เราใช้คุกกี้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้เว็บไซต์ของเรา และสิ่งที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น คลิก "ยอมรับ" เพื่อใช้เว็บไซต์ของเราต่อไป รายละเอียด
เจาะลึกตลาด หุ้น รู้หุ้นขาขึ้นจาก Head and Shoulder กลับหัว คู่มือฉบับสมบูรณ์

รู้หุ้นขาขึ้นจาก Head and Shoulder กลับหัว คู่มือฉบับสมบูรณ์

จับสัญญาณหุ้นขาขึ้นด้วย Price Pattern แบบ Head and Shoulder กลับหัว ที่เร่งให้นักเทรดตื่นตัว ไม่ว่าจะสายซิ่ง หรือสายชิว ก็ทำกำไรได้จากรูปแบบ Price Pattern นี้

อวตารผู้เขียน
TOPONE Markets Analyst 2022-01-17
ไอคอนรูปตา 759

กราฟแบบ Head and Shoulder กลับหัวคืออะไร

รูปแบบ Price Patternที่เป็นไปตามชื่อ ลองนึกถึงตัวของเราดู เวลามองจะเห็นศีรษะและจากนั้นไล่ลงไปจะเป็นหัวไหล่ แต่ถ้าเป็นกราฟหุ้นรูปแบบ Head and Shoulder กลับหัว ก็คือตัดเอาร่างกายเฉพาะส่วนหัวไหล่ขึ้นไป แล้วก็กลับหัวดู ดังนั้นนี่เป็นกราฟที่ดูเผิน ๆ แสดงถึงทิศทางขาลงแล้วก็วกขึ้นจากนั้นก็จะเจอเนินเขาหัวทิ่มที่มีก้นลึกไปอีก ส่วนนี้เทียบได้เหมือนกับหัว ก็คือ Head ที่ว่าตามชื่อรูปแบบกราฟ ก่อนจะมีเนินเขาแบบกลับหัวที่ความตื้นใกล้เคียงกับเนินแรก อาจจะลึกกว่าหรือตื้นกว่าก็ได้ 



เหตุผลที่คุณควรรู้จัก รูปแบบ Price Pattern นี้และมองหากราฟรูปแบบ Head and Shoulder เพราะกราฟรูปแบบนี้คือสัญญาณว่าราคากำลังปรับขึ้นเข้าสู่ช่วงราคาใหม่ จะเป็นช่วงที่ทำกำไรได้สูงในช่วงเวลาสั้น ๆ 

จะดูยังไงว่าเป็น Head and Shoulder กลับหัว

ถ้าเราเป็นผู้มอง ส่วนเนินเขาที่มีความตื้นน้อยกว่าส่วนหัวเว้าโค้งเป็นพาราโบลาหงาย ตรงจุดที่ราคาต่ำสุดคือจุดที่ราคาเริ่มมีการปรับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นชัด เราจะเรียกว่าหัวไหล่ หรือ Shoulder มีสองจุด เป็นไหล่ซ้ายและไหล่ขวา ให้ลองสังเกตที่ไหล่ซ้ายให้ดี แนวโน้มขาลงต้องมาก่อนเพื่อนเพื่อสร้างไหล่ซ้ายขึ้นมา 



จากนั้นราคาขยับเด้งขึ้นแต่ก็เด้งไม่ไกลนัก ถึงระดับหนึ่งก็จะหยุด ซึ่งจุดที่หยุดนี้เราสามารถเรียกว่าเป็นต้นคอได้ หรือเพื่อให้เห็นภาพในการอธิบายต่อ เราจะเรียกจุดต้นคอ (Neck Line) นี้ว่าจุด A แล้วจากนั้นก็จะมีแรงขายที่กดให้กราฟราคาลดลงต่ำไปยังจุดต่ำสุดจุดใหม่เพื่อเป็นส่วนหัว 


โดยปกติแล้วช่วงแนวโน้มขาลงก่อนราคาจะถึงจุดที่ระบุให้เป็นหัว หากตรวจสอบดูปริมาณการขายประกอบจะเห็นว่ามีไม่มากนักตลอดแนวโน้มขาลง



หลังจากพ้นจุดต่ำสุดที่เป็นหัว จะมีแรงซื้อหุ้นไล่กลับขึ้นไป จนระดับเทียบเคียงกันหรือใกล้กับจุด A (ซึ่งก็คือจุดที่สูงกว่าหน่อย หรือเท่ากัน หรือต่ำกว่า ก็ได้) แล้วจากนั้นจึงเริ่มมีปริมาณการเสนอขายในตลาดมากขึ้นซึ่งนั่นจะกดราคาให้กลับลงไปอีก แต่คราวนี้แนวโน้มราคาจะไม่ลงไปต่ำจนถึงขนาดเท่าจุดที่ถูกเรียกว่าหัว หรือต่ำกว่าจุดที่เป็นไหล่ซ้ายก่อนหน้า เพราะว่าถึงจุดหนึ่งระดับราคาจะกลับตัวปรับขึ้น เส้นกราฟจะลากขึ้น เท่ากับจุดที่ลงต่ำก่อนกลับตัวนับเป็นไหล่ขวา 


จากไหล่ขวาไปนี้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นไปอีก มีปริมาณการซื้อที่จะส่งระดับราคาซื้อขายสูงขึ้นไป ก่อนจะสลับมีปริมาณการขายที่ทำให้ราคาขยับลง แต่การขยับลงครั้งนี้จะไม่ส่งราคาไปต่ำกว่าจุด A เหมือนกับว่าจุด A เป็นแนวรับ และราคามีแนวโน้มจะทะยานสูงขึ้นต่อไป


การดูกราฟหุ้นแบบนี้ เราต้องดูปริมาณการขายประกอบกัน ในช่วงก่อนจะถึงจุดไหล่ขวา ปริมาณการขายนั้นจะเบาบาง นักลงทุนรายใหญ่ที่รอซื้อหรือหวังทำราคาก็จะไม่ทำการเสนอราคาซื้อแต่จะรับซื้อที่ราคาเสนอขาย แต่การทำเช่นนี้ก็เป็นเหตุให้ราคาขยับขึ้นแรง พอราคาขึ้น แน่นอนว่าจะมีคนต้องการทำกำไรในช่วงนี้ พวกเขาจะขายออกมา ส่งผลให้ราคาถีบตัวขึ้น คนที่ติดดอยมาตอนต้นก็รอจะขาย ช่วงนี้ปริมาณการขายจะค่อนข้างมาก แต่ด้วยความที่ฝั่งซื้อนั้นยังตั้งใจซื้ออย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนปริมาณการขายเบาบางเลย มีอุปสงค์ต่อหุ้นต่อเนื่อง การไล่ซื้อจะทำให้ราคานั้นทะลุกรอบเดิมขึ้นไป ซึ่งการทะลุขึ้นไปนี้เป็นการขึ้นสู่ช่วงระดับราคาใหม่

เรารู้อะไรจากรูปแบบ Price Pattern นี้

Price Pattern นี้ส่งสัญญาว่าราคากำลังเป็นขาขึ้น ตรงกันข้ามกับกราฟรูปแบบ Head and Shoulder ปกติซึ่งจะใช้ในการหาสัญญาณราคาขาลง


แพทเทิร์นนี้จะเทรดอย่างไร

นักลงทุนมักจะเข้าในช่วงที่ราคากำลังเพิ่มระดับขึ้นไปเหนือกว่าจุดต้นคอ  ตรงนั้นเป็นจุดที่สัญญาณชัดเจนว่าราคาเป็นขาขึ้น ปริมาณการขายยืนยันการถีบตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการเทรดที่ทำในช่วงนี้ นักเทรดควรจะต้องมีเป้าหมายที่เหมาะสมเพื่อทำกำไร อาจจะดูความลึกของราคาที่ลงไปจากจุดต้นคอไปยังหัวว่ามีระยะเท่าใด และนำมาปรับใช้ประมาณระยะที่ระดับราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปจาก Breakout ยกตัวอย่างเช่น ถ้าระยะห่างระหว่างหัวและจุดต้นคอคือ 10 จุด กำไรเป้าหมายควรจะเป็นสูงกว่าจุดต้นคอ 10 จุด 


สามารถตั้งค่า Stop Loss เชิงรุกได้ที่จุดราคาเท่ากับจุดต้นคอนั่นเอง เราเรียกราคานั้นว่า Breakout Price หรือว่าถ้าเป็นคนนิยม Stop Loss แบบไม่เน้นเสี่ยงมาก เผื่อ ๆ ใจเข้าผิดจุดก็ให้กำหนดเป็นจุดที่อยู่ต่ำกว่าหัวไหล่ขวาของกราฟ Head and Shoulder กลับหัวไป


จะเร่งทำกำไรตอนนี้อย่างไรดี

นักเทรดเข้าตอนที่ราคาพ้นจุดหัวไหล่ขวา หรือ Breakout ขึ้นไปแล้วตั้งแต่เนิ่น ซึ่งความเสี่ยงของการรีบเช่นนี้อาจจะเป็นการเลือกเข้าซื้อผิดจุด แม้นักเทรดที่มีความชำนาญ บางครั้งก็ดูพลาดไปได้เหมือนกัน แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะว่าสามารถ Stop Loss เอาไว้ที่จุดต้นคอ ซึ่งบางครั้งถึงดูพลาด แต่ราคาที่กำลังทะยานขึ้นก็ไม่ลงมาถึงจุด Stop Loss อยู่ดี และอาจจะกลับตัวพุ่งขึ้นไปต่อ ซึ่งถ้าคุณไม่พลาดจังหวะนี้ กำไรก้อนโตอยู่ในมือคุณ

จะเทรดแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างไรดี

นักเทรดเข้าตอนที่ราคาทะยานปรับไประดับหนึ่ง มั่นใจแล้วแน่ ๆ ว่าราคากำลังปรับสู่ระดับราคาใหม่ ให้มองหาว่า “ราคาปิด” อยู่สูงกว่าราคาจุดหัวไหล่แล้วถึงลุย อย่างไรก็ตาม เวลาที่ตั้ง Stop Loss ด้วยเหตุว่านักเทรดแบบค่อยเป็นค่อยไปมาเข้าซื้อทีหลังกลุ่มที่เร่งทำกำไร พฤติกรรมนักเทรดอื่น ๆ ด้วยกันเองตอนนั้นอาจจะมีบ้างที่ทำให้ราคาผันผวนช่วงสั้น ๆ เพราะกำลังยื้อกันระหว่างแรงซื้อของนักลงทุนที่เชื่อว่าราคาจะขึ้น กับแรงขายของคนที่คิดว่ากำไรเท่านี้พอแล้ว เพราะแบบนั้นถ้าตั้งจุด Stop Loss ให้ไปตั้งต่ำกว่าจุดหัวไหล่ที่ราคา Breakout ออกมาเพราะว่ามีโอกาสเหมือนกันที่ราคาที่ยื้อยุดกันอยู่นี้จะดิ่งลงมาอีกครั้งและมาต่ำกว่าจุดหัวไหล่ แต่อาจจะเกิดแค่พริบตาเดียวก็พุ่งไปยังระดับราคาใหม่ ดังนั้นการไปตั้งจุด Stop Loss ที่จุดหัวไหล่ อาจจะทำให้เสียโอกาสไปตอนที่กราฟกลับตัว ซึ่งบางครั้งก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน 


จะเห็นได้ว่าถ้าจับสัญญาณได้เร็ว การเร่งทำกำไร เข้าเร็ว และออกเมื่อถึงเป้าหมาย จะได้กำไรดังที่คาดไป ส่วนการถือไว้นาน บางคนรอไปจนถึงระดับราคาใหม่ ก็ต้องทำใจไว้ด้วย มีบ้างทีอาจจะไม่เกิดขึ้น จู่ ๆ กราฟอาจจะเปลี่ยนทิศทางและกลับตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่ด้วย Stop Loss ก็จะไม่ขาดทุน หรือขาดทุนเพียงเล็กน้อย ดังนั้นถ้าตั้งใจทำกำไร แนะนำว่ามีเป้าหมายในใจและคว้าเป้าหมายมาไว้ในมือก่อนแทนที่จะถือยาวก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

จุดต่างระหว่างกลับหัวและไม่กลับหัว


ย้ำอีกทีว่าหลักการที่นักเทรดได้อ่านไปทั้งหมดนี้เป็นการสนับสนุนการวิเคราะห์ราคาขาขึ้น แต่กราฟรูปแบบตรงกันข้ามกับ Head and Shoulder กลับหัว ก็คือกราฟ Head and Shoulder ปกติ จะใช้งานในการวิเคราะห์หาขาลง ถ้าใช้ความรู้จากบทความนี้ไปประยุกต์ใช้ ก็สามารถทำกำไรได้เช่นกันกรณีที่สิ่งซึ่งคุณลงทุนไม่ใช่การซื้อขายหุ้นโดยตรง แต่เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสัญญาการซื้อขายส่วนต่างราคา (CFD) สามารถนำไปใช้กับการเปิดสัญญาขายได้


กรณีของ Head and Shoulder แบบปกติ

  1. ราคาพุ่งขึ้นสู่จุดที่สูงสุดและตกลงมา

  2. ราคาขึ้นไปสูงกว่าจุดเดิมแล้วตกลงมาอีกครั้ง

  3. ในที่สุด ราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้งแต่ไม่มากไปกว่าจุดสูงสุดล่าสุด 

  4. การตกลงของราคาต่อมาจะเป็นขาลง และนำไปสู่ระดับราคาใหม่ที่ต่ำลงไปกว่าเดิม


ทบทวนอีกครั้ง ถ้าเป็นกรณีของ Head and Shoulder กลับหัว

  1. หลังจากตลาดขาลงกินระยะเวลามาช่วงหนึ่ง ราคาตกลงและเพิ่มขึ้นไปยังจุดสูงสุดใหม่

  2. ราคาตกลงอีกครั้ง และตกลงไปถึงจุดที่ตำกว่าจุดราคาต่ำสุดหนก่อน แต่ก็กลับตัวขึ้นมา

  3. ราคาตกลงเป็นครั้งที่สาม และดันตัวขึ้นไปเทียบเท่ากับราคาที่ต่ำสุดก่อนหน้า 

  4. ระดับราคาพุ่งทะลุระดับราคาสูงสุดก่อนหน้า ทะยานขึ้นไปยังระดับราคาใหม่ที่สูงกว่าเดิม

ข้อจำกัดของ Head and Shoulder กลับหัว

เหมือนกับรูปแบบกราฟอื่น ๆ การขึ้นและลงของระดับราคาสื่อถึงการยื้อสู้กันไปมาระหว่างตลาดขาขึ้นที่คนไล่ซื้อ กับตลาดขาลงที่คนไล่ขาย


ใน Uptrend ช่วงแรก ราคาจะลดต่ำลงและมาถึงจุดต่ำสุด ทำให้เราเห็นว่าราคาเป็นขาลงในช่วงก่อนจะเป็นหัวไหล่แรก ซึ่งจริง ๆ ปริมาณช่วงขาลงตอนแรกยังไม่มากนัก  และด้วยความที่กลุ่มผู้ซื้อที่เชื่อว่าตลาดจะเป็นขาลงยังส่งแรงขายเข้ามาเรื่อย ๆ เยอะกว่ากลุ่มผู้ซื้อ ก็ทำให้สุดท้ายราคาตกไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเดิม (่ส่วนหัว) ในจุดนี้ เป็นไปได้ที่ตลาดขาลงอาจจะมีปริมาณมากจนผู้ซื้อเป็นคนถอดใจ และทำให้ราคาขยับไปสู่การลงต่อเนื่องแทนที่จะพุ่งขึ้นอย่างที่คาดก็เป็นได้


ในทางกลับกัน เมื่อราคาเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่จะ Breakout ออกไปได้ เห็นได้ชัดว่าอำนาจของผู้ซื้อมีมาก ฝั่งผู้ขายอาจจะส่งแรงขายต่อเนื่องอยู่และมีผลให้ราคาลดลงได้ แต่ว่าไม่เพียงพอ หากเป็นแบบนั้นได้ ในจุดหัวไหล่ทางขวา ก็เป็นจุดที่แรงขายแพ้ให้กับแรงซื้อ ต้องเป็นแบบนั้นเราจึงได้เห็นราคาทะยานขึ้นไปซึ่งเท่ากับว่ารูปแบบกราฟที่เราเห็นสมบูรณ์แล้ว

บทส่งท้าย

กราฟแบบ Head and Shoulder อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพราะตามข้อจำกัดที่อธิบายไป แรงที่ยื้อยุดกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายทำให้กราฟที่วิ่งไปปรับเปลี่ยนรูปแบบ และหลุดจากการเป็น Head and Shoulder ได้ เพราะแบบนั้นจุดที่นักลงทุนสังเกตกันได้บ่อยและเริ่มการซื้อคือเมื่อราคาเริ่มพุ่งขึ้นจนพ้นจุดที่เรียกว่าเป็นต้นคอไป ดังที่ได้เขียนเสนอมา ว่าถ้าจะเร่งเทรดเอากำไรให้เข้าที่ราคา Breakout แต่ถ้ายังไม่แน่ใจก็รอดูสักพัก และค่อยเข้าซื้อ ทั้งนี้ นักเทรดอย่าลืม Stop Loss กันด้วย เพราะถ้าตลาดผกผัน จะได้ไม่ขาดทุน หรือว่ากำไรกันอยู่บ้างถ้าบังเอิญถือหลักทรัพย์หรือสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนราคาต้นคอ


  • ไอคอนแชร์ Facebook
  • ไอคอนแชร์ X
  • ไอคอนแชร์ Instagram

บทความที่กำลังมาแรง

  • 5 เรื่องต้องรู้ หุ้นเทค AI มูฟไปกับเทรนด์โลก

    ลงทุนต้องตามเทรนด์ หุ้น AI ทํางานหนักให้กับหลากอุตสาหกรรมรอบโลก มาเรียนรู้ 5 บทบาทของ AI ในธุรกิจต่าง ๆ และคว้าโอกาสของการเติบโตตามเทรนด์โลกไปกับหุ้น AI ต่างประเทศ

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-10-29
  • ส่อง 5 หุ้นดังสปอนเซอร์โอลิมปิก ปารีส 2024

    เกาะกระแสปารีสโอลิมปิก 2024 เฟ้นหาหุ้นน่าลงทุนระยะสั้นจากสปอนเซอร์หลักโอลิมปิกที่น่าจับตา สร้างพอร์ตการเล่นหุ้นระยะสั้นด้วยการเทรด CFD

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-08-07
  • 25 คนที่รวยที่สุดในโลกในปี 2023

    เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนที่รวยที่สุด 25 คนนี้ยากจนกว่าปีที่แล้วถึง 200 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2024-01-30
  • รู้เวลาเปิด - ปิดตลาดหุ้นไทย วางแผนการเทรดอย่างโปร

    รอบรู้เวลาเปิดและปิดทำการของตลาดหุ้นไทย เพื่อให้วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเหนือชั้นกว่ากับการเทรด CFD ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขึ้นกับเวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้น

    อวตารผู้เขียน TOPONE Markets Analyst
    2023-11-15
รูปโปรโมชันในบทความ
โอกาสทองรออยู่! กระโจนเข้ามา!พร้อมรับโบนัส $100 ฟรี!
ทองคำ ทองคำ

โบนัสเงินคืนเพื่อช่วยให้นักลงทุนเติบโตในโลกของการเทรด!

ต้นทุนและค่าธรรมเนียมการเทรดเดโม

คุณต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?

7×24 H

ดาวน์โหลดแอป
ไอคอนการให้คะแนน

ดาวน์โหลดแอป ฟรีเลย