACD คือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการระบุ Divergence

หากศึกษาสูตรที่มาของเครื่องมือแต่ละตัว เครื่องมือในกลุ่ม Oscillator อื่น ๆ เน้นไปทางการดูความรวดเร็วในการปรับตัวของราคา หรืออาจจะดูแค่เรื่องปริมาณซื้อขายว่ามากน้อย สัมพันธ์กับพฤติกรรมของคนว่าเมื่อมีการซื้อมากเกินไปแล้วก็ต้องหาจังหวะขายออกทำกำไร ทำให้สุดท้ายแรงซื้อหมดไป แนวโน้มวกกลับเป็นขาลง หรือเมื่อเข้าสู่ขาลงมากเกินไป ก็ย่อมมีผู้ซื้อเก็งกำไร และสุดท้ายผู้ที่ซื้อไปก็หนดราคาสูงขึ้นเพื่อจะได้ขายทำกำไร หรือมีผู้ขายน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้เสนอราคาสินทรัพย์อ้างอิงสูงขึ้นได้เรื่อย ๆ ส่งผลให้ราคาพลิกกลับตัวเป็นขาขึ้น



แม้เครื่องมืออื่น ๆ จะมีประโยชน์เรื่องส่งสัญญาณว่าราคาปรับตัวสูงหรือต่ำ ปริมาณการซื้อขายปรับตัวมากหรือน้อย แต่ไม่ได้ให้ภาพของราคาเฉลี่ยย้อนหลังที่สะท้อนการซื้อขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เหมือน MACD ซึ่งตัว MACD เองนั้นสามารถเปรียบเทียบอ้างอิงทิศทางการปรับตัวได้ 3 ช่วงเวลาในทีเดียว ตามมาตรฐานการตั้งค่า ก็คือเปรียบเทียบที่ 9, 12, และ 26 แท่งเทียนย้อนหลัง โดยการคำนวณราคาเฉลี่ยย้อนหลังแบบ Exponential ทำให้เห็นถึงการเติบโตหรือหดตัวของราคาเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างจุดเวลา


คุณหลายคนนำเสนอให้ใช้ RSI ในการหา Divergence หรือยืนยัน Convergence แต่ RSI เน้นน้ำหนักที่บอกคะแนนหรือดัชนีระหว่าง 1-100 ว่าราคานั้นปรับเปลี่ยนไปเป็นร้อยละมากน้อยเมื่ออ้างอิงค่าเฉลี่ยราคาจากแท่งเทียนก่อนหน้า เช่นนั้นจึงตีขอบเขตในการวิเคราะห์แคบว่าเฉพาะในจุดหนึ่ง ราคาเกิดดีดตัวขึ้นสูง หรือถดถอยลงต่ำ สื่อถึงพฤติกรรมของคนที่จะปรับเปลี่ยนสลับทิศทางการซื้อขาย แต่ก็ไม่แน่เสมอไป


การใช้ RSI เป็นสัญญาณเข้าซื้อขายควรระวังและใช้ร่วมกับ MACD เพราะ RSI ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย บางครั้งราคาต่ำหรือสูงแบบพุ่งทะยาน ที่ RSI ส่งสัญญาณ ก็อาจสะท้อนการปรับเปลี่ยนเพราะข่าวที่กระทบชั่วคราว หรือแม้แต่ภาวะบางช่วงของตลาด เช่น ตลาดปิดและเปิด ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ให้บริการ FOREX ถึง 24 ชั่วโมงในวันจันทร์ถึงศุกร์ได้ หรือบางโบรกเกอร์เปิดให้เทรดถึงเช้าวันเสาร์ เพราะตลาดของภาคสถาบันการเงินเจ้าของสกุลเงินที่แลกเปลี่ยนกัน สลับเปิดปิดไปมา ช่วงเปิดและปิดของแต่ละตลาด หรือการพักตลาดนี้เอง ก็มีผลสะท้อนออกไปที่ RSI เป็นสัญญาณหลอกได้ ในขณะที่สัญญาณหลอกจะปรากฎน้อยกว่าใน MACD ทำให้การใช้ MACD อุ่นใจได้มากกว่า

Double Divergence

ในการเทรด คุณอาจรู้สึกกังวลที่จะเปลี่ยนข้างในการเก็งกำไร เพราะเกรงว่าจะเจอสัญญาณหลอก บางคนก็อาจใช้ความเชื่อมั่นว่าแนวรับแนวต้านนั้นแข็งแกร่งพอ เพราะอ่านบทวิเคราะห์จากทางโบรกเกอร์หรือผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่าน


บางคน เมื่อพบสัญญาณ Bearish Divergence แล้ว แต่กลับเชื่อว่าราคาจะเด้งกลับขึ้นไปแน่ ๆ ซึ่งหลายครั้งจะปิดสถานะขายช้าเกินไป บางคนนอกจากจะทำกำไรได้น้อยกว่าที่คาด ยังสูญเสียเงินไปมากอีกด้วย เพราะว่าตั้งค่าบังคับปิดสถานะอัตโมนัติเมื่อขาดทุนไว้ลึกเกินไป การจะสร้างความมั่นใจในการเปลี่ยนข้างเก็งกำไรนั้น สามารถเอา MACD เข้ามาช่วย


กลยุทธ์หนึ่งคือ Double Divergence กล่าวคือหลังจากเกิด Divergence ไปแล้วหนึ่งครั้ง หรือคุณสังเกตเห็น Bearish Divergence ควรจะลองดูว่ามีสัญญาณแบบเดียวกันเกิดขึ้นใกล้ ๆ กันหรือไม่ เพราะถ้าเจอแล้วละก็ แสดงว่าการถือสถานะเดิมต่อไปหรือเทรดสวน จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ควร Cut Loss ให้เร็วที่สุดหากเปิดสถานะซื้ออยู่ เพราะแม้ว่าจะมีเงินทุนมากสำหรับรองรับการแกว่งของราคา แต่เมื่อตลาดปรับเปลี่ยนทิศทางไปแล้วอาจจะเป็นสัปดาห์ เดือน หรือปี ที่จะกลับมายังจุดเดิม การยอมตัดขายขาดทุน จะทำให้นำทุนไปเปิดสถานะเพิ่ม สุดท้ายจะนำกำไรมาให้เยอะกว่า

บทส่งท้าย

Bearish Divergence เป็นสัญญาณที่คุณควรมองหาช่วงตลาดยังเป็นขาขึ้นผ่าน MACD เพราะช่วยทำให้รู้ตัวว่าควรจะปิดสถานะซื้อ และไปเปิดสถานะขายแทน ซึ่งปกติแล้ว MACD จะแสดงค่าให้แปลผลเพื่อยืนยันทิศทางของตลาด แต่การเห็นว่า MACD มีรูปร่างผิดเพี้ยนไปในลักษณะตรงกันข้ามกับแนวโน้มราคา นั่นเท่ากับว่าแนวโน้มจะเปลี่ยน ถ้าปิดสัญญาซื้อแล้วไปเปิดสัญญาขาย หรือถ้าไปเปิดสัญญาขายได้เลยเมื่อพบสัญญาณจาก MACD กับรับรู้การยืนยันของตลาดเพราะมีการกลับตัวไปไม่มากก็น้อย ก็จะทำกำไรได้ตามต้องการ


MACD จัดเป็นเครื่องมือทางเทคนิคยอดนิยมจนพลาดไม่ได้ ใช้เครื่องมือนี้เพียงอย่างเดียว มี 3 ค่าชี้วัดสะท้อนผ่านเส้นและกราฟให้ใช้งาน และสามารถนำเส้น Trendline มาตีเข้าไปเพื่อช่วยวิเคราะห์ให้เห็นภาพชัดเจนได้อีกด้วย

  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก

    ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-10-29
  • ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024

    เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-08-07
  • 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023

    เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-01-30
  • รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร

    รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2023-11-15
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย