รอบรู้หุ้น IPO ซื้ออย่างไรให้คุ้มค่า คุ้มทุน

บทนำ

การออมในปัจจุบันมักให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าของเงินในความครอบครองลดต่ำลง แม้เงินไม่ได้ลดลงในจำนวนตัวเลขที่ครอบครอง แต่ผู้ออมไม่สามารถรักษาระดับความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยได้เช่นเดิม และยากจะมั่งคั่งขึ้นด้วยการออมเพียงอย่างเดียว

ดังนั้นผู้ที่มีเงินทุนพอสมควร จึงมองหาการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการออมในพันธบัตรรัฐบาลหรือเอกชน การลงทุนในกองทุนรวม กองทุนหุ้น หรือกองทุนดัชนี และอีกหนึ่งช่องทางที่น่าลงทุนคือการลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยการเข้าซื้อครอบครองหุ้นบริษัทมหาชน ซึ่งในครั้งแรกที่บริษัทเหล่านั้นเปิดขายหุ้น จะเรียกว่า “หุ้น IPO” 

ในบทความนี้ เรามาดูกันว่า แล้วนักลงทุนรายย่อยจะสามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้อย่างไรบ้าง แล้วมีเรื่องอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้างในการซื้อหุ้น IPO

หุ้น IPO คืออะไร น่าสนใจอย่างไร

หุ้น IPO คือหุ้นของกิจการที่จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนและต้องการระดมทุนสำหรับดำเนินงานและขยายกิจการต่อไป โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นเป็นครั้งแรกก่อนจะเปิดตัวในตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการและแปลงสภาพเป็นกิจการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Company) อย่างสมบูรณ์ ชื่อเต็ม ๆ ของหุ้น IPO คือ Initial Public Offering

หลังบริษัทชำระทุนจากการออกขายหุ้น IPO หุ้น IPO จะเข้าสู่กระดานซื้อขายแลกเปลี่ยน SET กรณีที่ทุนชำระของบริษัทตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป และเข้าสู่กระดานซื้อขาย MAI หากทุนชำระของบริษัทแตะ 50 ล้านบาท

ก่อนซื้อหุ้น IPO โดยปกติแล้วบริษัทจะต้องประสานงานกับผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) เกี่ยวกับจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้นักลงทุน โดยกำหนดราคาต่อหุ้นจากการกำหนดเอง หรือให้นักลงทุนที่เกี่ยวข้องเสนอราคามาให้ ก่อนจะประกาศให้มีการจองได้ผ่านการประชาสัมพันธ์โฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยคนจองได้จะเป็นประชาชนทั่วไป ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการ และผู้บริหารจะมีข้อจำกัดไม่สามารถจองซื้อหุ้นบริษัทที่ออก IPO ได้

ความน่าสนใจของหุ้น IPO เกิดจากปริมาณหุ้นที่มีอยู่อย่างจำกัดให้จองได้ และการประเมินมูลค่าราคาของหุ้นซึ่งมีพื้นฐานจากทัศนคติการบริหารงานของบริษัทในอดีต มีบางครั้งเมื่อราคาสำหรับเปิดให้จอง IPO ต่ำกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดมอง ผู้คนจะแห่กันจองค่อนข้างมาก และเมื่อหุ้น IPO กลายเป็นหุ้นจดทะเบียนซื้อขายปกติได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ ผู้ที่ครอบครองหุ้น IPO จะพบกับเหตุการณ์ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปอีก อาจเป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัว ทำให้สามารถขายทำกำไรได้มาก

นอกจากนี้ นักลงทุนที่เชื่อมั่นในการประกอบการของบริษัท และมองทิศทางความต้องการสินค้าหรือบริการของบริษัทในอนาคตว่าจะเข้มข้นขึ้น มักจะถือหุ้นต่อไปเป็นระยะเวลานาน หุ้น IPO ของบริษัทหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ในสถานะหุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นอาจได้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลที่สม่ำเสมอหรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเห็นราคาที่พุ่งขึ้นหลายเท่าในภายหลัง ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากกว่าการลงทุนทางอื่น 

ในต่างประเทศ หุ้นแอปเปิ้ล เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2523 ที่ระดับราคา $22 แต่ปัจจุบัน พ.ศ. 2565 ราคาอยู่ที่ประมาณ $135 หรือกว่า 6 เท่าของมูลค่าแรกในตลาด หรือในประเทศไทย หุ้นที่ซื้อขายล่าสุดอย่าง บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (สัญลักษณ์: PACO) ราคา IPO 1.40 บาท ในวันแรกราคาเปิดอยู่ที่ 3.50 บาท หรือประมาณ 2.5 เท่า จะเห็นได้ว่าทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีโอกาสทำกำไรในหุ้น IPO 

ติดตามหลักทรัพย์เข้าใหม่จากไหน

นักลงทุนหลายท่านที่เฝ้าคอยการ IPO ของหุ้นตัวต่าง ๆ อาจอยากจะทราบความเคลื่อนไหวว่ามีหุ้นใดบ้างที่จะ IPO วันนี้ หรือหุ้นใดใดอยู่ระหว่างเตรียมการ IPO บ้าง เพื่อที่ตนเองจะได้ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ทำการวิเคราะห์และประเมินสมรรถภาพในการทำกำไรของบริาัทก่อนตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น IPO ทันทีเมื่อประกาศอย่างเป้นทางการ ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เสมอ ๆ ที่เว็บไซต์ Settrade ตามลิงก์นี้

ราคา IPO ถูกกำหนดอย่างไร

ราคา IPO ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปในการซื้อครั้งแรก หากไม่ได้กำหนดมาจากบริษัทเอง ตามขั้นตอนโดยละเอียดแล้ว ทางบริษัทจะมีที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งสามารถประมาณการเป็นช่วงราคามาก่อน จากนั้นจะให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินราคา และเข้าพบผู้บริหารบริษัทเพื่อออกบทวิเคราะห์และประมาณช่วงราคา IPO ออกมา จากนั้นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) จะทำการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุน และสรุปออกมาหาราคาที่ดีที่สุดในการขาย

อย่างไรก็ตาม การสำรวจความเห็นเพื่อตัดสินราคาอยู่บนพื้นฐานการสุ่มตัวผู้ประเมินมา ดังนั้นราคา IPO จึงปรากฏเป็นทั้งลักษณะตำกว่ามูลค่าที่แท้จริงได้ ซึ่งแปลว่าถ้านักลงทุนเข้าซื้อหุ้น IPO ดังกล่าวจะมีโอกาสซื้อได้ในราคาถูก และขายได้ราคาแพงในระยะเวลาอันสั้น บางครั้งเพียงแค่ข้ามคืน เมื่อหุ้นเริ่มให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในตลาดหลักทรัพย์

แต่มีโอกาสอีกเช่นกันที่ราคา IPO จะสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งทำให้หุ้น IPO ที่ออกขาย ท้ายที่สุดแล้วราคากลับตกลงไป ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงในการลงทุน

อย่างไรก็ตาม ถ้าราคา IPO ที่เข้าซื้อบังเอิญสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง นักลงทุนควรพิจารณาถึงแนวโน้มความต้องการสินค้าและบริการของบริษัททั้งในระยะสั้นหรือระยะยาว หรือคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานคือคุณภาพการบริหารและดำเนินการ หากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทดี ในระยะยาวราคาควรจะขยับขึ้นไปได้ เพียงแต่ใช้เวลาอยู่บ้าง มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ซึ่งอาจจะเพิ่มค่าเสียโอกาสของนักลงทุนในการจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินรวมถึงหุ้นอย่างอื่นแทนเพื่อจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเร็วกว่าหรือมากกว่าการถือหุ้น IPO ตัวหนึ่ง ๆ แล้วรอให้ถึงระดับราคาที่คาดหวัง 

เคล็ดลับมือใหม่ ลงทุนหุ้น IPO อย่างไรดี

หุ้น IPO จะต้องได้รับการประชาสัมพันธ์เพื่อจองก่อน เนื่องจากมีจำนวนจำกัด ทันทีที่ได้รับข่าวสารว่าหุ้นตัวหนึ่ง ๆ กำลังจะเปิดให้จอง นักลงทุนควรจะเริ่มตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อ ถึงปัจจัยส่งผลต่อพื้นฐานของบริษัท ในเบื้องต้นประกอบด้วย 2 ด้านหลักที่ต้องพิจารณา คือ

ความต้องการตลาดต่อสินค้าและบริการ

ควรเข้าใจสินค้าและบริการของบริษัท และคิดถึงความต้องการบริโภคหรือใช้บริการว่ามีความต้องการสูงหรือกำลังขาดแคลนในตลาด อาจพิจารณาถึงคู่แข่งที่มีอยู่แล้วและแผนเพื่อผลักดันยอดขายหรือเพิ่มระดับการบริการ บริษัทที่มีสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด มักถูกมองว่าจะมีผลกำไรอย่างต่อเนื่องในระยะยาว กำไรสุทธิต่อปีจะถูกนำไปจ่ายเงินปันผลทุกปีให้กับผู้ถือหุ้น คนที่นิยมออมในหุ้นจะอยากได้หุ้นของบริษัทประเภทนี้ไปถือยาว ขณะที่คนซึ่งได้หุ้นไปในช่วง IPO อาจเข้าข่ายกลุ่มนี้และถือยาว ทำให้หุ้นที่ถูกขายในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้มีปริมาณที่สูงมาก ราคาจึงมีโอกาสเพิ่มขึ้นหลายเท่าหลังจากเปิดขาย IPO

ต้นทุนค่าใช้จายในอุตสาหกรรม

ต้นทุนคือเหตุผลหนึ่งที่บริษัทหนึ่ง ๆ ตัดสินใจเสนอหุ้น IPO เพราะการจะขยายกิจการทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้บริษัทเติบโตมีผลกำไรมากขึ้นและมั่นคง ต้องพึ่งพาต้นทุนจำนวนสูงตามไปด้วย ซึ่งเพียงแหล่งทุนภายในจากผู้ถือหุ้นเดิม หรือรอการสะสมทุนจากกำไรแต่ละปี อาจจะช้าเกินไปในการดำเนินการ และส่งผลถึงความสามารถในการแข่งขันกับกิจการอื่น ดังนั้นนักลงทุนควรพิจารณาด้วยว่าบริษัทที่พิจารณาจะซื้อหุ้น IPO อยู่ในอุตสาหกรรมที่ต้นทุนมีความผันผวน หรือต้นทุนสูงหรือไม่ เพราะนั่นทำให้มองเห็นว่าบริษัทอาจไม่สามารถแข่งขันได้ดีในระยะยาว หรือมีกำไรแต่ละปีที่น้อย และมีเงินปันผลที่น้อย ซึ่งถ้าไม่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่โดดเด่นจนฝากความหวังไว้ได้ ปกติแล้ว ราคาแลกเปลี่ยนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในภายหลัง อาจจะลดลงต่ำกว่าราคา IPO

นอกเหนือจากการทำความเข้าใจปัจจัยพื้นฐานอย่างง่าย การอ่านหนังสือชี้ชวนซื้อหุ้น IPO อย่างละเอียดเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพื่อให้มั่นใจถึงทิศทางการเติบโตของบริษัทที่จะเสริมสร้างราคาให้ปรับขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รายละเอียดที่จะพบได้ในการอ่านหนังสือชี้ชวน ประกอบด้วย

• ลักษณะการประกอบธุรกิจ ทำให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้ดีขึ้น โดยทั่วไปชื่อเสียงของบริษัทตามสื่ออาจจะพูดถึงเพียงสินค้าหรือบริการเด่น ๆ แต่แผนธุรกิจของบริษัทอาจมีรายละเอียดซึ่งทำให้เห็นแหล่งที่มาของรายได้และวิธีการควบคุมบริหารค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน

• ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ทำให้เห็นรูปแบบการจัดการความเสี่ยงแบบเป็นรูปธรรม กลยุทธ์การรับมือต่อตลาดและความไม่แน่นอน เพื่อให้มั่นใจการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นว่าจะเป็นไปในทิศทางบวก และมีความยั่งยืนในระยะยาว 

• โครงการในอนาคตและวัตถุประสงค์การใช้เงิน ทำให้ตระหนักถึงความเสี่ยงของผู้ลงทุนเอง โดยส่วนมากแล้ว วัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการขยายโรงงาน หรือการเพิ่มปริมาณการผลิตทั้งภายในและภายนอกประเทศมักจะสะท้อนว่าบริษัทต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และสินค้ามีแผนรับรองในการขายและสนับสนุนการขาย แต่หากการระดมทุนเป็นไปเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ยังไม่มีตัวตน หรือยังไม่เป็นเหตุให้เกิดกำไรแก่บริษัท ความเสี่ยงของนักลงทุนจะเพิ่มขึ้น

• โครงสร้างผู้ถือหุ้น ทำให้สามารถวิเคราะห์ความเป็นมาของบริษัท และรูปแบบการบริหารได้ อาจจะพบว่าบริษัทมีหุ้นส่วนใหญ่เป็นบริษัทใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาก่อนแล้ว หรือผู้บริหารบางคนเป็นผู้บริหารในบริษัทอื่นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการบริหาร หรือเพิ่มความเชื่อมั่นในความสำเร็จของธุรกิจในด้านการวิจัยและพัฒนาแก่นักลงทุน

• ฐานะการเงินและผลการดำเนินการ ในหนังสือชี้ชวนอาจจะไม่มีรายละเอียดมากเท่ากับบริษัทที่มีหุ้นจดทะเบียนในบริษัทหลักทรัพย์อยู่แล้ว แต่ก็มีความละเอียดเพียงพอที่จะช่วยยืนยันถึงยอดขายที่สะท้อนความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และการจัดการต้นทุนและสภาพคล่องของบริษัทแต่เดิม ทำให้การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานเป็นไปอย่างละเอียดขึ้น 

• เงื่อนไขการจอง การจำหน่าย และการจัดสรร โดยเนื้อหาสำคัญที่นักลงทุนควรใส่ใจในส่วนนี้ คือรายชื่อโบรกเกอร์ที่เป็นผู้จำหน่ายหลักทรัพย์ เพื่อทางนักลงทุนจะได้ไปเปิดบัญชีสำหรับซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ก่อนกำหนดการจองหุ้น IPO ซึ่งหากมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อยู่แล้ว สามารถจองหุ้น IPO ออนไลน์กับทางโบรกเกอร์ หรือหากผู้จำหน่ายหลักทรัพย์กำหนดให้จองผ่านธนาคารใด ๆ ได้ ก็สามารถติดต่อที่เคาเตอร์ธนาคารเพื่อจองหุ้น IPO ผ่านธนาคาร หรือจองผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคาร

IPO กับ PO แตกต่างกันหรือเปล่า

ในเบื้องต้น นักลงทุนคงเห็นแล้วว่า IPO เหมือนกับ “สินค้ามือหนึ่ง” สำหรับผู้จองและได้รับจัดสรรเป็นเจ้าของคนแรก การขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์เป็นลำดับถัดไปนั้น คือการเปลี่ยนมือเจ้าของหุ้นที่ได้รับสิทธิในส่่วนของการรับเงินปันผล และกรรมสิทธิ์เหนือหุ้นเพื่อขายทำกำไรจากส่วนต่างราคา ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เป็นตลาดรอง เงินสดจะไม่ถ่ายโอนไปยังบริษัทอีกแต่อย่างใด ตลาดทรัพย์เป็นเพียงสถานที่ซึ่งสร้างแรงจูงใจให้คนต้องการหุ้น เพราะสามารถหาประโยชน์จากการมีหุ้นไว้ในครอบครองได้ 

หากบริษัทต้องการระดมทุนเพิ่มในอนาคต จะเรียกหุ้นที่ออกมาใหม่เพื่อระดมทุนว่าหุ้น PO ย่อมาจาก Public Offering (หรือต่างประเทศอาจเรียกว่าเป็น FPO ย่อมาจาก Follow-On Public Offer) เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนเพื่อระดมทุนให้กับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว ด้วยกระบวนการเดียวกับหุ้น IPO ซึ่งการออกหุ้น PO ใช้เรียกการระดมทุนตั้งแต่ครั้งที่สองเป็นต้นไปของบริษัทมหาชนผ่านตลาดหลักทรัพย์

การลงทุนในหุ้น PO มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น IPO เพราะนักลงทุนสามารถรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทที่สัมพันธ์กับผลตอบแทนของตนได้ดีกว่า ทั้งนี้ราคาของหุ้น PO จะเป็นราคาเฉลี่ยในช่วงหนึ่งของราคาหุ้นนั้น ๆ ในตลาด หรือราคาของหุ้น PO มีแนวโน้มจะต่ำกว่าราคาตลาดทั้งตอนออกหุ้น PO มาให้เข้าจอง และหลังหุ้น PO ได้ถูกขายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อเปลี่ยนมือ เพราะการออกหุ้น PO จะไปเพิ่มปริมาณหุ้นของบริษัทหนึ่ง ๆ หรืออุปทานของหุ้นโดยรวมในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการหุ้นที่ราคาแพงในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ อาจพบว่าการออกหุ้น PO สามารถสร้างโอกาสที่จะลดต้นทุนการเข้าซื้อหุ้นของบริษัทใหญ่ ๆ ในหมู่นักลงทุนลง 

อย่างไรก็ตาม ด้วยหุ้น IPO ไม่ได้ถูกกำหนดราคาจากตลาด แต่กำหนดจากการสุ่มสำรวจความเหมาะสมของราคาจากความเห็นของนักลงทุน มีความเสี่ยงที่ราคาขายจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าระดับดุลยภาพในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายจริงหลังหุ้น IPO ถูกจัดสรรให้ผู้จองซื้อ ซึ่งหากเลือกได้ดี สะท้อนความเข้าใจทิศทางตลาด นักลงทุนอาจได้ผลตอบแทนสูงในระยะสั้น 

โดยหุ้น IPO มักมีราคาที่นักลงทุนรู้สึกว่าไม่สูงไปด้วย เป็นการลงทุนที่รู้สึกว่าลงเงินน้อยกว่าลงทุนในหุ้น PO อยู่แน่ ๆ เพราะหุ้น PO มักจะเป็นการออกหุ้นเพิ่มทุนมาจากบริษัทใหญ่ที่หุ้นมีราคาดั้งเดิมค่อนข้างสูงอยู่ไม่น้อยดังที่กล่าวไปแล้ว ดังนั้น หลายครั้งราคาของหุ้น PO ทำให้ราคาต่อหุ้นหนึ่ง ๆ ต่ำลงในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนรายย่อยรู้สึกว่าหุ้นที่ซื้อได้นั้นเป็นหุ้นที่ถูกจริง ๆ 

จองหุ้น IPO ด้วยเงินเท่าไร ได้หุ้นทันทีไหม

จองหุ้น IPO ยังไง โดยปกติแล้ว จะมีการกำหนดจำนวนจองซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 หุ้น และถ้าต้องการซื้อเพิ่มมากกว่านี้ จะต้องระบุเพิ่มจำนวนทีละ 100 เช่น จาก 1,000 หุ้น เป็น 1,100 หุ้น หรือ 1,200 หุ้น เพิ่มไปเช่นนี้ตามลำดับ ส่วนการชำระค่าจอง สมมติว่าหุ้นละ 30 บาท จอง 1,000 หุ้น ต้องชำระค่าจองทั้งหมด 30,000 บาท 

อย่างไรก็ตาม ในการเสนอหุ้น IPO ให้จอง หากเจอราคา IPO แบบเป็นช่วง อย่างกรณีของบริษัทเงินติดล้อที่ออกหุ้น IPO ตอนปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 ที่ราคา 34.00-36.50 บาท นักลงทุนต้องชำระค่าจองที่ราคาสูงสุดก่อน ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนราคาเสนอขายเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ราคาของหุ้น IPO ลดลง นักลงทุนจะได้รับเงินที่ชำระไว้เกินกลับคืน

หุ้น IPO อาจจะมีผู้จองอย่างหนาแน่น บางครั้งจึงมีการจัดสรรโดยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นการสุ่ม ซึ่งลำดับการจองก่อนหลังจะไม่มีผลต่อการจัดสรร และอาจมีการกำหนดจำนวนหุ้นสูงสุดที่นักลงทุนแต่ละคนจะได้รับ ซึ่งเป็นผลให้ผู้จองหุ้นบางท่านไม่ได้รับหุ้น IPO หรือไม่ได้รับตามจำนวนที่หวังไว้ ซึ่งทางนักลงทุนจะได้รับเงินที่ชำระไว้คืนกรณีไม่ได้รับการจัดสรรหุ้น

หากการจองสำเร็จและได้รับการจัดสรรหุ้นแล้ว นักลงทุนจะได้รับใบหุ้นเป็นกระดาษ หรือได้รับหุ้นเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ 1 วันก่อนกำหนดออกซื้อขายสำหรับบุคคลทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์ โดยปกติแล้วทางผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จะแจ้งช่องทางตรวจสอบการรับหุ้นให้แก่ลูกค้าไว้ด้วย เมื่อการจองหุ้นสำเร็จ

บทส่งท้าย

การลงทุนในหุ้น เป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้น ดังนั้นก่อนการตัดสินใจ นักลงทุนควรมั่นใจว่าสามารถรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าวได้ การซื้อหุ้น IPO อาจเป็นโอกาสในการทำกำไรระยะสั้น แต่อาจจะพลิกผันไม่สามารถได้กำไรในระยะสั้นได้ เพราะแบบนั้น เพื่อหวังผลลัพธ์ที่ดี ในการซื้อหุ้น IPO ควรดำเนินการเมื่อนักลงทุนมีความมั่นใจในความสามารถในการทำกำไรของบริษัท เพราะถือว่ามีเหตุผลที่ดีในการหวังผลตอบแทนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว